เขตพื้นที่การศึกษา
เขตพื้นที่การศึกษา (Educational Service Area) เป็นระบบการจัดแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาการปกครองที่จัดแบ่งโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อจัดระบบและกระจายอำนาจการจัดการศึกษาในประเทศไทยให้ครอบคลุมมากขึ้น[1] เดิมมีสำนักงานประจำแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ใช้ชื่อว่า "สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ..." (สพท.) และต่อมาได้มีการแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา[2] โดยจัดแบ่งเขตพื้นที่การศึกษา ดังนี้[3]
ศึกษาธิการเขต (พ.ศ. 2516–2520) และเขตการศึกษา (พ.ศ. 2520–2546)
รัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็นเขต พ.ศ. 2516 ในรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อแบ่งเขตพื้นที่ในการบริหารการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็น 12 เขต[4] เรียกว่า "ศึกษาธิการเขต" ตั้งแต่เขต 1 ถึงเขต 12 ในอีกสี่ปีถัดมา รัฐบาลของธานินทร์ กรัยวิเชียรได้แยกกรุงเทพมหานครออกจากศึกษาธิการเขต 1 เนื่องจากมีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก และเปลี่ยนชื่อเรียกจาก "ศึกษาธิการเขต" เป็น "เขตการศึกษา"[5] ทำให้มีเขตการศึกษาเพิ่มเป็น 13 เขต โดยแต่ละเขตมีพื้นที่บริหารราชการดังนี้ (ชื่อจังหวัดที่แสดงเป็นตัวเอนหมายถึงจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นภายหลังจากพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้)
- เขตการศึกษากรุงเทพมหานคร – กรุงเทพมหานคร
- เขตการศึกษา 1 – จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร
- เขตการศึกษา 2 – จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสตูล
- เขตการศึกษา 3 – จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
- เขตการศึกษา 4 – จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดระนอง
- เขตการศึกษา 5 – จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสุพรรณบุรี
- เขตการศึกษา 6 – จังหวัดชัยนาท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดอุทัยธานี
- เขตการศึกษา 7 – จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์
- เขตการศึกษา 8 – จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน
- เขตการศึกษา 9 – จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเลย จังหวัดสกลนคร จังหวัดหนองคาย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี
- เขตการศึกษา 10 – จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดนครพนม จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี
- เขตการศึกษา 11 – จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดสุรินทร์
- เขตการศึกษา 12 – จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดสระแก้ว
หลังจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2546–ปัจจุบัน)
ในรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร ได้มีการปรับปรุงรูปแบบการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อลดความซ้ำซ้อน โดยออกพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ซึ่งเนื้อหาส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อรับผิดชอบอำนาจหน้าที่เดิมของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กรมสามัญศึกษา กรมวิชาการ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และสำนักงานศึกษาธิการอำเภอ[6] และกระทรวงศึกษาธิการได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวออกประกาศแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาจำนวน 175 เขต[7] และมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) บริหารงานในแต่ละเขต ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการอีก 2 ฉบับกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติมใน 10 จังหวัด จังหวัดละ 1 เขตได้แก่นราธิวาส ปัตตานี ยะลา[8] กาญจนบุรี เชียงใหม่ ปราจีนบุรี พัทลุง เลย มหาสารคาม และอุทัยธานี[9] จำนวนเขตพื้นที่การศึกษาจึงเพิ่มขึ้นเป็น 185 เขต
ต่อมาใน พ.ศ. 2553 รัฐบาลของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้แก้ไขพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวโดยให้แยกการบริหารงานสถานศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาออกจากกัน[10] กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ยุบรวมเขตพื้นที่การศึกษาของกรุงเทพมหานครทั้ง 3 เขตรวมกันเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร[11] และจัดตั้งเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขึ้น 42 เขต[12] โดยแยกโรงเรียนที่สอนเฉพาะระดับมัธยมศึกษาไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ส่วนโรงเรียนอื่นที่เหลือให้สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา การบริหารสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาเปลี่ยนแปลงอีกครั้งใน พ.ศ. 2564 ในสมัยที่ณัฏฐพล ทีปสุวรรณดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเพิ่มจำนวนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจากเดิม 42 เขตเป็น 62 เขต[13]
การเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาในกรุงเทพมหานคร
ท้องที่บริหารการศึกษาในกรุงเทพมหานครตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 แบ่งออกเป็น 3 เขต โดยเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 ครอบคลุมเขต 17 เขตในฝั่งพระนครได้แก่คลองเตย ดินแดง ดุสิต บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางรัก ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พญาไท พระโขนง พระนคร ยานนาวา ราชเทวี วัฒนา สัมพันธวงศ์ และสาทร เขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 ครอบคลุมอีก 18 เขตที่เหลือในฝั่งพระนคร ในขณะที่ 15 เขตในฝั่งธนบุรีอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 3[7] อย่างไรก็ตาม หลังจากแก้ไขพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวใน พ.ศ. 2553 เขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานครทั้ง 3 เขตถูกยุบรวมกันเป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพมหานคร มีอำนาจครอบคลุมทั้ง 50 เขต[11] ในขณะที่โรงเรียนมัธยมศึกษาในกรุงเทพมหานครถูกโอนไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) โดยพื้นที่กรุงเทพมหานครถูกแบ่งออกเป็น 2 เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ได้แก่ สพม.1 และ สพม.2 พื้นที่ของ สพม.1 ประกอบด้วยเขตทุกเขตในฝั่งธนบุรีรวมกับอีก 8 เขตในฝั่งพระนครได้แก่ดุสิต บางซื่อ ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พญาไท พระนคร ราชเทวี และสัมพันธวงศ์ ส่วนอีก 27 เขตในฝั่งพระนครอยู่ในพื้นที่ของ สพม.2[12] ก่อนที่ใน พ.ศ. 2564 เมื่อมีการจัดแบ่งเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาใหม่จาก 42 เป็น 62 เขต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานครทั้งสองแห่งได้ใช้ชื่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2[13]
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการมีผลบังคับใช้ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
|
การเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดหนองคายและจังหวัดบึงกาฬ
จังหวัดบึงกาฬจัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2554 แยกตัวออกจากจังหวัดหนองคาย ซึ่งก่อนที่จะมีการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬนั้น จังหวัดหนองคายมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 3 แห่ง ได้แก่ สพป.หนองคาย เขต 1 สพป.หนองคาย เขต 2 และ สพป.หนองคาย เขต 3 ซึ่งพื้นที่จังหวัดบึงกาฬที่จัดตั้งขึ้นใหม่นั้นครอบคลุมพื้นที่ 6 อำเภอของ สพป.หนองคาย เขต 3 เดิมและอีก 2 อำเภอในพื้นที่ของ สพป.หนองคาย เขต 2 ได้แก่อำเภอโซ่พิสัยและอำเภอปากคาด หลังจากจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬแล้ว กระทรวงศึกษาธิการจึงมีประกาศให้ทุกอำเภอในจังหวัดบึงกาฬอยู่ในพื้นที่ของ สพป.บึงกาฬ ยกเลิก สพป.หนองคาย เขต 3 และให้ สพป.หนองคาย เขต 2 มีพื้นที่ครอบคลุมสามอำเภอเดิมที่เหลือได้แก่อำเภอโพนพิสัย อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอรัตนวาปี[14] ส่วนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานั้น ให้ สพม.21 ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดหนองคายเดิมมีอำนาจครอบคลุมจังหวัดบึงกาฬด้วย[15] จนกระทั่ง พ.ศ. 2564 เมื่อกระทรวงศึกษาธิการออกประกาศแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาใหม่ พื้นที่ สพม.21 เดิมได้แยกออกเป็นสองเขตพื้นที่ตามเขตจังหวัด ได้แก่ สพม.หนองคายและ สพม.บึงกาฬ[13]
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดหนองคายและจังหวัดบึงกาฬ ก่อนและหลังตั้งจังหวัดบึงกาฬ | ||||
---|---|---|---|---|
|
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
อำเภอที่เป็นที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจะแสดงด้วยตัวหนา ในขณะที่จังหวัดที่มีเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขตเดียวครอบคลุมทั้งจังหวัด ได้แก่จังหวัดกระบี่ ชัยนาท ตราด นครนายก บึงกาฬ พังงา ภูเก็ต มุกดาหาร ยโสธร ระนอง สตูล สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี อ่างทอง และอำนาจเจริญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจะตั้งอยู่ในอำเภอเมืองของจังหวัดนั้น ๆ ส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานครตั้งอยู่ที่เขตราชเทวี
ภาคเหนือ
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคเหนือ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ภาคตะวันตก
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวันตก | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
|
|
ภาคตะวันออก
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวันออก | ||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ภาคกลาง
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคกลาง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ภาคใต้
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคใต้ | ||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
|
|
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 โดยในระยะแรกมีจำนวน 42 เขต[12] ต่อมาได้มีการปรับปรุงโดยเพิ่มจำนวนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจาก 42 เป็น 62 เขต[13]
42 เขต (พ.ศ. 2553–2564)
หมายเลขเขตในส่วนนี้ถือตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553[12] โดยจังหวัดที่เป็นที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ครอบคลุมมากกว่า 1 จังหวัด และเขตที่เป็นที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 และ 2 จะแสดงเป็นตัวหนา
- สพม.1 - กรุงเทพมหานคร (เขตคลองสาน จอมทอง ดุสิต ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา ทุ่งครุ ธนบุรี บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ บางขุนเทียน บางแค บางซื่อ บางบอน บางพลัด ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พญาไท พระนคร ภาษีเจริญ ราชเทวี ราษฎร์บูรณะ สัมพันธวงศ์ และหนองแขม)
- สพม.2 - กรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย คลองสามวา คันนายาว จตุจักร ดอนเมือง ดินแดง บางกะปิ บางเขน บางคอแหลม บางนา บางรัก บึงกุ่ม ประเวศ พระโขนง มีนบุรี ยานนาวา ลาดกระบัง ลาดพร้าว วังทองหลาง วัฒนา สวนหลวง สะพานสูง สาทร สายไหม หนองจอก หลักสี่ และห้วยขวาง)
- สพม.3 - จังหวัดนนทบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- สพม.4 - จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดสระบุรี
- สพม.5 - จังหวัดชัยนาท จังหวัดลพบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง
- สพม.6 - จังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดสมุทรปราการ
- สพม.7 - จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้ว
- สพม.8 - จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดราชบุรี
- สพม.9 - จังหวัดนครปฐมและจังหวัดสุพรรณบุรี
- สพม.10 - จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร
- สพม.11 - จังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี
- สพม.12 - จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุง
- สพม.13 - จังหวัดกระบี่และจังหวัดตรัง
- สพม.14 - จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดระนอง
- สพม.15 - จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา
- สพม.16 - จังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล
- สพม.17 - จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด
- สพม.18 - จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง
- สพม.19 - จังหวัดเลยและจังหวัดหนองบัวลำภู
- สพม.20 - จังหวัดอุดรธานี
- สพม.21 - จังหวัดหนองคายและจังหวัดบึงกาฬ
- สพม.22 - จังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหาร
- สพม.23 - จังหวัดสกลนคร
- สพม.24 - จังหวัดกาฬสินธุ์
- สพม.25 - จังหวัดขอนแก่น
- สพม.26 - จังหวัดมหาสารคาม
- สพม.27 - จังหวัดร้อยเอ็ด
- สพม.28 - จังหวัดยโสธรและจังหวัดศรีสะเกษ
- สพม.29 - จังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดอุบลราชธานี
- สพม.30 - จังหวัดชัยภูมิ
- สพม.31 - จังหวัดนครราชสีมา
- สพม.32 - จังหวัดบุรีรัมย์
- สพม.33 - จังหวัดสุรินทร์
- สพม.34 - จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
- สพม.35 - จังหวัดลำปางและจังหวัดลำพูน
- สพม.36 - จังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา
- สพม.37 - จังหวัดน่านและจังหวัดแพร่
- สพม.38 - จังหวัดตากและจังหวัดสุโขทัย
- สพม.39 - จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอุตรดิตถ์
- สพม.40 - จังหวัดเพชรบูรณ์
- สพม.41 - จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดพิจิตร
- สพม.42 - จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดอุทัยธานี
62 เขต (ตั้งแต่ พ.ศ. 2564)
ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ 28 มกราคม 2564[13] เขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มจำนวนจาก 42 เป็น 62 เขต และชื่อของเขตพื้นที่เปลี่ยนจากเดิมที่ใช้หมายเลข 1 ถึง 42 เป็นชื่อจังหวัดที่พื้นที่ของเขตนั้น ๆ ครอบคลุม ในกรณีที่เขตพื้นที่การศึกษาครอบคลุมมากกว่า 1 จังหวัด ชื่อเขตจะขึ้นต้นด้วยชื่อจังหวัดที่ตั้งสำนักงานเขต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่จัดตั้งขึ้นใหม่โดยส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในอำเภอเมืองของจังหวัดที่ตั้งสำนักงาน (รวมทั้ง สพม.พระนครศรีอยุธยาซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา) ยกเว้น สพม.นครปฐม (อำเภอนครชัยศรี) สพม.น่าน (อำเภอภูเพียง) และ สพม.พัทลุง (อำเภอควนขนุน) โดยในประกาศฉบับ พ.ศ. 2564 เปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจากเดิมดังนี้
- สพม.กรุงเทพมหานคร เขต 1 สพม.1 เดิม
- สพม.กรุงเทพมหานคร เขต 2 สพม.2 เดิม
- สพม.นนทบุรี แยกมาจาก สพม.3 เดิม
- สพม.พระนครศรีอยุธยา แยกมาจาก สพม.3 เดิม
- สพม.ปทุมธานี แยกมาจาก สพม.4 เดิม
- สพม.สระบุรี แยกมาจาก สพม.4 เดิม
- สพม.ลพบุรี แยกมาจาก สพม.5 เดิม
- สพม.สิงห์บุรี อ่างทอง แยกมาจาก สพม.5 เดิม
- สพม.อุทัยธานี ชัยนาท แยกจาก สพม.41 และสพม.5 เดิม
- สพม.ฉะเชิงเทรา แยกมาจาก สพม.6 เดิม
- สพม.สมุทรปราการ แยกมาจาก สพม.6 เดิม
- สพม.ปราจีนบุรี นครนายก แยกมาจาก สพม.7 เดิม
- สพม.สระแก้ว แยกมาจาก สพม.7 เดิม
- สพม.กาญจนบุรี แยกมาจาก สพม.8 เดิม
- สพม.ราชบุรี แยกมาจาก สพม.8 เดิม
- สพม.นครปฐม แยกมาจาก สพม.9 เดิม
- สพม.สุพรรณบุรี แยกมาจาก สพม.9 เดิม
- สพม.ประจวบคีรีขันธ์ แยกมาจาก สพม.10 เดิม
- สพม.เพชรบุรี แยกมาจาก สพม.10 เดิม
- สพม.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม แยกมาจาก สพม.10 เดิม
- สพม.สุราษฎร์ธานี ชุมพร สพม.11 เดิม
- สพม.นครศรีธรรมราช แยกมาจาก สพม.12 เดิม
- สพม.พัทลุง แยกมาจาก สพม.12 เดิม
- สพม.ตรัง กระบี่ สพม.13 เดิม
- สพม.พังงา ภูเก็ต ระนอง สพม.14 เดิม
- สพม.นราธิวาส แยกมาจาก สพม.15 เดิม
- สพม.ปัตตานี แยกมาจาก สพม.15 เดิม
- สพม. ยะลา แยกมาจาก สพม.15 เดิม
- สพม.สงขลา สตูล สพม.16 เดิม
- สพม.จันทบุรี ตราด สพม.17 เดิม
- สพม.ชลบุรี ระยอง สพม.18 เดิม
- สพม.เลย หนองบัวลำภู สพม.19 เดิม
- สพม.อุดรธานี สพม.20 เดิม
- สพม.บึงกาฬ แยกมาจาก สพม.21 เดิม
- สพม.หนองคาย แยกมาจาก สพม.21 เดิม
- สพม.นครพนม แยกมาจาก สพม.22 เดิม
- สพม.มุกดาหาร แยกมาจาก สพม.22 เดิม
- สพม.สกลนคร สพม.23 เดิม
- สพม.กาฬสินธุ์ สพม.24 เดิม
- สพม.ขอนแก่น สพม.25 เดิม
- สพม.มหาสารคาม สพม.26 เดิม
- สพม.ร้อยเอ็ด สพม.27 เดิม
- สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร สพม.28 เดิม
- สพม.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ สพม.29 เดิม
- สพม.ชัยภูมิ สพม.30 เดิม
- สพม.นครราชสีมา สพม.31 เดิม
- สพม.บุรีรัมย์ สพม.32 เดิม
- สพม.สุรินทร์ สพม.33 เดิม
- สพม.เชียงใหม่ แยกมาจาก สพม.34 เดิม
- สพม.แม่ฮ่องสอน แยกมาจาก สพม.34 เดิม
- สพม.ลำปาง ลำพูน สพม.35 เดิม
- สพม.เชียงราย แยกมาจาก สพม.36 เดิม
- สพม.พะเยา แยกมาจาก สพม.36 เดิม
- สพม.แพร่ แยกมาจาก สพม.37 เดิม
- สพม.น่าน แยกมาจาก สพม.37 เดิม
- สพม.ตาก แยกมาจาก สพม.38 เดิม
- สพม.สุโขทัย แยกมาจาก สพม.38 เดิม
- สพม.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สพม.39 เดิม
- สพม.เพชรบูรณ์ สพม.40 เดิม
- สพม.นครสวรรค์ แยกมาจาก สพม.41 เดิม
- สพม.กำแพงเพชร แยกมาจาก สพม.42 เดิม
- สพม.พิจิตร แยกมาจาก สพม.42 เดิม
อ้างอิง
- ↑ กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖
- ↑ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓
- ↑ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326194843&grpid=&catid=19&subcatid=1903
- ↑ "พระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็นเขต พ.ศ. 2516" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 28 พฤษภาคม 2516. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "พระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็นเขต พ.ศ. 2520" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 18 มกราคม 2520. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 6 กรกฎาคม 2546. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-20. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ 7.0 7.1 "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 7 กรกฎาคม 2546. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ปรับปรุงแก้ไขการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา และกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติม พ.ศ. 2550" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 14 มีนาคม 2550. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ปรับปรุงแก้ไขการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา และกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติม พ.ศ. 2551" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 4 กุมภาพันธ์ 2551. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 22 กรกฎาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ 11.0 11.1 "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดและแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 18 สิงหาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 18 สิงหาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 "การกำหนดและแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 17 กุมภาพันธ์ 2564. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2564.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดและแก้ไขเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 26 สิงหาคม 2554. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help) - ↑ "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2554)" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 26 สิงหาคม 2554. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|access-date=
และ|date=
(help)