ทรงศักดิ์ ทองศรี
ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี (20 เมษายน 2501 — ) เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ[2] สมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวิน รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย[3] อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบุรีรัมย์ 7 สมัย
ทรงศักดิ์ ทองศรี ม.ป.ช., ม.ว.ม. | |
---|---|
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย | |
อยู่ในวาระ | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 | |
นายกรัฐมนตรี | ประยุทธ์ จันทร์โอชา |
ก่อนหน้า | สุธี มากบุญ |
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม | |
ดำรงตำแหน่ง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 – 9 กันยายน พ.ศ. 2551 | |
นายกรัฐมนตรี | สมัคร สุนทรเวช |
ก่อนหน้า | สรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม |
ถัดไป | โสภณ ซารัมย์ วราวุธ ศิลปอาชา |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 20 เมษายน พ.ศ. 2501 |
พรรค | สามัคคีธรรม (2535) ชาติไทย (2535 - 2539) ความหวังใหม่ (2539 - 2543) ไทยรักไทย (2543 - 2550) พลังประชาชน (2550 - 2551) ภูมิใจไทย (2556 - ปัจจุบัน) |
คู่สมรส | แว่นฟ้า ทองศรี |
ศาสนา | พุทธ |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ![]() |
ยศ | ![]() |
ประวัติแก้ไข
ดร.ทรงศักดิ์ ทองศรี (ชื่อเล่น : ป้อม) เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2501 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชียและระดับปริญญาเอก รัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย[4]
ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชน และเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคคนละ 5 ปี ซึ่งในขณะนั้นนายทรงศักดิ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน จึงถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปีเช่นเดียวกับคณะกรรมการบริหารพรรคคนอื่นอีก 36 คน[5]
การทำงานแก้ไข
ทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดบุรีรัมย์ เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน[6]
ทรงศักดิ์ เป็นหนึ่งในสมาชิก ส.ส.กลุ่ม 16[7]
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 3[8] และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 6[9]
ในปี 2562 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา[10]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
- พ.ศ. 2547 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[11]
- พ.ศ. 2544 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[12]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศกองอาสารักษาดินแดน
- ↑ ประกาศคณะกรรมการการเลือกต้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย (จำนวน ๙ ราย)
- ↑ "นักการเมืองปริญญาเอก?!!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-31. สืบค้นเมื่อ 2011-02-07.
- ↑ รายชื่อกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ชาติไทย มัชฌิมาฯ[ลิงก์เสีย]
- ↑ "เปิดชื่อ 109 กก.บริหาร "พปช.-ชาติไทย-มัชฌิมาฯ" ถูกยุบ-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-18. สืบค้นเมื่อ 2011-06-10.
- ↑ แหยงกลุ่ม 16 ไม่กล้าแตะ ‘ราเกซ’[ลิงก์เสีย]
- ↑ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (พรรคชาติพัฒนา)
- ↑ "ประกาศคณะกรรมการการเลือกต้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 8 พฤษภาคม 2562. สืบค้นเมื่อ 2019-05-10.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ มท.2 และ มท.3 สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์มหาดไทย นิพนธ์ ยัน ให้สอบคุณสมบัติ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๒๑ ตอนที่ ๒๓ ข หน้า ๒, ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๘ ตอนที่ ๒๒ ข หน้า ๗, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๔