รายพระนามพระมหากษัตริย์กัมพูชา
พระมหากษัตริย์กัมพูชาเป็นพระประมุขที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์วรมัน
พระมหากษัตริย์ในพระราชอาณาจักรกัมพูชา ព្រះមហាក្សត្រនៃព្រះរាជអាណាចក្រកម្ពុជា | |
---|---|
![]() ธงมหาราช | |
อยู่ในราชสมบัติ | |
![]() | |
พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี (รัชกาลที่ 114) ตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2547 | |
รายละเอียด | |
พระราชอิสริยยศ | พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี เป็นเจ้าชีวิตเหนือหัว ព្រះចៅក្រុងកម្ពុជាធិបតី ជាម្ចាស់ជីវិតលើត្បូង។ |
รัชทายาท | เลือกตั้งโดยกรมปรึกษาราชบัลลังก์ |
กษัตริย์องค์แรก | พระนางนาคโสมา |
สถาปนาเมื่อ | ศตวรรษที่ 1-2 , ราชวงศ์วรมัน ตำนานพระทอง-นางนาค, อาณาจักรฟูนัน |
ที่ประทับ | ![]() |
ประวัติศาสตร์กัมพูชา | |
---|---|
![]() | |
ประวัติศาสตร์ยุคแรก | |
อาณาจักรฟูนาน (611–1093) | |
อาณาจักรเจนละ (1093–1345) | |
อาณาจักรพระนคร (1345–1974) | |
ยุคมืด | |
สมัยจตุมุข (1974–2068) | |
สมัยละแวก (2068–2136) | |
สมัยศรีสันธร (2136–2162) | |
สมัยอุดง (2162–2406) | |
ยุครัฐในอารักขา | |
ไทยและเวียดนาม | |
อาณานิคมฝรั่งเศส (2406–2496) ส่วนหนึ่งของอินโดจีนฝรั่งเศส | |
ยุคญี่ปุ่นยึดครอง (2484–2489) | |
หลังได้รับเอกราช | |
สงครามกลางเมืองกัมพูชา (2510–2518) | |
รัฐประหาร พ.ศ. 2513 | |
สาธารณรัฐเขมร | |
สงครามเวียดนาม พ.ศ. 2513 | |
ยุคเขมรแดง (2518–2519) | |
สงครามกัมพูชา–เวียดนาม (2518–2532) | |
สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา (2522–2536) | |
การจัดการเลือกตั้งโดยสหประชาชาติ | |
ราชอาณาจักรกัมพูชา (2536–ปัจจุบัน) | |
หลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2536 | |
| |
พระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบันคือ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 114 (รัชกาลที่ 114)
ตามพระราชพงศาวดารกัมพูชาที่ได้บันทึกพระราชวงศ์วรมันนั้นได้แก่ เอกสารมหาบุรุษเขมร และพระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา ฉบับ รบากษัตริย์ โดยการแบ่งบันทึกพระราชพงศาวดารดังกล่าวจะเป็นเป็น 2 ภาค อันได้แก่
ภาคแรก เป็นตำนานที่ได้มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เริ่มจากรัชกาลของพระทอง-นางนาค จนถึง รัชกาลของพระบาทนิพพานบท[1]
ภาคสอง (ภาคพงศาวดาร) เริ่มตั้งแต่รัชกาลของพระบาทนิพพานบท จนถึง รัชกาลของพระบาทสมเด็จพระนโรดม[1]
หน้านี้เป็นรายพระนามพระมหากษัตริย์ในพระราชอาณาจักรกัมพูชา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
สมัยอาณาจักรฟูนัน(พ.ศ. 611–1170)(อาณาจักรพนม)แก้ไข
รัชกาลที่ | พระนามในภาษาสันสกฤต | พระนามในบันทึกของจีน | ครองราชย์ |
---|---|---|---|
01 | นางนาค / พระราชินีโสมา ทรงร่วมครองราชย์กับพระทอง (ตำนานพระทอง-นางนาค) |
Liǔyè 柳葉 / Yèliǔ葉柳 | พ.ศ.611-ศตวรรษที่ 1 |
02 | พระเจ้าเกาฑิณยะวรมันเทวะ (พระทอง) (ตำนานพระทอง-นางนาค) |
Hùntián 混塡 / Hùnhuì 混湏 | ศตวรรษที่ 1-2 |
03 | ไม่ทราบพระนาม | ไม่ทราบพระนาม | ศตวรรษที่ 2 |
04 | Hun Pan-huang | Hùnpánkuàng 混盤況 | ศตวรรษที่ 2-741 |
05 | Pan-Pan | Pánpán 盤盤 | พ.ศ.741-744 |
06 | พระเจ้าศรีมารญะ | ฟ่าน ชือม่าน 范師蔓 | พ.ศ.744-768 |
07 | (พระเจ้าฟ่าน จินเซิง) | ฟ่าน จินเซิง 范金生 | พ.ศ.768 |
08 | พระเจ้าศรีธรณีนทรวรมัน | ฟ่าน จาน 范旃 | พ.ศ.768-787 |
09 | (พระเจ้าฟ่าน เฉิง) | ฟ่าน เฉิง 范長 | พ.ศ.787 |
10 | พระเจ้าอัสรชัย | ฟ่าน สุน 范尋 | พ.ศ.787-832 |
11 | ไม่ทราบพระนาม | Fàn Tiānzhú | พ.ศ.832-900 |
12 | Candana | Zhāntán 旃檀 | พ.ศ.900-953 |
13 | พระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 2 | Qiáochénrú 僑陳如 | พ.ศ.953-978 |
14 | พระเจ้าศรีอินทรวรมัน | Chílítuóbámó 持梨陀跋摩 | พ.ศ.977-978 |
15 | ไม่ทราบพระนาม | ไม่ทราบพระนาม | พ.ศ.978-981 |
16 | ไม่ทราบพระนาม | ไม่ทราบพระนาม | พ.ศ.981-1027 |
17 | พระเจ้าเกาฑิณยะชัยวรมันที่ 3 | Qiáochénrú Shéyébámó 僑陳如闍耶跋摩 | พ.ศ.1027-1057 |
18 | พระเจ้ารุทรวรมัน | Liútuóbámó 留陁跋摩 | พ.ศ.1057-1093 |
สงคราม อาณาจักรฟูนัน-เจนละ พ.ศ.1093-1170 | |||
พระเจ้าปวีรักษ์วรมัน | ไม่ทราบพระนาม | พ.ศ.1093-1143 | |
พระเจ้ามเหนทรชัยวรมัน | ไม่ทราบพระนาม | พ.ศ.1143-1158 | |
พระเจ้านเรนทรวรมัน | ไม่ทราบพระนาม | พ.ศ.1158-1170 |
สมัยอาณาจักรเจนละ (พ.ศ. 1093–1345)แก้ไข
รัชกาล | พระนาม | ครองราชย์ |
พระเจ้าศรุตวรมัน | พ.ศ.1093-1098 | |
พระเจ้าเศรษฐวรมัน | พ.ศ.1098-1103 | |
พระเจ้าวีรวรมัน | พ.ศ.1103-1118 | |
พระนางกัมพุชราชลักษมี | พ.ศ.1118-1123 | |
19 | พระเจ้าภววรมันที่ 1 | พ.ศ.1123-1143 |
20 | พระเจ้ามเหนทรวรมัน (เจนละ) | พ.ศ.1143-1159 |
21 | พระเจ้าอิศานวรมันที่ 1 | พ.ศ.1159-1178 |
22 | พระเจ้าภววรมันที่ 2 | พ.ศ.1182-1200 |
23 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 1 | พ.ศ.1200-1224 |
24 | พระนางเจ้าชัยเทวี | พ.ศ.1224-1256 |
25 | พระเจ้าพลาทิตย์ | พ.ศ.1256 |
26 | พระเจ้านรีประทินวรมัน | พ.ศ.1256-1259 |
27 | พระเจ้าปุษกรักษ์ | พ.ศ.1259–1273 |
28 | พระเจ้าสัมภูวรมัน | พ.ศ.1273–1303 |
29 | พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 1 | พ.ศ.1303-1323 |
30 | พระเจ้ามหิปติวรมัน (มหิปาฏิวรมัน) |
พ.ศ.1303-1345 |
อาณาจักรศรีวิชัยแห่งชวาภายใต้ราชวงศ์ไศเลนทร์ ยกกองทัพเรือขนาดมหึมาเข้าโจมตีและยึดครองอาณาจักรเจนละ |
แหล่งที่มา:[2]
ยุคอาณาจักรพระนคร (พ.ศ. 1345–1974)แก้ไข
รัชกาล | พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบรมรูป |
พระนาม | ครองราชย์ | เมืองหลวง | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
31 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 | 1345–1378 | มเหนทรบรรพต, หริหราลัย (ทรงสถาปนาเป็นเมืองหลวง) |
ทรงประกาศอิสรภาพกัมพูชาจากการยึดครองของอาณาจักรศรีวิชัย (ชวา) ทรงสถาปนาจักรวรรดิเขมร และรับการอภิเษกเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ณ พนมกุเลนและทรงริเริ่มลัทธิเทวราชขึ้นเป็นครั้งแรกในกัมพูชา | |
32 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 3 | 1378–1420 | หริหราลัย | พระราชโอรสในพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 | |
33 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 | 1420–1432 | หริหราลัย | ภาคิไนยในพระเจ้าชัยวรมันที่ 2, พระองค์ได้ทรงสร้างปราสาทพระโค โดยทรงอุทิศแด่พระราชบิดาและพระอัยกา อีกทั้งยังทรงสร้างปราสาทบากอง | |
34 | พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 | 1432–1453 | ยโศธรปุระ (ทรงสถาปนาเป็นเมืองหลวง) |
พระราชโอรสในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1, พระองค์ได้ทรงสร้างปราสาทโลเลย ทรงย้ายราชธานีไปตั้งที่กรุงยโศธรปุระล้อมรอบด้วยพนมบาเค็ง, อีกทั้งยังทรงโปรดให้ขุดบารายตะวันออก | |
35 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 | 1453–1466 | ยโศธรปุระ | พระราชโอรสในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 พระองค์ได้ทรงสร้างปราสาทปักษีจำกรุง | |
36 | พระเจ้าอิศานวรมันที่ 2 | 1466–1471 | ยโศธรปุระ | พระราชโอรสในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1, พระเชษฐาในพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1 พระองค์ได้ทรงมีบทบาทในการชิงพระราชบัลลังก์พระมาตุลาของพระองค์เอง พระเจ้าชัยวรมันที่ 4, พระองค์ทรงโปรดให้สร้างปราสาทกระวาน | |
37 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 | 1471–1484 | เกาะแกร์ | พระราชนัดดาในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 (ประสูติแต่พระนางมเหนทรเทวี, พระธิดาในพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1) พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางชยเทวี, พระขนิษฐาในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1[3], พระองค์ทรงราชาภิเษกโดยอ้างสิทธิ์ทางสายพระราชมารดา, พระองค์ทรงสถาปนาเกาะแกร์เป็นราชธานี | |
38 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 2 | 1484–1487 | เกาะแกร์ | พระราชโอรสในพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 | |
39 | พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 | 1487–1511 | เมืองพระนคร (ยโศธรปุระ) | เป็นพระปิตุลาและพระภาดาของพระเจ้าหรรษวรมันที่ 2 พระองค์ได้ชิงพระราชบัลลังก์จากพระเจ้าหรรษวรมันที่ 2และทรงย้ายราชธานีกลับมาที่เมืองพระนคร, ทรงโปรดให้สร้างปราสาทแปรรูปและปราสาทแม่บุญตะวันออก, ทรงเริ่มทำสงครามกับอาณาจักรจามปาในปี ค.ศ. 946 | |
40 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 | 1511–1544 | ชัยเยนทรนคร ในศรียโศธรปุระ | พระราชโอรสของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ทรงสถาปนาราชธานีแห่งใหม่คือเมืองชัยเยนทรนครและปราสาทตาแก้ว ให้เป็นศูนย์กลางแทนเมืองศรียโศธรปุระ | |
41 | พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 1 | 1544–1549 | เมืองพระนคร | ยุคแห่งความวุ่นวาย, พระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ครองราชย์พร้อมกันและต่างขัดแย้ง | |
42 | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 | 1549–1593 | เมืองพระนคร | ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ,ทรงดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์โจฬะและทรงสู้รบกับอาณาจักรตามพรลิงก์, ทรงโปรดให้สร้างปราสาทพระขรรค์กำปงสวาย, พระองค์ได้ทรงหันมานับถือศาสนาพุทธ,นิกายมหายาน | |
44 | พระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 | 1593–1609 | เมืองพระนคร (ยโศธรปุระ) | ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ได้สำเร็จ, พระองค์ทรงสืบราชสันตติวงศ์แต่พระมเหสีในพระเจ้ายโศวรมันที่ 1, ทรงโปรดให้สร้างปราสาทบาปวน, ทรงโปรดให้ขุดบารายตะวันตกและทรงโปรดให้สร้างปราสาทแม่บุญตะวันตก, รวมถึงปราสาทสด็อกก็อกธม | |
45 | พระเจ้าหรรษวรมันที่ 3 | 1609–1623 | ยโศธรปุระ (เมืองพระนคร) | แย่งราชบัลลังก์จากพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2, ตั้งศูนย์กลางพระนครที่ปราศาทบาปวน. การรุกรานของอาณาจักรจามปาในปี 1074 และ 1080 | |
46 | พระเจ้าชัยวรรมันที่ 6 | 1623–1650 | เมืองพระนคร | พระองค์ทรงชิงราชบัลลังก์จากวิมายปุระ, ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ต้นสายราชสกุลมหิธรปุระ ทรงโปรดให้สร้างปราสาทพิมาย | |
47 | พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 | 1650–1656 | เมืองพระนคร | ทรงชิงราชบัลลังก์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 | |
48 | พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 | 1656–1688 | เมืองพระนคร | ทรงลอบปลงพระชนม์พระปัยกาและแย่งชิงเพื่อขึ้นครองราชสมบัติต่อ และยังทรงโปรดให้สร้าง ปราสาทนครวัด, บันทายสำเหร่, ธรรมนนท์, เจ้าสายเทวดา และ บึงมาลา อีกทั้งยังทรงทำศึกสงครามรุกรานกับอาณาจักรไดเวียต และ จามปา | |
49 | พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2 | 1693–1703 | เมืองพระนคร | สืบต่อจากลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 | |
50 | พระเจ้ายโศวรมันที่ 2 | 1703–1710 | เมืองพระนคร | ถูกยึดอำนาจโดยพระเจ้าตรีภูวนาทิตยวรมัน | |
51 | พระเจ้าตรีภูวนาทิตยวรมัน | 1710–1720 | เมืองพระนคร | อาณาจักรจามปาได้เข้ามารุกรานเมื่อปี พ.ศ. 1720 จนกระทั่งเสียพระนครเขมรให้แก่จามปาในรัชสมัยพระเจ้าชัยอินทรวรมันที่ 4 กษัตริย์แห่งอาณาจักรจามปา ในอีกหนึ่งปีต่อมา คือเมื่อปี พ.ศ. 1721 | |
1178–1181 | ถูกรุกรานโดยอาณาจักรจามปา (ว่างเว้นกษัตริย์) | ||||
52 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 | 1724–1761 | (ทรงสถาปนานครธมเป็นเมืองหลวง) | ทรงเป็นผู้นำกองทัพชาวเขมรในการกอบกู้เอกราชของอาณาจักรเขมรให้พ้นจากการปกครองของอาณาจักรจามปา จนสามารถได้รับชัยชนะและมีเอกราชอีกครั้งในปี พ.ศ. 1734 หลังจากประสบความสำเร็จจากการทำศึกครั้งนั้นแล้ว จึงได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่สำคัญเช่น การสร้างอโรคยศาลา พระราชวัง สระน้ำหลวง รวมไปถึงปราสาทองค์สำคัญ เช่น ปราสาทตาพรหม, ปราสาทพระขรรค์, ปราสาทบายน ใน นครธม และ ปราสาทนาคพันธ์ เป็นต้น | |
53 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 | 1762–1786 | เมืองพระนคร | พระราชโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในรัชสมัยของพระองค์นั้นได้สูญเสียดินแดนทางฝั่งตะวันตกโดยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ทรงประกาศเป็นเอกราชและสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้น และดินแดนทางฝั่งตะวันออกนั้น อาณาจักรจามปา ก็ยังได้ประกาศเอกราชขึ้นมาอีกในรัชสมัยเดียวกัน | |
54 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 8 | 1786–1838 | เมืองพระนคร | มองโกลรุกรานนำโดยกุบไลข่านในปี 1283 และทำสงครามกับสุโขทัย | |
55 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 3 | 1838–1851 | เมืองพระนคร | ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าชัยวรมันที่ 8เป็นพระสัสสุระ ทำให้พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ รับนักการทูตชาวจีนหยวน โจว ต๋ากวาน (1296–1297) | |
56 | พระเจ้าอินทรวรมันที่ 4 | 1851–1870 | เมืองพระนคร | ||
57 | พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 | 1870–1879 | เมืองพระนคร | พระมหากษัตริย์กัมพูชาที่มีพระนามปรากฏในศิลาจารึกภาษาสันสกฤตเป็นพระองค์สุดท้าย สิ้นสุดการปกครองโดยราชสกุลมหิธรปุระหลังจากที่ได้ปกครองอาณาจักรมาอย่างยาวนานกว่า 300 ปี | |
58 | พระเจ้าแตงหวาน | 1879–1883 | เมืองพระนคร | พระมหากษัตริย์ต้นสายราชสกุลตระซ็อกประแอม | |
59 | พระบรมนิพพานบท | 1883–1889 | เมืองพระนคร | ||
60 | พระสิทธานราชา | 1889–1890 | เมืองพระนคร | ||
61 | พระบรมลำพงษ์ราชา | 1890-1896 | เมืองพระนคร | ||
1352–1357 | สยาม (อาณาจักรอยุธยา) ตีนครธมแตก แต่ยังมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ต่อไป | ||||
62 | พระบาสาต
(พระบากระษัตร) |
1896–1899 | เมืองพระนคร | ||
63 | พระบาอาต
(พระบาอัฐ) |
1899–1900 | เมืองพระนคร | ||
64 | พระกฎุมบงพิสี | 1900 | เมืองพระนคร | ||
65 | พระศรีสุริโยวงษ์ | 1900–1906 | เมืองพระนคร | ||
66 | พระบรมรามา | 1906–1916 | เมืองพระนคร | ||
67 | พระธรรมาโศกราช | 1916–1936 | เมืองพระนคร | ||
1393 | สยามตีนครธมแตกเป็นครั้งที่สอง นำโดยสมเด็จพระราเมศวรแห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ยังมีพระมหากษัตริย์ครองราชย์ต่อไป | ||||
68 | พระอินทราชา
(พญาแพรก) |
1931–1964 | เมืองพระนคร | ||
69 | พระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 (พระบรมราชาเจ้าพระยาญาติ) | 1915–1976 | กรุงจตุรมุข | ทรงทิ้งเมืองนครธมในปี ค.ศ. 1431 และทรงย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่กรุงจตุรมุข |
ยุคหลังจักรวรรดิเขมร (พ.ศ. 1974–2406)แก้ไข
กรุงจตุรมุข (พ.ศ. 1931–2083)แก้ไข
ประเทศราชภายใต้อาณาจักรอยุธยาแก้ไข
พ.ศ. 1974 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา เสด็จยกทัพมาตีเมืองนครหลวง (นครธม) ได้สำเร็จ และทรงแต่งตั้งพระอินทราชา พระราชโอรสครองเมืองนครธมต่อไป ในฐานะประเทศราช ต่อมาอาณาจักรอยุธยาได้แต่งตั้งให้เจ้าพระยาแพรก พระราชโอรสอีกพระองค์ในสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 มาครองนครธม จนกระทั่งถูกเจ้าพระยาญาติ เชื้อพระราชวงศ์วรมันกอบกู้ชาติได้สำเร็จ พระองค์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 ส่วนเจ้าพระยาแพรกถูกปลงพระชนม์
รัชกาลที่ | พระบรมฉายาลักษณ์ | พระนาม | ระยะเวลาเสวยราชสมบัติ | เมืองหลวง | เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย |
---|---|---|---|---|---|
69 | พระบรมราชารามาธิบดีที่ 1 (หรือพระบรมราชาเจ้าพญาญาติ) | พ.ศ. 1916–1976 | (ทรงสถาปนากรุงจตุรมุขเป็นราชธานี) | ทรงย้ายราชธานีมายังกรุงจตุรมุข เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรจตุรมุข | |
70 | พระนารายณ์รามาธิบดี หรือพระนารายณ์ราชาที่ 1 (พญาคำขัด) | พ.ศ. 1976–1980 | ทรงย้ายราชธานีกลับมาเมืองพระนคร | ||
71 | พระศรีราชา | พ.ศ. 1981–2019 | เมืองพระนคร | *(ถูกเจ้าพญาเดียรราชา พระอนุชาชิงราชสมบัติ) | |
72 | พระศรีสุริโยไทยราชา หรือเจ้าพญาเดียรราชา | พ.ศ. 1981–2019 | (โอรสเจ้าพญาญาติ กับพระอิทรมิตรา พระราชธิดาสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 กษัติย์อยุธยา) ถูกพระพระธรรมราชาชิงราชสมบัติ | ||
73 | พระธรรมราชาธิราชรามาธิบดี(พระศรีธรรมราชาที่ 1) | พ.ศ. 2011–2047 | กรุงจตุรมุข | (โอรสพระศรีสุริโยไทย กับธิดาขุนทรงพระอินทร์ขุนนางอยุธยาที่ถูกส่งมาเป็นเจ้าเมืองโพธิสัตว์) ทรงถูกพระอนุชาก่อกบฏ แต่ทรงขอกำลังอยุธยาปราบกบฏได้ และย้ายราชธานีกลับมาเมืองจตุรมุขอีกครั้ง | |
74 | พระศรีสุคนธบท หรือพญางามขัต หรือเจ้าพระยาฎำขัตราชา | พ.ศ. 2047–2055 | กรุงบาสาณ | (ย้ายราชธานีมาอยู่เมืองบาสาณ) | |
75 | พระเจ้าไชยเชษฐาฐิราช หรือเจ้ากน หรือขุนหลวงพระเสด็จ | พ.ศ. 2055–2068 | กรุงบาสาณ | (ชิงราชสมบัติพระศรีสุคนธบท ตั้งตนเป็นกษัตริย์ที่เมืองบาสาณ) | |
76 | พระบรมราชาที่ 2 (พญาจันทน์) | พ.ศ. 2059–2109 | กรุงละแวก | (อนุชาพระศรีสุคนทบท หนีขุนหลวงพระเสด็จมาพึ่งกรุงศรีอยุธยา ภายหลังได้ครองราย์และย้ายราชธานีไปที่ละแวก) | |
อาณาจักรเขมรจตุรมุขเปลี่ยนมาเป็นอาณาจักรเขมรละแวกได้ตกเป็นประเทศราชของสยาม (กรุงศรีอยุธยา) |
กรุงละแวก (พ.ศ. 2083–2140)แก้ไข
รัชกาลที่ | พระบรมฉายาลักษณ์ | พระนาม | ระยะเวลาเสวยราชสมบัติ | เมืองหลวง | เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย | |
---|---|---|---|---|---|---|
76 | พระบรมราชาที่ 2 (พญาจันทน์) | พ.ศ. 2059–2109 | (ทรงสถาปนากรุงละแวกเป็นราชธานี) | ทรงย้ายราชธานีมายังกรุงละแวก เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรละแวก | ||
77 | สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก) หรือ พระยาละแวก หรือ ปรมินทราชา | พ.ศ. 2109–2119 | กรุงละแวก | ทรงประกาศอิสรภาพจากกรุงศรีอยุธยา, ทำสงครามและเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา | ||
สมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก)ทรงประกาศอิสรภาพจากกรุงศรีอยุธยา อาณาจักรเขมรละแวกได้เอกราชจากสยาม (กรุงศรีอยุธยา) | ||||||
78 | สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (นักพระสัตถา) หรือ นักพระสัตถา | พ.ศ. 2119–2137 | กรุงละแวก | *(ครองราชย์ร่วมกับพระโอรส) | ||
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพไปตีกรุงละแวกได้สำเร็จ อาณาจักรเขมรละแวกได้ตกเป็นประเทศราชของสยาม (กรุงศรีอยุธยา) เป็นครั้งที่สอง | ||||||
79 | พระไชยเชษฐาที่ 1 นักพระสัตถา | พ.ศ. 2127–2137 | กรุงละแวก | สถาปนาเป็นกษัตริย์ครองราชย์พร้อมกัน | ||
80 | พระบรมราชาที่ 5 (พญาตน) | พ.ศ. 2127–2137 | กรุงละแวก | นักพระสัตถาสถาปนาเป็นกษัตริย์ครองราชย์พร้อมกัน |
กรุงศรีสุนทร (พ.ศ. 2140–2162)แก้ไข
รัชกาลที่ | พระบรมฉายาลักษณ์ | พระนาม | ระยะเวลาเสวยราชสมบัติ | เมืองหลวง | เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย |
---|---|---|---|---|---|
81 | พระบาทรามเชิงไพร หรือพระรามที่ 1 | พ.ศ. 2137–2139 | (ทรงสถาปนากรุงศรีสุนทรเป็นราชธานี) | ทรงย้ายราชธานีมายังกรุงศรีสุนทร, เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรศรีสุนทร | |
82 | พระรามที่ 2 (พญานูร) | พ.ศ. 2139–2139/2140 | กรุงศรีสุนทร | ||
83 | พระบรมราชาที่ 5 (พญาตน) | พ.ศ. 2139/2140–2142 | กรุงศรีสุนทร | ครองราชย์ครั้งที่ 2 ที่เมืองศรีสันธร | |
84 | พระบรมราชาที่ 6 (พญาอน) | พ.ศ. 2142–2143: | กรุงศรีสุนทร | ||
85 | พระแก้วฟ้าที่ 1 หรือเจ้าพญาโญม | พ.ศ. 2143–2145 | กรุงศรีสุนทร | ||
86 | พระบรมราชาที่ 7 (ศรีสุริโยพรรณ) หรือพระศรีสุพรรณมาธิราช | พ.ศ. 2145–2162 | กรุงศรีสุนทร | ||
87 | พระไชยเชษฐาที่ 2หรือพระชัยเจษฎา | พ.ศ. 2162–2170 | กรุงศรีสุนทร |
กรุงอุดงฦๅไชย (พ.ศ. 2162–2384)แก้ไข
รัชกาลที่ | พระบรมฉายาลักษณ์ | พระนาม | ระยะเวลาเสวยราชสมบัติ | เมืองหลวง | เหตุการณ์สำคัญในรัชสมัย |
---|---|---|---|---|---|
87 | พระไชยเชษฐาที่ 2 หรือพระชัยเจษฎา | พ.ศ. 2162–2170 | (ทรงสถาปนากรุงอุดงมีชัยเป็นราชธานี) | ทรงย้ายราชธานีมายังกรุงอุดงมีชัย, เข้าสู่ยุคอาณาจักรเขมรอุดง | |
88 | พระศรีธรรมราชาที่ 2 หรือ พญาตู | พ.ศ. 2170–2175 | กรุงอุดงมีชัย | ||
89 | พระองค์ทองราชา หรือองค์ทอง | พ.ศ. 2175–2183 | กรุงอุดงมีชัย | ||
90 | พระปทุมราชาที่ 1 (องค์นน) | พ.ศ. 2183–2185 | กรุงอุดงมีชัย | ||
91 | พระรามาธิบดีที่ 1 | พ.ศ. 2185–2201 | กรุงอุดงมีชัย | ||
92 | พระบรมราชาที่ 8 (นักองค์สูร) | พ.ศ. 2202–2215 | กรุงอุดงมีชัย | ||
93 | พระปทุมราชาที่ 2 (พระศรีชัยเชษฐ์) | พ.ศ. 2215–2216 | กรุงอุดงมีชัย | ||
94 | พระแก้วฟ้าที่ 2 (นักองค์ชี) | พ.ศ. 2216–2220 | กรุงอุดงมีชัย | ||
95 | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) รัชสมัยที่ 1 | พ.ศ. 2220–2238 | กรุงอุดงมีชัย | ||
96 | พระรามาธิบดีที่ 2 (นักองค์ยง) | พ.ศ. 2238–2239 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) รัชสมัยที่ 2 | พ.ศ. 2239–2243 | กรุงอุดงมีชัย | ||
97 | พระแก้วฟ้าที่ 3 (นักองค์อิม) รัชสมัยที่ 1 | พ.ศ. 2243–2244 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) รัชสมัยที่ 3 | พ.ศ. 2244–2245 | กรุงอุดงมีชัย | ||
98 | พระศรีธรรมราชาที่ 3 รัชสมัยที่ 1 | พ.ศ. 2245–2247 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระไชยเชษฐาที่ 3 (นักองค์สูร) รัชสมัยที่ 4 | พ.ศ. 2247–2250 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระศรีธรรมราชาที่ 3 รัชสมัยที่ 2 | พ.ศ. 2252–2258 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระแก้วฟ้าที่ 3 (นักองค์อิม) รัชสมัยที่ 2 | พ.ศ. 2258–2265 | กรุงอุดงมีชัย | ||
99 | พระสัตถาที่ 2 หรือนักองค์ชี รัชสมัยที่ 1 | พ.ศ. 2265–2272 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระแก้วฟ้าที่ 3 (นักองค์อิ่ม) รัชสมัยที่ 3 | พ.ศ. 2272–2272 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระสัตถาที่ 2 รัชสมัยที่ 2 | พ.ศ. 2272–2280 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระศรีธรรมราชาที่ 3 รัชสมัยที่ 3 | พ.ศ. 2281–2293 | กรุงอุดงมีชัย | ||
100 | พระศรีธรรมราชาที่ 4 (นักองค์อิ่ม) | พ.ศ. 2293–2293 | กรุงอุดงมีชัย | ||
101 | พระรามาธิบดีที่ 3 (นักองค์ทอง) รัชสมัยที่ 1 | พ.ศ. 2293–2294 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระสัตถาที่ 2 ครองราชย์ครั้งที่ 3 |
พ.ศ. 2294–2294 | กรุงอุดงมีชัย | ||
102 | พระศรีไชยเชษฐ์ (นักองค์สงวน) | พ.ศ. 2294–2300 | กรุงอุดงมีชัย | ||
-- | พระรามาธิบดีที่ 3 (นักองค์ทอง) รัชสมัยที่ 2 | พ.ศ. 2301–2303 | กรุงอุดงมีชัย | ||
103 | พระนารายน์ราชารามาธิบดี (นักองค์ตน) | พ.ศ. 2303–2318 | กรุงอุดงมีชัย | ||
อาณาจักรเขมรอุดงได้ตกเป็นประเทศราชของสยาม (อาณาจักรธนบุรี) หมายเหตุ: สยามในนามอาณาจักรอยุธยาล่มสลายเมื่อ พ.ศ. 2310 และถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ในนามอาณาจักรธนบุรี | |||||
104 | สมเด็จพระรามราชาธิราช (นักองค์โนน) | พ.ศ. 2318–2322 | กรุงอุดงมีชัย | ||
105 | สมเด็จพระนารายณ์รามาธิบดีศรีสุริโยพรรณ (นักองค์เอง) | พ.ศ. 2322–2325: | กรุงอุดงมีชัย | ||
อาณาจักรเขมรอุดงได้ตกเป็นประเทศราชของสยาม (อาณาจักรรัตนโกสินทร์) หมายเหตุ: สยามในนามอาณาจักรธนบุรีสิ้นสภาพจากการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และมีการสถาปนาอาณาจักรรัตนโกสินทร์ขึ้นแทนที่ใน พ.ศ. 2325 | |||||
เกิดสงครามขึ้นระหว่างสยาม (อาณาจักรรัตนโกสินทร์) กับ เวียดนาม (ราชวงศ์เหงียน) เพื่อแย่งชิงอิทธิพลเหนือกัมพูชา, นำไปสู่สงครามอานัมสยามยุทธ | |||||
106 | สมเด็จพระอุไทยราชาธิราชรามาธิบดี (นักองค์จัน) | พ.ศ. 2349–2377 | กรุงอุดงมีชัย | ||
107 | กษัตรีองค์มี (นักองเม็ญ) | พ.ศ. 2349–2377 | กรุงพนมเปญ | พระนางได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามทำให้พระนางได้สถาปนาเป็นพระเจ้ากรุงกัมพูชาเพื่อถ่วงดุลกับสยามในช่วงอานัมสยามยุทธ | |
108 | สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) | พ.ศ. 2384–2403 | กรุงอุดงมีชัย |
- พ.ศ. 2383–2384: ว่างกษัตริย์
ยุคปัจจุบัน (พ.ศ. 2403–ปัจจุบัน)แก้ไข
กัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส (พ.ศ. 2406–2496)แก้ไข
รัชกาลที่ | พระบรมฉายาลักษณ์ | รายพระนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
กัมพูชาตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และกลายเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2406 (เข้าสู่ยุคกัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส) หมายเหตุ: กัมพูชาพ้นจากความเป็นประเทศราชของสยาม ทางฝ่ายสยามถือเป็นการเสียอิทธิพลให้ฝรั่งเศส | |||||
109 | พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (นักองค์ราชาวดี) | 19 ตุลาคม พ.ศ. 2403 | 23 เมษายน พ.ศ. 2447 | พระราชโอรสในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) | |
110 | พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์) | 27 เมษายน พ.ศ. 2447 | 9 สิงหาคม พ.ศ. 2470 | พระราชโอรสในสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี (นักองค์ด้วง) พระอนุชาต่างพระราชมารดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (นักองค์ราชาวดี) | |
111 | พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์) | 9 สิงหาคม พ.ศ. 2470 | 23 เมษายน พ.ศ. 2484 | พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์) | |
112 | พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครองราชย์ครั้งแรก) |
24 เมษายน พ.ศ. 2484 | 2 มีนาคม พ.ศ. 2498 | พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ (นักองค์สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์) | |
กัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสโดยสมบูรณ์ พ.ศ. 2496 สถาปนาพระราชอาณาจักรกัมพูชาโดยใช้ระบอบสังคมราษฎรนิยม : พ.ศ. 2496 – 2513 กัมพูชาเข้าสู่ยุคสังคมราษฎรนิยม |
พระราชอาณาจักรกัมพูชา (พ.ศ. 2496–2513)แก้ไข
รัชกาลที่ | พระบรมฉายาลักษณ์ | รายพระนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
113 | พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต | 3 มีนาคม พ.ศ. 2498 | 3 มษายน พ.ศ. 2503 | พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร (นักองค์ราชาวดี) | |
เกิดรัฐประหารปี พ.ศ. 2513 ตำแหน่งถูกยกเลิก หมายเหตุ: ยุบเลิกพระราชอาณาจักรกัมพูชา เปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นสาธารณรัฐเขมร : พ.ศ. 2513 – 2536 |
พระราชอาณาจักรกัมพูชา (พ.ศ. 2536–ปัจจุบัน)แก้ไข
รัชกาลที่ | พระบรมฉายาลักษณ์ | รายพระนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
ฟื้นฟูราชอาณาจักรกัมพูชาขึ้นใหม่ พ.ศ. 2536 | |||||
-- | พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครองราชย์ครั้งที่ 2) |
24 กันยายน พ.ศ. 2536 | 7 ตุลาคม พ.ศ. 2547 | พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต | |
114 | พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี | 14 ตุลาคม พ.ศ. 2547 | ปัจจุบัน | พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ |
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ 1.0 1.1 ศานติ ภักดีคำ. "เอกสารกัมพูชากับการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา" (PDF). ดำรงวิชาการ. สืบค้นเมื่อ 23 มกราคม พ.ศ. 2564.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ O'Reilly, Dougald J. W. (2007). Early Civilizations of Southeast Asia by Dougald J. W. O'Reilly - Chenla. ISBN 9780759102798. สืบค้นเมื่อ 30 December 2015.
- ↑ Kenneth T. So. "Preah Khan Reach and The Genealogy of Khmer Kings" (PDF). Cambosastra. สืบค้นเมื่อ February 16, 2023.