เขตพื้นที่การศึกษา

เขตพื้นที่การศึกษา (Educational Service Area) เป็นระบบการจัดแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาการปกครองที่จัดแบ่งโดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อจัดระบบและกระจายอำนาจการจัดการศึกษาในประเทศไทยให้ครอบคลุมมากขึ้น[1] เดิมมีสำนักงานประจำแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ใช้ชื่อว่า "สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ..." (สพท.) และต่อมาได้มีการแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาออกเป็น 2 ระดับ คือ เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา[2] โดยจัดแบ่งเขตพื้นที่การศึกษา ดังนี้[3]

ศึกษาธิการเขต (พ.ศ. 2516–2520) และเขตการศึกษา (พ.ศ. 2520–2546)

รัฐบาลได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็นเขต พ.ศ. 2516 ในรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร เพื่อแบ่งเขตพื้นที่ในการบริหารการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็น 12 เขต[4] เรียกว่า "ศึกษาธิการเขต" ตั้งแต่เขต 1 ถึงเขต 12 ในอีกสี่ปีถัดมา รัฐบาลของธานินทร์ กรัยวิเชียรได้แยกกรุงเทพมหานครออกจากศึกษาธิการเขต 1 เนื่องจากมีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก และเปลี่ยนชื่อเรียกจาก "ศึกษาธิการเขต" เป็น "เขตการศึกษา"[5] ทำให้มีเขตการศึกษาเพิ่มเป็น 13 เขต โดยแต่ละเขตมีพื้นที่บริหารราชการดังนี้ (ชื่อจังหวัดที่แสดงเป็นตัวเอนหมายถึงจังหวัดที่จัดตั้งขึ้นภายหลังจากพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้)

หลังจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2546–ปัจจุบัน)

ในรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร ได้มีการปรับปรุงรูปแบบการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการเพื่อลดความซ้ำซ้อน โดยออกพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ซึ่งเนื้อหาส่วนหนึ่งของพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อรับผิดชอบอำนาจหน้าที่เดิมของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ กรมสามัญศึกษา กรมวิชาการ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และสำนักงานศึกษาธิการอำเภอ[6] และกระทรวงศึกษาธิการได้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวออกประกาศแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาจำนวน 175 เขต[7] และมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) บริหารงานในแต่ละเขต ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการอีก 2 ฉบับกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติมใน 10 จังหวัด จังหวัดละ 1 เขตได้แก่นราธิวาส ปัตตานี ยะลา[8] กาญจนบุรี เชียงใหม่ ปราจีนบุรี พัทลุง เลย มหาสารคาม และอุทัยธานี[9] จำนวนเขตพื้นที่การศึกษาจึงเพิ่มขึ้นเป็น 185 เขต

ต่อมาใน พ.ศ. 2553 รัฐบาลของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้แก้ไขพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวโดยให้แยกการบริหารงานสถานศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาออกจากกัน[10] กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ยุบรวมเขตพื้นที่การศึกษาของกรุงเทพมหานครทั้ง 3 เขตรวมกันเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร[11] และจัดตั้งเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขึ้น 42 เขต[12] โดยแยกโรงเรียนที่สอนเฉพาะระดับมัธยมศึกษาไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ส่วนโรงเรียนอื่นที่เหลือให้สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา การบริหารสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาเปลี่ยนแปลงอีกครั้งใน พ.ศ. 2564 ในสมัยที่ณัฏฐพล ทีปสุวรรณดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเพิ่มจำนวนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจากเดิม 42 เขตเป็น 62 เขต[13]

การเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาในกรุงเทพมหานคร

ท้องที่บริหารการศึกษาในกรุงเทพมหานครตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 แบ่งออกเป็น 3 เขต โดยเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 ครอบคลุมเขต 17 เขตในฝั่งพระนครได้แก่คลองเตย ดินแดง ดุสิต บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางรัก ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พญาไท พระโขนง พระนคร ยานนาวา ราชเทวี วัฒนา สัมพันธวงศ์ และสาทร เขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 ครอบคลุมอีก 18 เขตที่เหลือในฝั่งพระนคร ในขณะที่ 15 เขตในฝั่งธนบุรีอยู่ในเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 3[7] อย่างไรก็ตาม หลังจากแก้ไขพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวใน พ.ศ. 2553 เขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานครทั้ง 3 เขตถูกยุบรวมกันเป็นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพมหานคร มีอำนาจครอบคลุมทั้ง 50 เขต[11] ในขณะที่โรงเรียนมัธยมศึกษาในกรุงเทพมหานครถูกโอนไปสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) โดยพื้นที่กรุงเทพมหานครถูกแบ่งออกเป็น 2 เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ได้แก่ สพม.1 และ สพม.2 พื้นที่ของ สพม.1 ประกอบด้วยเขตทุกเขตในฝั่งธนบุรีรวมกับอีก 8 เขตในฝั่งพระนครได้แก่ดุสิต บางซื่อ ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่าย พญาไท พระนคร ราชเทวี และสัมพันธวงศ์ ส่วนอีก 27 เขตในฝั่งพระนครอยู่ในพื้นที่ของ สพม.2[12] ก่อนที่ใน พ.ศ. 2564 เมื่อมีการจัดแบ่งเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาใหม่จาก 42 เป็น 62 เขต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานครทั้งสองแห่งได้ใช้ชื่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2[13]

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาในกรุงเทพมหานคร
ตั้งแต่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการมีผลบังคับใช้
สพท.กรุงเทพมหานคร เขต 1-3
(พ.ศ. 2546–2553) 
สพป.กรุงเทพมหานคร
(พ.ศ. 2553–ปัจจุบัน) 
สพม.1 และสพม.2
(พ.ศ. 2553–2564)
สพม.กรุงเทพมหานคร เขต 1 และเขต 2 (พ.ศ. 2564–ปัจจุบัน) 

การเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดหนองคายและจังหวัดบึงกาฬ

จังหวัดบึงกาฬจัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2554 แยกตัวออกจากจังหวัดหนองคาย ซึ่งก่อนที่จะมีการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬนั้น จังหวัดหนองคายมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 3 แห่ง ได้แก่ สพป.หนองคาย เขต 1 สพป.หนองคาย เขต 2 และ สพป.หนองคาย เขต 3 ซึ่งพื้นที่จังหวัดบึงกาฬที่จัดตั้งขึ้นใหม่นั้นครอบคลุมพื้นที่ 6 อำเภอของ สพป.หนองคาย เขต 3 เดิมและอีก 2 อำเภอในพื้นที่ของ สพป.หนองคาย เขต 2 ได้แก่อำเภอโซ่พิสัยและอำเภอปากคาด หลังจากจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬแล้ว กระทรวงศึกษาธิการจึงมีประกาศให้ทุกอำเภอในจังหวัดบึงกาฬอยู่ในพื้นที่ของ สพป.บึงกาฬ ยกเลิก สพป.หนองคาย เขต 3 และให้ สพป.หนองคาย เขต 2 มีพื้นที่ครอบคลุมสามอำเภอเดิมที่เหลือได้แก่อำเภอโพนพิสัย อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอรัตนวาปี[14] ส่วนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานั้น ให้ สพม.21 ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดหนองคายเดิมมีอำนาจครอบคลุมจังหวัดบึงกาฬด้วย[15] จนกระทั่ง พ.ศ. 2564 เมื่อกระทรวงศึกษาธิการออกประกาศแบ่งเขตพื้นที่การศึกษาใหม่ พื้นที่ สพม.21 เดิมได้แยกออกเป็นสองเขตพื้นที่ตามเขตจังหวัด ได้แก่ สพม.หนองคายและ สพม.บึงกาฬ[13]

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดหนองคายและจังหวัดบึงกาฬ
ก่อนและหลังตั้งจังหวัดบึงกาฬ
ก่อนตั้งจังหวัดบึงกาฬ 
หลังตั้งจังหวัดบึงกาฬ (แสดงเฉพาะเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา) 

เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา

อำเภอที่เป็นที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจะแสดงด้วยตัวหนา ในขณะที่จังหวัดที่มีเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขตเดียวครอบคลุมทั้งจังหวัด ได้แก่จังหวัดกระบี่ ชัยนาท ตราด นครนายก บึงกาฬ พังงา ภูเก็ต มุกดาหาร ยโสธร ระนอง สตูล สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี อ่างทอง และอำนาจเจริญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจะตั้งอยู่ในอำเภอเมืองของจังหวัดนั้น ๆ ส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานครตั้งอยู่ที่เขตราชเทวี

ภาคเหนือ

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคเหนือ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาคตะวันตก

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวันตก

ภาคตะวันออก

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคตะวันออก

ภาคกลาง

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคกลาง

ภาคใต้

แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาในภาคใต้

เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา

 
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 และเขต 2

เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553 โดยในระยะแรกมีจำนวน 42 เขต[12] ต่อมาได้มีการปรับปรุงโดยเพิ่มจำนวนเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจาก 42 เป็น 62 เขต[13]

42 เขต (พ.ศ. 2553–2564)

 
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 3 ถึงเขต 42 (พ.ศ. 2553–2564)

หมายเลขเขตในส่วนนี้ถือตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553[12] โดยจังหวัดที่เป็นที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่ครอบคลุมมากกว่า 1 จังหวัด และเขตที่เป็นที่ตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 และ 2 จะแสดงเป็นตัวหนา

62 เขต (ตั้งแต่ พ.ศ. 2564)

 
แผนที่แสดงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 60 เขตในส่วนภูมิภาคตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2564

ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการลงวันที่ 28 มกราคม 2564[13] เขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มจำนวนจาก 42 เป็น 62 เขต และชื่อของเขตพื้นที่เปลี่ยนจากเดิมที่ใช้หมายเลข 1 ถึง 42 เป็นชื่อจังหวัดที่พื้นที่ของเขตนั้น ๆ ครอบคลุม ในกรณีที่เขตพื้นที่การศึกษาครอบคลุมมากกว่า 1 จังหวัด ชื่อเขตจะขึ้นต้นด้วยชื่อจังหวัดที่ตั้งสำนักงานเขต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาที่จัดตั้งขึ้นใหม่โดยส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในอำเภอเมืองของจังหวัดที่ตั้งสำนักงาน (รวมทั้ง สพม.พระนครศรีอยุธยาซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา) ยกเว้น สพม.นครปฐม (อำเภอนครชัยศรี) สพม.น่าน (อำเภอภูเพียง) และ สพม.พัทลุง (อำเภอควนขนุน) โดยในประกาศฉบับ พ.ศ. 2564 เปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจากเดิมดังนี้

  • สพม.กรุงเทพมหานคร เขต 1 สพม.1 เดิม
  • สพม.กรุงเทพมหานคร เขต 2 สพม.2 เดิม
  • สพม.นนทบุรี แยกมาจาก สพม.3 เดิม
  • สพม.พระนครศรีอยุธยา แยกมาจาก สพม.3 เดิม
  • สพม.ปทุมธานี แยกมาจาก สพม.4 เดิม
  • สพม.สระบุรี แยกมาจาก สพม.4 เดิม
  • สพม.ลพบุรี แยกมาจาก สพม.5 เดิม
  • สพม.สิงห์บุรี อ่างทอง แยกมาจาก สพม.5 เดิม
  • สพม.อุทัยธานี ชัยนาท แยกจาก สพม.41 และสพม.5 เดิม
  • สพม.ฉะเชิงเทรา แยกมาจาก สพม.6 เดิม
  • สพม.สมุทรปราการ แยกมาจาก สพม.6 เดิม
  • สพม.ปราจีนบุรี นครนายก แยกมาจาก สพม.7 เดิม
  • สพม.สระแก้ว แยกมาจาก สพม.7 เดิม
  • สพม.กาญจนบุรี แยกมาจาก สพม.8 เดิม
  • สพม.ราชบุรี แยกมาจาก สพม.8 เดิม
  • สพม.นครปฐม แยกมาจาก สพม.9 เดิม
  • สพม.สุพรรณบุรี แยกมาจาก สพม.9 เดิม
  • สพม.ประจวบคีรีขันธ์ แยกมาจาก สพม.10 เดิม
  • สพม.เพชรบุรี แยกมาจาก สพม.10 เดิม
  • สพม.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม แยกมาจาก สพม.10 เดิม
  • สพม.สุราษฎร์ธานี ชุมพร สพม.11 เดิม
  • สพม.นครศรีธรรมราช แยกมาจาก สพม.12 เดิม
  • สพม.พัทลุง แยกมาจาก สพม.12 เดิม
  • สพม.ตรัง กระบี่ สพม.13 เดิม
  • สพม.พังงา ภูเก็ต ระนอง สพม.14 เดิม
  • สพม.นราธิวาส แยกมาจาก สพม.15 เดิม
  • สพม.ปัตตานี แยกมาจาก สพม.15 เดิม
  • สพม. ยะลา แยกมาจาก สพม.15 เดิม
  • สพม.สงขลา สตูล สพม.16 เดิม
  • สพม.จันทบุรี ตราด สพม.17 เดิม
  • สพม.ชลบุรี ระยอง สพม.18 เดิม
  • สพม.เลย หนองบัวลำภู สพม.19 เดิม
  • สพม.อุดรธานี สพม.20 เดิม
  • สพม.บึงกาฬ แยกมาจาก สพม.21 เดิม
  • สพม.หนองคาย แยกมาจาก สพม.21 เดิม
  • สพม.นครพนม แยกมาจาก สพม.22 เดิม
  • สพม.มุกดาหาร แยกมาจาก สพม.22 เดิม
  • สพม.สกลนคร สพม.23 เดิม
  • สพม.กาฬสินธุ์ สพม.24 เดิม
  • สพม.ขอนแก่น สพม.25 เดิม
  • สพม.มหาสารคาม สพม.26 เดิม
  • สพม.ร้อยเอ็ด สพม.27 เดิม
  • สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร สพม.28 เดิม
  • สพม.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ สพม.29 เดิม
  • สพม.ชัยภูมิ สพม.30 เดิม
  • สพม.นครราชสีมา สพม.31 เดิม
  • สพม.บุรีรัมย์ สพม.32 เดิม
  • สพม.สุรินทร์ สพม.33 เดิม
  • สพม.เชียงใหม่ แยกมาจาก สพม.34 เดิม
  • สพม.แม่ฮ่องสอน แยกมาจาก สพม.34 เดิม
  • สพม.ลำปาง ลำพูน สพม.35 เดิม
  • สพม.เชียงราย แยกมาจาก สพม.36 เดิม
  • สพม.พะเยา แยกมาจาก สพม.36 เดิม
  • สพม.แพร่ แยกมาจาก สพม.37 เดิม
  • สพม.น่าน แยกมาจาก สพม.37 เดิม
  • สพม.ตาก แยกมาจาก สพม.38 เดิม
  • สพม.สุโขทัย แยกมาจาก สพม.38 เดิม
  • สพม.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ สพม.39 เดิม
  • สพม.เพชรบูรณ์ สพม.40 เดิม
  • สพม.นครสวรรค์ แยกมาจาก สพม.41 เดิม
  • สพม.กำแพงเพชร แยกมาจาก สพม.42 เดิม
  • สพม.พิจิตร แยกมาจาก สพม.42 เดิม

อ้างอิง

  1. กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖
  2. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓
  3. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326194843&grpid=&catid=19&subcatid=1903
  4. "พระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็นเขต พ.ศ. 2516" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 28 พฤษภาคม 2516. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  5. "พระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ของกระทรวงศึกษาธิการออกเป็นเขต พ.ศ. 2520" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 18 มกราคม 2520. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  6. "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 6 กรกฎาคม 2546. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-20. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  7. 7.0 7.1 "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่การศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 7 กรกฎาคม 2546. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  8. "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ปรับปรุงแก้ไขการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา และกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติม พ.ศ. 2550" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 14 มีนาคม 2550. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  9. "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ปรับปรุงแก้ไขการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา และกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติม พ.ศ. 2551" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 4 กุมภาพันธ์ 2551. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  10. "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 22 กรกฎาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  11. 11.0 11.1 "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดและแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษาเป็นเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 18 สิงหาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  12. 12.0 12.1 12.2 12.3 "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 18 สิงหาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  13. 13.0 13.1 13.2 13.3 13.4 "การกำหนดและแก้ไขเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 17 กุมภาพันธ์ 2564. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2564. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  14. "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดและแก้ไขเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 26 สิงหาคม 2554. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  15. "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2554)" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา. 26 สิงหาคม 2554. สืบค้นเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)