กร ทัพพะรังสี

กร ทัพพะรังสี (14 กันยายน 2488 -) อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา[1] อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาราช อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกระทรวง เป็นบุตรของ อรุณ ทัพพะรังสี (บุตร พระยานราธรหิรัญรัฐ กับคุณหญิงหวาน) และ พร้อม ทัพพะรังสี (สกุลเดิม "ชุณหะวัณ" เป็นบุตรีของจอมพล ผิน ชุณหะวัณ) เนื่องจากสืบเชื้อสายจากนักการเมืองซอยราชครู ทำให้ได้รับการขนานนามให้เป็น “ทายาทราชครู รุ่นที่ 3” ด้านครอบครัวสมรส กับ ระพีพรรณ ทัพพะรังสี มีบุตรชื่อ กฤตพณ ทัพพะรังสี และ กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี โดย กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี บุตรชายสมรสกับ อุษณา มหากิจศิริ บุตรสาว ประยุทธ มหากิจศิริ ในปี พ.ศ. 2555

กร ทัพพะรังสี
ม.ป.ช., ม.ว.ม.
รองนายกรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
5 มีนาคม 2545 – 8 พฤศจิกายน 2546
ดำรงตำแหน่งร่วมกับ
นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร
ถัดไป
ดำรงตำแหน่ง
5 ตุลาคม 2541 – 9 พฤศจิกายน 2543
ดำรงตำแหน่งร่วมกับ
นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย
ดำรงตำแหน่ง
25 พฤศจิกายน 2539 – 9 พฤศจิกายน 2540
ดำรงตำแหน่งร่วมกับ
นายกรัฐมนตรี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ก่อนหน้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดำรงตำแหน่ง
10 มีนาคม 2547 – 1 สิงหาคม 2548
นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร
ก่อนหน้า พลเอก เชษฐา ฐานะจาโร
ถัดไป ประวิช รัตนเพียร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ดำรงตำแหน่ง
5 ตุลาคม 2541 – 9 พฤศจิกายน 2543
นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย
ก่อนหน้า รักเกียรติ สุขธนะ
ถัดไป สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ดำรงตำแหน่ง
25 พฤศจิกายน 2539 – 9 พฤศจิกายน 2540
นายกรัฐมนตรี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
ก่อนหน้า โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์
ถัดไป สมศักดิ์ เทพสุทิน
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
9 สิงหาคม 2531 – 23 กุมภาพันธ์ 2534
ดำรงตำแหน่งร่วมกับ
นายกรัฐมนตรี พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
ก่อนหน้า
ถัดไป
ดำรงตำแหน่ง
17 เมษายน – 10 มิถุนายน 2535
ดำรงตำแหน่งร่วมกับ
นายกรัฐมนตรี พลเอก สุจินดา คราประยูร
ก่อนหน้า
  • หม่อมราชวงศ์เกษมสโมสร เกษมศรี
  • ไพจิตร เอื้อทวีกุล
  • มีชัย วีระไวทยะ
  • สายสุรี จุติกุล
ถัดไป
  • มีชัย วีระไวทยะ
  • สายสุรี จุติกุล
ดำรงตำแหน่ง
17 ธันวาคม 2537 – 19 พฤษภาคม 2538
ดำรงตำแหน่งร่วมกับ
นายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย
ก่อนหน้า
  • มีชัย วีระไวทยะ
  • สายสุรี จุติกุล
ถัดไป
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด 14 กันยายน พ.ศ. 2488 (77 ปี)
จังหวัดพระนคร ประเทศไทย
พรรค ชาติไทย (2517 - 2535) (2550 - 2551)
ประชาราช (2550)
ไทยรักไทย (2548 - 2549)
ชาติพัฒนา (2535 - 2548)
คู่สมรส นางระพีพรรณ ทัพพะรังสี (ถาวรธาร)
ศาสนา พุทธ

กร เคยดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี[2]

ประวัติการศึกษาแก้ไข

นายกร ทัพพะรังสี เข้ารับการศึกษาแห่งแรกที่ โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ ใกล้วิทยาลัยครูสวนสุนันทา มีเพื่อนคนแรกที่เรียน ห้องเดียวกัน นั่งโต๊ะติดกัน และยังคบหากันมากว่า 50 ปี คือ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO)

เรียนต่อชั้นประถม ที่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล และได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนที่ชื่อ ศุภชัย พานิชภักดิ์ อีก หลังจากจบจากเซนต์คาเบรียล จึงไปเข้า โรงเรียนเตรียมอุดมสามพราน เป็นเวลา 1 ปี โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นที่มีชื่อเสียงคือ พล.ต.ท.สุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

หลังจากนั้นไปเข้าเรียนต่อที่ วิลบราแฮม อะแคเดมี่ (Wilbraham Academy) โรงเรียนประจำระดับเตรียมอุดมศึกษา ใกล้เมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่ มหาวิทยาลัยคลาร์ค เมืองวูสเตอร์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

นายกร มีเพื่อนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันในตระกูลคือ ปองพล อดิเรกสาร และ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ซึ่งเรียนโรงเรียนเดียวกัน และอยู่บ้านบริเวณเดียวกัน ทั้งที่ซอยราชครูและที่สหรัฐอเมริกา

ประวัติการทำงานแก้ไข

เมื่อนายกรสำเร็จการศึกษา กลับมาเมืองไทย ได้เข้าเริ่มงานแห่งแรกที่สถานเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย ในตำแหน่ง "ผู้ช่วยทูตการค้า" รับผิดชอบด้าน วิวัฒนาการ และพัฒนาเศรษฐกิจ ทางด้านอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้

หลังจากทำงานที่ดังกล่าวได้ 6 ปี จึงเริ่มเข้าสู่วงการเมืองโดยรับหน้าที่เป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้กับ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ผู้เป็นน้าชาย และขณะนั้นกำลังเริ่มก่อตั้ง พรรคชาติไทย ทำให้นายกรได้มีส่วนร่วม ในการจัดตั้งพรรคชาติไทยมาตั้งแต่ต้น และได้ทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่องนับแต่นั้นมา

ประวัติการทำงานการเมืองแก้ไข

  • ปี 2517 เลขานุการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และร่วมก่อตั้งพรรคชาติไทย
  • ปี 2518 เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  • ปี 2519 เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
  • ปี 2523 ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรรม
  • ปี 2526 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา พรรคชาติไทย และได้รับเลือกตั้งติดต่อกันทุกสมัย (ปี 2526 – 2544)
  • ปี 2529 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
  • ปี 2531 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[3] ดูแลงานด้านพลังงาน การลงทุนและการท่องเที่ยว (ปี 2531-2534)
  • ปี 2534 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[4]
  • ปี 2535 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[5]
  • ปี 2535 ร่วมก่อตั้งพรรคชาติพัฒนา โดยดำรงตำแหน่งโฆษกพรรค
  • ปี 2535 ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร (ปี 2535-2537)
  • ปี 2537 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลงานด้านพลังงาน
  • ปี 2538 ประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร, รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา
  • ปี 2539 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม[6]
  • ปี 2541 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา
  • ปี 2544 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา[7]
  • ปี 2545 รองนายกรัฐมนตรี
  • ปี 2547 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ปี 2547-2548)

การเมืองในช่วงปี พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2550แก้ไข

นายกร ทัพพะรังสี ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในปี พ.ศ. 2541 หลังจากถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หลังการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2548แล้ว ซึ่งพรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมาก นายกรได้ลาออกจากพรรคชาติพัฒนาและเข้าสังกัดกับทางพรรคไทยรักไทย

เมื่อถึงคราววิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2550 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ยุบสภาลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 แล้ว นายกรก็ได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทยและทุกตำแหน่งทันทีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ คือวันรุ่งขึ้นเลย และยุติบทบาททางการเมืองไปชั่วระยะหนึ่ง จนกระทั่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาราช ซึ่งนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประกาศจะสนับสนุนนายกรให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 นายกรได้ลาออกจากพรรคประชาราช กลับไปเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยอีกครั้ง

การดำรงตำแหน่งอื่น ๆแก้ไข

  • นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย
  • นายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน 
  • นายกสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกา
  • สมาชิกราชกรีฑาสโมสร

เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยแก้ไข

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศแก้ไข

ชีวิตส่วนตัวแก้ไข

นายกร เติบโตที่บ้านเทเวศร์ซึ่งเป็นบ้านของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงเขยทางฝ่ายมารดา และเป็นที่ทราบกันว่า "นายกรเป็นหลานน้าชาติ" เนื่องจากมารดาของนายกร เป็นพี่สาวแท้ๆ ของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ญาติอีกคนที่สนิทสนมและเป็นผู้ตั้งชื่อให้กับนายกร คือ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร ผู้มีศักดิ์เป็นน้าเขย

นามสกุล "ทัพพะรังสี" เป็นนามสกุลพระราชทาน จาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้แก่ เจ้าพระยานราธรหิรัญรัฐ (เยื้อน ทัพพะรังสี) ผู้เป็นอดีตเจ้าคลังจังหวัดสงขลาและเป็นพ่อของบุษยา รังสี นักร้องของวงดนตรีสุนทราภรณ์และมีศักดิ์เป็นปู่ของนายกร ทัพพะรังสี

นายกร สมรสกับ นางรพีพรรณ ทัพพะรังสี (สกุลเดิม ถาวรธาร) บุตรี นายชาญไชย ถาวรธาร อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มีบุตรชาย 2 คน คือ นายกฤตพณ ทัพพะรังสี (โก้) และ นายกมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี (ก้อง)

นายกรเป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทส่งเสริมการเล่นแบดมินตัน โดยดำรงตำแหน่งเป็น นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย และเคยดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก ในระหว่างปี 2001-2005

อ้างอิงแก้ไข

  1. อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
  2. พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี
  3. พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๔๕ ราย)
  4. พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๔๕ ราย)
  5. พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๕๐ ราย)
  6. พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๔๙ ราย)
  7. ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
  8. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๖ ตอนที่ ๒๑๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓, ๔ ธันวาคม ๒๕๓๒
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๒๐๑ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๓, ๓ ธันวาคม ๒๕๓๑
  10. ราชกิจจานุเบกษา, แก้คำผิด ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๑๙ ข หน้า ๒๗, ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๕
  11. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๔ ข หน้า ๕, ๗ มีนาคม ๒๕๔๖

แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข