สมเด็จพระวันรัต (ฑิต อุทโย)

สมเด็จพระวันรัต นามเดิม ฑิต ฉายา อุทโย เป็นสมเด็จพระราชาคณะ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร และอดีตเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายใต้

สมเด็จพระวันรัต

(ฑิต อุทโย)
คำนำหน้าชื่อท่านเจ้าประคุณ
ส่วนบุคคล
เกิด6 สิงหาคม พ.ศ. 2380 (86 ปี 7 วัน ปี)
มรณภาพ14 สิงหาคม พ.ศ. 2466
นิกายมหานิกาย
การศึกษาเปรียญธรรม 4 ประโยค
ตำแหน่งชั้นสูง
ที่อยู่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร
พรรษาย่าง 66
ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร
เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายใต้

ประวัติ แก้

ชาติดำเนิด แก้

สมเด็จพระวันรัต มีนามเดิมว่าก๋ง เป็นชาวบ้านรั้วใหญ่ บางปอิน แขวงกรุงเก่า (อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปัจจุบัน) เกิดสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2380 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 ปีระกา โยมมารดาชื่อสิงห์ โยมมารดาชื่ออิ่ม[1]

อุปสมบท แก้

เมื่ออายุย่าง 14 ปี ได้บวชเป็นสามเณรที่วัดกำแพง แขวงปางปอิน แล้วย้ายไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดสามพระยา อายุย่าง 21 ปี จึงอุปสมบท ณ วัดสามพระยา เมื่อปีมะเส็ง ปี พ.ศ. 2400 (บางตำราว่า พ.ศ. 2401) โดยพระนิโรธรังสี (เรือง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดแฟงและพระสมุห์พูนเป็นคู่พระกรรมวาจาจารย์[1] ได้ฉายาว่า "อุทโย"

การศึกษา แก้

เมื่ออุปสมบทแล้วท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมในหลายสำนัก ได้แก่ สำนักอาจารย์ทอง ป.ธ. 7 ที่วัดบวรนิเวศวิหาร สำนักพระมหาแดง สีลวฑฺฒโน ป.ธ. 8 ที่วัดสุทัศนเทพวาราม สำนักพระโหราธิบดี (ชุม) ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระโหราธิบดีได้ตั้งชื่อใหม่ให้ท่านว่าฑิต[2]

ในปี พ.ศ. 2409 การสอบบาลีสนามหลวงจัดขึ้น ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ท่านเข้าสอบแปลได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ในปีต่อ ๆ มาสอบตก จนกระทั่ง พ.ศ. 2419 ได้เข้าสอบอีกซึ่งจัดขึ้น ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท ได้เพิ่มอีกประโยคหนึ่ง รวมเป็นเปรียญธรรม 4 ประโยค[2]

เจ้าอาวาส แก้

วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2425 (นับตามแบบเดิมตรงกับ พ.ศ. 2424 ) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระศรีสมโพธิ ได้ทรงโปรดให้อาราธนาไปครองวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จนกระทั่งวันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2431 จึงโปรดให้อาราธนามาครองวัดมหาธาตุ และอยู่วัดนี้จนถึงแก่มรณภาพ

สมณศักดิ์ แก้

  • พ.ศ. 2424 เป็นพระราชาคณะที่ พระศรีสมโพธิ[2]
  • พ.ศ. 2430 เป็นพระราชาคณะที่ พระเทพโมฬี ตรีปิฎกธรา มหาธรรมกถึกคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี[3]
  • พ.ศ. 2435 เป็นพระราชาคณะที่ พระธรรมเจดีย์ กระวีวงษ์นายก ตรีปิฎกบัณฑิตย มหาคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี[4]
  • พ.ศ. 2438 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองฝ่ายเหนือที่ พระพิมลธรรม์ มหันตคุณ วิบุลปรีชาญาณนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูษิต อุดรทิศคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสี[5]
  • พ.ศ. 2443 เป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายใต้ที่ สมเด็จพระวันรัต ปริยัติพิพัฒพงษ์ วิสุทธิสงฆ์ปรินายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีร์ญาณสุนทร มหาทักษิณคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี[6]
 
สมเด็จพระวันรัต(ฑิต) อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รูปที่ 6

ศาสนกิจ แก้

เมื่อแรกมาปกครองวัดมหาธาตุฯ วัดอยู่ในช่วงทรุดโทรมอย่างหนัก ท่านได้พัฒนาวัดหลายประการจนกลับมาเป็นพระอารามที่รุ่งเรืองสง่างาม และได้เป็นแม่กองตรวจชำระพระสุตตันตปิฎกในการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับ ร.ศ. 112[7]

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ได้ทูลให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จัดพระธรรมยุตไปอยู่ แต่กรมพระยาวชิรญาณโรรสแสดงความขัดข้องต่าง ๆ นานา สมเด็จพระวันรัตจึงรับจัดแบ่งพระมหานิกายจากวัดมหาธาตุฯ ไปอยู่แทน ทำให้กรมพระยาวชิรญาณวโรรสกริ้วสมเด็จพระวันรัตตั้งแต่นั้นมา เมื่อพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมพระยาวชิรญาณวโรรสจึงไม่เลือกสมเด็จพระวันรัตให้ร่วมถวายน้ำในพิธีโดยอ้างว่า "สมเด็จพระวันรัตเป็นผู้ปฏิบัติไม่งาม ไม่เป็นที่น่าเคารพ"[8]

เมื่อเข้าวัยชรา ท่านได้มอบหมายให้พระเทพเมธี (เฮง เขมจารี) ปกครองวัดแทน ส่วนท่านยังคงรักษาศีลาจารัตรและมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เพราะเวลาว่างท่านจะท่องจำปาติโมกข์ มูลกัจจายน์ และมหาสติปัฏฐานสูตร อยู่เสมอ[9]

มรณภาพ แก้

สมเด็จพระวันรัตมรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 13 (บางตำราว่าวันอังคารที่ 14[1]) สิงหาคม พ.ศ. 2466 เวลา 07:45 น. สิริอายุได้ 86 ปี 7 วัน

เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จมาสรงน้ำศพ ได้รับพระราชทานโกศไม้สิบสอง ตั้งบนชั้น 2 ชั้น มีฉัตรแวดล้อม 7 คัน และโปรดให้มีพระสวดพระอภิธรรมและประโคมประจำศพมีกำหนด 15 วัน[10] ได้รับพระราชทานเพลิงศพในปี พ.ศ. 2469 ณ เมรุปูน วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร[11]

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 ธนิต อยู่โพธิ์, ตำนานสมณศักดิ์ พระวันรัต และสมเด็จพระราชาคณะผู้ทรงสมณศักดิ์สมเด็จพระวันรัตในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์, กรุงเทพฯ : ศิวพร, 2516, หน้า 39-53
  2. 2.0 2.1 2.2 สมมอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 428 หน้า. หน้า 129-132. ISBN 974-417-530-3
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ, เล่ม 4 ตอน 41, 28 มกราคม 2430, หน้า 326
  4. ราชกิจจานุเบกษา, คำประกาศตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม 9 ตอน 52, 26 มีนาคม 2435, หน้า 462
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม 11 ตอน 39, 23 ธันวาคม 2437, หน้า 311
  6. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม 17, 10 มีนาคม 2443, หน้า 727-8
  7. ราชกิจจานุเบกษา, การสาศนูปถัมภก คือ การพิมพ์พระไตรปิฎก, เล่ม 5, หน้า 410
  8. ราม วชิราวุธประวัติต้นรัชกาลที่ 6. พิมพ์ครั้งที่ 7, กรุงเทพฯ : มติชน, 2559. 400 หน้า. หน้า 96. ISBN 978-974-02-1005-4
  9. พระไพศาล วิสาโลลำธาร ริมลานธรรม 2. กรุงเทพฯ : ชมรมกัลยาณธรรม, 2555. 176 หน้า. หน้า 85-89.
  10. ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวมรณภาพ, เล่ม 40, ตอน ง, 19 สิงหาคม 2466, หน้า 1587-8
  11. บัณฑิตานุสรณ์, พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ สมเดจพระวันรัต (ฑิต) ณ เมรุปูน วัดสระเกศ, 2469, โรงพิมพ์ศรีหงส์