โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (อังกฤษ: Suankularb Wittayalai School; อักษรย่อ: ส.ก. / S.K.) เป็นโรงเรียนชายล้วน ระดับชั้น มัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ชื่อเดิม: กรมสามัญศึกษา) กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการสถาปนาขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2424 (ขณะนั้นนับวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ เมื่อนับอย่างสากลถือเป็น พ.ศ. 2425) ถือเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของประเทศไทย

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ละติน: Suankularb Wittayalai School
ตึกยาว หรืออาคารสวนกุหลาบฝั่งด้านใน
ที่ตั้ง
แผนที่
เลขที่ 88 ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200[1]
ข้อมูล
ประเภทโรงเรียนรัฐบาล
โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ
คำขวัญบาลี: สุวิชาโน ภวํ โหติ
(ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ)
สถาปนา8 มีนาคม พ.ศ. 2425
(142 ปี 241 วัน)
ผู้ก่อตั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ผู้บริหารดร.ภูมิสิษฐ์ สุคนธวงศ์
จำนวนนักเรียน3,180 คน [2] 2562
ชั้นเรียนที่เปิดสอนมัธยมศึกษา
สี   ชมพู-ฟ้า
เพลงเพลงประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
เพลงมาร์ชชมพูฟ้า
ฯลฯ
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 สพฐ.
เว็บไซต์www.sk.ac.th
สวนกุหลาบวิทยาลัยตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร
สวนกุหลาบวิทยาลัย
สวนกุหลาบวิทยาลัย
สวนกุหลาบวิทยาลัย (กรุงเทพมหานคร)

โรงเรียนตั้งอยู่เลขที่ 88 ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร บนเนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา ประกอบด้วยอาคารเรียน 7 หลัง สนามฟุตบอล สระว่ายน้ำ โรงอาหาร อาคารอเนกประสงค์ และหอประชุม มีการจัดการเรียนการสอนในช่วงชั้นการศึกษาที่ 3 และ 4 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 36 ห้องเรียน มัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 42 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 78 ห้องเรียน ในรูปแบบ 12-12-12/14-14-14

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมีชื่อเสียงในด้านคุณภาพของระบบการเรียนการสอนและกิจกรรมด้านต่าง ๆ ถือเป็นโรงเรียนต้นแบบในเครือ "สวนกุหลาบวิทยาลัย" มีการสร้างพันธกิจสำคัญร่วมกันขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาโดยการบริหารจัดการขององค์กรเครือข่ายสวนกุหลาบ สร้างบรรทัดฐานการเรียนการสอนไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีงานสวนกุหลาบสัมพันธ์และงานลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ ซึ่งจัดขึ้นร่วมกับโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัยเป็นประจำทุกปี

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยยังเป็นหนึ่งในกลุ่มโรงเรียนจตุรมิตรสามัคคี ประกอบด้วย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ซึ่งเป็นประเพณีการแข่งขันฟุตบอลและการแปรอักษรที่จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี ณ สนามศุภชลาศัย โดยแต่ละโรงเรียนจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพ

ประวัติ

ประวัติโรงเรียน

ราว พ.ศ. 2325 เมื่อแรกสร้างพระบรมมหาราชวังในสมัยรัชกาลที่ 1 บริเวณวังข้าง ด้านใต้หมดเพียงป้อมอนันตคิรี กำแพงพระราชวังหักตรงไปทางตะวันตกจนถึงป้อมสัตบรรพตในระหว่าง กำแพงพระบรมมหาราชวังกับวัดพระเชตุพนมีบ้านเสนาบดีและวังเจ้า คั่นอยู่หลายบริเวณครั้นเมื่อถึงรัชกาลที่ 2 จึงมีการขยายเขตพระราชวังออกไป ในพระราชวังด้านใต้มีที่ว่าง โปรดฯให้ทำสวนปลูกต้นกุหลาบ สำหรับเก็บดอกใช้ในราชการจึงเกิดมีสวนกุหลาบขึ้นในพระราชวัง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 เป็นต้นมา และในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดฯให้แบ่งสวนกุหลาบส่วนหนึ่งสร้างพระคลังศุภรัตน ทำเป็นตึกรูปเก๋งจีน แต่พื้นที่นอกจากสร้างคลังศุภรัตน ยังคงเป็นสวนกุหลาบต่อมาอย่างเดิม

ต่อมาในรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เจริญพระชันษาถึงเวลาจะเสด็จมาประทับอยู่พระราชวังชั้นนอก แต่พระบรมพระชนกนาถมีพระประสงค์ที่จะให้เสด็จประทับอยู่ในที่ใกล้พระองค์ จึงโปรดฯให้จัดตำหนักพระราชทานเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ในสวนกุหลาบ บริเวณอาคารพระคลังศุภรัตน ซึ่งสร้างไว้ในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้เรียกพระตำหนักนี้ว่า พระตำหนักสวนกุหลาบ และหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ก็โปรดฯให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เสด็จไปประทับอยู่ที่พระตำหนักสวนกุหลาบแทน จนออกจากวัง และจากนั้นมาก็ใช้เป็นคลังเก็บของเรื่อยไป[3]

ยุคที่ 1 พระพุทธเจ้าหลวงทรงให้กำเนิด
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว โปรดฯ ให้เลือกสรรลูกผู้ดีมาฝึกหัด จัดเป็นกรมทหารมหาดเล็กสำหรับรักษาพระองค์ และให้เป็นที่ศึกษาหาความรู้ในราชสำนักสำหรับราชการด้วย และพระองค์เองก็ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็ก ครั้นเมื่อกรมทหารมหาดเล็กเจริญขึ้นทรงพระราชดำริว่า เชื้อสายราชสกุลชั้นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์มีอยู่มากแต่มักไม่ได้รับการอบรม บางคนประพฤติเสเพลเป็นนักเลงหัวไม้ เมื่อเกิดถ้อยความก็ขึ้นชื่อว่า เชื้อเจ้านายไปรังแกผู้อื่น จึงโปรดให้หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ซึ่งมีอายุสมควรจะฝึกหัด เข้าเป็นทหารมหาดเล็ก

ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็ก ได้ทรงดำริที่จะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อฝึกหัดหม่อมเจ้า และหม่อมราชวงศ์โดยเฉพาะ ให้เป็นทหารมหาดเล็ก ทั้งนี้เนื่องจากฐานะทหารมหาดเล็กได้เสื่อมไปไม่เหมือนแต่ก่อน ประกอบกับสมัยนั้นราชการกระทรวงต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงแบบแผนเป็นอย่างใหม่ เป็นที่นิยมของคนหนุ่ม ๆ ขึ้นมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนซึ่งมีเพียงทหารมหาดเล็กอย่างเดียว ดังนั้นกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงคิดว่าควรจะจัดตั้งโรงเรียนจะได้มีผู้สมัครเข้ามามาก กรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงนำความเห็น ขึ้นกราบทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับความเห็นชอบด้วย พระองค์ดำรัสสั่งให้จัดตั้งโรงเรียน ตามที่คิดนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรับจะทรงอุดหนุน ครั้นจะเลือกหาที่ตั้งโรงเรียนในโรงเรียน มหาดเล็กก็ไม่มีที่พอแก่การจัด จึงได้เลือก พระตำหนักสวนกุหลาบ ซึ่งตอนนั้นใช้เป็นคลังรุงรังรกอยู่ไม่เป็นประโยชน์นัก จึงกราบทูลฯ ขอ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นในที่นั้น อาศัย เหตุนั้นจึงได้เรียกชื่อว่า "โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ" เมื่อ พ.ศ. 2425 เป็นต้น

 
สวนกุหลาบอังกฤษสุนันทาลัย

โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบได้จัดทั้งการฝึกหัดอย่างทหาร และเรียนแบบสามัญเหมือนโรงเรียนทั้งปวงด้วย ต่อมากิจการงานของโรงเรียนเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ มีหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์และบุตรหลานของข้าราชการ สมัครเรียนมากขึ้นทุกที จนเกินจำนวนตำแหน่งนายทหารมหาดเล็ก ฉะนั้น ณ จุดนี้เอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงตัดสินพระทัยว่า ถ้าหากเปลี่ยนให้เป็นโรงเรียน สำหรับข้าราชการทั่วไป จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองยิ่งกว่าเป็นโรงเรียนสำหรับนายทหารมหาดเล็กกรมเดียว และได้เปลี่ยนฐานะนักเรียนจากทหารมาเป็นนักเรียนพลเรือน นอกจากนั้นพระองค์ก็ได้โปรดฯ ให้สร้างตึกยาวทางพระราชวังด้านใต้ ใช้เป็นที่เล่าเรียนและที่อยู่นักเรียนอีกหลังหนึ่งด้วย การตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบจึงนับว่าสำเร็จบริบูรณ์เมื่อ ปีระกา พ.ศ. 2427 นั่นเอง โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2436 จึงขยายออกไปตั้งนอกพระบรมมหาราชวัง และจากเหตุนี้เองจึงเรียกชื่อเพียง "โรงเรียนสวนกุหลาบ" กับได้แยกเป็น 2 แห่ง คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทย และ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษ

ยุคที่ 2 ขยายออกนอกวัง

  • โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทย

หลังจากออกย้ายจากพระบรมมหาราชวัง โรงเรียนสวนกุหลาบก็ได้เคลื่อนย้ายไปยังศาลา 4 หลัง ของวัดมหาธาตุด้านทิศเหนือเรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวัดมหาธาตุด้านทิศเหนือ เพื่อรอการก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ ซึ่งในช่วงนี้มีโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทยอยู่ 2 ที่ ซึ่งอีกที่หนึ่งอยู่ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงในพระบรมมหาราชวัง เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบไทยในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งโรงเรียนนี้คาดว่าเกิดจากการเคลื่อนย้าย ไปยังวัดมหาธาตุนั้นเคลื่อนย้ายไปไม่หมด ต่อมากระทรวงธรรมการได้งบประมาณในการสร้างที่ว่าการกระทรวงใหม่ และกระทรวงต้องการให้โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกหัดทดลองวิธีสอนและตำราเรียน จึงยกตึกหลังแรกใน 3 หลัง ให้เป็นโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวังหน้า ซึ่งจริง ๆ กระทรวงต้องการให้โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายอังกฤษมารวมกันที่นี่ แต่สถานที่คับแคบไป จึงนำมาเฉพาะโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทยเพียงฝ่ายเดียว ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 กระทรวงธรรมการ ได้ย้ายสถานที่ใหม่ ดังนั้นโรงเรียนสวนกุหลาบจึงต้องย้ายด้วย ซึ่งได้ย้ายไปอาศัยอยู่ ณ บริเวณศาลาวัดมหาธาตุด้านใต้เป็นการชั่วคราว จนกระทั่งย้ายมาอยู่ที่โรงเลี้ยงเด็กริมคลองมหานาค (โรงเรียนสวนกุหลาบโรงเลี้ยงเด็กริมคลองมหานาค) หลังจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทยได้ย้ายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ถึง 5 แห่ง โรงเรียนสวนกุหลาบก็ได้กลับมารวมอีกครั้งที่ "ตึกแถวหลังยาววัดราชบูรณะ" โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมโยธาธิการออกแบบ แล้วใช้งบประมาณของวัดราชบูรณะเพื่อเช่าสถานที่ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กำหนดเป็นโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาพิเศษ แล้วให้ชื่อว่า "โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย" และการรวมตัวครั้งนี้เป็นการรวม "สวนกุหลาบ" ทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษด้วย

  • โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษ

หลังจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทย ย้ายออกจากพระบรมมหาราชวังไปแล้ว แต่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษยังคงอยู่ในพระบรมหาราชวัง โดยย้ายจากที่เดิมมาอยู่ที่ตึก 2 หลังริมพระที่นั่งสุทไธสวรรย เรียกว่า "โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบริมพระที่นั่งสุทธัยสวรรค์" ต่อมาได้ย้ายไปตั้งอยู่ ณ วังพระองค์เจ้าภานุมาศ ซึ่ง หมายถึง "วังหน้า" เดิมในสมัยรัชกาลที่ 4 เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวังหน้า โดยอาศัยเก๋งจีนที่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นที่สอน หลังจากอาศัยอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง ก็ได้ย้ายมาตั้งอยู่ที่สตรีสวนสุนันทาลัย (ปากคลองตลาด) เนื่องจากโรงเรียนนี้มีนักเรียนน้อยลงเรื่อย ๆ จำต้องปรับปรุง มีการพักการเรียนการสอนไว้ก่อน โรงเรียนสวนกุหลาบซึ่งยังไม่มีสถานที่แน่นอน จึงได้ย้ายมาเปิดการสอนเป็นชั่วคราว เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบอังกฤษสุนันทาลัย จนกระทั่งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีหนังสือขอพระราชทานที่โรงเรียนสตรีสุนันทาลัยเพื่อปรับปรุงให้เป็น "โรงเรียนราชินี" โรงเรียนสวนกุหลาบอังกฤษสุนันทาลัยจึงได้ย้ายมารวมอยู่กับโรงเรียนเทพศิรินทร์ เพราะว่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียนครั้งใหญ่ ใช้งบประมาณในการสร้างโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบแห่งใหม่ โดยมีข้อตกลงในการก่อสร้าง "ตึกแม้นนฤมิตร์" เป็นตึกเรียนหลังใหม่ และให้ชื่อว่า โรงเรียนสวนกุหลาบตึกแม้นนฤมิตร์ ทั้งนี้โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้กรมศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการทำสัญญาก่อสร้าง ต่อมาได้มีการเปลี่ยนนามโรงเรียนสวนกุหลาบเป็นโรงเรียนเทพศิรินทร์ตึกแม้นนฤมิตร์แทน โดยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าพระองค์ได้ออกเงินเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

ยุคที่ 3 กลับมารวมตัว

ต่อมาการเดินทางอันยาวนานของ "สวนกุหลาบ" จึงได้สิ้นสุดลงเมื่อปี พ.ศ. 2454 โดยโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ได้รวมกับฝ่ายไทยและได้แหล่งที่พำนักถาวร พร้อมกับนามว่า "โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย" ถึงตรงนี้ โรงเรียนสวนกุหลาบทั้งสองฝ่ายก็ได้มารวมกันอีกครั้งโดยอยู่ในพื้นที่ของวัดราชบุรณะ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้สร้างตึกยาวขึ้นเพื่อดำเนินการสอน การที่พระองค์ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างตึกยาวนี้ ทรงมอบให้กรมโยธาธิการเป็นผู้ออกแบบโดยใช้งบประมาณของวัดราชบูรณะ ซึ่งในเวลานั้นเงินสร้างตึกให้ชาวบ้านเช่าโดยเปลี่ยนเป็นให้โรงเรียนเช่า เพื่อใช้เป็นโรงเรียนแผนใหม่ ทั้งนี้ด้วยความคิดของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) ศิษย์เก่าเลขประจำตัวหมายเลข 2 ของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เสนาบดีกระทรวงธรรมการในขณะนั้น โดยมีการเซ็นสัญญาเช่ากับพระธรรมดิลก เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะในสมัยนั้น โดยมีนายเอง เลียงหยง เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 10,150 บาท จึงได้เกิดตึกยาว รวมนักเรียนสวนกุหลาบจากที่ต่าง ๆ

ในปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระเนตรการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ก่อนสวรรคตในปี พ.ศ. 2453 นั้นเอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าทรงเป็นผู้ก่อกำเนิดโรงเรียนนี้โดยแท้ นับเป็นมหากรุณาธิคุณแก่ทวยราษฎร์อย่าง ล้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้

ตึกยาว ที่เคียงข้างตึกยาว (สวนกุหลาบ) ความจริงแล้วก่อนช่วงเกิดสงครามโลก ตึกยาวดังกล่าวเป็นของโรงเรียนเพาะช่าง ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพป้ายโรงเรียนเพาะช่างติดอยู่บริเวณทางเข้าตึกยาว

บทบาททางวิชาการ สังคม และการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม

  • ริเริ่มโครงการฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์
  • โรงเรียนมีความโดดเด่น ในด้าน ความรักความสมานสามัคคีกลมเกลียวระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง ความรักกตัญญูกตเวที ทั้งระหว่าง พ่อ-แม่ ระหว่างอาจารย์-ลูกศิษย์ มีความเป็นผู้นำ ดังคติประจำใจที่ว่า "เป็นผู้นำ รักเพื่อน นับถือพี่ เคารพครู กตัญญูพ่อ-แม่ ดูแลน้อง"
  • โรงเรียนมีความโดดเด่นด้านกิจกรรมมากมาย โดยจัดขึ้นในกลุ่ม ของนักเรียน (ตัวอย่าง ภายใน รร. คือ งานสมานมิตร และงานมุทิตาจิต ภายนอกโรงเรียน ได้แก่ สวนจาม สวนโดม สวนศรีตรัง เป็นต้น) ชึ่งในโรงเรียนได้จัดกิจกรรมชุมนุมขึ้นของนักเรียนที่เปิดทำการทั้งหมดทั้งที่มีในคำสั่งโรงเรียนและไม่มีในคำสั่งโรงเรียน จำนวนทั้งหมดเฉลี่ย 30-50 ชุมนุมในแต่ละปีการศึกษา

บทบาททางการเมืองและการก้าวสู่ปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2475 มี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นที่ไม่คาดคิดว่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนหลวงแห่งแรกของประเทศไทย จะมีหน้าประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในสมัยนั้นด้วย เมื่อ วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎร ได้จับตัวพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นตัวประกัน รวมทั้ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ด้วย บรรยากาศขณะนั้นตึงเครียดมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก บรรยากาศด้านการเมืองรุนแรงน่าหวาดกลัวแม้กระทั่งในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น มีรถถังแล่นมาจอดขวางประตูโรงเรียน มีนายทหารและพลเรือนของคณะราษฎร นำโดย นายสงวน ตุลารักษ์ ได้เข้ามาในโรงเรียน เชิญอาจารย์ใหญ่ ซึ่งขณะนั้นคือ อาจารย์เอซี เชอร์ชิล และนักเรียน ม.6-ม.8 เข้าหอประชุมสามัคคยาจารย์สมาคม ประกาศทุกคนได้รับทราบว่า ขณะนี้ได้มีการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

จากบทสัมภาษณ์ศิษย์เก่าในหนังสือ "ตำนานสวนกุหลาบ" ซึ่งเป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นในปี พ.ศ. 2538 เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ครั้งสำคัญ เพื่อเฉลิมฉลองโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ในวาระครบ 12 ทศวรรษ ได้มีสัมภาษณ์ สมจิตต์ โฆสุวรรณะ (สก.6487 เข้าเรียน พ.ศ. 2474) โดยมีรายละเอียดว่า

นักเรียนสวนกุหลาบได้ลุกขึ้นถามว่า "ทำไมต้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง" นายสงวน ตอบว่า "ไม่ต้องถามเวลานี้ ถ้าต้องการรายละเอียดต้องตอบด้วยปืน ขณะนี้ได้จับเจ้านายไปแล้ว"

บรรยากาศตอนนี้มีความสับสน นักเรียนที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ บ้างก็หลบอยู่ตามห้องเรียน บ้างก็กระโดดหนีออกจากโรงเรียนไป ที่เข้าประชุมก็ไม่ค่อยเข้าใจแจ่มชัดนัก แต่การกระทำครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะควบคุมความสงบสุขของ ครูและนักเรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนใหญ่ และในขณะนั้นถือว่าใกล้ชิดกับราชวงศ์และข้าราชการชั้นสูงของกระทรวงธรรมการนั่นเอง

จากเหตุการณ์ตอนนี้พอสันนิษฐานว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเป็นโรงเรียนที่มีบทบาทสำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งคณะราษฎร์จำเป็นจะต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ เพราะเป็นต้นแบบในด้านต่าง ๆ ของโรงเรียนทั่วไป ครูอาจารย์ และ นักเรียน ก็น่าจะเป็นพลังที่จะต่อต้านคณะปฏิวัติ ซึ่งก่อให้เกิดความระส่ำระสาย ยากที่คณะราษฎร์จะดูแลได้ จึงได้ใช้วิธีนำรถถังมาปิดโรงเรียนและควบคุมสถานการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามตัวแทนของคณะปฏิวัติมิได้กระทำการใด ๆ แก่ครูและนักเรียน เพียงเรียกให้มาชุมนุมและประกาศสถาณการณ์ในขณะนั้น อิงจากบทสัมภาษณ์ ประดิษฐ อเนกานนท์ (ส.ก.6557 เข้าเรียนพ.ศ. 2474) ในหนังสือ "ตึกยาวสอนให้มีความสำนึกในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน" ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า "ตอนปี 2475 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองทางคณะราษฎร์เอารถถังเข้ามาจอดในโรงเรียนเลย ตอนนั้นผมอยู่ ม.4 ทหารมาถาม "ใครจะสมัครอยู่คณะราษฎร์บ้าง" ก็ไปกันพรึบเลย"

นอกจากนี้ กิจกรรมอีกประการหนึ่งที่เป็นผลสะท้อนให้เห็นว่า โรงเรียนสวนกุหลาบมีบทบาททางการเมืองการปกครอง สมัยนั้นคือ การที่ลูกเสือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีส่วนช่วยรัฐบาลในการปราบกบฏบวรเดช ในกรณีของการปราบกบฏบวรเดชนี้ รัฐบาลขณะนั้นได้ขอความร่วมมือจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ให้ส่งอาสาสมัครที่เป็นลูกเสือไปช่วยเป็นกองกำลัง ด้านลำเลียงกระสุนปืนส่งเสบียงบริเวณบางซื่อบ้าง และหลักสี่ทำหน้าที่เฝ้าคุกเพื่อไม่ให้มีการจลาจลบ้าง โดยแต่งกายชุดลูกเสือไปช่วยเป็นพลรบ การสู้รบครั้งนี้มีลูกเสือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยที่ช่วย เป็นกองกำลังสนับสนุนจนฝ่ายรัฐบาลได้รับชัยชนะ ต่อมาจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้มอบโล่เกียรติยศ จากการปราบกบฏครั้งนี้ ให้กับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (อยู่ในห้องนิทรรศการ จาริกานุสรณ์) และนักเรียนรุ่นนั้นทุกคนได้รับเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาด้วย

เมื่อในปี พ.ศ. 2541 เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นอีกเป็นหนที่สอง เมื่อนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กว่า 2,000 คน ได้เดินทางไปยังกระทรวงศึกษาธิการเพื่อสอบถามข้อข้องใจ ในเรื่องสาเหตุของการสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนในสมัยนั้น (นายธานี สมบูรณ์บูรณะ) จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปรากฏไปตามสื่อต่างๆ ทั้ง โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์

ประวัติสิ่งปลูกสร้าง

 
รูปภาพอาคารระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

ในระยะก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ได้มีการสร้างอาคารต่างๆเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้นแล้วมีอาคารอยู่ 10 หลัง คือ อาคารเรียนหลังยาว (ตึกยาว) ซึ่งยังคงตั้งตระหง่านมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ตึกวิทยาศาสตร์ชั้นเดียว โรงอาหาร โรงพลศึกษา ตึกหลังกลางและบ้านพักครู ที่พักภารโรง รวม 5 หลัง ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น อาคารบางหลังได้รับความเสียหายจากลูกระเบิด และเมื่อสงครามสงบก็ได้รับการซ่อมแซมดังนี้คือ อาคารหลังยาว และตึกวิทยาศาสตร์ได้รับการซ่อมแซมจนใช้การได้ดี ส่วนโรงอาหาร โรงพลศึกษา และตึกหลังกลาง นั้นถูกระเบิดเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2488 ได้รับความเสียหายมากจนเกินกว่าจะซ่อมแซมให้ใช้ได้ดังเดิมได้

  • พ.ศ. 2502 ทุบ ตึกสามัคยาจารย์สโมสรสถาน หรือ ตึกสามัคยาจารย์หลังแรก
  • พ.ศ. 2504 เปิดใช้ ตึกสามัคยาจารย์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2504
  • พ.ศ. 2496 ก็ได้สร้างหอประชุม "สวนกุหลาบรำลึก" เคียงข้างกับตึกหลังยาวทางด้านวิทยาลัยเพาะช่าง และมีสะพานลอยโยงถึงตึกเรียนหลังยาวด้วย หอประชุมนี้ภายหลังทรุดโทรมลง และได้ทุบในปี พ.ศ. 2534 สร้างเป็น "อาคารสวนกุหลาบรำลึก"
  • พ.ศ. 2510 มีการสร้างตึกพละศึกษา ทางด้านทิศตะวันตกใกล้ตึกวิทยาศาสตร์และอีก 2 ปีต่อมาก็ ได้สร้างโรงอาหารขึ้นใกล้กับตึกพลศึกษา หลังจากนั้นก็ได้สร้างตึกสามัคยาจารย์สมาคม 3 ชั้น แทนที่สามัคยาจารย์สมาคม ทางด้านใต้ของโรงเรียน และสุดท้ายก็ได้สร้างอาคารสามัคยาจารย์ 4 ชั้น ติดกับตึกสามัคยาจารย์เดิมขึ้น พร้อมกับอาคารพระเสด็จ ซึ่งสร้างแทนที่ศาลาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
  • พ.ศ. 2519 เปิดใช้สนามกีฬาเอนกประสงค์ "สนามไพศาล" เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2519 โดยที่มาของนาม "สนามไพศาล" เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ "นายไพศาล นันทาภิวัฒน์ ศิษย์เก่าสวนกุหลาบฯ ปี พ.ศ. 2481" ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 สนามไพศาลเป็นลานซีเมนต์ล้อมตาข่ายเหล็ก ใช้เป็น สนามบาสเกตบอล สนามตะกร้อ สนามเทนนิส ลานจัดกิจกรรมนักเรียน ภายหลังทุบเพื่อสร้าง "อาคาร 123 ปี สวนกุหลาบวิทยาลัย" ปลายปี พ.ศ. 2547
  • พ.ศ. 2521 สร้างตึกดำรงราชานุภาพ บนพื้นที่เดิมซึ่งเป็นโรงอาหารเป็นอาคารเรียน 5 ชั้น ชั้นล่างเป็นโรงอาหาร ต่อมาเมื่อตึกปิยมหาราชานุสรณ์สร้างเสร็จแล้วได้ย้ายโรงอาหารไปชั้นล่างของตึกปิยมหาราชานุสรณ์ ส่วนชั้นล่างของตึกดำรงราชานุภาพได้กั้นเป็นห้องเรียนและห้องโสตทัศนศึกษา
  • พ.ศ. 2525 เนื่องในโอกาสที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมีอายุครบ 100 ปี ได้ก่อสร้างตึกปิยมหาราชานุสรณ์ ซึ่งเดิมเป็นอาคารโรงยิมชั้นเดียว
  • พ.ศ. 2527 เปิดใช้ ตึกปิยมหาราชานุสรณ์ (ตึก ๑๐๐ ปี) โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเปิดอาคารเมื่อ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2527
  • พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์อาคารหลังยาวเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 เนื่องจากมีความสำคัญทางประวัติการศึกษาแห่งชาติ ในปีเดียวกันทางโรงเรียนได้ทำการรื้อถอนอาคารพระเสด็จฯ เพื่อก่อสร้างใหม่ เนื่องจากบริเวณที่ตั้งอาคารเกิดการทรุดตัวเกรงว่าจะเป็นอันตราย และได้สร้างอาคารพระเสด็จฯ ขึ้นมาใหม่ เสร็จสมบูรณ์และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 และในปีเดียวกันมีพิธีเปิดอาคารสุทธิ เพ็งปาน ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2534 ด้านหลังของอาคารสามัคยาจารย์ ใช้เป็นที่พักนักกีฬาและสระว่ายน้ำ
 
ตึกยาว ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
  • พ.ศ. 2537 ดำเนินการก่อสร้างอาคารหอประชุมสวนกุหลาบรำลึก หลังใหม่ขึ้น แทนหลังเดิมซึ่งชำรุดทรุดโทรม โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาพระราชดำเนินมา ทรงทำพิธีเปิดในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2538
  • พ.ศ. 2538 จุดรวมสำคัญของสวนกุหลาบวิทยาลัยในรอบ 113 ปี คืองาน "สวนกุหลาบวิทยาลัย ใน 12 ทศวรรษ" 8-11 มีนาคม พ.ศ. 2538 เพื่อรวบรวมประวัติศาสตร์อันยาวนานของสวนกุหลาบวิทยาลัยเพื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์การศึกษาแห่งชาติ ณ ตึกยาว ปัจจุบันนี้ตึกยาวได้มีอายุ 113 ปีแล้ว และตึกยาวก็เป็นตึกที่ใช้อบรมนักเรียน ผลิตบุคลากรและเยาวชนที่มีคุณภาพออกไปรับใช้ประเทศชาติ ตึกยาวจึงเป็นที่รักใคร่ของนักเรียนสวนกุหลาบยากยิ่งเสมอมาโดยตลอด
  • พ.ศ. 2547 รื้อสนามกีฬาเอนกประสงค์ สนามไพศาล และสร้างอาคารเอนกประสงค์ อาคาร ๑๒๓ ปี สวนกุหลาบวิทยาลัย เปิดใช้เมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2549
  • พ.ศ. 2549 อัญเชิญหลวงพ่อสวนกุหลาบองค์จำลอง ประดิษฐาน ณ บุษบก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ ณ หน้าอาคาร ๑๒๓ ปี สวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2549

จากบทนิพนธ์ของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ว่า

ประโยชน์ของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ นอกจาก เป็นบ่อเกิดวิชาคุณของข้าราชการเป็นกันมาก ยังมีประโยชน์แพร่หลายอย่างอื่นอีก ที่เป็นสำคัญคือเมื่อปรากฏว่าจัดตั้ง โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบได้ดั่งพระราชประสงค์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริ ว่าสมควรจะจัดการตั้งโรงเรียนเขียนและสอนวิชาให้แพร่หลายออกไปเป็นการศึกษาสำหรับประเทศสยาม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คิดจัดตั้งโรงเรียนขึ้นตามพระราชอารามหลวงทั้งในกรุงและหัวเมือง...

จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการพระราชทานรางวัลนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ พ.ศ. 2427 ที่ว่า[4]

ฉันมีความยินดีที่ได้มาเป็นผู้ให้รางวัลแก่เด็กนักเรียน ซึ่งได้ไล่หนังสือเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เพราะการที่เคยไล่หนังสือมาแต่ก่อนนั้น ก็ได้ไล่แต่พระสงฆ์ วิชาหนังสือเป็นวิชาที่นับถือ แลเป็นที่สรรเสริญมาแต่โบราณ เพราะวิชาที่อาจทำให้การทั้งปวงสำเร็จไปได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ในกาลเวลานี้ผู้ซึ่งจะเป็นข้าราชการ ไม่รู้หนังสือแล้วเกือบจะเป็นอันใช้ไม่ได้ทีเดียว แต่เป็นการขัดข้องลำบากแก่หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์อยู่มาก ด้วยไม่มีทางที่จะเข้ารับราชการได้ เพราะเป็นเจ้าเสียไม่ได้เป็นขุนนาง จึงคิดหาโอกาสที่จะให้เรียนหนังสือ ได้ไล่วิชา เหมือนหนึ่งได้ถวายตัว เช่น ข้าราชการ เจ้านายตั้งแต่ราชตระกูล ตั้งแต่ลูกฉันเป็นต้นลงไป ตลอดถึงราษฎรที่ต่ำที่สุด จะได้มีโอกาสเล่าเรียนเสมอกัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่ เพราะฉะนั้นจึงขอบอกได้ว่าการเล่าเรียนในบ้านเมืองเรานี้ จะเป็นข้อสำคัญที่หนึ่ง ซึ่งฉันจะอุตสาห์จัดขึ้นให้เจริญ จงได้...

ได้แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนสวนกุหลาบเป็นบ่อเกิดของความรู้รวมทั้งบุคลากรที่มีความสามารถมากมายเพื่อเผยแพร่วิชาความรู้แก่เยาวชนรุ่นหลังต่อไป ปัจจุบันนี้โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยก็ได้จัดตั้งมาเป็นเวลากว่า 142 ปีและสามารถผลิตบุคลากรและเยาวชนที่มีคุณภาพออกไปรับใช้ประเทศชาติเสมอมาโดยตลอด สมกับคำนิพนธ์ของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และ พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ก่อตั้งสถานศึกษาแห่งนี้ทุกประการ

สัญลักษณ์

สัญลักษณ์ร่วมสถาบันสวนกุหลาบ

 
ธงประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และในเครือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
  • ตราประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีวิวัฒนาการมาหลายยุคสมัยเริ่มต้นจากแบบแรกเมื่อจุลศักราช 1244 เรื่อยมาจวบจนปัจจุบันที่ใช้อยู่เป็นแบบที่ 4 (พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน) โดยเป็นตราของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระมหาปรมาภิไธยย่อ "จปร." ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กลับมาบรรจุในตราประจำโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง หลังมีการเปลี่ยนแปลงตราประจำโรงเรียนมาแล้ว 4 แบบ นับแต่มีการก่อตั้งโรงเรียนในปี พ.ศ. 2425 เป็นต้นมา มีลักษณะของตราเป็นรูปหนังสือ ที่บริเวณหน้าปกได้ประดิษฐาน พระปรมาภิไทยย่อ จ.ป.ร. และมีพระเกี้ยวยอดอยู่ด้านบน ในหนังสือมีขนนก ดินสอ ไม้บรรทัด ด้านขวามีช่อกุหลาบ 4 ดอก อันหมายถึงหัวใจนักปราชญ์ คือ สุ จิ ปุ ริ หรือ ฟัง พูด อ่าน เขียน การเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมเกิดจากการฟัง คิด สอบถาม และจดบันทึก จึงจะเรียนได้อย่างสัมฤทธิ์ผล ด้านล่างซ้ายของหนังสือมีริบบิ้นผูกอยู่ที่ก้านกุหลาบ มีข้อความอยู่ที่ริบบิ้น เขียนว่า “โรงเรียนหลวงสวนกุหลาบ” ด้านบนปรากฏมีปรัชญาและคติพจน์ “สุวิชาโน ภว โหติ” ด้านล่างมีคำแปลว่า “ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ”ตรานี้จึงประมวลความดีทั้งหลายรวบรวมไว้ในตราโรงเรียน จึงถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวสวนกุหลาบวิทยาลัยควรภาคภูมิใจ [5]
  • สัญลักษณ์เสมาชมพู-ฟ้า เป็นตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนรูปแบบที่ 3 เดิมเป็นเข็มประดับชุดนักเรียน "รูปเสมาตราโรงเรียน" ตรงกลางเป็นรูปดอกกุหลาบ ด้านล่างมีข้อความ "สุวิชา โน ภวํ โหติ" ที่โรงเรียนได้ให้โรงเรียนเพาะช่างออกแบบ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเข็มเสมาชมพู-ฟ้า และเปลี่ยนมาเป็นการปักด้วยด้ายรูปทรงใบเสมาสีชมพู-ฟ้าอย่างละครึ่ง ประดับเหนืออักษรย่อโรงเรียนบนชุดนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ใช้มาจวบจนปัจจุบัน


  • สีประจำโรงเรียน ชมพู - ฟ้า
    •   สีชมพู เป็นสีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับวันอังคาร ความหมายของสีชมพู คือ ความสุภาพอ่อนหวาน อ่อนโยน นอบน้อมเป็นสีแห่งความรัก ความเอื้อเฟื้อที่มีต่อบุลคลทั่วไป เป็นสีแห่งความเมตตา
    •   สีฟ้า เป็นสีประจำนพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ ความหมายของสีฟ้า คือ ความเข้มแข็งอดทน ความกล้าหาญ ความเสียสละเป็นสีของท้องฟ้าที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด เป็นสีแห่งจักรวาล
    •    สีชมพู-ฟ้า จึงมีความหมายถึง องค์ผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และพระบรมราชินีนาถ ทั้งยังหมายถึง เป็นแหล่งที่มีความรัก ความสามัคคี ของผู้ที่มีความดีงาม มีความนึกคิดที่สูงส่ง[5]
  • คติพจน์ประจำโรงเรียน ความว่า “สุวิชาโน ภวํ โหติ” อ่านว่า "สุ-วิ-ชา โน พะ-วัง โห-ติ" แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ผู้รู้ดี เป็นผู้เจริญ”
ผู้รู้ดี คือ ผู้รู้และเข้าใจในสิ่งต่างๆได้ดี คือรู้อ่าน รู้คิด รู้เท่าทัน รู้ความและรู้คุณ
ผู้เจริญ คือผู้ที่เจริญด้วย ความประพฤติดี ดีพร้อมทั้งกาย วาจา และใจ กระทำแต่สิ่งที่ดีงาม สร้างสรรค์คำนึงถึงผลประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว[5]
  • สุภาพบุรุษสวนกุหลาบฯ "สุภาพบุรุษสุภาพสตรีสวนกุหลาบฯ" เป็นผู้นำ รักเพื่อน นับถือพี่ เคารพครู กตัญญูพ่อแม่ ดูแลน้อง สนองคุณแผ่นดิน เป็นอัตลักษณ์โรงเรียนสวนกุหลาบและโรงเรียนในเครือ
  • ดอกกุหลาบ พันธุ์จุฬาลงกรณ์ คือ ดอกไม้ประจำโรงเรียน ดอกกุหลาบพันธุ์หนึ่ง ไม่มีหนามที่ลำต้น มีขนาดดอกที่ใหญ่มาก เกือบครึ่งหนึ่งของใบหน้าคน สีชมพู และมีกลิ่นหอมจัด เกิดการการเพาะพันธุ์ของชาวยุโรปผู้หนึ่ง และชาวยุโรปผู้นั้นได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ตั้งชื่อกุหลาบงามพันธุ์ที่เขาผสมขึ้นใหม่ว่า “King of Siam” ซึ่งเป็นดอกกุหลาบที่โปรดของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี และทรงถวายนามกุหลาบนั้นว่า กุหลาบจุฬาลงกรณ์
  • เพลงประจำโรงเรียน เพลงประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ประพันธ์ขึ้นตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คำร้องโดย หม่อมราชวงศ์เลื่อน สิงหรา ผู้เรียบเรียงคือ สุวัฒน์ เทียมหงษ์ ทำนองจากเพลงแขกต่อยหม้อ อัตราจังหวะสองชั้น เป็นเพลงไทยเดิมที่ใช้ประกอบการแสดง ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีจังหวะการเอื้อนทำนองโดยเฉพาะ[6][7] โดยเพลงนี้ได้ขับร้องครั้งแรกในงานรื่นเริงประจำปีพ.ศ. 2471 รู้จักกันในชื่อ บรรดาเรา[8] และมีเพลงอื่นๆ อีกดังต่อไปนี้

สิ่งเคารพสักการะ

  • หลวงพ่อสวนกุหลาบ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง พระราชทานเป็นพระพุทธรูปประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร เมื่อครั้งเป็นโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงพระมหากรุณาธิคุณให้ตั้งชื่อเป็นครั้งที่พระตำหนักสวนกุหลาบในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ. 2424 เข้าใจว่าเมื่อโรงเรียนย้ายออกมาตั้งภายนอก พระบรมมหาราชวัง หลวงพ่อสวนกุหลาบคงได้เป็นพระพุทธรูปประจำโรงเรียนต่อมา
  • พ่อปู่สวนกุหลาบ ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวสวนกุหลาบมาอย่างยาวนาน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลำดับแรกที่ชาวสวนกุหลาบเคารพกราบไหว้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเป็นนักเรียนสวนกุหลาบ รวมถึงทุกเช้ายามที่เราเดินเข้ามายังโรงเรียน และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลำดับสุดท้ายที่พวกเรากราบไหว้ยามที่เราเดินออกจากโรงเรียนในยามเย็น และแม้ในยามค่ำย่ำสนธยาของคืนวันจากเหย้า วันสุดท้ายของการใช้ชีวิตนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย พ่อปู่สวนกุหลาบเป็นสิ่งที่ชาวสวนกุหลาบให้ความเคารพมารุ่นต่อรุ่น เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวสวนกุหลาบตลอดระยะเวลา6 ปี ที่อยู่ในรั้วโรงเรียน และถึงแม้จะจบการศึกษาไปแล้วลูกสวนกุหลาบยังคงกลับมากราบเคารพกันและเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างไม่เสื่อมคลาย
  • พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระบรมรูปประทับยืนเต็มพระองค์ ขนาดหนึ่งเท่าครึ่งของพระองค์จริง ฉลองพระองค์ชุดสากล พระหัตถ์ซ้ายถือธารพระกร พระหัตถ์ขวาถือพระมาลา ความสูง 267 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 800 กิโลกรัม รมสีเนื้อมันปู หรือสีเม็ดมะขามสุก บนแผ่นจารึกที่ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ อัญเชิญตราพระปรมาภิไธยย่อ จปร ไว้เหนือข้อความดังต่อไปนี้ :-

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช พระมหากษัตริย์ พระองค์ที่ ๕ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระราชโอรส ใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี

ทรงพระราชสมภพ วันอังคารที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖ เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ วันพฤหัสบดีที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ เสด็จสวรรคต วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓

ทรงตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม กอปรด้วยพระเมตตาธรรม และพระคุณธรรมอันประเสริฐ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ สร้างความเจริญแก่ประเทศชาติเป็นอเนกประการ ทางด้านการปกครอง การเลิกทาส การเศรษฐกิจ การคมนาคม การสาธารณสุข การศาสนา ทรงส่งเสริมการศึกษา และวางรากฐานการศึกษาอย่างเป็นระบบ ทรงจัดตั้งโรงเรียนเพื่อพสกนิกรได้มีโอกาสศึกษาอย่างเสมอภาค ดังพระราชปณิธาน

‘เจ้านายราชตระกูล ตั้งแต่ลูกฉันเป็นต้นไป ตลอดจนถึงราษฎรที่ต่ำสุด จะให้ได้มีโอกาสเล่าเรียนได้เสมอกัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่ เพราะฉะนั้น จึงพอบอกได้ว่า การเล่าเรียนในบ้านเมืองเรานี้ จะเป็นข้อสำคัญข้อที่หนึ่ง ซึ่งฉันจะอุตส่าห์จัดขึ้นให้เจริญจงได้’

ข้าราชการ ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และนักเรียน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จึงพร้อมใจกันสร้างและประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ เพื่อสักการะ เฉลิมพระเกียรติ ประกาศเกียรติคุณ ให้แผ่ไพศาล ตราบกาลนาน

กิจกรรม

กิจกรรม-ประเพณี

  • วันละอ่อน
  • วันรับขวัญเสมา
  • วันแนะนำกิจกรรม
  • วันสมานมิตร
  • วันมุทิตาจิต
  • วันจากเหย้า
  • นิทรรศสวนฯ (Suankularb Exhibition)
  • จตุรมิตรสามัคคี (Jaturamitr)

กิจกรรมร่วมสถาบันสวนกุหลาบ

งานชุมนุมลูกเสือ-เนตรนารีสวนกุหลาบสัมพันธ์ กลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัด งานชุมนุมลูกเสือ-เนตรนารี “สวนกุหลาบสัมพันธ์” ขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี ซึ่งนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 จะเป็นผู้แทนของแต่ละโรงเรียน เข้าร่วมกิจกรรมนี้

การแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ กลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัด “การแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์” ขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ สนามเมนสเตเดียม ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยจะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ดังต่อไปนี้

  • ครั้งที่ 13 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2550 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
  • ครั้งที่ 14 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2551 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
  • ครั้งที่ 15 วันที่ 12-13 ธันวาคม 2552 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี
  • ครั้งที่ 16 วันที่ 28-29 มกราคม 2554 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
  • ครั้งที่ 17 วันที่ 26-27 มกราคม 2555 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ
  • ครั้งที่ 18 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2556 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
  • ครั้งที่ 19 วันที่ 25-26 ธันวาคม 2557 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี
  • ครั้งที่ 20 วันที่ 28-29 ธันวาคม 2558 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
  • ครั้งที่ 21 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2559 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
  • ครั้งที่ 22 วันที่ 10-11 มกราคม 2562 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ
  • ครั้งที่ 23 วันที่ 29-30 มกราคม 2563 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
  • ครั้งที่ 24 วันที่ 19-20 มกราคม 2566 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี
  • ครั้งที่ 25 วันที่ 18-19 มกราคม 2567 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย [9]

กลุ่มมวลกุหลาบ

กลุ่มคณะกรรมการนักเรียนประสานทำงานร่วมกัน เริ่มแรกก่อตั้งโดยโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 5 แห่งแรกในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่

  • โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
  • โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
  • โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ
  • โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี
  • โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต

มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ตลอดจนเป็นแกนนำในการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และถ่ายทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงาม ของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อให้นักเรียนของกลุ่มโรงเรียน มีแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลักของกลุ่มโรงเรียนฯ ทั้งหมด อาทิ งานชุมนุมลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ การแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ เป็นต้น ซึ่งภายหลังการประชุมและประสานงานในทุกๆ กิจกรรม จะถูกส่งต่อให้โรงเรียนในเครือสวนกุหลาบทั้งหมด เพื่อจัดกิจกรรมต่อไป

คณะกรรมการนักเรียน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

คณะกรรมการนักเรียน เป็นองค์กรนักเรียนที่ดำเนินการจัดตั้งอย่างถูกต้อง ภายใต้ระเบียบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ว่าด้วยการทำกิจกรรมของนักเรียน พ.ศ. 2539 โดยไม่มีหลักฐานการจัดตั้งในยุคเริ่มต้นอย่างเด่นชัด แต่คาดว่าน่าจะมีการจัดตั้งมาเป็นระยะเวลานานแล้ว

คณะกรรมการนักเรียน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีบทบาทในการเป็นแกนนำนักเรียนที่ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ทั้งกิจกรรมตามประเพณี และกิจกรรมตามวาระและโอกาสพิเศษต่างๆ เพื่อรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมสวนกุหลาบวิทยาลัย ให้สนองต่อความต้องการของนักเรียน สังคมและชุมชน ดูแลระบบการทำกิจกรรมชุมนุมของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยทั้งระบบ มีส่วนช่วยในการสนับสนุน ส่งเสริม และให้คำแนะนำต่อการทำกิจกรรมของนักเรียนทุกประเภท ตลอดจนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพื่อการตัดสินใจของคณะครูและผู้บริหารในมุมมองของนักเรียน รวมทั้งเป็นตัวแทนของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อไปแสดงออกถึงความเห็นและมุมมองในเรื่องต่างๆ ต่อสังคมภายนอกในโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งบทบาทเหล่านี้ยังคงได้รับการสืบทอดต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน งานส่งเสริมกิจกรรมนักเรียน กลุ่มบริหารกิจการนักเรียน ในการควบคุมดูแลของคณาจารย์ที่ปรึกษา โดยมี ภารกิจและหน้าที่รับผิดชอบ ดังต่อไปนี้

  • รับผิดชอบการจัดกิจกรรมตามประเพณีของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่ดำเนินการโดยฝ่ายนักเรียนเป็นผู้รับผิดชอบควบคู่กับทางโรงเรียน เช่น วันละอ่อน, วันสมานมิตร, วันจากเหย้า, วันแนะนำกิจกรรม, งานนิทรรศการสวนกุหลาบฯ เป็นต้น
  • ร่วมมือกับทางโรงเรียนในการจัดกิจกรรมของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัยที่ทางโรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เช่น ค่ายปฐมนิเทศและฝึกอบรมนักเรียนใหม่ มัธยมศึกษาปีที่ 1, การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี รวมทั้งกิจกรรมตามวาระและโอกาสพิเศษอื่นๆ เช่น กิจกรรมวันแม่ วันพ่อ พิธีไหว้ครู กิจกรรมแห่เทียนพรรษา เป็นต้น
  • รับผิดชอบการจัดทำหนังสืออนุสรณ์ประจำปีของโรงเรียน (หนังสือสมานมิตร) ร่วมกับคณะกรรมการรุ่น
  • ดูแล จัดระบบ ส่งเสริม และให้คำแนะนำในการทำกิจกรรมในระบบชุมนุมของนักเรียนทั้งหมด อนึ่ง ในบางรุ่น คณะกรรมการนักเรียนอาจมีการตั้งคณะบุคคลเพื่อดูแลรับผิดชอบกิจการด้านนี้เป็นพิเศษโดยเฉพาะ
  • ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยในโรงเรียน ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน เพื่อนำมาสู่การจัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโรงเรียนในฐานะที่นักเรียนสามารถกระทำได้
  • รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน ตลอดจนมีส่วนร่วมในการเสนอมุมอง ตัดสินใจและแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในเรื่องที่มีผลกระทบโดยตรงต่อทางโรงเรียนหรือตัวนักเรียนกับทางผู้บริหาร และคณาจารย์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเด็นสาธารณะ ต่อองค์กรภายนอก หรือต่อสาธารณชนตามที่ได้รับมอบหมาย หรือตามที่โอกาสอำนวย
  • จัดกิจกรรม และส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัยทุกประเภท รวมทั้งกิจกรรมเพื่อเพิ่มพูนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสุภาพบุรุษสวนกุหลาบฯ
  • ร่วมพิจารณาและดูแล เฝ้าระวังความเปลี่ยนแปลงภายในสังคมของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในทางที่จะส่งผลกระทบต่อขนบธรรมเนียม ประเพณี จารีตของสังคมโดยรวม และนำเข้าสู่การหารือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา
  • ร่วมกับคณะกรรมการนักเรียนของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 5 สถาบันในการจัดตั้งองค์กรเครือข่าย กลุ่มมวลกุหลาบ เพื่อเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัยทั้งหมด ตลอดจนเป็นแกนนำในการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และถ่ายทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัย ให้แก่นักเรียนของโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัยทั้งหมด ให้มีแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลักของโรงเรียนเครือทั้งหมด ได้แก่ งานชุมนุมลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ และการแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ เป็นต้น
  • ประสานงานกับผู้บริหารและคณาจารย์ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่างๆ ของโรงเรียนเพื่อให้การดำเนินการเหล่านั้นเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพตามที่ได้รับมอบหมาย

ผู้อำนวยการ

ทำเนียบผู้บริหาร
ลำดับ รายนาม วาระการดำรงตำแหน่ง
1 ม.อ.ต.พระยาศึกษาสมบูรณ์ (ม.ล.แหยม อินทรางกูร)
2 อ.อ.พระยาอุปการศิลปเสริฐ (อั๋น ชัชกุล)
3 Ernest Young พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2438
4 W.G. Johnson พ.ศ. 2438 - พ.ศ. 2440
5 E.S. Smith พ.ศ. 2438 - พ.ศ. 2440
6 H.E. Spivey พ.ศ. 2446 - พ.ศ. 2458
7 พระยาวินิจวิทยาการ (กร อมาตยกุล) พ.ศ. 2450 - พ.ศ. 2457
8 นอร์แมน ซัตตัน พ.ศ. 2458 - พ.ศ. 2473
9 พระปวโรฬารวิทยา (ป๋อ เชิดชื่อ) พ.ศ. 2473 - พ.ศ. 2475
10 A.C. Churchill พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2477
11 หลวงบุญปาลิตวิชชาสาสก์ พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2496
12 นายนพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พ.ศ. 2498 - พ.ศ. 2500
13 นายสำเนียง ตีระวนิช พ.ศ. 2500 - พ.ศ. 2501
14 นายถวิล สุริยนต์ พ.ศ. 2501 - พ.ศ. 2503
15 นายโปร่ง ส่งแสงเติม พ.ศ. 2503 - พ.ศ. 2509
16 นายวินัย เกษมเศรษฐ พ.ศ. 2509 - พ.ศ. 2513
17 นายสุวรรณ จันทร์สม พ.ศ. 2513 - พ.ศ. 2519
18 นายกมล ธิโสภา พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2521
19 นายประยูร ธีระพงษ์ พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2522
20 นายสำเริง นิลประดิษฐ์ พ.ศ. 2522 - พ.ศ. 2526
21 นายสุทธิ เพ็งปาน พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2535
22 นางสมหมาย วัฒนะคีรี พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2539
23 นายธานี สมบูรณ์บูรณะ พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2541
24 นายศิริ สุงคาสิทธิ์ พ.ศ. 2541 - พ.ศ. 2542
25 นายณรงค์ รักเดช พ.ศ. 2542 - พ.ศ. 2543
26 นายสมพงษ์ รุจิรวรรธน์ พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2545
27 นายสิทธิรักษ์ จันทร์สว่าง พ.ศ. 2545 - พ.ศ. 2549
28 นายมนตรี แสนวิเศษ พ.ศ. 2549 - พ.ศ. 2552
29 นายพีระ ชัยศิริ พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2554
30 ดร.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2558
31 นายวิฑูรย์ วงศ์อิน พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2559
32 ดร.วิทยา ศรีชมภู พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561
33 ดร.จิณณภัทร พิบูลวิทิตธำรง พ.ศ. 2561 - พ.ศ. 2567
34 ดร.ภูมิสิษฐ์ สุคนธวงศ์ พ.ศ. 2567 - ปัจจุบัน

ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง

นายกรัฐมนตรี

นักการเมือง/รัฐมนตรี

อาจารย์/นักเคลื่อนไหวทางการเมือง/ภิกษุ

ศิลปิน/นักแสดง

สถาบันสวนกุหลาบ

ปัจจุบันโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมีสถานศึกษาในเครือที่ใช้ชื่อ “สวนกุหลาบวิทยาลัย” ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยทั้งหมด 11 แห่ง มีการสร้างพันธกิจสำคัญร่วมกันขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาโดยการบริหารจัดการขององค์กรเครือข่ายสวนกุหลาบ สร้างบรรทัดฐานการเรียนการสอนทั้ง 11 แห่งให้ไปในทิศทางเดียวกัน ได้แก่

ลำดับ โรงเรียน อักษรย่อ จังหวัด สถาปนา / ยกฐานะ สถานศึกษาเดิม
1 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ส.ก. / S.K. กรุงเทพมหานคร 8 มีนาคม พ.ศ. 2425
(142 ปี 241 วัน)
2 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ส.ก.น. / S.K.N. นนทบุรี 30 มีนาคม พ.ศ. 2521
(46 ปี 219 วัน)
3 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ นมร.ส.ก.ส. / NMR.S.K.S. สมุทรปราการ 8 เมษายน พ.ศ. 2534
(33 ปี 210 วัน)
4 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี นมร.ส.ก.ป. / NMR.S.K.P. ปทุมธานี 4 มีนาคม พ.ศ. 2535
(32 ปี 245 วัน)
5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต ส.ก.ร. / S.K.R. ปทุมธานี 3 มีนาคม พ.ศ. 2536
(31 ปี 246 วัน)
6 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี ส.ก.ช. / S.K.C. ชลบุรี 5 มีนาคม พ.ศ. 2542
(25 ปี 244 วัน)
7 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพชรบูรณ์ ส.ก.พ. / S.K.PB. เพชรบูรณ์ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2542
(25 ปี 133 วัน)
โรงเรียนท่าพลพิทยาคม
(พ.ศ. 2519)
8 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สระบุรี ส.ก.บ. / S.K.B. สระบุรี 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
(18 ปี 272 วัน)
โรงเรียนปากเพรียววิทยาคม
(พ.ศ. 2537)
9 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (จิรประวัติ) นครสวรรค์ ส.ก.จ. / S.K.J. นครสวรรค์ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550
(16 ปี 313 วัน)
โรงเรียนจิรประวัติวิทยาคม
(พ.ศ. 2517)
10 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี ส.ก.ธ. / S.K.T. กรุงเทพมหานคร 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551
(16 ปี 88 วัน)
11 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช ส.ก.นศ. / S.K.NS. นครศรีธรรมราช 3 มีนาคม พ.ศ. 2554
(13 ปี 246 วัน)
โรงเรียนลานสกาประชาสรรค์
(พ.ศ. 2516)

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. http://www.sk.ac.th/
  2. "จำนวนนักเรียน". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-03-17. สืบค้นเมื่อ 2022-02-02.
  3. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-26. สืบค้นเมื่อ 2006-03-11.
  4. "พระราชดำรัสตอบ ในการพระราชทานรางวัลนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ พ.ศ. 2427". สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 มกราคม 2009. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2010.
  5. 5.0 5.1 5.2 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย,"ข้อมูลทั่วไป">เว็บไซต์ ส.ก.
  6. กาญจนา เตชะวณิชย์ (2008-01-18). "เพลงประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย". ไทยกู๊ดวิวดอตคอม. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-26. สืบค้นเมื่อ 2010-01-15.
  7. "บทเพลงชาวสวนฯ : เพลงประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย". เว็บไซต์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย. สืบค้นเมื่อ 2010-01-15.
  8. https://www.facebook.com/1526437537574312/photos/a.1529400270611372.1073741828.1526437537574312/1939118809639514/?type=3&theater
  9. "11 สถาบันในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย ร่วมแถลงข่าวการแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ ครั้งที่ 25 ซึ่งจัดแข่งขันระหว่าง 18-19 มกราคม 2567 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต". www.facebook.com/SuankularbAthletics.SK. สืบค้นเมื่อ 2024-03-23.

แหล่งข้อมูลอื่น

หนังสือและบทความ

เว็บไซต์

13°44′34″N 100°29′55″E / 13.742824°N 100.498579°E / 13.742824; 100.498579