พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย พร้อมทั้งเฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562
วันที่3-6 พฤษภาคม 2562
ประเทศประเทศไทย
เหตุการณ์ถัดไปพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ผู้เข้าร่วมพระบรมวงศานุวงศ์, สภานิติบัญญัติแห่งชาติ, รัฐบาลไทย และประชาชนทั่วไป
จัดโดยรัฐบาลไทย

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย พระราชพิธีเบื้องต้น ระหว่างวันที่ 6-23 เมษายน พ.ศ. 2562 ต่อจากนั้นเป็นพระราชพิธีเบื้องกลางและพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งประกอบด้วย การสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนการพระราชพิธี และการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีขั้นตอนคือ พิธีสรงพระมุรธาภิเษก, พิธีถวายน้ำอภิเษก ต่อด้วยพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย สถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์, การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยริ้วกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค และการเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล ระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ณ พระบรมมหาราชวัง และสุดท้ายคือพระราชพิธีเบื้องปลาย ซึ่งเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยริ้วกระบวนพยุหยาตราชลมารค ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม ปีเดียวกัน

ทั้งนี้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยทุกสถานีจะเชื่อมสัญญาณการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย[1]

การเตรียมการ แก้

การเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 5 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีขึ้น โดยเมื่อวันที่ 26 มกราคม มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานการประชุมและดำรงตำแหน่งองค์ประธานที่ปรึกษา[2][3], พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธาน, นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา, ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นที่ปรึกษาและกรรมการ

คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แก้

คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพระราชพิธีนี้ มีดังนี้[4]

ริ้วขบวน แก้

ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศในพระราชพิธี ประกอบด้วย 3 ริ้วขบวน ดังนี้

โดยการฝึกซ้อมริ้วขบวนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โดยกรมสรรพาวุธทหารบก จัดฝึกพื้นฐานลักษณะทหารในท่าต่างๆ ที่ต้องใช้ในริ้วขบวนทั้ง 3 ให้กับชุดครูฝึกของหน่วยที่จัดกำลังปฏิบัติในริ้วขบวน[7] และบวงสรวงกลองมโหระทึกที่จะใช้ในงานพระราชพิธี[8] ในเดือนมีนาคมเป็นการฝึกซ้อมเสมือนจริงรวมทุกเหล่า ในพื้นที่กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ที่ 11[9][10][11] โดยพลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ร่วมลงฝึกซ้อมรวมครั้งแรกในวันที่ 28 มีนาคม[12] และในเดือนเมษายนเป็นการฝึกซ้อมในพื้นที่จริง[13] โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าร่วมการฝึกซ้อมเป็นครั้งแรกในวันที่ 22 เมษายน[14] และซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 และ 29 เมษายน[15]

ตราสัญลักษณ์พระราชพิธี แก้

 
นายตำรวจเชิญธงสัญลักษณ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562 ในริ้วขบวนอัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562

ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในครั้งนี้ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาปรุงแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วยพระองค์เอง และพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พร้อมความหมายเพื่อใช้ในการเผยแพร่งานในครั้งนี้ และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ โดยด้านหน้าเป็นตราสัญลักษณ์ ส่วนด้านหลังมีคำว่า "พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. ๒๕๖๒" ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำเข็มที่ระลึกขึ้นเพื่อจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนได้อัญเชิญไปประดับในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และรายได้จากการจำหน่ายเข็มที่ระลึกทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่าย รัฐบาลจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยต่อไป[16]

การเตรียมสถานที่และปรับปรุงภูมิทัศน์ แก้

  • วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562 กิจกรรมจิตอาสาปรับปรุงภูมิทัศน์คลองคูเมืองเดิม ถนนอัษฎางค์ และถนนบำรุงเมือง มีหน่วยพระราชทานจิตอาสา ประชาชนจิตอาสา เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร กรมป่าไม้ กรมราชทัณฑ์ สมาคมรุกขกรรมไทย และเครือข่ายต้นไม้ในเมืองกว่า 400 คน ระดมอุปกรณ์ เครื่องมือ ไปตัดแต่งกิ่งก้าน และฟื้นฟูต้นไม้ใหญ่ ให้มีทรงพุ่มสวยงาม ตัดกิ่งก้านต้นไม้ตามหลักรุกขกรรม เพื่อให้ต้นไม้ริมคลองคูเมืองเดิมทั้ง 2 ฝั่ง ตั้งแต่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ไปถึงสะพานช้างโรงสี[17]

หมายกำหนดการ แก้

ก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แก้

 
พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดนนทบุรี

ขั้นตอนแรกของการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นน้ำสรงมุรธาภิเษกและน้ำอภิเษกใน 76 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2562[18] ในเวลาฤกษ์ 11:52 - 12:38 น. โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ขันสาคร และเคลื่อนขบวนรถไปยังสถานที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษกของแต่ละจังหวัด ส่วนจังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มากกว่า 1 แหล่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดจะมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเป็นผู้ตักน้ำในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัด สำหรับจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสระบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์สำหรับสรงมุรธาภิเษก ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง จะเป็นผู้ตักน้ำในส่วนของน้ำสรงมุรธาภิเษก [19]

จากนั้นในวันจันทร์ที่ 8 - วันอังคารที่ 9 เมษายน เป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สวดภาณวาร และเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก ต่อมาในวันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2562 มีพิธีเชิญน้ำอภิเษกของแต่ละจังหวัดมาเก็บรักษาไว้ที่ห้องประชุมดอกแก้ว ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังจากนั้นอีกสองวันจึงเป็นพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในกรุงเทพมหานครหอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวัง โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้อธิษฐานจิตพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์จากบาตรน้ำมนต์ภายในหอศาสตราคม บรรจุในคนโท จากนั้นเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปยังกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับคนโทน้ำอภิเษกจาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ และน้ำสรงพระมุรธาภิเษกอีก 9 ใบ รวมเป็น 86 ใบ

 
ริ้วขบวนอันเชิญคนโทน้ำอภิเษกไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562

ในวันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน มีขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดไปยังวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อทำพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม ประกาศชุมนุมเทวดา ทำน้ำเทพมนต์ เจริญพระพุทธมนต์ และทำน้ำพระพุทธมนต์ โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส[20] วันต่อมามีการเชิญคนโทน้ำอภิเษกออกจากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ไปเก็บรักษาไว้ในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และมีพิธีเสกทำน้ำพระพุทธมนต์ในวันจันทร์ที่ 22 เมษายน

วันอังคารที่ 23 เมษายน มีพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ แกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล และจารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จแทนพระองค์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพและพระราชลัญจกรจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม เวลา 15.20 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมราชานุสรณ์ พระลานพระราชวังดุสิต ทรงวางพุ่มดอกไม้ และทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังปฐมบรมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า ทรงวางพุ่มดอกไม้ และทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จากนั้นเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังศาลหลักเมือง ทรงสักการะศาลหลักเมือง และศาลเทพารักษ์ จากนั้นเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูศักดิ์ไชยสิทธิ์ ประตูราชสำราญ เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูกำแพงแก้วพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เสด็จขึ้นหอพระสุราลัยพิมาน ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 1 แล้วเสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนสักการะเทวดารักษาพระบวรเศวตฉัตร ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช ทรงจุดธูปเทียนสักการะเทวดารักษาพระมหาเศวตฉัตรพระที่นั่งภัทรบิฐ จากนั้นเสด็จฯ ไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเทียนสักการะเทวดารักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ พระมหาเศวตฉัตร พระแท่นราชบรรจถรณ์

เวลาพระฤกษ์ 16.09 - 20.30 น. เสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนทอง เทียนเงินและธูปหางปักที่เครื่องสังเวย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวงแล้ว เสด็จพระราชดำเนินกลับ

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม เจ้าพนักงานเตรียมการตังแต่งที่หมู่พระมหามณเฑียร มีพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่ง ไพศาลทักษิณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยกับตังแต่งสถานที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และที่โรงพิธีพราหมณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ไว้พร้อม

เวลา 11.00 น. พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง จะได้เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพและพระราชลัญจกรประจารัชกาล ออกจากพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาขึนพระราชยานกง ที่หน้าประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีขบวนเครื่องสูง กลองชนะและคู่แห่ แห่ไปยังหน้าพระทวารเทเวศรรักษา แล้วเชิญเข้าทางพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เพื่อไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑล ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

เวลา 16.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระราชินีเสด็จพระราชดาเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี เทียบรถยนต์พระที่นั่งที่หน้าประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนพระมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนพระมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมสัการบูชาพระรัตนตรัยแล้วเสด็จขึนพระที่นั่งไพศาลทักษิณทางพระทวารเทวราชมเหศวร ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร และดุริยางค์ เสด็จฯ ไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิ พระอัฐิ สมเด็จพระบรมราชบุพการี เสด็จเข้าพระที่นั่ง ไพศาลทักษิณ ทรงประเคนพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แด่พระสงฆ์ 9 รูป แล้ว พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 30 รูป ที่จะเจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก นั่งในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนพระมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ และทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัยที่พระแท่นมณฑลแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล จบแล้ว

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณพร้อมด้วยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทางพระทวารเทวราชมเหศวรไปที่ตู้เทียนชัยในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

เวลาพระฤกษ์ 19.19 - 18.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจิมเทียนชัย ทรงจุดเทียน ชนวนจากโคมไฟฟ้า ทรงตังพระราชสัตยาธิษฐาน แล้วทรงถวายเทียนชนวนแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงรับเทียนชนวนแล้วทรงจุดเทียนชัยในตู้เทียนชัย พระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญชัยมงคลคาถา จุดเทียนชัย ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ เสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึนพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พร้อมด้วยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทางพระทวารเทวราชมเหศวร สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปประทับอาสนะในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชอาสน์ ทรงจุดเทียนชนวนพระราชทานเจ้าพนักงานเชิญไปบูชา พระมหาเศวตฉัตร 10 แห่ง และปูชนียสถานสาคัญ 9 แห่ง พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร อ่านประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จบแล้ว พระสงฆ์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ 30 รูป และในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย อีก 45 รูป เจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเสกน้ำพระพุทธมนต์ จบแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ทูลเกล้าฯ ถวายนาพระมหาสังข์ ถวายใบสมิต ทรงรับแล้วทรงปัดพระองค์ แล้วพระราชทานคืนพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ รับไปทำพิธีต่อไป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงประเคนผ้าไตร ย่ามที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แด่พระสงฆ์ 95 รูป พระสงฆ์ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช สักการะเทวดารักษาพระบวรเศวตฉัตรพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ และเทวดารักษาพระมหาเศวตฉัตรพระที่นั่งภัทรบิฐ (ผู้ที่จะถวายนาอภิเษกไปนั่งบูชาเทวดาประจาทิศ ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ โหรหลวงบูชาเทวดานพเคราะห์) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี เสด็จขึนพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงสวมพระมหามงคล พระสงฆ์ ๕ รูป ซึ่งนั่งบนพระแท่นราชบรรจถรณ์ เจริญพระพุทธมนต์ พระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร จบแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี เสด็จลงจากพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เพื่อเสด็จลงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทางพระทวารเทวราชมเหศวรเพื่อทรงจุดเทียนเงิน เทียนทอง และเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นสวดภาณวาร แล้วเสด็จฯ กลับ

อนึ่ง ณ โรงพิธีพราหมณ์ ศาลาสหทัยสมาคม พราหมณ์พิธีจะได้เริ่มทำพิธีเตรียมน้ำเทพมนตร์ และพระสังวาลพราหมณ์ธุรา สำหรับการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ[21] แก้

วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 แก้

เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ถวายศีล จบแล้วเสด็จเข้าในหอพระสุราลัยพิมาน ทรงเศวตพัสตร์ ทรงสะพักขาวขลิบทอง พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ กราบบังคมทูลเชิญเสด็จไปสู่มณฑปพระกระยาสนาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้าไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ และเสด็จจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณไปยังชาลาพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงจุดธูปเงินเทียนทอง สังเวยเทวดากลางหาว แล้วเสด็จขึ้นมณฑปพระกระยาสนานประทับเหนือตั่งอุทุมพรราชอาสน์ แปรพระพักตร์สู่ทิศบูรพาเพื่อสรงพระมุรธาภิเษก

จากนั้น เลขาธิการพระราชวัง เปิดพระครอบพระมุรธาภิเษก รัชกาลที่ 1 ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวักน้ำขึ้นมาสรงพระนลาฏ เลขาธิการพระราชวัง ไขสหัสธารา เมื่อสรงสหัสธาราแล้ว สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระอนุวงศ์ และพราหมณ์ ถวายน้ำพระพุทธมนต์ และน้ำเทพมนตร์ ตามลำดับ ทหารปืนใหญ่กองแก้วจินดายิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด ตามกำลังวันเสาร์ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 101 นัด เสร็จแล้ว มหาดเล็กสอดฉลองพระบาทถวาย และถวายฉลองพระองค์คลุม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นหอพระสุราลัยพิมาน จากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์บรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร แปรพระพักตร์สู่บูรพาทิศเป็นทิศแรก พันโท สมชาย กาญจนมณี ปฏิบัติหน้าที่สมุหพระราชพิธี ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย์ รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษกประจำทิศโดยเวียนไปทางขวามือ และมีข้าราชการประจำทิศกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษก แล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระครอบเฟือง (สัมฤทธิ์) เสร็จแล้ว ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระมหาสังข์ประจำทิศที่พระหัตถ์ทุกทิศ หลังถวายน้ำอภิเษก แล้วเมื่อประทับทิศบูรพาแทนทิศกลาง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และทูลเกล้าฯ ถวายน้ำอภิเษก แล้วพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณน้อมเกล้าฯ ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับและพระราชทานผู้เชิญรับเชิญไว้

 
กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ยิงสลุตเฉลิมพระเกียรติ ขณะประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณกล่าวเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกรลาส[ก] จบแล้ว ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ มีพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธยว่า "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" ตามด้วยเบญจราชกกุธภัณฑ์ เครื่องบรมขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัตราวุธ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับแล้วทรงสวมและทรงวางบางองค์ไว้บนโต๊ะ 2 ข้างพระที่นั่งภัทรบิฐ เมื่อถวายพระธำมรงค์วิเชียรจินดาแล้ว พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณสอดฉลองพระบาทเชิงงอนถวาย เจ้าพนักงานเชิญเครื่องขัตติยราชูปโภคมาทอดถวาย โดยขณะพระองค์ทรงรับพระสุพรรณบัฏนั้น ทหารปืนใหญ่กองแก้วจินดายิงปืนมหาฤกษ์ มหาชัย มหาจักร มหาปราบยุค กระบอกละ 10 นัด ตามกำลังวันเสาร์ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 101 นัด เสร็จแล้วพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณถวายอนุษฏุภศิวมนตร์ และถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระปฐมบรมราชโองการและทรงหลั่งทักษิโณทกตั้งพระราชสัตยาธิษฐานในอันที่จะปฏิบัติตามพระปฐมบรมราชโองการ ต่อจากนั้นมีพระบรมราชโองการสถาปนาสมเด็จพระราชินีสุทิดา ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จากนั้นทรงเลี้ยงพระ และสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ดับเทียนชัย

เวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย โดยทรงฉลองพระองค์บรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ มีมหาดเล็กเชิญราชกกุธภัณฑ์อยู่ด้านหลัง โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี กราบบังคมทูลในนามพระบรมวงศานุวงศ์, พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลในนามของประชาชน ทหาร และข้าราชการฝ่ายบริหาร, ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลในนามของรัฐสภา และชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลในนามของข้าราชการตุลาการ จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบ

เวลาเย็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ โดยริ้วขบวนราบใหญ่ไปทรงนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภก ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ ปราสาทพระเทพบิดร ถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ สดับปกรณ์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ในเวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีเฉลิมพระราชมณเฑียร เถลิงพระแท่นบรรจถรณ์ และประทับแรม ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นเวลาหนึ่งคืน

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 แก้

 
กระบวนพยุหยาตราสถลมารค ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร

เวลาเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระปรมาภิไธยพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมทั้งเฉลิมพระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ เลี้ยงพระ เทศน์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

เวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารค จากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ไปยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี โดยเสด็จในริ้วกระบวนด้วย ในฐานะทรงเป็นรองผู้บัญชาการและนายทหารพิเศษประจำหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ตามลำดับ[23]

วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 แก้

 
พสกนิกรขณะรอเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการเสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท

เวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท รับการถวายพระพรชัยมงคลจากพสกนิกรชาวไทย นำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 จากนั้นเสด็จออก ณ ท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อให้คณะทูตานุต ผู้แทนฝ่ายกงสุล และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล โดยมีฉั่ว ซิ่ว ซาน เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ คณบดีคณะทูตกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลในนามของผู้เฝ้าฯ ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลี้ยงคณะผู้มาเข้าเฝ้าฯ ดังกล่าว ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร

พระราชพิธีเบื้องปลาย[24] แก้

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม เวลา 16.02 น.[25] พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค จากท่าวาสุกรี เขตดุสิต ไปยังท่าราชวรดิฐ รวมระยะทางประมาณ 3.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที มีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย[26] โดยเป็นการเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรัชกาล[27] ทั้งนี้ รัฐบาลได้นำความกราบบังคมทูลและทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยออกมาให้เลื่อนกำหนดการจากเดิมคือวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม เนื่องจากมีกระแสน้ำที่เพิ่มระดับในแม่น้ำเจ้าพระยาและสภาพอากาศที่ยังไม่เอื้ออำนวย ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการจัดพระราชพิธี[28]

ในพระราชพิธีดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ประดิษฐานเหนือบุษบกเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช[29] ส่วนพระองค์เอง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ สำหรับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ประทับเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดริ้วขบวนราบใหญ่จากท่าราชวรดิฐไปยังพระบรมมหาราชวัง ต่อเนื่องจากการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารคด้วย[30]

การประชาสัมพันธ์ แก้

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2562 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และ กรมประชาสัมพันธ์ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการวิทยุโทรทัศน์เกี่ยวกับแนวทางการออกอากาศในช่วงงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยแบ่งแนวปฏิบัติการออกอากาศเป็น 3 ช่วง ได้แก่

  1. ช่วงการเตรียมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม - 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
  2. ช่วงการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ระหว่างวันที่ 2 - 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
  3. ช่วงเฉลิมพระเกียรติ ระหว่างวันที่ 7 พฤษภาคม - 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

โดยสถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีโทรทัศน์ และสื่อมวลชนทุกสำนัก จะถ่ายทอดสดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยให้ทุกสถานีเชื่อมโยงสัญญาณจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และให้งดเว้นการโฆษณาระหว่างการถ่ายทอดในช่วงการพระราชพิธี โดยให้ขึ้นข้อความหรือคำถวายพระพรและแสดงความจงรักภักดีแทน นอกจากนี้ยังมีการจัดทำข่าวยาวเป็นกรณีพิเศษเพื่อนำเสนอพิธีที่เกี่ยวเนื่องกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ออกอากาศในช่วงเวลาข่าวในพระราชสำนัก พร้อมทั้งจัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติหรือรายการพิเศษเฉลิมพระเกียรติเพื่อเผยแพร่ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย[31]

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562 สถานีโทรทัศน์ทุกช่องทยอยนำตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ขื้นแสดงตรงมุมซ้ายบนของหน้าจอ ทั้งนี้ ตราสัญลักษณ์ฯ จะแสดงในทุกช่วงข่าวและรายการไปจนถึงปลายเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน ยกเว้นในรายการถ่ายทอดสด การแข่งขันกีฬาบางประเภท เช่น มวย (สำหรับบางกรณี เช่น รายการถ่ายทอดสดฟุตบอลต่างประเทศ หรือ รายการจากต่างประเทศที่มีการขึ้นกราฟิกหน้าจอที่ด้านซ้ายบนของจอ มีการนำตราสัญลักษณ์พระราชพิธีไว้ที่บริเวณมุมบนขวามือ) การถ่ายทอดสดงานสำคัญ และรายการแนะนำสินค้า (รวมถึงช่องโทรทัศน์ที่มีจุดประสงค์เพื่อการเผยแพร่รายการแนะนำสินค้าโดยเฉพาะ)[32] รวมทั้งงดแสดงตราสัญลักษณ์ฯ ในรายการข่าวและรายการถ่ายทอดสด ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม ถึงวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2562 (ยกเว้นวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2562) ซึ่งเป็นช่วงเวลาไว้ทุกข์ในพระราชสำนักเนื่องในการถึงแก่อสัญกรรมของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

กิจกรรมในช่วงพระราชพิธี แก้

ก่อนและระหว่างพระราชพิธี แก้

  • การรับสมัครจิตอาสาเฉพาะกิจ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในระหว่างวันที่ 8 - 9 เมษายน พ.ศ. 2562 เพื่อให้ประชาชนที่ยังไม่เคยลงทะเบียนจิตอาสาได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีฯ โดยกลุ่มงานจิตอาสาเฉพาะกิจ ที่เข้าร่วมปฏิบัติในพิธีการต่างๆ ทั้งก่อนระหว่างและหลังการจัดกิจกรรมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของจังหวัดแบ่งเป็น 7 กลุ่มงาน ประกอบด้วยกลุ่มงานรักษาความปลอดภัยและการจราจรกลุ่มงานแพทย์และสาธารณสุขกลุ่มงานการขนส่งกลุ่มงานบริการและส่งกำลังบำรุงกลุ่มงานนิทรรศการ และพิธีการกลุ่มงานโยธาและกลุ่มงานโครงการ และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ที่มีกลุ่มย่อยอีก 7 กลุ่ม[33] [34][35]
  • โครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด จัดปฏิบัติธรรม ระหว่างวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ระยะเวลา 7 วัน หรือตามความเหมาะสม
  • โครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 6,810 รูป ระหว่างวันที่ 2 - 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ระยะเวลา 15 วัน โดยนายกรัฐมนตรี ให้ข้าราชการลาบรรพชาอุปสมบท โดยไม่ถือเป็นวันลา[36]
  • พิธีทำบุญตักบาตร วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 07.00 น.
  • ให้วัดทุกวัดทั่วประเทศ เจริญชัยมงคลคาถา ย่ำฆ้อง กลอง ระฆัง ในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ในเวลาเดียวกันกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยดูการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
  • ตั้งโต๊ะหมู่พระฉายาลักษณ์ พร้อมประดับธงชาติ ธงธรรมจักร ธงพระปรมาภิไธย ตามความเหมาะสม
  • ห้ามขายสุราในระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562
  • การแสดงโดรนแปรอักษรเฉลิมพระเกียรติจำนวน 300 ลำ ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง[37]

หลังพระราชพิธี แก้

  • พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติ ฯ วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17.00 น. พร้อมกันทั่วประเทศ ตามบทสวดมนต์ที่กำหนด ส่วนกลาง จัดพิธี ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ส่วนภูมิภาค จัดพิธี ณ วัดที่จังหวัดกำหนด[38]
  • การแสดงมหรสพสมโภชเฉลิมฉลองการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 22 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 โดยส่วนกลางจัดที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง[39]
  • พิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของเหล่ากองทัพและตำรวจ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และวันกองทัพไทย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2563 ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี

กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติภาคเอกชน แก้

  • เครือซิเมนต์ไทยจัดทำโครงการ “เฉลิมราชย์ราชา” เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562[40]

ของที่ระลึก แก้

เข็มที่ระลึก แก้

เข็มที่ระลึกงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จัดทำด้วยวัสดุดีบุกผสมทองแดง ขึ้นรูปตามตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขนาดความสูง 3.8 เซนติเมตร ชุบทองด้านหน้าและหลัง พื้นสีน้ำเงินลงยาขอบสีทอง พระปรมาภิไธย วปร. ลงยาสีขาว และคชสีห์ ลงยาสีม่วงอมชมพู ข้อความพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ลงยาสีเขียวสนิม ตัวหนังสือสีทอง ด้านหลังจารึกตัวอักษรพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 เข็มกลัดด้านหลังพร้อมหัวล็อกใช้วัสดุทองเหลืองชุบทอง เข็มที่ระลึกนั้น บรรจุในกล่อง จัดทำด้วยวัสดุกระดาษอาร์ตอัดลายความหนา 120 แกรม เคลือบสีเหลืองทอง หุ้มพลาสติก ขึ้นรูปทรงกล่อง ขนาด 6.4 x 6.8 x 2.8 เซนติเมตร ฝากล่องด้านบนประดับด้วยตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พิพม์ด้วยสีทอง ด้านข้างในกล่องเป็นสีขาวงาช้าง

เสื้อเหลืองพร้อมตราสัญลักษณ์พระราชพิธี แก้

เป็นลักษณะเสื้อโปโลสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งตอนนี้มีร้านค้าที่ได้รับอนุญาตให้จัดทำเสื้อประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างแพร่หลาย เพื่อให้ประชาชนสามารถหาซื้อได้ตามสะดวก

เหรียญที่ระลึก แก้

 
เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ชนิดเหรียญทองแดงรมดำพ่นทรายพิเศษ 95 เปอร์เซ็นต์
  • เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก[41]
    • เหรียญทองคำ 99 เปอร์เซ็นต์ ประเภทขัดเงา เส้นผ่าศูนย์กลาง 26 มิลลิเมตร น้ำหนัก 20 กรัม
    • เหรียญเงิน 92.5 เปอร์เซ็นต์ ประเภทขัดเงา เส้นผ่าศุนย์กลาง 35 มิลลิเมตร น้ำหนัก 22 กรัม
    • เหรียญโลหะสีขาว หรือ ทองแดงผสมนิกเกิล เส้นผ่าศุนย์กลาง 32 มิลลิเมตร น้ำหนัก 15 กรัม
  • เหรียญที่ระลึก
    • เหรียญแพลทินัม เส้นผ่าศูนย์กลาง 60 มิลลิเมตร น้ำหนัก 240 กรัม
    • เหรียญเงินรมดำพ่นทรายพิเศษ 95 เปอร์เซ็นต์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 มิลลิเมตร น้ำหนัก 70 กรัม
    • เหรียญทองแดงรมดำพ่นทรายพิเศษ 95 เปอร์เซ็นต์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 มิลลิเมตร น้ำหนัก 60 กรัม

แสตมป์พระราชพิธี แก้

จัดพิมพ์และจำหน่ายโดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ใช้เทคนิคเพิ่ม 5 สีบนฟอยล์กระจก (อลูมินเนียมซิลเวอร์ฟอยด์) เป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเพิ่มความสวยงามแวววาวให้แก่ภาพบนดวงแสตมป์ พร้อมปั๊มดุนนูนอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ข้อความชื่อประเทศ ชนิดราคา และองค์พระฉายาลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีความพิเศษที่ฉลองพระองค์ ซึ่งได้ใช้สีขาวชนิดพิเศษ เพื่อให้ฉลองพระองค์เป็นสีที่สมจริง โดยแสตมป์เป็นชนิดราคา 10 บาท จัดพิมพ์ทั้งสิ้น 3 ล้านดวง หรือ 3 แสนแผ่น (1 แผ่นมี 10 ดวง)

ของที่ระลึกอื่นๆ แก้

 
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10 พร้อมด้วยแพรแถบสำหรับบุรุษใช้ประดับ

นอกจากนี้ยังมีเข็มกลัดที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พิมพ์ข้อความ “เสด็จออกสีหบัญชร ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒” จัดทำโดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 100,000 เข็ม และการประปานครหลวงผลิตกระบอกน้ำพลาสติกชนิดพกพาประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก จำนวน 300,000 ใบ มอบให้แก่ประชาชนที่มาร่วมเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล[42]

เหรียญที่พระราชทานเป็นที่ระลึก แก้

  เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10

มหรสพสมโภช แก้

มหรสพสมโภช เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดขึ้นช่วงระหว่างวันที่ 22 - 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยส่วนกลางจัดที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ภายใต้การควบคุมโดยคณะกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้นโดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชน[43]

เวทีแบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย เวทีกลาง ณ ท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้ ติดกับพระบรมมหาราชวัง แสดงตั้งแต่เวลา 18:30 - 21:30 น. ตลอด 7 วัน มีการแสดงที่น่าสนใจ เช่น การแสดงโขน ชุด พระบารมีมิ่งฟ้ารามาวตาร, การละเล่นของหลวง, มหาดุริยางค์สากลรวมใจภักดิ์ ชุด ทศมราชันขวัญหล้า (ดนตรีสากล), มหาดุริยางค์ไทยแห่งรัตนโกสินทร์ (ดนตรีไทย), มหกรรมลูกทุ่งไทยเทิดไท้องค์ราชา, การแสดงละครเพลงในสวนฝัน ผสานใจภักดิ์ ถวายองค์ราชัน นำแสดงโดย นก - สินจัย เปล่งพานิช, โป๊ป - ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, เบลล่า - ราณี แคมเปน และเบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์ กำกับการแสดงโดย อี๊ด - สุประวัติ ปัทมสูต ศิลปินแห่งชาติ, การแสดงนาฏศิลป์ร่วมสมัยรวมใจภักดิ์ มหกรรมการแสดงนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ โดยมี 10 ประเทศเข้าร่วมการแสดง ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศพม่า ประเทศเวียดนาม ประเทศกัมพูชา ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศอินเดีย และประเทศจีน และขบวนอัญเชิญเครื่องราชสักการะจาก 4 ภูมิภาค มหกรรมกลองมิ่งมงคลและการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค เฉลิมพระเกียรติ

ส่วนเวทีย่อยมีจัดไว้ 2 ฝั่ง คือเวทีย่อยฝั่งศาลฎีกา และเวทีย่อยฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีจัดแสดงการแสดงของไทย เริ่มแสดงเวลา 17:30 - 18:30 น. มีการแสดง เช่น นาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก, โขนสด, กระตั้วแทงเสือ, มหกรรมเพลงพื้นบ้าน ประกอบด้วย ลำตัด เพลงฉ่อย อีแซว เพลงทรงเครื่อง, ละครชาตรี, การแสดงโขนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, สถาบันคึกฤทธิ์, โรงเรียนอำนวยวิทย์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการแสดงหนังใหญ่จากวัดขนอน, หนังตะลุง (ภาคใต้) และหุ่นสายเสมา เป็นต้น

นอกจากนี้ ตลอด 7 วัน ช่วงเวลา 21:30 - 23:00 น. มีการจัดแสดงแสง สี เสียง ม่านน้ำ ไฟประดับ ชุด "แสงแห่งพระมหากรุณาธิคุณปกหล้า" นำเสนอเรื่องราวความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา สายน้ำแห่งชีวิต และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่แผ่ไพศาลไปยังพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศให้มีความสงบสุข ร่มเย็น เป็นฉัตรแก้วของปวงประชา ผ่านเทคนิคม่านน้ำและน้ำพุความยาวกว่า 40 เมตร อีกทั้งมีกิจกรรมตลาดวัฒนธรรม สาธิตการทำอาหารและขนมไทย งานมหรสพสมโภชในครั้งนี้มีผู้เข้าชมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และชาวต่างประเทศได้ให้ความสนใจกับเวทีย่อยเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการแสดงพื้นบ้านที่หาชมได้ยาก โดยเฉพาะความงดงามของหุ่นกระบอก, หุ่นละครเล็ก, หนังใหญ่ เป็นต้น

นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ แก้

คณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 รวมระยะเวลา 19 วัน ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวงฝั่งติดกับพระบรมมหาราชวัง โดยได้มีการเตรียมงานอย่างสมพระเกียรติและยิ่งใหญ่ โดยนำเสนอเนื้อหาของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารคและกระบวนพยุหยาตราชลมารค หนึ่งเดียวในโลก มีการจัดทำนิทรรศการในรูปแบบสื่อมัลติมีเดีย นำเสนอแบบจำลองเรือพระราชพิธี ทั้ง 52 ลำ แต่ละลำมีขนาดความยาว 3 เมตร ประกอบภาพและเนื้อหาโดยละเอียด และยังได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตนำเรือพระที่นั่งจำลองเสมือนจริงจำนวน 4 ลำ ที่เคยจัดแสดงในงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ มาจัดแสดงร่วมด้วย และยังมีการจัดริ้วขบวนบวงสรวงพระพุทธรูปที่ประดิษฐานบนเรือพระที่นั่งโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ซึ่งจะอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานภายในงานนิทรรศการ เพื่อให้ประชาชนสักการะ นอกจากนี้ในช่วงค่ำของทุกวัน จะมีการแสดงม่านน้ำเฉลิมพระเกียรติ วันละ 3 รอบ และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติอีกด้วย[44]

หมายเหตุ แก้

  1. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยดำเนินการตัดสัญญาณเสียงในการถ่ายทอดสดในช่วงนี้ออก เนื่องจากการกล่าวเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกรลาสของพระครูพราหมณ์ เป็นการกล่าวเชิญพระศิวะให้เสด็จมาสถิตยังพระมหากษัตริย์ ตามคติความเชื่อของคนไทยว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพ ดังนั้นจึงเป็นการกล่าวกับพระมหากษัตริย์เท่านั้น[22]

อ้างอิง แก้

  1. "คอมเมนต์จากโพสต์ใน Facebook". www.facebook.com. 12 เมษายน 2562. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. "แต่งตั้งคณะกรรมการ" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-04-19. สืบค้นเมื่อ 2019-04-26.
  3. กรมประชาสัมพันธ์ (26 มกราคม 2562). "สมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". phralan.in.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-10-24. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรมประชาสัมพันธ์,โครงสร้างคณะกรรมการ เก็บถาวร 2019-10-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  5. รัฐบาลไทย (8 ตุลาคม 2562). "จุรินทร์ ประชุม กก.ประชาสัมพันธ์ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค". www.thaigov.go.th. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. รัฐบาลไทย. "รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". www.thaigov.go.th. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  7. 7.0 7.1 คมชัดลึก (20 กุมภาพันธ์ 2562). "กรมสรรพาวุธทหารบก จัดฝึกกำลังพลในริ้วขบวน"บรมราชาภิเษก"". www.komchadluek.net. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. บวงสรวงกลองมโหระทึก ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
  9. ไทยรัฐ (13 มีนาคม 2562). "ซ้อมเสมือนจริงขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค". www.thairath.co.th. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  10. มติชน (19 มีนาคม 2562). "ซ้อมรวมครั้งแรก ริ้วขบวนที่ 3 พยุหยาตราสถลมารค". www.matichon.co.th. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  11. "กำลังพลฝึกซ้อมริ้วขบวนพิธีแห่พระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ และพระราชลัญจกร".
  12. ทีเอ็นเอ็น24 (28 มีนาคม 2562). "ผบ.ทบ.ร่วมซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ". tnnthailand.com. สืบค้นเมื่อ 29 มีนาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  13. สปริงนิวส์ (17 เมษายน 2562). "ประมวลภาพ "ซ้อมเสมือนจริง ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก" (คลิป)". www.springnews.co.th. สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  14. มติชน (21 เมษายน 2562). "นายกฯ ซ้อมริ้วขบวนพยุหยาตราสถลมารค คนไทย-ชาวต่างชาติร่วมชม (ภาพชุด)". www.matichon.co.th. สืบค้นเมื่อ 25 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  15. ไทยรัฐ (29 เมษายน 2562). "ซ้อมริ้วขบวน เสมือนจริง งดงามสง่ายิ่ง มีทั้งชาวบ้าน นักท่องเที่ยว แห่ไปเฝ้าชม". www.thairath.co.th. สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  16. กรมประชาสัมพันธ์ (11 มีนาคม 2562). "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒". phralan.in.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-10-24. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  17. ช่อง 7 สี (13 มีนาคม 2562). "รุกขกร-หน่วยพระราชทานจิตอาสา ปรับภูมิทัศน์รับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". ch7.com. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  18. กรมประชาสัมพันธ์. "หมายกำหนดการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒". phralan.in.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-06. สืบค้นเมื่อ 2 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  19. มติชน (6 เมษายน 2562). "ทั่วปท.-นนทบุรีร่วมพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จัดทำน้ำอภิเษกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก(ชมคลิป)". www.matichon.co.th. สืบค้นเมื่อ 27 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  20. กระทรวงมหาดไทย (19 เมษายน 2562). "การจัดทำ "น้ำอภิเษก" ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". www.pptvhd36.com. สืบค้นเมื่อ 21 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  21. สำนักพระราชวัง (4 พฤษภาคม 2562). "หมายกำหนดการ ที่ ๑๐/๒๕๖๒ หมายกำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒" (PDF). ratchakitcha.soc.go.th. เล่ม 136 (ตอน 13 ข): หน้า 1. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-05-04. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2564. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  22. "เผยสาเหตุ ทำไมไม่ได้ยินเสียงพระราชครูพราหมณ์ ขณะกล่าวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว". กระปุก.คอม. 2019-05-04. สืบค้นเมื่อ 2022-12-06.
  23. HELLO! Thailand (6 พฤษภาคม 2562). "สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี – เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ สองหญิงกล้าแห่งรัชกาลที่ 10". th.hellomagazine.com. สืบค้นเมื่อ 7 พฤษภาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  24. สำนักพระราชวัง (16 มกราคม 2563). "หมายกำหนดการ ที่ ๓๓/๒๕๖๒ หมายกำหนดการ เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒" (PDF). ratchakitcha.soc.go.th. เล่ม 137 (ตอน 3 ข): หน้า 7. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2564. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  25. ปีติ ในหลวง ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ประทับสุพรรณหงส์ เสด็จฯเลียบพระนครทางชลมารค
  26. ไทยโพสต์ (12 กันยายน 2562). "สวมเสื้อเหลือง รับเสด็จ'ร.10' ทางชลมารค". thaipost.net. สืบค้นเมื่อ 12 กันยายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  27. ผู้จัดการออนไลน์ (5 กรกฎาคม 2562). "ร.10 จะเสด็จฯ ไปถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 24 ต.ค." mgronline.com. สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  28. ข่าวสด (17 ตุลาคม 2562). "โปรดเกล้าฯ เลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เปิดหมายกำหนดการ เสด็จฯสำเพ็ง". www.khaosod.co.th. สืบค้นเมื่อ 17 ตุลาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  29. “ในหลวง” โปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์รัชกาลที่ ๙ ประดิษฐานบนเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช
  30. เปิดหมายกำหนดการ 12 ธ.ค. “พระราชินี-เจ้าฟ้าทีปังกร” ร่วมประทับเรือสุพรรณหงส์
  31. กสทช. (4 มีนาคม 2562). "กสทช. กำหนดแนวทางออกอากาศวิทยุ-ทีวี ช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". www.prachachat.net. สืบค้นเมื่อ 2 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  32. ยามเฝ้าจอ (31 มีนาคม 2562). "ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 เมษายน 2562) เป็นต้นไป สถานีโทรทัศน์ทุกช่องจะต้องขึ้นตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกฯ ไว้ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ และขึ้นยาวไปจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม". www.facebook.com. สืบค้นเมื่อ 2 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  33. สยามรัฐ (9 เมษายน 2562). "จัดพิธีพลีกรรมสมพระเกียรติ ทรงชื่นชมทุกจังหวัด". www.dopa.go.th. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  34. กระทรวงมหาดไทย (7 เมษายน 2562). "สมัครจิตอาสาเฉพาะกิจ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". www.dopa.go.th. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  35. กรมประชาสัมพันธ์ (7 เมษายน 2562). "ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ๙๐๔ วปร. กำหนดให้มีการลงทะเบียนรับจิตอาสาใหม่ สมัครด้วยตนเอง ณ วัดที่ประกอบพิธีทำน้ำอภิเษก (๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ) ในวันที่ ๘ - ๙ เมษายน ๒๕๖๒". www.phralan.in.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-10-24. สืบค้นเมื่อ 12 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  36. รัฐบาลไทย (26 มีนาคม 2562). "นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ข้าราชการลาบรรพชาอุปสมบท โครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยไม่ถือเป็นวันลา". www.thaigov.go.th. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  37. โพสต์ทูเดย์ (30 เมษายน 2562). "อลังการ! ชวนชมโดรนแปรอักษรเฉลิมพระเกียรติที่สนามหลวง วันที่ 5 และ6 พ.ค.นี้". www.posttoday.com. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  38. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (10 มกราคม 2562). "มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 1/2562 เรื่องโครงการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก" (PDF). mahathera.onab.go.th. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  39. เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ (30 เมษายน 2562). "จัดยิ่งใหญ่ มหรสพสมโภช เฉลิมฉลองพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". mgronline.com. สืบค้นเมื่อ 1 พฤษภาคม 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  40. เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ (4 เมษายน 2562). "เอสซีจีจัดโครงการ "เฉลิมราชย์ราชา" ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". mgronline.com. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  41. กระทรวงการคลัง (23 เมษายน 2562). "กฎกระทรวง กำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ พ.ศ. ๒๕๖๒" (PDF). ratchakitcha.soc.go.th. เล่ม 136 (ตอน 54 ก): หน้า 5. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2564. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  42. กรุงเทพธุรกิจ. "ของที่ระลึกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก". www.bangkokbiznews.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-27. สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  43. ประชาชาติธุรกิจ (20 พฤษภาคม 2562). "มหรสพสมโภชพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ 7 คืน ทั่วประเทศ". www.prachachat.net.
  44. ผู้จัดการออนไลน์ (25 กันยายน 2562). "ยิ่งใหญ่...รัฐบาลจัดนิทรรศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 24 ต.ค.ถึง 11 พ.ย.ท้องสนามหลวง". mgronline.com. สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2562. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

แหล่งข้อมูลอื่น แก้


ก่อนหน้า พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ถัดไป
พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2493
(4-8 พฤษภาคม พ.ศ. 2493)
  พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
(4 พฤษภาคม-6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562)
  ครั้งล่าสุด