มหาวิทยาลัยมหิดล

มหาวิทยาลัยรัฐในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยมหิดล (อังกฤษ: Mahidol University; อักษรย่อ: MU) เดิมชื่อ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์[1] เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เน้นการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ตั้งอยู่ในอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และมีที่ตั้งอีกหลายแห่ง ทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดอำนาจเจริญ

มหาวิทยาลัยมหิดล
พระมหาพิชัยมงกุฎ
สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย
ชื่อย่อมม./MU
คติพจน์บาลี: อตฺตานํ อุปมํ กเร
(พึงปฏิบัติต่อผู้อื่น เหมือนดังปฏิบัติต่อตนเอง)
อังกฤษ: Wisdom of the Land
(ปัญญาของแผ่นดิน)
ประเภทสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ
สถาปนา2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486; 81 ปีก่อน (2486-02-02)[1]
งบประมาณ58,602,170,000 บาท[2] (ปีการศึกษา 2564)
นายกสภาฯศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร[3]
(ตั้งแต่ 19 พฤศจิกายน 2562)
อธิการบดีศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ[4]
ผู้ศึกษา32,675 คน[5] (ปีการศึกษา 2558)
ที่ตั้ง
  • มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
  • เลขที่ 999 ถนนพุทธมณฑล สาย 4 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 73170
  • มหาวิทยาลัยมหิดล พญาไท
  • เลขที่ 272 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
  • มหาวิทยาลัยมหิดล บางกอกน้อย
  • เลขที่ 2 ถนนวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร 10700
วิทยาเขต
  • มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี
  • เลขที่ 199 หมู่ 9 ถนนแสงชูโต ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150
  • มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
  • เลขที่ 402/1 หมู่ 5 ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ 60130
  • มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ
  • เลขที่ 259 หมู่ 13 ถนนชยางกูร ตำบลโนนหนามแท่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ 37000
สี  สีน้ำเงิน[6]
เครือข่ายAUN, ASAIHL
เว็บไซต์www.mahidol.ac.th
กันภัยมหิดล (Afgekia mahidoliae) ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยมหิดลมีที่มาจากโรงเรียนแพทยากร (โรงพยาบาลศิริราชในปัจจุบัน) ซึ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2432 ก่อนที่จะถูกรวมเข้ากับโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ เพื่อสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมทั้งเปลี่ยนสถานะเป็น คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล[7] ต่อมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 ได้แยกคณะวิชาด้านแพทยศาสตร์สี่คณะ มาจัดตั้งเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์[1] และในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม "มหิดล" อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก[8]

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดลจัดการเรียนการสอนใน 17 คณะ 6 วิทยาลัย 9 สถาบัน และ 3 วิทยาเขต และเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยจากการจัดอันดับของสำนักจัดอันดับหลายสำนัก และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2552 และยังเป็นสมาชิกเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (ASEAN University Network; AUN)

ประวัติ แก้

 
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างโรงศิริราชพยาบาลขึ้นบริเวณพระราชวังบวรสถานพิมุข หรือที่เรียกว่า วังหลัง[9] ต่อมาใน พ.ศ. 2432 จึงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง โรงเรียนแพทยากร[10] โดยจัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตร 3 ปี หลังจากนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเปิดตึกของโรงเรียนแพทย์ จึงได้พระราชทานนามใหม่ว่า โรงเรียนราชแพทยาลัย

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้รวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้าเป็นคณะหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อววันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2460[11] โดยใช้ชื่อว่า "คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น "คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล" ซึ่งได้รับการพัฒนาวิชาการจากมูลนิธิร็อกเกอะเฟลเลอร์[12] จนสามารถจัดการศึกษาถึงขั้นประสาทปริญญาบัตร[13] ซึ่งอนุมัติโดยสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[14]

ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล มีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ขึ้น โดยแยกคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล แผนกอิสระทันตแพทยศาสตร์ แผนกอิสระเภสัชศาสตร์ และแผนกอิสระสัตวแพทยศาสตร์ จัดตั้งเป็น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์[15] สังกัดกระทรวงการสาธารณสุข โดยได้จัดตั้งคณะต่าง ๆ หลายคณะ ต่อมาได้โอนคืนคณะที่ซ้ำซ้อนออกจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะเภสัชศาสตร์ และคณะทันตแพทยศาสตร์ โอนไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ โอนไปสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะสัตวแพทยศาสตร์ โอนไปสังกัดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า มหาวิทยาลัยมหิดล อันเป็นพระนามของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก แทนชื่อมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เดิม[16] ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2550 มหาวิทยาลัยมหิดลได้เปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานเป็นสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ[17] และใน พ.ศ. 2551 มีแผนแม่บทพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ให้เป็นเมืองมหาวิทยาลัยสีเขียว โดยปรับนโยบายในการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อยกระดับความสำคัญและเอื้อต่อการทำกิจกรรม[18] นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน ปี 2558–2562 โดยมี 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร การส่งเสริมความเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ และการส่งเสริมให้เกิดพันธกิจสัมพันธ์กับชุมชน

สัญลักษณ์ แก้

 
ตราประจำมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
  • ตราสัญลักษณ์
    • สมัยที่ยังเป็นมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ตราสัญลักษณ์เป็นตราวงกลม 2 ชั้น ภายในเป็นรูปงูพันคบเพลิง วงนอกด้านบนเขียนว่า "อตฺตานํ อุปมํ กเร" ด้านล่างเขียนว่า "มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์"
    • ต่อมาเมื่อมีการพระราชทานชื่อ "มหาวิทยาลัยมหิดล" ได้เปลี่ยนเป็นตราวงกลม 2 ชั้น วงกลมชั้นในมีพื้นหลังเป็นสีน้ำเงิน ตรงกลางเป็นตราประจำราชสกุลมหิดลสีเหลืองทอง ส่วนวงกลมชั้นนอกนั้นมีพื้นหลังสีขาวตัวอักษรสีเหลืองทองด้านบนเขียนว่า "อตฺตานํ อุปมํ กเร" ด้านล่างเขียนว่า "มหาวิทยาลัยมหิดล" คั่นด้วยดอกประจำยามสีเหลืองทอง[19] ตรานี้ร่างและออกแบบโดยนายแพทย์นันทวัน พรหมผลิน และกอง สมิงชัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่หม่อมราชวงศ์มิตรารุณ เกษมศรี สถาปนิกพิเศษประจำสำนักพระราชวัง ในการปรับแก้ไขตรีและพระมหามงกุฎของตราให้เป็นแบบไทยและพระราชทานตราให้แก่มหาวิทยาลัยมหิดลเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2512[20]
  • สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีน้ำเงิน โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีพระราชทานสีนี้ซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นราชขัติยนุกูลแห่งบรมราชวงศ์ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2512[21]
  • ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ต้นกันภัยมหิดล ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระราชทานให้เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542[22]

ทำเนียบอธิการบดี แก้

มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์
ลำดับ อธิการบดี วาระการดำรงตำแหน่ง หมายเหตุ
1 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อำมาตย์ตรี พระอัพภันตราพาธพิศาล (กำจร พลางกูร) 12 มีนาคม พ.ศ. 2485 – 16 เมษายน พ.ศ. 2488
2 ศาสตราจารย์อุปการคุณ นายแพทย์ หลวงเฉลิมคัมภีร์เวชช์ (เฉลิม พรหมมาส) 17 เมษายน พ.ศ. 2488 – 15 กันยายน พ.ศ. 2500
3 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ หลวงพิณพากย์พิทยาเภท (พิณ เมืองแมน) 16 กันยายน พ.ศ. 2500 – 15 สิงหาคม พ.ศ. 2501
4 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สวัสดิ์ แดงสว่าง 16 สิงหาคม พ.ศ. 2501 – 2 มิถุนายน พ.ศ. 2507
5 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ชัชวาล โอสถานนท์ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2507 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2512
มหาวิทยาลัยมหิดล
ลำดับ อธิการบดี วาระการดำรงตำแหน่ง หมายเหตุ
5 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชัชชวาล โอสถานนท์ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2512 – 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 [23]
6 ศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวนิช 9 ธันวาคม พ.ศ. 2514 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2522 [24][25][26][27]
7 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ดร.ณัฐ ภมรประวัติ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2522 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2534 [28][29][30][31][32]
8 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ประดิษฐ์ เจริญไทยทวี 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2538 [33]
9 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2538 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2542 [34]
10 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2542 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2550 [35][36]
11 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร 9 ธันวาคม พ.ศ. 2550 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554 [37]
12 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน 26 มกราคม พ.ศ. 2555 – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557 [38]
13 ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 – 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 [39]
14 ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 – ปัจจุบัน [40]

พื้นที่มหาวิทยาลัย แก้

 
ภูมิทัศน์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ขวามือเป็นมหิดลสิทธาคาร

มหาวิทยาลัยมหิดลมีที่ตั้งในหลายพื้นที่ ได้แก่[41]

พื้นที่ศาลายา

ตั้งอยู่ที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เป็นที่ตั้งหลักของมหาวิทยาลัย ประกอบไปด้วยคณะและวิทยาลัยส่วนใหญ่ และหน่วยงานอื่น ๆ ได้แก่ สำนักงานอธิการบดี บัณฑิตวิทยาลัย โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก โรงเรียนสาธิตนานาชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของหอประชุมมหิดลสิทธาคารและอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ

พื้นที่บางกอกน้อย

ตั้งอยู่ที่แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะเทคนิคการแพทย์ นอกจากนี้ยังมีศูนย์กายภาพบำบัดของคณะกายภาพบำบัด ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าในแขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด

พื้นที่พญาไท

ตั้งอยู่ที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร มี 3 บริเวณย่อย ได้แก่

  • บริเวณถนนพระรามที่ 6 เป็นที่ตั้งของคณะวิทยาศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์และตรวจสารในการกีฬา
  • บริเวณถนนราชวิถี เป็นที่ตั้งของคณะสาธารณสุขศาสตร์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน และคณะทันตแพทยศาสตร์
  • บริเวณถนนศรีอยุธยา เป็นที่ตั้งของคณะเภสัชศาสตร์

นอกจากนี้ยังมีวิทยาลัยการจัดการ ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท

พื้นที่ต่างจังหวัด

การศึกษา แก้

มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดสอนในระบบหน่วยกิต ปัจจุบันมีการจัดการเรียนการสอนและการวิจัยทั้งสิ้น 629 สาขาวิชา[a][42] ครอบคลุมทั้งสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ทั้งในหลักสูตรไทยและหลักสูตรนานาชาติ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่สามารถผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาเอกได้มากที่สุดในประเทศ[43] ในปี พ.ศ. 2548 มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่มีปริมาณนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด[44] และใน พ.ศ. 2549 และได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณประเภทธุรกิจบริการดีเด่นกลุ่มการศึกษานานาชาติจากนายกรัฐมนตรี (Prime Minister’s Export Award 2006) เพื่อประกาศเกียรติคุณมหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างประเทศมากที่สุด (Most recognized service) ในพิธีประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัล เมื่อวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล[45]

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดล มีส่วนงานและกลุ่มภารกิจในสังกัด ประกอบด้วย 17 คณะ 10 สถาบัน 6 วิทยาลัย 3 วิทยาเขต และหน่วยงานต่างๆ[46] นอกจากนี้ยังมีสถาบันสมทบอีกหลายสถาบัน ซึ่งนักศึกษาของบางสถาบันเข้าร่วมการเรียนการสอนกับมหาวิทยาลัยมหิดล ในขณะที่บางสถาบันมีหลักสูตรเป็นเอกเทศ

คณะ แก้

วิทยาลัย แก้

สถาบัน แก้

ศูนย์และกลุ่มภารกิจ แก้

วิทยาเขต แก้

สถาบันสมทบ แก้


สถาบันสมทบและสถาบันร่วมผลิตในอดีต

การจัดระเบียบ แก้

โรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ แก้

 
โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ และอาคารสถานีรถไฟธนบุรีเดิม

เนื่องจากมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เน้นการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ จึงมีโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์หลายแห่ง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมีโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกและโรงพยาบาลที่มีจำนวนเตียงผู้ป่วยมากที่สุดในประเทศไทย, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ซึ่งสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยบริจาคให้ และสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช ศูนย์การแพทย์ทั้งสามแห่งตั้งอยู่บริเวณเดียวกันในแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย นอกจากนี้ คณะยังมีศูนย์การแพทย์อีกหนึ่งแห่ง นั่นคือ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่ศาลายาโดยมีถนนบรมราชชนนีคั่นกลาง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์สองแห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 6 ในเขตราชเทวี และสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

นอกเหนือจากคณะแพทยศาสตร์แล้ว คณะเวชศาสตร์เขตร้อนก็มีโรงพยาบาลเป็นของตนเอง ตั้งอยู่ริมถนนราชวิถี ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เช่นเดียวกันกับคณะทันตแพทยศาสตร์ ที่มีโรงพยาบาลตั้งอยู่ภายในคณะ คณะสัตวแพทยศาสตร์มีโรงพยาบาลสัตว์ประศุอาทรและโรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่าปศุปาลันในพื้นที่ศาลายา และวิทยาเขตนครสวรรค์ ก็มีศูนย์การแพทย์มหิดลเป็นของตนเองด้วยเช่นกัน

สื่อ แก้

มหาวิทยาลัยมหิดลมีสถานีโทรทัศน์ มหิดลแชนเนล ซึ่งนำเสนอเนื้อหาจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก[53][54] นอกจากนี้ ยังมีช่องบนยูทูบสองช่องหลัก ชื่อว่า มหิดลแชนเนล[55] และ วีมหิดล

โพรไฟล์วิชาการ แก้

หอสมุด แก้

 
หอสมุดและคลังความรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล

ห้องสมุดมหาวิทยาลัยมหิดล มีฐานเดิมจาก "ห้องอ่านหนังสือ" ของโรงเรียนราชแพทยาลัย ต่อมาใน พ.ศ. 2468 ได้ก่อตั้งเป็น "ห้องสมุดคณะแพทยศาสตร์" และใน พ.ศ. 2499 กฤษฎีกาการจัดวางระเบียบราชการของกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้ยกฐานะห้องสมุดเป็น "แผนกห้องสมุด" สังกัดสำนักงานเลขานุการ กรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่เป็นห้องสมุดของทั้งมหาวิทยาลัยและคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาลด้วย

ห้องสมุดยกฐานะเป็น "กองห้องสมุด" ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 4 สิงหาคม 2520 ต่อมากองห้องสมุดได้รับการสถาปนาเป็น "สำนักหอสมุด" ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 103 ตอนที่ 140 วันที่ 8 สิงหาคม 2529 โดยมีฐานะเทียบเท่าคณะ มหาวิทยาลัยได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยดำเนินงานระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ทำให้มีทรัพยากรห้องสมุดในรูปแบบที่หลากหลาย ต่อมาในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 สภามหาวิทยาลัยมหิดลได้เปลี่ยนชื่อสำนักหอสมุดเป็น "หอสมุดและคลังความรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล" โดยเป็นส่วนงานหนึ่งในระดับคณะ[56]

พิพิธภัณฑ์ แก้

ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมหิดลมีพิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุที่เปิดให้บริการหลายแห่ง[57] ทั้งในพื้นที่ศาลายา พื้นที่บางกอกน้อย พื้นที่พญาไท และวิทยาเขตกาญจนบุรี

งานวิจัย แก้

มหาวิทยาลัยมหิดลได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นงานวิจัย โดยในปัจจุบันมีกลุ่มงานวิจัยใน 5 สาขาหลักด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มวิทยาศาสตร์การแพทย์และคลินิก กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพและสาธารณสุข กลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ การจัดการ และศิลปศาสตร์ และกลุ่มภาษาและวัฒนธรรม[58] เมื่อพิจารณาจากจำนวนผลงานทางวิชาการระดับนานาชาตินั้น พบว่า มหาวิทยาลัยมหิดลมีจำนวนผลงานทางวิชาการที่ตีพิมพ์ในระดับนานาชาติบนฐานข้อมูลของ ISI databases เป็นอันดับ 1 ติดต่อกันตั้งแต่ พ.ศ. 2542–2549[59] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน พ.ศ. 2548 คณะวิทยาศาสตร์มีจำนวนผลงานวิจัยเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งอื่นในประเทศ[60] มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนมากที่สุดในประเทศ[61]

การประเมินคุณภาพและการจัดอันดับ แก้

อันดับมหาวิทยาลัย
(คัดเฉพาะอันดับนานาชาติไม่เกิน 500)
อันดับในประเทศ (อันดับนานาชาติ)
สถาบันที่จัด อันดับ
CWTS (2017) 2 (458)
Nature Index (2016) 2 (-)
QS (Asia) (2018) 2 (58)
QS (World) (2018) 2 (334)
QS GER (2018) 2 (301-500)
RUR (2017) 2 (408)
RUR reputation (2017) 2 (246)
RUR research (2016) 3 (457)
RUR Academic (2017) 1(328)
THE (Asia-Pacific) (2017) 1 (101-110)
THE (Asia) (2017) 1 (97)
THE (BRICS) (2017) 1 (76)
UI Green (Overall) (2017) 1 (86)
URAP (2017-2018) 1 (443)

ใน พ.ศ. 2549 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จัดอันดับให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทย ทั้งในด้านการเรียนการสอน ซึ่งได้คะแนนร้อยละ 61.11 จากคะแนนเต็มร้อยละ 80 และด้านการวิจัย ซึ่งได้คะแนนเต็ม[62][63]

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษา ผลปรากฏว่าในการประเมินครั้งที่ 3 (พ.ศ. 2554) มหาวิทยาลัยมหิดลได้รับการประเมินในระดับดีมากในสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ, สาขาวิชาฟิสิกส์ ภาควิชาฟิสิกส์, สาขาวิชาพรีคลินิก ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิชีววิทยา และเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สาขาวิชาจุลชีววิทยาและอณูชีววิทยา สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล และสาขาวิชาเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล[64][65]

นอกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยหน่วยงานในประเทศไทยแล้ว ยังมีหน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีเกณฑ์การจัดอันดับและการให้คะแนนที่แตกต่างกัน SCImago Institutions Ranking,[66] The Times Higher Education,[67][68][69][70] Academic Performance,[71] และ U.S. News & World Report[72] จัดอันดับให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศไทยในด้านวิชาการ ส่วนในด้านอื่น ๆ อย่างด้านสิ่งแวดล้อม[73] และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ[74][75] มหาวิทยาลัยมหิดลก็ถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศด้วยเช่นกัน

ชีวิตนักศึกษา แก้

นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยมหิดล จะเข้าศึกษาที่พื้นที่ศาลายาร่วมกันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี จากนั้นจะแยกย้ายกันไปตามคณะในพื้นที่ต่างๆ บรรยากาศในการใช้ชีวิตของนักศึกษามีความหลากหลายมากเพราะนักศึกษามาจากต่างคณะกัน มีกิจกรรมมากมาย เช่น งานรักน้อง การเชียร์แสตนด์ งานอำลาศาลายา งานวันมหิดล เป็นต้น มีสถานที่ออกกำลังกายและลานกีฬาให้นักศึกษาได้เล่นตามความต้องการ การสัญจรหลักของนักศึกษาคือจักรยานหรือรถราง รวมถึงรถรับส่งจากพื้นที่ศาลายาไปยังพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร

การพักอาศัย แก้

ที่พักอาศัยสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จะเรียกว่า บ้านมหิดล[76] โดยบริเวณที่พักมีการจัดเป็นสัดส่วน อยู่บริเวณทางด้านหลังศูนย์การเรียนรู้มหิดล บ้านมหิดลประกอบไปด้วยอาคารหอพัก 6 หลัง ได้แก่

นอกจากบ้านมหิดลแล้ว ยังมีหอพักแห่งอื่นที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ศาลายา ได้แก่ หอพักพยาบาลรามาธิบดี หอพักสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน หอพักสถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล หอพักวิทยาลัยนานาชาติ หอพักน้ำทองสิกขาลัยของวิทยาลัยศาสนศึกษา อาคารชุดพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียม 4 อาคาร และโรงแรมศาลายาพาวิลเลียน

สำหรับพื้นที่บางกอกน้อย มีหอพักสำหรับนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลและคณะพยาบาลศาสตร์ ได้แก่ หอมหิตลาธิเบศ หอหญิงเตี้ย หอหญิงสูง หอแปดไร่ และหอเจ้าพระยา พื้นที่พญาไทมีหอพักคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีและหอพักคณะเวชศาสตร์เขตร้อน และพื้นที่ต่างจังหวัด อันได้แก่ กาญจนบุรี นครสวรรค์ อำนาจเจริญ ต่างก็มีหอพักประจำวิทยาเขตด้วยกันทั้งสิ้น

พิธีพระราชทานปริญญาบัตร แก้

 
มหิดลสิทธาคาร เป็นสถานที่จัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดลนับตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน

ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นครั้งที่ 2 พระองค์ได้เสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตร ณ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2489 ซึ่งเป็นการพระราชทานปริญญาบัตรเป็นครั้งสุดท้ายในรัชสมัยของพระองค์ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้จัดพิธีพระราชทานปริญญาบัตรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2493 โดยพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธาน ณ ปะรำพิธีหน้าตึกรังสีวิทยา โรงพยาบาลศิริราช เมื่อครั้งยังเป็นมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โดยมีบัณฑิตจากคณะต่าง ๆ เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรต่อหน้าพระพักตร์ จำนวน 200 คน งานพิธีพระราชทานปริญญาบัตรยังคงจัดขึ้นที่หอประชุมราชแพทยาลัยในโรงพยาบาลศิริราชเป็นประจำทุกปีจนถึง พ.ศ. 2520 ซึ่งเมื่อมีผู้สำเร็จการศึกษาเพิ่มมากขึ้น จึงได้เปลี่ยนมาจัดที่สวนอัมพรแทน[77]

นับตั้งแต่ พ.ศ. 2557 เป็นต้นมา พิธีพระราชทานปริญญาบัตรจัดขึ้นที่หอประชุมมหิดลสิทธาคาร โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล[78]

การเดินทาง แก้

ระบบขนส่งมวลชน แก้

 
รถโดยสารประจำทางปรับอากาศสาย 515 ให้บริการระหว่างศาลายากับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

การเดินทางมายังมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มีระบบขนส่งมวลชนหลากหลายรูปแบบ[79] รถโดยสารประจำทางที่ผ่านมหาวิทยาลัยทั้งฝั่งถนนบรมราชชนนี ถนนพุทธมณฑล สาย 4 และทางหลวงชนบท นฐ.4006 มีหลายสาย ทั้งรถประจำทางสายที่ให้บริการโดยองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.), บริษัท สมาร์ทบัส จำกัด, บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด และผู้ให้บริการเอกชนรายอื่น ๆ นอกจากรถประจำทางแล้ว ยังมีรถโดยสารที่ให้บริการโดยมหาวิทยาลัย ได้แก่ ชัตเทิลบัส ที่ให้บริการรับส่งระหว่างพื้นที่ศาลายา บางกอกน้อย และพญาไท และศาลายาลิงก์ ที่ให้บริการรับส่งระหว่างวิทยาลัยดุริยางคศิลป์กับสถานีบางหว้า[80] มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ยังตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟศาลายาบนทางรถไฟสายใต้ มีขบวนรถโดยสารจอดทุกขบวน ในอนาคตมีโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน ซึ่งผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว[81]

สำหรับพื้นที่พญาไท มีรถโดยสายประจำทางผ่านทางฝั่งถนนพระรามที่ 6 และถนนราชวิถี หลายสาย และมีรถไฟชานเมืองให้บริการที่ที่หยุดรถไฟโรงพยาบาลรามาธิบดี หลังคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นอกจากนี้ โรงพยาบาลรามาธิบดียังมีรถโดยสารรับส่งระหว่างคณะกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พญาไท และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

พื้นที่บางกอกน้อย มีรถโดยสารประจำทางให้บริการฝั่งถนนอรุณอมรินทร์ โดยถนนสายนี้มีสะพานข้ามแยกศิริราชที่เปิดให้บริการในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 นอกจากรถประจำทางแล้ว ยังมีรถสองแถวที่ให้บริการในหลายเส้นทาง และมีรถโดยสารของคณะ ได้แก่ ชัตเทิลบัสที่ให้บริการระหว่างคณะกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีไฟฉาย, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และหอพักนักศึกษาแพทย์ ทางรางมีรถไฟชานเมืองให้บริการที่สถานีรถไฟธนบุรี ในอนาคตมีโครงการสถานีร่วมศิริราชบนเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน และรถไฟฟ้าสายสีส้ม[81] ทางน้ำมีเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือโดยสารสาธารณะ ไมน์ สมาร์ท เฟอร์รี่ ให้บริการที่ท่าพรานนกและท่ารถไฟ และมีเรือข้ามฟากให้บริการจากท่าวังหลังไปยังท่าพระจันทร์ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์), ท่ามหาราช และท่าช้าง

ระบบขนส่งภายในมหาวิทยาลัย แก้

 
รถรางสาย 3 (สายสีแดง)

ภายในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มีรถรางวิ่งให้บริการทั้งหมด 4 สาย เรียงตามหมายเลข ได้แก่ สายสีเขียว, สายสีน้ำเงิน, สายสีแดง และสายสีเหลือง[82] นอกจากนี้ ยังมีจักรยานสาธารณะซึ่งนักศึกษาและบุคลากรสามารถยืมใช้ฟรีได้ที่ จักก้าเซ็นเตอร์ หน้าหอพักนักศึกษา โดยต้องแลกบัตรนักศึกษาหรือบัตรประชาชน

บุคคลสำคัญ แก้

คณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยมหิดลนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นของไทยมากที่สุด โดยมีรายพระนาม และรายนามบุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัย เช่น

หมายเหตุ แก้

  1. ข้อมูลสิ้นสุดสภามหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งที่ 512 (9/2559) วันที่ 21 กันยายน 2559

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 1.2 พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแพทยสาตร
  2. มหาวิทยาลัยมหิดล : แผนการใช้จ่ายงบประมาณ มหาวิทยาลัยมหิดล 24 กรกฎาคม 2564.
  3. [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/287/T_0018.PDF ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล (นายปิยะสกล สกลสัตยาทร)]
  4. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
  5. [1][ลิงก์เสีย]
  6. [2], เข้าถึงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559
  7. ราชกิจจานุเบกษา. “ประกาศกระทรวงธรรมการ เรื่อง รวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้ากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.” ratchakitcha.soc.go.th. 15 เมษายน 2460. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2460/A/21.PDF (21 มีนาคม 2561 ที่เข้าถึง).
  8. พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ว่าด้วยกอมิตีผู้จัดการโรงพยาบาล ตั้งคณะกรรมการพิจารณาการจัดตั้งโรงพยาบาล (ที่วังกรมพระราชวังบวรสถานพิมุขฝ่ายหลัง (วังหลัง), เล่ม ๔, ตอน ๕, ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๐, หน้า ๓๔
  10. แจ้งความกระทรวงพระธรรมการ แผนกกรมพยาบาล เปิดโรงเรียนแพทยากร
  11. ประกาศกระทรวงธรรมการ เรื่อง รวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้ากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  12. Becker, William H. Innovative Partners The Rockefeller Foundation and Thailand. New York, New York: The Rockefeller Foundation, 2013. William H. Becker. “Assets: Rockefellerfoundation.” Rockefellerfoundation. 2013. https://assets.rockefellerfoundation.org/app/uploads/20131001203515/Innovative-Partners.pdf เก็บถาวร 2016-12-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (21 March 2018 accessed).
  13. ราชกิจจานุเบกษา. “พระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พุทธศักราช ๒๔๗๗.” เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา. 21 เมษายน 2477. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2478/A/82.PDF (26 สิงหาคม 2561 ที่เข้าถึง).
  14. หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2009, November 7). พิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม. Retrieved from เว็บไซต์หอประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย: http://www.memohall.chula.ac.th/article/พิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม/
  15. "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ พุทธศักราช ๒๔๘๖" (PDF).
  16. "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. ๒๕๑๒" (PDF).
  17. "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. ๒๕๕๐" (PDF).
  18. "การพัฒนาตามผังแม่บท ศาลายา 2551" (PDF). สืบค้นเมื่อ 17 Aug 2020.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  19. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง ตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. ๒๕๕๓, เล่ม ๑๒๗, ตอนพิเศษ ๙๘ ง, ๑๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓, หน้า ๘๘
  20. "ที่มาแห่งตรามหาวิทยาลัยมหิดล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-07-09. สืบค้นเมื่อ 2011-01-27.
  21. "สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย : สีน้ำเงินแก่". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-09-26. สืบค้นเมื่อ 2007-05-17.
  22. "ต้นกันภัยมหิดล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2005-10-28. สืบค้นเมื่อ 2005-08-26.
  23. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2512/D/116/2.PDF
  24. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2514/D/141/1.PDF ราชกิจจานุเบกษา ศ.กษาน
  25. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2517/D/014/219.PDF
  26. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2519/D/005/1.PDF
  27. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2521/D/018/413.PDF
  28. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2523/D/001/5.PDF
  29. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2525/D/017/4.PDF
  30. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2527/D/015/1.PDF
  31. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2529/D/010/24.PDF
  32. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2531/D/017/587.PDF
  33. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2534/D/202/11738.PDF
  34. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2538/D/096/2.PDF
  35. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2542/D/097/1.PDF
  36. "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-04-10. สืบค้นเมื่อ 2016-09-27.
  37. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/D/005/41.PDF
  38. [3]
  39. คำสั่งสภามหาวิทยาลัยมหิดล รักษาการ[ลิงก์เสีย]ราชกิจจานุเบกษา โปรดเกล้าฯ
  40. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
  41. "ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยมหิดล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-18. สืบค้นเมื่อ 2016-11-22.
  42. Mahidol University : จำนวนหลักสูตร
  43. จำนวนผู้สำเร็จการศึกษา จำแนกตามประเภทสถาบันและระดับการศึกษา ปีการศึกษา 2546, สำนักส่งเสริมกิจการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
  44. รายงานประจำปี 2549 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
  45. "PM Award ประเภทธุรกิจบริการกลุ่มการศึกษานานาชาติที่ได้รับความนิยมจากต่างประเทศมากที่สุด". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-21. สืบค้นเมื่อ 2007-02-15.
  46. https://mahidol.ac.th/th/mahidol-organization/
  47. ประกาศมหาวิทยาลัยมหิดล เรื่อง การยุบเลิกส่วนงานของมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2566
  48. จัดตั้งส่วนงาน สถาบันวิทยาศาสตร์การวิเคราะห์และตรวจสารในการกีฬา
  49. การรับวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ เข้าเป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัยมหิดล
  50. การรับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ 3 แห่ง เป็นสถาบันสมทบของมหาวิทยาลัยมหิดล
  51. 51.0 51.1 พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2553 เล่มที่ 127 ตอนที่ 69 ก ประกาศวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 บทเฉพาะกาลหน้าที่ 23
  52. "พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. 2562" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-11. สืบค้นเมื่อ 2020-01-12.
  53. Mahidol Channel
  54. "เปิดตัวสถานีโทรทัศน์ Mahidol Channel". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-22. สืบค้นเมื่อ 2016-10-04.
  55. Youtube มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ[ลิงก์เสีย]
  56. "ประวัติหอสมุดและคลังความรู้มหาวิทยาลัยมหิดล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-11-23. สืบค้นเมื่อ 2016-09-25.
  57. [4] เก็บถาวร 2016-09-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, พิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุแห่งปัญญา.
  58. "Mahidol University : Research". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-27. สืบค้นเมื่อ 2007-08-11.
  59. Svasti MRJ, Asavisanu R. Update on Thai Publications in ISI Databases (1999-2005) เก็บถาวร 2008-06-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ScienceAsia 2006;32 (2) :101-106.
  60. Svasti MRJ, Asavisanu R., Four Decades of Excellence in Research - Revealed by International Database Searches. เก็บถาวร 2011-05-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ใน "48 ปี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (2501-2549)" หนังสือที่ระลึก 4 รอบ แห่งการสถาปนาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 21 ตุลาคม 2549 หน้า 67-70.
  61. "Mahidol University : Notable facts - Has highest budget of any university in Thailand". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-04. สืบค้นเมื่อ 2007-07-22.
  62. "เปิด 50 อันดับมหาวิทยาลัยไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-18. สืบค้นเมื่อ 2021-08-20.
  63. สถาบันจัดอันดับแห่งประเทศไทย ฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย เก็บถาวร 2007-08-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เรียกดูวันที่ 2013-02-21
  64. "สกว.ประเมินครั้งที่ 2 พ.ศ. 2553". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-08-14. สืบค้นเมื่อ 2014-07-02.
  65. "สกว.ประเมินครั้งที่ 3 พ.ศ. 2554". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-28. สืบค้นเมื่อ 2014-07-02.
  66. [5]
  67. [6]
  68. [7]
  69. [8]
  70. BRICS & Emerging Economies
  71. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-27. สืบค้นเมื่อ 2016-06-16.
  72. การจัดอันดับโดย U.S. News & World Report
  73. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-02. สืบค้นเมื่อ 2018-01-24.
  74. http://www.webometrics.info/en/Asia/Thailand
  75. http://www.4icu.org/th/
  76. "ที่พักอาศัยสำหรับนักศึกษา". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-24. สืบค้นเมื่อ 2016-10-22.
  77. พิธีพระราชทานปริญญาบัตร
  78. พิธีเปิด "มหิดลสิทธาคาร" เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557
  79. การเดินทาง[ลิงก์เสีย]
  80. ศาลายาลิงก์
  81. 81.0 81.1 "ครม. อนุมัติโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงไปแล้ว 3 เส้นทาง "ศาลายา-ตลิ่งชัน-ศิริราช" และ "รังสิต-ธรรมศาสตร์"". ผู้จัดการออนไลน์. 5 Mar 2019. สืบค้นเมื่อ 12 Aug 2020.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  82. "รถราง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-08. สืบค้นเมื่อ 2016-11-29.

ดูเพิ่ม แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

พิกัดภูมิศาสตร์: 13°47′36″N 100°19′21″E / 13.793406°N 100.322514°E / 13.793406; 100.322514