อำเภอวังน้ำเขียว

อำเภอในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย

วังน้ำเขียว เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา รู้จักกันอย่างดีในฐานะเป็นสถานที่ที่มีโอโซนติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก[1] จนมีสมญานามว่า "สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน" [2]

อำเภอวังน้ำเขียว
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันAmphoe Wang Nam Khiao
คำขวัญ: 
วังน้ำเขียวเมืองหนาว ภูเขามากมาย น้ำตกหลากหลาย
ผลไม้นานาพันธุ์ แดนสวรรค์เมืองในหมอก
แผนที่จังหวัดนครราชสีมา เน้นอำเภอวังน้ำเขียว
แผนที่จังหวัดนครราชสีมา เน้นอำเภอวังน้ำเขียว
พิกัด: 14°25′6″N 101°51′0″E / 14.41833°N 101.85000°E / 14.41833; 101.85000
ประเทศ ไทย
จังหวัดนครราชสีมา
พื้นที่
 • ทั้งหมด1,129.996 ตร.กม. (436.294 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2564)
 • ทั้งหมด45,577 คน
 • ความหนาแน่น40.33 คน/ตร.กม. (104.5 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์ 30370, 30150 (เฉพาะตำบลระเริง ไปรษณีย์ปักธงชัย)
รหัสภูมิศาสตร์3025
ที่ตั้งที่ว่าการที่ว่าการอำเภอวังน้ำเขียว ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา 30370
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

ประวัติศาสตร์

แก้

เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2535 ได้มีการยกพื้นที่ตำบลวังน้ำเขียว ตำบลวังหมี ตำบลอุดมทรัพย์ และตำบลระเริง แยกออกจากอำเภอปักธงชัย มาตั้งเป็นกิ่งอำเภอวังน้ำเขียว[3] และเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2535 ตั้งตำบลไทยสามัคคี แยกออกจากตำบลวังน้ำเขียว[4]

เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2536 จัดตั้งสุขาภิบาลศาลเจ้าพ่อ ในพื้นที่บางส่วนของตำบลวังน้ำเขียว และบางส่วนตำบลไทยสามัคคี[5] กระทั่งวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ยกฐานะเป็นอำเภอวังน้ำเขียว[6]

ที่ตั้งและอาณาเขต

แก้

อำเภอวังน้ำเขียวตั้งอยู่ทางทิศใต้ของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้

การแบ่งเขตการปกครอง

แก้

การปกครองส่วนภูมิภาค

แก้

อำเภอวังน้ำเขียวแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 5 ตำบล 83 หมู่บ้าน

1. วังน้ำเขียว (Wang Nam Khiao) 19 หมู่บ้าน
2. วังหมี (Wang Mi) 22 หมู่บ้าน
3. ระเริง (Raroeng) 14 หมู่บ้าน
4. อุดมทรัพย์ (Udom Sap) 17 หมู่บ้าน
5. ไทยสามัคคี (Thai Samakkhi) 11 หมู่บ้าน

การปกครองส่วนท้องถิ่น

แก้

ท้องที่อำเภอวังน้ำเขียวประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่

  • เทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลวังน้ำเขียวและตำบลไทยสามัคคี
  • องค์การบริหารส่วนตำบลวังน้ำเขียว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวังน้ำเขียว (นอกเขตเทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อ)
  • องค์การบริหารส่วนตำบลวังหมี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวังหมีทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลระเริง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลระเริงทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลอุดมทรัพย์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลอุดมทรัพย์ทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไทยสามัคคี (นอกเขตเทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อ)

ประชากร

แก้
ชื่อ ปีที่จัดตั้ง พื้นที่
(ตร.กม.)
จำนวนประชากร
(ธันวาคม 2555)
ความหนาแน่น
(คน/ตร.กม.)
จำนวนบ้าน
(ธันวาคม 2555)
เทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อ 2542
2.369
1,940
818.91
741
องค์การบริหารส่วนตำบลวังน้ำเขียว 2538
202.6
8,120
40.07
3,900
องค์การบริหารส่วนตำบลวังหมี 2538
202
9,323
46.15
3,419
องค์การบริหารส่วนตำบลระเริง 2538
99
5,874
59.33
1,994
องค์การบริหารส่วนตำบลอุดมทรัพย์ 2539
257
11,314
44.02
3,482
องค์การบริหารส่วนตำบลไทยสามัคคี 2538
252
6,518
25.86
2,984
ทั้งหมด 1,129.996 43,089 38.13 16,520

อ้างอิง

แก้
  1. มาสูดโอโซนอันดับเจ็ดที่ วังน้ำเขียว กันเถอะ จากสนุกดอตคอม
  2. "รู้จักกับวังน้ำเขียว". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-15. สืบค้นเมื่อ 2014-05-14.
  3. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งเขตท้องที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ตั้งเป็นกิ่งอำเภอวังน้ำเขียว" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 109 (พิเศษ 53 ง): 13. 22 เมษายน 2535. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-04-06. สืบค้นเมื่อ 2010-05-05.
  4. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบลในท้องที่กิ่งอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 110 (9 ง): 22–25. 26 มกราคม 2536.
  5. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลศาลเจ้าพ่อ กิ่งอำเภอวังน้ำเขียว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 110 (พิเศษ 175 ง): 13–14. 26 ตุลาคม 2536.
  6. "พระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอเหนือคลอง อำเภอนายายอาม อำเภอท่าตะเกียบ อำเภอขุนตาล อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ลาว อำเภอรัษฎา อำเภอพุทธมณฑล อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอชำนิ อำเภอโนนดินแดง อำเภอปางมะผ้า อำเภอสนธิ อำเภอหนองม่วง อำเภอเบญจลักษ์ อำเภอโพนนาแก้ว อำเภอบุ่งคล้า อำเภอดอนมดแดง และอำเภอลืออำนาจ พ.ศ. 2539" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 113 (62 ก): 5–8. 20 พฤศจิกายน 2539. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-05-21. สืบค้นเมื่อ 2010-05-05.