อำเภอเขื่องใน
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของวิกิพีเดีย หรือกำลังดำเนินการอยู่ คุณช่วยเราได้ หน้าอภิปรายอาจมีข้อเสนอแนะ |
เขื่องใน เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกสุดของจังหวัดอุบลราชธานี มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดยโสธร มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในด้านศิลปวัฒนธรรมอีสาน อาทิ ธรรมมาสน์สิงห์เทินบุษบกบ้านชีทวน พระพุทธสถานครองราชย์ 60 ปี วัดป่าดงบ้านตาดโบราณสถานบ้านผักแว่น วัดป่าบึงเขาหลวง วัฒนธรรมโนนใหญ่ (ชาวกุลาดำ) ต้นยางนาใหญ่รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 จังหวัดอุบลราชธานีของบ้านผักแว่น รวมถึงวัฒนธรรมการทำปราสาทผึ้งที่มีเอกลักษณ์และชื่อเสียงที่สืบทอดจนถึงปัจจุบันได้แก่ บ้านโพนทราย บ้านยางขี้นก และบ้านนาคำใหญ่เป็นต้น และอำเภอเขื่องในเป็นจุดกำเนิดของจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับสมญานาม "เมืองนักปราชญ์" ครั้งสมัยพระอริยวงศาจารย ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมกข์ พระเถระชาวอำเภอเขื่องใน ที่ได้รับการชื่นชมและศรัทธาในล้นเกล้ารัชกาลที่ 3 เป็นต้นมา[2]
อำเภอเขื่องใน | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Khuang Nai |
คำขวัญ: เขื่องในหนองธรรมชาติ ธรรมาสน์สิงห์งามเด่น สุขสงบเย็นบึงเขาหลวง เลอสรวงลำน้ำชี ไหมมัดหมี่ภูมิปัญญา ปวงประชาพาใฝ่ธรรม งามล้ำพระใหญ่ พุทธสถานศูนย์รวมใจเทิดไท้องราชันย์ หรือ มะพร้าวเผารสดี ฝั่งชีงามล้ำ หัตถกรรมหมอนขิต กระชับมิตรไก่ย่าง น้องนางข้าวหอมมะลิ วิเวกวัดป่าบึงเขาหลวง ประทับทรวงรำมองเซิง[1] | |
![]() แผนที่จังหวัดอุบลราชธานี เน้นอำเภอเขื่องใน | |
พิกัด: 15°23′24″N 104°33′6″E / 15.39000°N 104.55167°E | |
ประเทศ | ![]() |
จังหวัด | อุบลราชธานี |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 772.8 ตร.กม. (298.4 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 107,090 คน |
• ความหนาแน่น | 138.57 คน/ตร.กม. (358.9 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 34150, 34320 (เฉพาะตำบลกลางใหญ่ โนนรัง บ้านไทย และบ้านกอก) |
รหัสภูมิศาสตร์ | 3404 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอเขื่องใน ถนนแจ้งสนิท ตำบลเขื่องใน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี 34150 |
![]() |
ประวัติแก้ไข
อำเภอเขื่องใน ปรากฏชื่อในฐานะเป็นอำเภอครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช 2445 ในชื่อ อำเภอปจิมูปลนิคม โดยมีพระนิโลศบลพยุรักษ์เป็นผู้รักษาการแทนนายอำเภอ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามบัญญัติที่กำหนดไว้ในมาตรา 33 ของพระราชบัญญัติลักษณกรปกครองส่วนท้องที่รัตนโกสินทรศก 116 ความจริงแล้วประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2440 ทางราชการจึงแบ่งการปกครองของเมืองเหล่านั้นออกเป็นหลายอำเภอเช่น อำเภอเขมราฐ แบ่งเป็น 2อำเภอเมืองยโสธรแบ่งออกเป็น2อำเภอเป็นต้น สำหรับเมืองอุบลราชธานีซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ เทียบได้กับหัวเมืองชั้นเอกขึ้นตรงกับกรุงเทพมหานครและเป็นที่ตั้งศาลาว่าการมณฑลอีสาน มีการแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ คือ 1.อำเภอบุพูปลนิคม มีพระวิณโกเมศ(เจียง) รักษาการแทนนายอำเภอ 2.อำเภอทักษิณูปลนิคม มีพระอุบลประชานิตย์(บุญชู) รักษาการนายอำเภอ 2.อำเภอปจิมูปลนิคม (อำเภอเขื่องใน) มีพระนิโลศบลพยุรักษ์ (ทุย) รักษาการนายอำเภอ 4.อำเภออุตรูปลนิคม มีท้าวอักษรสุวรรณ (หนู) รักษาการนายอำเภอ
อำเภอปจิมูปลนิคมหรือ อำเภอปจิมอุบล ดำรงฐานะเป็นอำเภอในชื่อดังกล่าวเป็นระยะเวลา 11ปี เมื่อปีพ.ศ. 2456 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนชื่ออำเภอในมณฑลอุบลราชธานีจำนวน 6อำเภอ ซึ่งอำเภอปจิมูปลนิคม ก็เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอตระการพืชผลเมื่อวันที่ 25กันยายน 2456 (ราชกิจจานุเบกษาเล่ม 30 /12ตุลาคม 2556 /1536)
อำเภอตระการพืชผล(2456-2460) มีการแบ่งเขตการปกครองแบ่งออกเป็น 19 ตำบลดังนี้
1.ตำบลหนองบ่อ 2.ตำบลชีทวน 3.ตำบลหัวดอน 4.ตำบลท่าไห 5.ตำบลโนนใหญ่ 6.ตำบลก่อเอ้ 7.ตำบลเขื่องใน 8.ตำบลสร้างถ่อ 9.ตำบลยางขี้นก 10.ตำบลสีสุก(สะกดตามต้นฉบับในประกาศอำเภอ ภายหลังเปลี่ยนเป็นตำบลศรีสุข) 11.ตำบลโนนผึ้ง 12.ตำบลบ้านไทย 13.ตำบลค้อทอง 14.ตำบลหนองแวง 15.ตำบลหนองแก้ว 16.ตำบลละทาย 17.ตำบลทาม 18.ตำบลเมืองน้อย 19.ตำบลนาคำใหญ่ (กระทรวงมหาดไทย,2456:160) เมื่อวันที่24 เมษายน 2460 ได้เปลี่ยนชื่ออำเภอใหม่เป็นอำเภอเขื่องใน ตามนามตำบล ที่ตั้งที่ว่าการอำเภอคือตำบลเขื่องใน ดังปรากฏจนถึงปัจจุบัน หลังจากเปลี่ยนชื่ออำเภอแล้วมีการยุบ แยก โอนตำบลขึ้นกับต่างอำเภอดังนี้ 1.พ.ศ. 2472 กระทรวงมหาดไทยโอนตำบลละทาย และตำบลเมืองน้อยไปขึ้นกับอำเภอกันทรารมย์ จังหวัดขุขันธ์ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2472(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 46,19พฤษภาคม 2472:415) 2.พ.ศ. 2482 กระทรวงมหาดไทยโอนตำบลธาตุน้อย(ยกเว้นหมู่บ้านที่ 2/3/11และ12) อำเภอมหาชนะชัย มาขึ้นกับอำเภอเขื่องใน เมื่อ 1 กรกฎาคม 2484(ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 56,10กรกฎาคม 2482:1056-1057) 3.พ.ศ. 2484 กระทรวงมหาดไทยโอนตำบลหนองบ่อ(ยกเว้นหมู่ที่7และ17)ไปขึ้นกับอำเภอเมืองอุบลราชธานีส่นหมู่ 7และ17 โอนขึ้นเป็นตำบลชีทวนเมื่อวันที่15 กันยายม 2484 (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 56,23กันยายน2484:1406-1407) 4.เมื่อปีพุทธศักราชกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการ -ยุบตำบลสร้างถ่อรวมกับตำบลเขื่องในยกเว้นหมู่บ้านที่14และ15รวมกับตำบลค้อทอง -ยุบตำบลธาตุน้อยรวมกับตำบลนาคำใหญ่ -ยุบตำบลยางขี้นกรวมกับตำบลบ้านไทย เว้นแต่หมู่ที่1,9และ13 ให้ไรวมกับตำบลเขื่องใน หมู่ที่11ให้ไปรวมกับตำบลศรีสุข -ยุบตำบลหัวดอนรวมกับตำบลก่อเอ้ เว้นหมู่ที่ 1,3,9,10ให้ไปรวมกับตำบลโนนใหญ่ -ยุบตำบลชีทวนให้รวมกับตำบลโนนใหญ่ -โอนหมู่บ้านที่4 ตำบลโนนใหญ่ไปรวมกับตำบลเขื่องในเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2486 (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 60,30มีนาคม 2486:1193) จนถึงเมื่อปีพุทธศักราช 2497 ตำบลที่ยุบไปแล้วก็ขึเนเป็นตำบลอีกครั้ง และแบ่งออกเป็น 13ตำบลตามปัจจุบันนี้
อำเภอเขื่องใน ถูกตั้งตาม “บ้านเขื่องใน” ซึ่งจำเดิมชื่อ “เขี่ยงใน” เพราะภาษาอีสานโบราณไม่มีสระเอือ (เ-อื) เมื่อมีการเรียนภาษาไทยจึงกลายมาเป็น “เขื่องใน” หมู่บ้านเขี่ยงใน ตั้งชื่อตามชื่อหนองน้ำชื่อ “หนองเขี่ยง ” ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำลึกประมาณ 1 –2 เมตร ในหน้าฝน คล้าย “เขี่ยงปลา” หรือที่ปลาเตรียมวางไข่ในน้ำในฤดูฝน ชาวบ้านเรียก “เขี่ยงปลา” เป็นกลุ่มหมู่บ้านซึ่งประกอบด้วยบ้านเขื่องใน บ้านเขื่องกลาง บ้านสว่าง และบ้านหนองใส ส่วนบ้านกวางคำ หรือบ้านโนนธาตุ เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่ตั้งมาพร้อมกับบ้านเขื่องใน
อำเภอเขื่องใน ได้รับการจัดตั้งให้เป็นอำเภอตาม พ.ร.บ.ลักษณะการปกครองท้องที่ พ.ศ. 2440 โดยตาม พ.ร.บ. ดังกล่าว พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ทรงให้แบ่งบริเวณอุบลราชธานี ออกเป็น 3 เมือง คือ เมืองอุบลราชธานี เมืองเขมราษฎร์ธานี และเมืองยศสุนทร ในพื้นที่เมืองอุบลราชธานี มี 11 อำเภอ หนึ่งในนั้นคือ “อำเภอปจิมูปลนิคม” เป็นชื่อพระราชทานมาจากกรุงเทพฯ ต่อมาปี พ.ศ. 2456 ได้เปลี่ยนเป็นชื่ออำเภอตระการพืชผล จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2460 มีการเปลี่ยนชื่ออำเภอใหม่อีกครั้งหนึ่งเป็นอำเภอเขื่องในจนมาถึงปัจจุบัน[3]
ภูมิศาสตร์แก้ไข
อำเภอเขื่องในตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอคำเขื่อนแก้ว (จังหวัดยโสธร) และอำเภอหัวตะพาน (จังหวัดอำนาจเจริญ)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอม่วงสามสิบและอำเภอเมืองอุบลราชธานี
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอกันทรารมย์และอำเภอยางชุมน้อย (จังหวัดศรีสะเกษ)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอค้อวังและอำเภอมหาชนะชัย (จังหวัดยโสธร)
การแบ่งเขตการปกครองแก้ไข
การปกครองส่วนภูมิภาคแก้ไข
อำเภอเขื่องในแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 18 ตำบล 183 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | เขื่องใน | (Khueang Nai) | 14 หมู่บ้าน | 10. | ธาตุน้อย | (That Noi) | 10 หมู่บ้าน | |||||||||||
2. | สร้างถ่อ | (Sang Tho) | 16 หมู่บ้าน | 11. | บ้านไทย | (Ban Thai) | 12 หมู่บ้าน | |||||||||||
3. | ค้อทอง | (Kho Thong) | 11 หมู่บ้าน | 12. | บ้านกอก | (Ban Kok) | 6 หมู่บ้าน | |||||||||||
4. | ก่อเอ้ | (Ko Ae) | 12 หมู่บ้าน | 13. | กลางใหญ่ | (Klang Yai) | 11 หมู่บ้าน | |||||||||||
5. | หัวดอน | (Hua Don) | 11 หมู่บ้าน | 14. | โนนรัง | (Non Rang) | 7 หมู่บ้าน | |||||||||||
6. | ชีทวน | (Chi Thuan) | 11 หมู่บ้าน | 15. | ยางขี้นก | (Yang Khi Nok) | 10 หมู่บ้าน | |||||||||||
7. | ท่าไห | (Tha Hai) | 13 หมู่บ้าน | 16. | ศรีสุข | (Si Suk) | 8 หมู่บ้าน | |||||||||||
8. | นาคำใหญ่ | (Na Kham Yai) | 8 หมู่บ้าน | 17. | สหธาตุ | (Saha-that) | 7 หมู่บ้าน | |||||||||||
9. | แดงหม้อ | (Daeng Mo) | 6 หมู่บ้าน | 18. | หนองเหล่า | (Nong Lao) | 10 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่นแก้ไข
ท้องที่อำเภอเขื่องในประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 19 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลเขื่องใน ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลเขื่องใน
- เทศบาลตำบลบ้านกอก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านกอกทั้งตำบล
- เทศบาลตำบลห้วยเรือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเขื่องใน (เขตองค์การบริหารส่วนตำบลเขื่องในเดิม)
- องค์การบริหารส่วนตำบลสร้างถ่อ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสร้างถ่อทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลค้อทอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลค้อทองทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลก่อเอ้ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลก่อเอ้ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหัวดอน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหัวดอนทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลชีทวน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลชีทวนทั้งตำบล โดยมีทั้งสิ้น 11 หมู่บ้านได้แก่
- หมู่ 1, 2, 3 ชุมชนชีทวน
- หมู่ 4, 5 ชุมชนท่าศาลา
- หมู่ 6 ชุมชนหวาง
- หมู่ 7 ชุมชนหนองแคน
- หมู่ 8 ชุมชนหนองฮี
- หมู่ 9 ชุมชนมะพริก
- หมู่ 10 ชุมชนหนองดูน
- หมู่ 11 ชุมชนหนองโน
- องค์การบริหารส่วนตำบลท่าไห ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าไหทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนาคำใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาคำใหญ่ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลแดงหม้อ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแดงหม้อทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลธาตุน้อย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลธาตุน้อยทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไทย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านไทยทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลกลางใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกลางใหญ่ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลโนนรัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลโนนรังทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลยางขี้นก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลยางขี้นกทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศรีสุขทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลสหธาตุ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสหธาตุทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเหล่า ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองเหล่าทั้งตำบล
สถานศึกษาแก้ไข
โรงเรียนมัธยม สพฐ.แก้ไข
- โรงเรียนเก่าขามวิทยา
- โรงเรียนนาคำวิทยา
- โรงเรียนบ้านไทยวิทยาคม
- โรงเรียนสหธาตุศึกษา
- โรงเรียนเสียมทองพิทยาคม
- โรงเรียนชีทวนวิทยาสามัคคี
- โรงเรียนเขื่องในพิทยาคาร
มหาวิทยาลัยแก้ไข
- มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี วิทยาเขตบ้านยางน้อย
บุคคลที่มีชื่อเสียงแก้ไข
- พระครูศรีสุตาภรณ์ (สี)-พระเถราจารย์ลูกศิษย์รุ่นแรกในหลวงปู่เสาร์ กันตสีโลและหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต
- หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต -พระวิปัสสนาจารย์
- สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร)-เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
- พระธรรมวชิรโมลี(ทองสูรย์ สุริยโชโต ป.ธ.๘)-เจ้าอาวาสวัดยานนาวาเขตสาทรกรุงเทพมหานคร
- พระธรรมวชิรสุธี(ทองดี ฐิตายุโก)-เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตารามบางพลัด กรุงเทพมหานคร
- พระภาวนาวชิรวิเทศ (มงคล มังคโล ป.ธ.๕-เจ้าอาวาสวัดนวมินทรราชูทิศสหรัฐอเมริกา
- พระรัตนมุนี(โสม ปัญญาวุฒโฑ ป.ธ.๗) -อดีตเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม
- พระสิริพัฒนาภรณ์(สมหมาย บุญเอื้อ ป.ธ.๖)-อดีตเจ้าคณะอำเภอเขื่องใน
- พระรัตนวิมล(ศรี ติขิโณ )ป.ธ.๗-ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี จร.วัดยางน้อย
- ดร.ปรีชา พิณทองป.ธ.๙-อดีตพระศรีธรรมโสภณ นักปราชญ์อีสาน
- พระอริยวงศาจารย์ ญาณวิมลอุบลสังฆปาโมขก์(สุ้ย ป.ธ.๓)-อดีตเจ้าคณะมณฑลอีสาน(พระสังฆราชแห่งประเทศราช)ได้รับการชื่นชมจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ว่าเป็น"นักปราชญ์" ตั้งแต่วันนั้นก็เป็นที่ปรากฏว่า อุบลราชธานี เป็นเมืองนักปราชญ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๖ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
- พระพิพัฒน์วชิโรภาส-เจ้าอาวาสวัดวังอ้อ เจ้าคณะตำบลหัวดอน
- พระสุธรรมคณาจารย์ (แดง ธัมมรักขิโต) -อดีตจล.วัดประชานิยม และอดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต)
- พระธรรมบาล (ทุย) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าอาวาสวัดเหนือยางขี้นก
- พระครูโสภณธรรมคุณาภรณ์ (ประเสริฐ สิริคุตโต)-เจ้าอาวาสวัดป่าเวฬุวันอรัญวาสี ลูกศิษย์หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต
- พระครูสุจิตตานุวัตร(เลิง ทุมมัย)-อดีตเจ้าคณะตำบลยางขี้นก-อดีตเจ้าอาวาสวัดผักแว่น(เกจิอาจารย์)
- พระครูโสภณขันติธรรม(ดม)-อดีตมี่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลหนองเหล่า อดีตเจ้าอาวาสวัดคูขาด ลูกศิษย์พระครูศรีสุตาภรณ์(พระเกจิอาจารย์วัดคูขาด)
- พระครูสถิตปุญญานุวัตร(เขียน)-เกจิอาจารย์
- พระครูสังฆรักษ์กาจ กตปุญโญ-เกจิอาจารย์
- พระครูสุนทรสุตกิจ(มณี จิรธัมโม)-อดีตรองเจ้าคณะอำเภอเขื่องใน (พระเถระผู้มีเอกลักษณ์ในการเทศน์พระเวสสันดรกัณฑ์มัทรีทำนองอุบลโบราณ)
- พระอุปัชฌาย์วันดี ศิริปุญโญ(วัดผักแว่น)-พระเถราจารย์ลูกศิษย์สมเด็จลุน
- ดร.คำหมา แสงงามศิลปินแห่งชาติ-สาขาทัศนศิลป์(ช่างปั้น)ปีพ.ศ. ๒๕๒๙
- สวิง บุญเจิมป.ธ.๙-นักปราชญ์อีสาน
- ครูเจริญ บุดดีเสาร์-นักปราชญ์วรรณกรรมอีสาน
- วิฑูรย์ นามบุตร-อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- วุฒิพงษ์ นามบุตร-สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี
- เทพพร เพชรอุบล-อดีตนักร้องลูกทุ่ง
- สนธิ สมมาตร-นักร้องลูกทุ่ง
- มัลลิกา กิ่งแก้ว-นักร้องเพลงลูกทุ่ง
- ธนาคาร ทองกุล-ประธานชมรมวิทยากรลูกเสือชาวบ้านจังหวัดอุบลราชธานี
ศูนย์ศิลปาชีพอุบลราชธานีแก้ไข
โครงการส่งเสริมศิลปาชีพบ้านยางน้อย ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ภายในมีศูนย์แสดงนิทรรศการผ้าพื้นเมืองอีสานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา และขั้นตอนการทอผ้าตามแบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน และศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชนและจากสมาชิกศูนย์ศิลปาชีพจากทั่วประเทศ เช่น ผ้ากาบบัว เครื่องปั้นดินเผา เครื่องทองเหลือง และข้าวเบญจกระยาทิพย์ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ในการส่งเสริมศิลปาชีพให้กับราษฎรในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและใกล้เคียง เป็นแหล่งศึกษาพันธุ์ไม้ ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เมื่อปี พ.ศ. 2538สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ประสิทธิ์ เขมังกโร ป.ธ.๓) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระเทพประสิทธิ์มนต์ เจ้าอาวาสวัดธัมมาราม นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีชาติภูมิอยู่ที่บ้านยางน้อย ได้มีแนวดำริที่จะทำการพัฒนาบ้านยางน้อยและหมู่บ้านใกล้เคียงให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เนื่องจากประชาชนในพื้นที่มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ ไม่มีอาชีพและรายได้เสริมใด ๆ อาชีพหลักคือการทำนา เมื่อเสร็จจากการทำนาหรือเก็บเกี่ยวข้าวข้าวแล้วราษฎรวัยหนุ่มสาวจะทิ้งถิ่นฐานไปขายแรงงานตามเมืองใหญ่ ๆ หรือในเมืองหลวง จะเหลือเพียงเด็กและคนชราเท่านั้นที่อยู่ตามหมู่บ้าน เพื่อป้องกันการอพยพทิ้งถิ่นฐานเข้าสู่สังคมเมือง และเป็นการสร้างสถาบันครอบครัวชนบทให้มีความอบอุ่นสมบูรณ์อย่างที่เป็นมาในอดีต พระเทพประสิทธิมนต์ จึงพิจารณาหาแนวทางการพัฒนาอาชีพให้กับราษฎร โดยประสานงานกับส่วนราชการต่าง ๆ และกองทัพภาคที่ 2 โดย พล.ต.เรวัติ บุญทับ (พล.อ.ณพล บุญทับ) รองแม่ทับภาคที่ 2 เข้ามาร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น โดยการจัดเตรียมงานเพื่อดำเนินการจัดตั้งโครงการส่งเสริมศิลปาชีพขึ้นที่ บ้านยางน้อย ซึ่งใช้เวลาจัดเตรียมงานประมาณ 1 ปี วันที่ 22 พฤศจิกายน 2539 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์ ให้พิจารณาจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพเพื่อช่วยเหลือราษฎร ทั้งด้านการเกษตรและพัฒนาอาชีพ และทรงเสด็จพระราชดำเนินที่บ้านยางน้อย และบริเวณที่ดินสาธารณะบ้านยางน้อย ทรงรับราษฎรเข้าเป็นสมาชิกในโครงการส่งเสริมศิลปาชีพบ้านยางน้อย ในกลุ่มทอผ้าไหม และกลุ่มดอกไม้ประดิษฐ์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินโครงการส่งเสริมศิลปาชีพบ้านยางน้อย เป็นการเสด็จพระราชดำเนินที่แห่งนี้ครั้งที่ 2 วันที่ 27 ธันวาคม 2548 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน โครงการส่งเสริมศิลปาชีพบ้านยางน้อย เป็นการเสด็จพระราชดำเนินที่แห่งนี้ครั้งที่ 3ปัจจุบันศูนย์ศิลปาชีพบ้านยางน้อย มีพื้นที่ดำเนินการทั้งสิ้น 424 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ดำเนินการโครงการส่งเสริมศิลปาชีพฯ บ้านยางน้อย 214 ไร่ และโครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านยางน้อย 210 ไร่
พุทธมณฑลอุบลราชธานีแก้ไข
เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ประธานมูลนิธิพุทธมณฑลอุบลราชธานี เป็นประธานนำประกอบพิธียกเสาเอกอาคารปฏิบัติธรรมมุฑิตศาลา ณ พุทธมณฑอุบลราชธานี ในพื้นที่โครงการก่อสร้างพุทธมณฑลอุบลราชธานี ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานีโดยโครงการจัดสร้างพุทธมณฑลอุบลราชธานี มูลนิธิพุทธมณฑลอุบลราชธานี คณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีร่วมจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนา ซึ่งได้รับความเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชามอบสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ เป็นประธานในพิธี วางศิลาฤกษ์พุทธมณฑลอุบลราชธานี เมื่อวันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ในการจัดสร้างพุทธมณฑลอุบลราชธานี ประกอบด้วย ถนนรอบพุทธมณฑล จัดสร้างอาคารอเนกประสงค์ และปรับภูมิทัศน์ ให้เกิดความร่มรื่นและสวยงาม สำหรับการก่อสร้าง อาคารปฏิบัติธรรมมุฑิตศาลาในครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นสถานที่รองรับการจัดกิจกรรม ต่างๆ เช่น กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสต่างๆ การจัดปฏิบัติธรรม และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้คงอยู่สืบไป[4]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ อ้างอิงจากงาน ๑๐๑ ปี อำเภอเขื่องใน
- ↑ http://www.ubonpra.com/board/index.php?topic=132.0;wap2
- ↑ http://www.knpschool.ac[ลิงก์เสีย]. th/2010/tam/amper.htm
- ↑ https://thainews.prd.go.th/th/news/print_news/TCATG201214161231269
บทความเกี่ยวกับเขตการปกครองของประเทศไทยนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล ดูเพิ่มที่ สถานีย่อย:ประเทศไทย |