ณรงค์ กิตติขจร

พันเอก ณรงค์ กิตติขจร (21 ตุลาคม พ.ศ. 2476 —) เป็นอดีตนักการเมือง และเป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 10 จอมพล ถนอม กิตติขจร อีกทั้งยังเป็นบุตรเขยของ จอมพล ประภาส จารุเสถียร

พันเอก
ณรงค์ กิตติขจร
ป.ช.,ป.ม.,ต.จ.
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด 21 ตุลาคม พ.ศ. 2476 (89 ปี)
คู่สมรส สุภาพร กิตติขจร(จารุเสถียร)​
บุตร 4 คน
ศาสนา พุทธ

ประวัติแก้ไข

เป็นหนึ่งใน 3 บุคคลของฝ่ายรัฐบาลที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในเหตุการณ์ 14 ตุลา ปี 2516 ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 77 ราย ส่งผลให้ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร, จอมพล ถนอม กิตติขจร และจอมพล ประภาส จารุเสถียร ต้องออกจากประเทศภายหลังเหตุการณ์สงบลง พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ก็ได้เดินทางกลับประเทศไทย และได้ลงเล่นการเมือง โดยเข้าร่วมงานกับพรรคเสรีนิยม และเขาได้รับเลือกเป็น ส.ส. ด้วยกัน 2 สมัย นอกจากนี้แล้ว พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ยังถูกสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการบงการสั่งฆาตกรรมนักธุรกิจและศัตรูทางการเมืองอีกมากมาย โดยอาศัยอำนาจที่มีอยู่ในสมัยที่รุ่งเรือง ปิดคดีความต่างๆ และไม่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึงอีกเลย

ชีวิตส่วนตัวแก้ไข

พ.อ.ณรงค์ เป็นบุตรชายของจอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี และเป็นบุตรเขยของ จอมพลประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมตำรวจ เพราะได้สมรสกับนางสุภาพร กิตติขจร บุตรสาวคนที่ 3 ของจอมพลประภาส ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกับมาตั้งแต่อายุได้ 5-6 ขวบ และได้ขอแต่งงานเมื่อคุณสุภาพรอายุได้เพียง 18 ปีเท่านั้น (ในขณะนั้น พ.อ.ณรงค์ ติดยศ"ร้อยตรี") โดยมีบุตร-ธิดารวม 4 คน ได้แก่

  • พล.อ.เกริกเกียรติ กิตติขจร สมรสกับ นัฎฐา กิตติขจร มีบุตรสาว ชื่อ กนกรส กิตติขจร และบุตร ชื่อ กฎเกณฑ์ กิตติขจร
  • นายกรกาจ กิตติขจร (เสียชีวิตแล้ว) ใน เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2557[1] สมรสกับ ประพจนีย์ กิตติขจร มีบุตร ชื่อ กิตติพจน์ กิตติขจร
  • พล.ต.กิจก้อง กิตติขจร
  • นาง กรองกาญจน์ ดิศกุล ณ อยุธยา

การศึกษาแก้ไข

พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร [2]จบการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แล้วศึกษาต่อที่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จปร.รุ่นที่5 และโรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์ สหราชอาณาจักร[2] (Royal Military Academy Sandhurst) ซึ่งเป็นโรงเรียนนายร้อยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอังกฤษ

การรับราชการแก้ไข

 
เฮลิคอปเตอร์ลำนี้ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เป็นคนสั่งยิงลงมาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเบื้องล่าง ในเหตุการณ์ 14 ตุลา

พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐประหาร (รัฐประหารในประเทศไทย 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514) เมื่อการรัฐประหารเสร็จสิ้นลง ได้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการตรวจและติดตามผลการปฏิวัติราชการ (ก.ต.ป.) และเป็นผู้บังคับบัญชากองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 พัน.2 รอ.)

หลังจากเหตุการณ์รัฐประหารครั้งนี้แล้ว พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร เป็นที่คาดหมายว่าจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อจากจอมพลถนอม กิตติขจร ผู้เป็นพ่อ เพราะด้วยสถานการณ์ในเวลานั้น ปรากฏข่าวการคอร์รัปชั่นกันอย่างกว้างขวางรวมทั้งการใช้อำนาจไปในทางที่มิชอบด้วย เช่น กรณีเฮลิคอปเตอร์ของทหารตกที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2516 เป็นต้น ทางรัฐบาลได้แก้ปัญหาด้วยการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามผลการปฏิบัติราชการ หรือ ก.ต.ป. ขึ้นมาเพื่อจัดการปัญหาการคอร์รัปชั่น แต่กลับมี พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ซึ่งเป็นลูกชายนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแล จึงไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการปัญหาได้อย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา ขึ้น ประชาชนส่วนหนึ่งที่โกรธแค้นจึงได้เผาทำลายอาคารของสำนักงานแห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ ณ สี่แยกคอกวัว

ส่วนบทบาทของ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และเป็นผู้กราดยิงกระสุนจริงจากเฮลิคอปเตอร์ลงมายังผู้ชุมนุมที่อยู่เบื้องล่าง แต่ พ.อ.ณรงค์ ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้มาโดยตลอด

การเมืองแก้ไข

หลังสถานการณ์ทางการเมืองสงบลง พ.อ.ณรงค์ ได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย และลงสมัคร ส.ส. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดพรรคชาติไทย ในปี พ.ศ. 2526 และเข้าร่วมกับพรรคการเมืองชื่อพรรค "เสรีนิยม" ซึ่งมี ปรีดา พัฒนถาบุตร เป็นหัวหน้าพรรค และต่อมาได้เปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารโดย พ.อ.ณรงค์ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน เขาได้ลงสมัคร ส.ส. ในจังหวัดเดิม ได้รับเลือกตั้งมาอีก 2 สมัย ในปี พ.ศ. 2529 และ พ.ศ. 2531 และ ยังได้รับแต่งตั้งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2534

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ได้เปิดตัวหนังสือมา 2 เล่ม ชื่อ "ลอกคราบ 14 ตุลา ดักแด้ประวัติศาสตร์การเมืองไทย" และ "พันเอกณรงค์ กิตติขจร 30 ปี 14 ตุลา ข้อกล่าวหาที่ไม่สิ้นสุด" โดยมีเนื้อหาอ้างอิงจากเอกสารราชการลับในเหตุการณ์ 14 ตุลา ซึ่งมีเนื้อหาว่าทั้ง พ.อ.ณรงค์ และจอมพลถนอม มิได้เป็นผู้สั่งการในเหตุการณ์ 14 ตุลา[3] [4]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข


ดูเพิ่มแก้ไข

อ้างอิงแก้ไข

  1. หนังสือที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพ
  2. 2.0 2.1 ประวัติผู้สมัคร ส.ส.[ลิงก์เสีย]
  3. ประวัติศาสตร์การศึกษา วันมหาวิปโยค 14 ตุลา 16 - 6 ตุลา 19 โดย แปลก เข็มพิลา ISBN 974-7753-87-1
  4. "ณรงค์โยนพล.อ.กฤษณ์ ต้นเหตุความรุนแรง14ต.ค." คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-24. สืบค้นเมื่อ 2007-06-05.
  5. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (ชั้นสายสะพาย)เล่ม ๑๐๖ ตอน ๒๑๔ ง ฉบับพิเศษ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ หน้า ๑
  6. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
  7. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม 79, ตอน 46, 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2505, หน้า 1249
  8. แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญกล้าหาญ
  9. แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 78 ตอนที่ 12 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2504
  10. แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องหมายเปลวระเบิดสำหรับประดับแพรแถบเหรียญชัยสมรภูมิ เล่ม 86 ตอนที่ 2 ราชกิจจานุเบกษา 6 มกราาคม 2512