จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

จังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย

พระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางและเป็นเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่สำคัญ โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ[3] และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เคยมีชื่อเสียงเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีอำเภอเมือง แต่มี อำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ชาวบ้านโดยทั่วไปนิยมเรียกอีกชื่อว่า "กรุงเก่า" หรือ "เมืองกรุงเก่า" ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 75 กิโลเมตร

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันChangwat Phra Nakhon Si Ayutthaya
(ตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย) วัดไชยวัฒนาราม, วัดพุทไธศวรรย์, หัวรถจักรเก่าชุมทางบ้านภาชี, กุ้งแม่น้ำเผา อาหารขึ้นชื่อของอยุธยา, ตลาดน้ำอโยธยา
คำขวัญ: 
ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ
เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา
เลอคุณค่ามรดกโลก
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเน้นสีแดงประเทศมาเลเซียประเทศพม่าประเทศลาวประเทศเวียดนามประเทศกัมพูชาจังหวัดนราธิวาสจังหวัดยะลาจังหวัดปัตตานีจังหวัดสงขลาจังหวัดสตูลจังหวัดตรังจังหวัดพัทลุงจังหวัดกระบี่จังหวัดภูเก็ตจังหวัดพังงาจังหวัดนครศรีธรรมราชจังหวัดสุราษฎร์ธานีจังหวัดระนองจังหวัดชุมพรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จังหวัดเพชรบุรีจังหวัดราชบุรีจังหวัดสมุทรสงครามจังหวัดสมุทรสาครกรุงเทพมหานครจังหวัดสมุทรปราการจังหวัดฉะเชิงเทราจังหวัดชลบุรีจังหวัดระยองจังหวัดจันทบุรีจังหวัดตราดจังหวัดสระแก้วจังหวัดปราจีนบุรีจังหวัดนครนายกจังหวัดปทุมธานีจังหวัดนนทบุรีจังหวัดนครปฐมจังหวัดกาญจนบุรีจังหวัดสุพรรณบุรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจังหวัดอ่างทองจังหวัดสิงห์บุรีจังหวัดสระบุรีจังหวัดลพบุรีจังหวัดนครราชสีมาจังหวัดบุรีรัมย์จังหวัดสุรินทร์จังหวัดศรีสะเกษจังหวัดอุบลราชธานีจังหวัดอุทัยธานีจังหวัดชัยนาทจังหวัดอำนาจเจริญจังหวัดยโสธรจังหวัดร้อยเอ็ดจังหวัดมหาสารคามจังหวัดขอนแก่นจังหวัดชัยภูมิจังหวัดเพชรบูรณ์จังหวัดนครสวรรค์จังหวัดพิจิตรจังหวัดกำแพงเพชรจังหวัดตากจังหวัดมุกดาหารจังหวัดกาฬสินธุ์จังหวัดเลยจังหวัดหนองบัวลำภูจังหวัดหนองคายจังหวัดอุดรธานีจังหวัดบึงกาฬจังหวัดสกลนครจังหวัดนครพนมจังหวัดพิษณุโลกจังหวัดอุตรดิตถ์จังหวัดสุโขทัยจังหวัดน่านจังหวัดพะเยาจังหวัดแพร่จังหวัดเชียงรายจังหวัดลำปางจังหวัดลำพูนจังหวัดเชียงใหม่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเน้นสีแดง
แผนที่ประเทศไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเน้นสีแดง
ประเทศ ไทย
การปกครอง
 • ผู้ว่าราชการ นิวัฒน์ รุ่งสาคร
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2565)
พื้นที่[1]
 • ทั้งหมด2,556.640 ตร.กม. (987.124 ตร.ไมล์)
อันดับพื้นที่อันดับที่ 63
ประชากร
 (พ.ศ. 2566)[2]
 • ทั้งหมด822,106 คน
 • อันดับอันดับที่ 29
 • ความหนาแน่น321.56 คน/ตร.กม. (832.8 คน/ตร.ไมล์)
 • อันดับความหนาแน่นอันดับที่ 11
รหัส ISO 3166TH-14
ชื่อไทยอื่น ๆอยุธยา, กรุงเก่า
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
 • ต้นไม้หมัน
 • ดอกไม้โสน
 • สัตว์น้ำกุ้งก้ามกราม
ศาลากลางจังหวัด
 • ที่ตั้งภายในศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เลขที่ 123 หมู่ที่ 3 ถนนสายเอเชีย ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000
 • โทรศัพท์0 3533 6554-5
เว็บไซต์http://www.ayutthaya.go.th/
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

ประวัติศาสตร์

แก้
 
กรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2209) วาดโดยบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์

พระนครศรีอยุธยาเคยเป็นราชธานี (เมืองหลวง) ของอาณาจักรอยุธยา หรืออาณาจักรสยาม ตลอดระยะเวลา 417 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 1893 กระทั่งเสียกรุงแก่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2310 ครั้นเมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ที่กรุงธนบุรี กรุงศรีอยุธยาก็ไม่ได้กลายเป็นเมืองร้าง ยังมีคนที่รักถิ่นฐานบ้านเดิมอาศัยอยู่และมีราษฎรที่หลบหนีไปอยู่ตามป่ากลับเข้ามาอาศัยอยู่รอบ ๆ เมือง รวมกันเข้าเป็นเมือง จนทางการยกเป็นเมืองจัตวาเรียกว่า "เมืองกรุงเก่า"

เมื่อ พ.ศ. 2325 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงยกเมืองกรุงเก่าขึ้นเป็น หัวเมืองจัตวา เช่นเดียวกับในสมัยกรุงธนบุรี หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้จัดการปฏิรูปการปกครองทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยการปกครองส่วนภูมิภาคนั้น โปรดให้จัดการปกครองแบบเทศาภิบาลขึ้น โดยให้รวมเมืองที่อยู่ใกล้เคียงกัน 3-4 เมือง ขึ้นเป็นมณฑล มีข้าหลวงเทศาภิบาลเป็นผู้ปกครอง โดยในปี พ.ศ. 2438 โปรดให้จัดตั้งมณฑลกรุงเก่าขึ้น ประกอบด้วยหัวเมืองต่าง ๆ คือ กรุงเก่าหรืออยุธยา อ่างทอง สระบุรี พระพุทธบาท ลพบุรี พรหมบุรี อินทร์บุรี และสิงห์บุรี

ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองอินทร์บุรีและเมืองพรหมบุรีเข้ากับเมืองสิงห์บุรี รวมเมืองพระพุทธบาทเข้ากับเมืองสระบุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา และในปี พ.ศ. 2469 เปลี่ยนชื่อจาก "มณฑลกรุงเก่า" เป็น "มณฑลอยุธยา" ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำคัญทางการบริหารการปกครองมากขึ้น การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา จนเมื่อยกเลิกการปกครองระบบมณฑลเทศาภิบาล ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน

ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายบูรณะโบราณสถานภายในเมืองอยุธยา เพื่อเป็นการฉลองยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ ประจวบกับในปี พ.ศ. 2498 นายกรัฐมนตรีประเทศพม่าเดินทางมาเยือนประเทศไทย และได้มอบเงินจำนวน 200,000 บาท เพื่อปฏิสังขรณ์วัดและองค์พระมงคลบพิตร เป็นการเริ่มต้นบูรณะโบราณสถานในอยุธยาอย่างจริงจัง ซึ่งต่อมากรมศิลปากรเป็นหน่วยงานสำคัญในการดำเนินการ จนองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโกมีมติให้ประกาศขึ้นทะเบียนอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็น "แหล่งมรดกโลก" เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 มีพื้นที่ครอบคลุมในบริเวณโบราณสถานเมืองอยุธยา

ภูมิศาสตร์

แก้

สภาพภูมิอากาศ

แก้
ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 31.0
(87.8)
33.3
(91.9)
35.4
(95.7)
35.9
(96.6)
34.3
(93.7)
32.6
(90.7)
32.0
(89.6)
31.4
(88.5)
31.3
(88.3)
31.3
(88.3)
30.7
(87.3)
30.0
(86)
32.4
(90.3)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) 17.0
(62.6)
19.4
(66.9)
22.3
(72.1)
24.3
(75.7)
24.5
(76.1)
24.3
(75.7)
24.0
(75.2)
23.8
(74.8)
23.5
(74.3)
22.5
(72.5)
20.0
(68)
17.4
(63.3)
21.9
(71.4)
ปริมาณฝน มม (นิ้ว) 2.4
(0.094)
18.8
(0.74)
43.5
(1.713)
67.9
(2.673)
208.0
(8.189)
223.0
(8.78)
180.8
(7.118)
260.0
(10.236)
213.9
(8.421)
167.6
(6.598)
37.1
(1.461)
0.8
(0.031)
1,423.8
(56.055)
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย 0 1 4 6 15 16 17 19 17 12 3 1 111
แหล่งที่มา: Thai Meteorological Department[4]

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด

แก้
  • คำขวัญประจำจังหวัด : ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา เลอคุณค่ามรดกโลก
  • ตราประจำจังหวัด : รูปสังข์ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพานแว่นฟ้าภายในปราสาทใต้ต้นหมัน
  • ต้นไม้ประจำจังหวัด : หมัน (Cordia dichotoma)
  • ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกโสน (สะ-โหน) (Sesbania aculeata)
  • สัตว์น้ำประจำจังหวัด : กุ้งก้ามกรามหรือกุ้งสมเด็จ (Macrobrachium rosenbergii)

การเมืองการปกครอง

แก้

ประวัติการแบ่งเขตการปกครอง

แก้

ในสมัยอาณาจักรอยุธยามีการแบ่งการปกครองในราชธานีออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ การปกครองภายในบริเวณกำแพงเมือง และภายนอกบริเวณกำแพงเมือง โดยในบริเวณกำแพงเมืองก็จะแบ่งออกเป็น 4 แขวง ได้แก่ แขวงขุนธรณีบาล แขวงขุนโลกบาล แขวงขุนธราบาล และแขวงขุนนราบาล ต่อมาในสมัยอาณาจักรธนบุรีจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รวมทั้ง 4 แขวงภายในกำแพงเมืองเป็นแขวงเดียวกัน เรียกว่า แขวงรอบกรุง และขยายอาณาเขตออกมาเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และต่อมาเปลี่ยนมาเป็นอำเภอรอบกรุง อำเภอกรุงเก่า และอำเภอพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน ตามลำดับ

ส่วนการปกครองภายนอกบริเวณกำแพงเมือง บริเวณนอกกำแพงเมืองแบ่งออกเป็น 3 แขวง ได้แก่ แขวงขุนนคร แขวงขุนอุทัย และแขวงขุนเสนา และต่อมามีการแบ่งออกเป็นแขวงต่าง ๆ ดังนี้

  • แขวงขุนนคร อยู่ทางทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของกำแพงพระนครตั้งแต่ลำน้ำลพบุรีและลุ่มน้ำป่าสัก ต่อมามีการแบ่งออกเป็นแขวง คือ ทางด้านตะวันตกเป็นแขวงนครใหญ่ และด้านตะวันออกเป็น แขวงนครน้อย
  • แขวงขุนอุทัย อยู่ทางใต้ตั้งแต่เขตของแขวงขุนนครตลอดลงมายังมายังแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันออก ต่อมาได้มีการแบ่งออกเป็นแขวง คือ แขวงอุทัยใหญ่ และแขวงอุทัยน้อย
  • แขวงขุนเสนา อยู่ทางด้านตะวันตกมีอาณาเขตด้านเหนือจรดตะวันตกเฉียงใต้ของแขวงขุนนครและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาได้มีการแบ่งออกเป็นแขวง คือ แขวงเสนาใหญ่ ทางด้านตะวันตก และแขวงเสนาน้อย ทางด้านตะวันออก

ดังนั้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แขวงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงมีทั้งหมด 7 แขวง ได้แก่ แขวงรอบกรุง แขวงนครใหญ่ แขวงนครน้อย แขวงอุทัยใหญ่ แขวงอุทัยน้อย แขวงเสนาใหญ่ และแขวงเสนาน้อย ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจัดระเบียบการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาล มีการรวมเมืองเข้าด้วยกันเป็นมณฑล เปลี่ยนคำเรียกเมืองเป็นจังหวัด แขวงจึงต้องเปลี่ยนเป็นอำเภอตามไปด้วย และต่อมาสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นได้ทรงดำริว่า อำเภอแต่ละอำเภอมีพลเมืองมากและมีท้องที่กว้าง จึงให้แบ่งเขตการปกครองออกไปอีกในทุกอำเภอ ยกเว้นอำเภอรอบกรุง อำเภออุทัยใหญ่ และอำเภออุทัยน้อย ดังนี้

  • อำเภอนครใหญ่ ให้ทางตอนเหนือคงเป็นอำเภอนครใหญ่ และแบ่งเขตท้องที่ตอนใต้ออกเป็นอำเภอนครใน
  • อำเภอนครน้อย ให้ทางตอนเหนือคงเป็นอำเภอนครน้อย และแบ่งเขตท้องที่ตอนใต้ออกเป็นอำเภอนครกลาง
  • อำเภอเสนาใหญ่ ให้ทางด้านทิศเหนือคงเป็นอำเภอเสนาใหญ่ และแบ่งเขตท้องที่ด้านทิศใต้ออกเป็นอำเภอเสนากลาง
  • อำเภอเสนาน้อย ให้ทางด้านทิศใต้คงเป็นอำเภอเสนาน้อย และแบ่งเขตท้องที่ด้านทิศเหนือออกเป็นอำเภอเสนาใน

ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่ออำเภอต่าง ๆ โดยในปี พ.ศ. 2443 เปลี่ยนชื่ออำเภออุทัยน้อยเป็นอำเภอพระราชวัง ในปี พ.ศ. 2446 เปลี่ยนชื่ออำเภอนครกลางเป็นอำเภอนครหลวงมาจนถึงปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2450 ได้แบ่งเขตท้องที่อำเภอพระราชวังด้านตะวันออกรวมกับอำเภออุทัยใหญ่ด้านใต้ แล้วยกขึ้นเป็นอำเภออุทัยน้อย แทนอำเภออุทัยน้อยเดิมที่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอพระราชวังเมื่อปี พ.ศ. 2443 และมีการเปลี่ยนชื่ออำเภอต่าง ๆ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ตรงกับชื่อตำบลที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอ อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อใหม่ ดังนี้[5]

และอีก 4 กิ่งอำเภอได้แก่ กิ่งอำเภอลาดบัวหลวง (ขึ้นกับอำเภอบางไทร), กิ่งอำเภอภาชี (ขึ้นกับอำเภออุทัย), กิ่งอำเภอบางซ้าย (ขึ้นกับอำเภอเสนา) และกิ่งอำเภอบ้านแพรก (ขึ้นกับอำเภอมหาราช) ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอตามลำดับจนครบในปี พ.ศ. 2502

การแบ่งเขตการปกครองในปัจจุบัน

แก้

การปกครองส่วนภูมิภาค

แก้
 
แผนที่อำเภอในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน

ปัจจุบันจังหวัดพระนครศรีอยุธยาประกอบด้วย 16 อำเภอ 209 ตำบล ได้แก่

  1. อำเภอพระนครศรีอยุธยา
  2. อำเภอท่าเรือ
  3. อำเภอนครหลวง
  4. อำเภอบางไทร
  5. อำเภอบางบาล
  6. อำเภอบางปะอิน
  7. อำเภอบางปะหัน
  8. อำเภอผักไห่
  1. อำเภอภาชี
  2. อำเภอลาดบัวหลวง
  3. อำเภอวังน้อย
  4. อำเภอเสนา
  5. อำเภอบางซ้าย
  6. อำเภออุทัย
  7. อำเภอมหาราช
  8. อำเภอบ้านแพรก

การปกครองส่วนท้องถิ่น

แก้

จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนทั้งสิ้น 158 แห่ง แบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, เทศบาลนคร 1 แห่ง คือ เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา, เทศบาลเมือง 5 แห่ง, เทศบาลตำบล 30 แห่ง, และองค์การบริหารส่วนตำบล 121 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามอำเภอต่าง ๆ ดังนี้

อำเภอพระนครศรีอยุธยา

อำเภอท่าเรือ

อำเภอนครหลวง

  • เทศบาลตำบลนครหลวง
  • เทศบาลตำบลอรัญญิก

อำเภอบางไทร

  • เทศบาลตำบลบางไทร
  • เทศบาลตำบลราชคราม

อำเภอบางบาล

  • เทศบาลตำบลบางบาล
  • เทศบาลตำบลมหาพรามณ์

อำเภอบางปะอิน

  • เทศบาลเมืองบ้านกรด
  • เทศบาลตำบลบางปะอิน
  • เทศบาลตำบลบ้านสร้าง
  • เทศบาลตำบลพระอินทราชา
  • เทศบาลตำบลปราสาททอง
  • เทศบาลตำบลคลองจิก
  • เทศบาลตำบลเชียงรากน้อย
  • เทศบาลตำบลบางกระสั้น
  • เทศบาลตำบลตลาดเกรียบ

อำเภอบางซ้าย

  • เทศบาลตำบลบางซ้าย

อำเภอบางปะหัน

  • เทศบาลตำบลบางปะหัน

อำเภอผักไห่

อำเภอภาชี

  • เทศบาลตำบลภาชี

อำเภอลาดบัวหลวง

  • เทศบาลตำบลลาดบัวหลวง
  • เทศบาลตำบลสามเมือง

อำเภอวังน้อย

อำเภอเสนา

  • เทศบาลเมืองเสนา
  • เทศบาลตำบลสามกอ
  • เทศบาลตำบลเจ้าเจ็ด
  • เทศบาลตำบลบางนมโค
  • เทศบาลตำบลหัวเวียง

อำเภออุทัย

  • เทศบาลตำบลอุทัย

อำเภอมหาราช

  • เทศบาลตำบลมหาราช
  • เทศบาลตำบลโรงช้าง

อำเภอบ้านแพรก

  • เทศบาลตำบลบ้านแพรก

รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด

แก้
ลำดับ ชื่อ ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
1 เจ้าพระยาชัยวิชิตสิทธิสงคราม สมัยรัชกาลที่ 1
2 พระยาชัยวิชิตสิทธิสาตรามหาประเทศราชสุรชาติเสนาบดี สมัยรัชกาลที่ 3
3 พระยามหาสิริธรรมพโลปถัมภ์เทพทราวดีศรีรัตนธาดามหาปเทศาธิบดีอภัยพิริยะปรากรมพาหุ สมัยรัชกาลที่ 4
4 พระยาสีหราชฤทธิไกรยุตินัเนติธรรมธาดามหาปเทศาธิบดีอภัยพิริยะปรากรมพาหุ สมัยรัชกาลที่ 4
5 พระยาชัยวิชิตสิทธิศักดามหานคราธิการ สมัยรัชกาลที่ 4
6 พระยาชัยวิชิตสิทธิสาตรามหาปเทศาธิบดี (สิงห์โต) สมัยรัชกาลที่ 5
7 พระยาเพชรชฎา (นาค ณ ป้อมเพชร)
(ภายหลังรับพระราชทานบรรดาศักดิ์ใหม่เป็น พระยาชัยวิชิตสิทธิศักดามหานคราธิการ)
สมัยรัชกาลที่ 5
8 หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ (พร เดชะคุปต์)
(ภายหลังเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระอนุรักษ์ภูเบศร์, พระยาโบราณบุรานุรักษ์, และพระยาโบราณราชธานินทร์ ตามลำดับ)
สมัยรัชกาลที่ 5
9 พระยาพิทักษ์เทพธานี (ชุ่ม อรรถจินดา) สมัยรัชกาลที่ 5
10 หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) พ.ศ. 2447–2448[6][7]
11 พระยาอมรฤทธิธำรง (ฉี่ บุนนาค) พ.ศ. 2454–2455
12 หลวงพิทักษ์ฤทธิรงค์ (บุญ บุญอารักษ์) พ.ศ. 2455
13 พระพิทักษ์เทพธานี (พร พิมพะสุต) พ.ศ. 2456–2459
14 พระพิทักษ์เทพธานี (ปุ่น อาสนจินดา) พ.ศ. 2459–2462
15 พระยาอมรฤทธิธำรง (บุญชู บุนนาค) พ.ศ. 2462–2465
16 พระทวาราวดีภิบาล (เชย ชัยประภา) พ.ศ. 2465
17 พระยากรุงศรีสวัสดิการ (จำรัส สวัสดิ์-ชูโต) พ.ศ. 2465–2468
พระทวาราวดีภิบาล (เชย ชัยประภา) ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2468–2472
18 พระยาสัจจาภิรมย์ (สรวง ศรีเพ็ญ) พ.ศ. 2472–2474
19 พระยาจินดารักษ์ (จำลอง สวัสดิ์-ชูโต) พ.ศ. 2474–2476
20 พระณรงค์ฤทธิ์ (ชาย ดิฐานนท์) พ.ศ. 2476–2479
21 พระชาติตระการ (หม่อมราชวงศ์จิตร คเนจร) พ.ศ. 2479–2482
22 หลวงบริหารชนบท (ส่าน สีหไตรย์) พ.ศ. 2482–2484
23 หลวงประสิทธิบุรีรักษ์ (ประยงค์ สุขะปิยังคุ) พ.ศ. 2484–2489
24 ขุนปฐมประชากร (สมบูรณ์ จันทรประทีป) พ.ศ. 2489–2490
25 พระราชญาติรักษา (ประกอบ บุนนาค) พ.ศ. 2490–2495
26. ถนอม วิบูลษ์มงคล พ.ศ. 2495–2495
27 ขุนธรรมรัฐูธุราทร (ธรรมรัตน์ โรจนสุนทร) พ.ศ. 2495–2496
ลำดับ ชื่อ ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
28 เกียรติ ธนกุล พ.ศ. 2496–2497
29 สง่า ศุขรัตน์ พ.ศ. 2497–2498
30 สุทัศน์ สิริสวย พ.ศ. 2498–2502
31 พ.ต.อ. เนื่อง รายะนาค พ.ศ. 2502–2510
32 จำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา พ.ศ. 2510–2514
33 วรวิทย์ รังสิโยทัย พ.ศ. 2514–2516
34 ร.ต.ท. ระดม มหาศรานนท์ พ.ศ. 2516–2517
35 วิทยา เกษรเสาวภาค พ.ศ. 2517–2519
36 สมพร ธนสถิตย์ พ.ศ. 2519–2520
37 วิเชียร เวชสวรรค์ พ.ศ. 2520–2521
38 สุชาติ พัววิไล พ.ศ. 2521–2523
39 ฉลอง วงษา พ.ศ. 2523–2524
40 ร.ต. กิติ ประทุมแก้ว พ.ศ. 2524–2529
41 ชัยวัฒน์ หุตะเจริญ พ.ศ. 2529–2534
42 ปรีดี ตันติพงศ์ พ.ศ. 2534–2537
43 บรรจง กันตวิรุฒ พ.ศ. 2537–2540
44 ยุวัฒน์ วุฒิเมธี พ.ศ. 2540–2542
45 ฐิระวัตร กุลละวณิชย์ พ.ศ. 2542–2545
46 สุรพล กาญจนะจิตรา พ.ศ. 2545–2546
47 สมศักดิ์ แก้วสุทธิ พ.ศ. 2546–2548
48 สมชาย ชุ่มรัตน์ พ.ศ. 2548–2549
49 เชิดพันธ์ ณ สงขลา พ.ศ. 2549–2551
50 ปรีชา กมลบุตร พ.ศ. 2551–2552
51 วิทยา ผิวผ่อง พ.ศ. 2552–2557
52 อภิชาติ โตดิลกเวชช์ พ.ศ. 2557–2558
53 ประยูร รัตนเสนีย์ พ.ศ. 2558–2559
54 สุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ พ.ศ. 2559–2562
55 ภานุ แย้มศรี พ.ศ. 2562–2564
56 วีระชัย นาคมาศ พ.ศ. 2564–2565
57 นิวัฒน์ รุ่งสาคร พ.ศ. 2565–ปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

แก้
 
สวนอุตสาหกรรมโรจนะในช่วงมหาอุทกภัย พ.ศ. 2554

จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถือเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัดมีมูลค่าสูงเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ รองจากจังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี ทั้งนี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่ในเขตส่งเสริมการลงทุน เขต 2 มีนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน, นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค), นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง และมีเขตประกอบการอุตสาหกรรม 3 แห่ง ได้แก่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมแฟตเตอรี่แลนด์วังน้อย สวนอุตสาหกรรมโรจนะ และสวนอุตสาหกรรมโรจนะ 2

ประชากร

แก้
สถิติประชากร
ตามทะเบียนราษฎร
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ปีประชากร±%
2549 753,986—    
2550 760,712+0.9%
2551 769,126+1.1%
2552 775,157+0.8%
2553 782,096+0.9%
2554 787,653+0.7%
2555 793,509+0.7%
2556 797,970+0.6%
2557 803,599+0.7%
2558 808,360+0.6%
2559 810,320+0.2%
2560 813,852+0.4%
2561 817,441+0.4%
2562 820,188+0.3%
2563 819,088−0.1%
2564 820,512+0.2%
2565 820,417−0.0%
2566 822,106+0.2%
อ้างอิง:กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[8]

โครงสร้างพื้นฐาน

แก้

การศึกษา

แก้
สถานศึกษาในระดับอุดมศึกษา
สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษา
สถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา

การขนส่ง

แก้

ถนน

แก้

การเดินทางเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

  • ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านประตูน้ำพระอินทร์แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 309 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 (ถนนแจ้งวัฒนะ) หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 302 (ถนนงามวงศ์วาน) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 306 (ถนนติวานนท์) แล้วข้ามสะพานนนทบุรีหรือสะพานนวลฉวีไปยังจังหวัดปทุมธานีต่อด้วยเส้นทาง ปทุมธานี-สามโคก-เสนา (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3111) เลี้ยวแยกขวาที่อำเภอเสนา เข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3263 เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • เส้นทางกรุงเทพฯ-นนทบุรี-ปทุมธานี ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 306 ถึงทางแยกสะพานปทุมธานี เลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 แล้วไปแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3309 ผ่านศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อำเภอบางปะอิน เข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ถนนกาญจนาภิเษก เริ่มตั้งแต่กิโลเมตรที่ 71+570 ที่ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางไทร ตัดถนนสามโคก-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร (3309) ที่กิโลเมตรที่ 72 เข้าสู่พื้นที่อำเภอบางปะอิน ตัดทางพิเศษอุดรรัถยา ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 347 ที่กิโลเมตรที่ 77 ข้ามคลองเปรมประชากรและทางรถไฟสายเหนือ ไปบรรจบถนนพหลโยธิน กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32กิโลเมตรที่ 52-53
  • ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด หรือ "ทางด่วน 2 (ส่วนนอกเมือง)") เริ่มต้นจากถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ถึง ถนนกาญจนาภิเษก อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

รถโดยสารประจำทาง

แก้

ปัจจุบันรถโดยสารประจำทางสาย กรุงเทพฯ-อยุธยา มีให้บริการ 2 ประเภท[9] 1.รถบัส ประเภท ปรับอากาศชั้น 2 สายที่ 901 กรุงเทพฯ (หมอชิตใหม่) -อยุธยา ให้บริการอยู่ที่ ท่ารถไปกรุงเทพฯ (ถนนนเรศวร) 2.รถตู้ ประเภท มาตรฐาน 2 (จ) 2 (ต) 2 (ช)

 
รถโดยสารประจำทางพัดลม สายสุพรรณบุรี - อยุธยา
ประเภทรถ ต้นทาง เวลาบริการ ค่าโดยสาร เวลาเดินทาง
ปรับอากาศชั้น 1 (ไม่มีการให้บริการแล้ว) กรุงเทพ 69 1 ชั่วโมง 30 นาที
ปรับอากาศชั้น 1 (ไม่มีการให้บริการแล้ว) อยุธยา 69 1 ชั่วโมง 30 นาที
ปรับอากาศชั้น 2 กรุงเทพ 53 1 ชั่วโมง 30 นาที
ปรับอากาศชั้น 2 อยุธยา 05:00 07:00 16:30 เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดพิเศษ 07:00 09:00 16:30 53 1 ชั่วโมง 30 นาที

รถไฟ

แก้
 
สถานีรถไฟอยุธยา

การเดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถใช้บริการรถไฟโดยสารที่มีปลายทางสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนรถไฟจะผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในเขตอำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา และอำเภอภาชี ทางรถไฟจะแยกไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี

การคมนาคมภายในตัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

แก้
  • รถสามล้อเครื่อง คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
  • รถสามล้อถีบ คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
  • รถจักรยานยนต์รับจ้าง คิดค่าโดยสารตามระยะทาง
  • รถสองแถว มีหลายสาย คิดค่าโดยสารตามระยะทาง

ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอต่างๆ

แก้

สถานที่สำคัญ

แก้
 
วัดพระศรีสรรเพชญ์
 
พระราชวังโบราณ อยุธยา
 
วัดใหญ่ชัยมงคล
 
หอวิฑูรทัศนาและพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญในพระราชวังบางปะอิน

เมืองพี่เมืองน้อง

แก้

บุคคลที่มีชื่อเสียง

แก้

ด้านศาสนา

แก้

การเมือง

แก้

ศิลปวัฒนธรรมและบันเทิง

แก้

กีฬา

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "ข้อมูลการปกครอง." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm เก็บถาวร 2016-03-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
  2. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้านประจำปี พ.ศ. 2566." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/stat/statnew/statTDD/views/showDistrictData.php?rcode=14&statType=1&year=66 2566. สืบค้น 27 กุมภาพันธ์ 2567.
  3. "รายงานสถิติผลิตภัณฑ์ภาคและจังหวัดประจำปี 2552" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2014-04-04. สืบค้นเมื่อ 2011-10-15.
  4. "30 year Average (1961-1990) - AYUTTHAYA". Thai Meteorological Department. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-21. สืบค้นเมื่อ 2011-11-12.
  5. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนชื่ออำเภอ เก็บถาวร 2011-11-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนราชกิจจานุเบกษา เล่ม 34 ตอนที่ ก วันที่ 29 เมษายน 2460
  6. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้หม่อมอมรวงษ์วิจิตร ผู้แทนเลขานุการมหาดไทย เป็นผู้รั้งตำแหน่งปลัดเทศาภิบาล มณฑลกรุงเก่า ให้พระราชพินิจจัยเป็นผู้แทนเลขานุการต่อไป, เล่ม 21, ตอน 46, 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2447, หน้า 844
  7. แจ้งความกระทรวงมหาดไทย
  8. สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "จำนวนประชากรและบ้าน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.dopa.go.th/xstat/popyear.html 2555. สืบค้น 3 เมษายน 2556.
  9. กองบรรณาธิการนายรอบรู้. นายรอบรู้เที่ยวทั่วไทย อยุธยา . กรุงเทพมหานคร : นายรอบรู้ , 2551

ดูเพิ่ม

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้

14°22′N 100°34′E / 14.36°N 100.57°E / 14.36; 100.57