สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร)

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ พระนามเดิม อัมพร ประสัตถพงศ์ ฉายา อมฺพโร เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์[1] โดยทรงเริ่มดำรงตำแหน่งในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 และทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม[2] เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต แม่กองงานพระธรรมทูต และนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
(อัมพร อมฺพโร)
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (68).jpg
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
สถาปนา12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ก่อนหน้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
พรรษา76
สถิตวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
ศาสนาพุทธ
นิกายธรรมยุติกนิกาย
ประสูติ26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 (95 ปี)
จังหวัดราชบุรี ประเทศสยาม
อัมพร ประสัตถพงศ์
พระชนกนับ ประสัตถพงศ์
พระชนนีตาล ประสัตถพงศ์
ลายพระนาม

พระประวัติแก้ไข

 
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ขณะยังเป็นพระมหาอัมพร อมฺพโร
 
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ ขณะยังเป็นพระมหาอัมพร อมฺพโร ออกบิณฑบาตติดตามพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่บ้านตาด จังหวัดอุดรธานี เมื่อ พ.ศ. 2508

พระชาติกำเนิดแก้ไข

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ มีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อเวลารุ่งเช้าของวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ บ้านเลขที่ 28 หมู่ 1 ตำบลบางป่า อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี พระชนก(บิดา) มีนามว่า นายนับ ประสัตถพงศ์ (แซ่ตั๊ง) พระชนนี (มารดา) มีนามว่า ตาล ประสัตถพงศ์ สกุลเดิม วรกี เป็นบุตรคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 9 คน คือ 1 นางสุนีย์ บูรพาพร (เสียชีวิต) 2 สมเด็จพระสังฆราชฯ 3 นางสุมนรัตน์ อ่อนโยน (เสียชีวิต) 4 พระพรหมมงคลวัชราจารย์ (ไสว วฑฺฒโน) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14-15 (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดศรีสุริยวงศารามวรวิหาร จังหวัดราชบุรี 5 นางเพ็ญศรี วิเชียรทอง (เสียชีวิต) 6 นายสวัสดิ์ ประสัตถพงศ์ 7 นพ.สุนันท์ ประสัตถพงศ์ 8 นางเตือนจิตต์ มิ่งคำเลิศ และ 9 นางพิณรัตน์ เปี่ยมราศีสกุล

ในวัยเยาว์ ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย พระชนกพระชนนี มีบุตรธิดามาก จึงได้ฝากท่านได้เรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทวานุเคราะห์ กองบินน้อยที่ 4 ตำบลโคกกะเทียม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี กับ นาวาอากาศโท ทรัพย์ วรกี ผู้เป็นลุง ซึ่งมารับราชการทหารอากาศ อยู่ที่ลพบุรี จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วมาศึกษาต่อที่โรงเรียนประชาบาลวัดพเนินพลูจนจบชั้น ป. 4 ในปี พ.ศ. 2480

การบรรพชาอุปสมบทแก้ไข

เมื่อ พ.ศ. 2483 พระองค์ผนวชเป็นสามเณรวัดสัตตนารถปริวัตรวรวิหาร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี โดยมีพระธรรมเสนานี (เงิน นนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์[3] แล้วย้ายไปอยู่วัดตรีญาติเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม โดยมีพระครูศรีธรรมานุศาสน์ (โสตถิ์ สุมิตฺตเถร) เป็นพระอาจารย์คอยอบรมพระธรรมวินัย

ต่อมาได้ทรงเข้าพิธีผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2491 ณ พัทธสีมาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยมีพระเทพโมลี (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระจินดากรมุนี (ทองเจือ จินฺตากโร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

การศึกษาพระปริยัติธรรมแก้ไข

ขณะจำพรรษาที่วัดตรีญาติ ตำบลพงสวาย สามเณรอัมพร ประสัตถพงศ์ สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีในปี พ.ศ. 2483 สอบได้นักธรรมชั้นโทในปีต่อมา ถึงปี พ.ศ. 2486 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 3 ประโยค และสอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยคในปี พ.ศ. 2488

เมื่อ พ.ศ. 2490 ทรงย้ายมาอยู่จำพรรษา ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือ จินฺตากโร) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระจินดากรมุนี นำมาฝากกับสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เมื่อครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่พระเทพโมลี และภายหลังอุปสมบท พระองค์ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมต่อในสำนักเรียนวัดราชบพิธฯ จน พ.ศ. 2491 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค และ พ.ศ. 2493 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค

หลังเป็นเปรียญ 5 ประโยค พระองค์ได้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นนักศึกษารุ่นที่ 5 จบศาสนศาสตรบัณฑิต เมื่อปี พ.ศ. 2500 และทรงเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยพาราณสี (Banaras Hindu University) ประเทศอินเดีย จบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2512 ด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี

ปี พ.ศ. 2552 สภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ถวายศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพุทธศาสตร์

ปี พ.ศ. 2553 สภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ[4]

สมเด็จพระสังฆราชแก้ไข

 
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการโปรดสถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้เสด็จพระราชดำเนินไปประกอบพระราชพิธีสถาปนาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 16.50 น. ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม[5]โดยนิมนต์สมเด็จพระราชาคณะ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะจังหวัดทั่วราชอาณาจักร เข้าร่วมพระราชพิธี

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จลงพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน ซึ่งเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ[6]

ตำแหน่งปัจจุบันแก้ไข

พระกรณียกิจด้านการปกครอง

พระกรณียกิจด้านการศึกษา

พระกรณียกิจด้านการเผยแพร่

  • พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน แม่กองงานพระธรรมทูต

พระเกียรติยศและพระเกียรติคุณแก้ไข

ธรรมเนียมพระยศของ
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
 
ตราประจำพระองค์
การทูลฝ่าพระบาท
การแทนตนเกล้ากระหม่อม/เกล้ากระหม่อมฉัน
การขานรับเกล้ากระหม่อม
พะย่ะค่ะ/เพคะ

สมณศักดิ์แก้ไข

  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2514 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญเปรียญ ที่ พระปริยัติกวี,(สป.)[7]
  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2524 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชสารสุธี ศรีปริยัติวราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[8]
  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2533 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพเมธาภรณ์ สุนทรธรรมานุนายก วิสุทธิสาธกสาธุกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[9]
  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2538 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมเมธาภรณ์ สุนทรวาสนวงศวิวัฒ ศรีปริยัติกิจจานุกิจ ปาพจนวิภูษิตคุณาลงกรณ์ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[10]
  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2543 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ ที่ พระสาสนโสภณ วิมลญาณอดุลสุนทรนายก ตรีปิฎกธรรมาลังการภูษิต ธรรมนิตยสาทร ศาสนกิจจานุกร ธรรมยุติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี[11]
  • 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ที่ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ พิพัฒนพงศ์วิสุต พุทธปาพจนานุศาสน์ วาสนวรางกูร วิบูลศีลสมาจารวัตรสุนทร ตรีปิฎกธรรมวราลงกรณวิภูษิต ธรรมยุตติกคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัณยวาสี[12]
  • 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระราชทินนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธำรง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกธราจารย อัมพราภิธานสังฆวิสุต ปาพจนุตตมสาสนโสภณ กิตตินิรมลคุรุฐานียบัณฑิต วชิราลงกรณนริศรปสันนาภิสิตประกาศ วิสารทนาถธรรมทูตาภิวุฒ ทศมินทรสมมุติปฐมสกลคณาธิเบศร ปวิธเนตโยภาสวาสนวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิบูลสีลสมาจารวัตรวิปัสสนสุนทร ชินวรมหามุนีวงศานุศิษฏ บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช[5]

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก้ไข

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่มหาวิทยาลัยทูลถวาย เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกมีดังต่อไปนี้

  • พ.ศ. 2561 : ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา

เครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศแก้ไข

อ้างอิงแก้ไข

  1. โปรดเกล้าฯ “สมเด็จพระมหามุนีวงศ์” เป็นสังฆราช องค์ที่ 20
  2. "กรรมการมหาเถรสมาคม". มหาเถรสมาคม. 25 สิงหาคม 2553. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-27. สืบค้นเมื่อ 17 พฤษภาคม 2558. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  3. กรมศิลปากร. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๒. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 450 หน้า. หน้า 248-9. ISBN 974-417-530-3
  4. "พิธีบำเพ็ญกุศลสมโภชสุพรรณบัฏและถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์". มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 25 สิงหาคม 2553. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 17 พฤษภาคม 2558. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  5. 5.0 5.1 "พระราชโองการ ประกาศสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช [สมเด็จพระมหามุนีวงศ์]" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 12 กุมภาพันธ์ 2560. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2560. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  6. "โป๊ปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชมีพระราชดำรัส 'โรมันคาทอลิก-พุทธจักรไทย' แน่นแฟ้นงดงาม". ไทยโพสต์. 21 พ.ย. 2562. สืบค้นเมื่อ 15 สิงหาคม 2563. {{cite news}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= และ |date= (help)
  7. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม 88, ตอนที่ 151, วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2514, หน้า 7
  8. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม 98, ตอนที่ 206, วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2524, หน้า 3
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม 107, ตอนที่ 242, วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2533, หน้า 2-3
  10. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์, เล่ม 112, ตอนพิเศษ 47ง, 13 ธันวาคม 2538, หน้า 3
  11. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์, เล่ม 117, ตอนที่ 28 ข, 28 ธันวาคม 2543, หน้า 7-9
  12. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์, เล่ม 127, ตอนที่ 7 ข, 9 กรกฎาคม 2553, หน้า 1-3
  13. Full list of Padma awardees 2018
  14. Padma awards 2018: Ilayaraja, Ghulam Mustafa Khan get Padma Vibhushan
  15. เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ถวายอิสริยาภรณ์ ปัทมศรี แด่เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช
  16. เครื่องอิสริยาภรณ์ปัทมศรี อินเดียถวาย ‘พระสังฆราช’

แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข

ก่อนหน้า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) ถัดไป
สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน)    
สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
(พ.ศ. 2560–ปัจจุบัน)
  อยู่ในตำแหน่ง
สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต)    
เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
(2560–ปัจจุบัน)
  ยังอยู่ในตำแหน่ง
สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือ จินฺตากโร)    
เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
(พ.ศ. 2551–ปัจจุบัน)
  ยังอยู่ในตำแหน่ง