สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (นักพระสัตถา)

กษัตริย์กัมพูชา

สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หรือสมเด็จพระมหินทราชา พระนามเดิมว่านักพระสัตถาหรือนักพระสัฏฐาเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชาในสมัยที่กรุงละแวกเป็นราชธานี ประสูติราว พ.ศ. 2083 ครองราชสมบัติระหว่าง พ.ศ. 2119–2137 เป็นพระโอรสของสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก)ในรัชกาลของพระองค์นั้น ได้ทำสงครามขับเคี่ยวกับสยามหลายครั้ง ก่อนจะรบแพ้สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จนเสียกรุงละแวกให้สยาม

สมเด็จพระบรมราชาที่ 4
พระมหากษัตริย์กัมพูชา
ครองราชย์พ.ศ. 2119–2137
รัชกาลก่อนหน้าสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก)
รัชกาลถัดไปสมเด็จพระไชยเชษฐาที่ 1 (พระไชยเชษฐา)
ประสูติพ.ศ. 2083
สวรรคตพ.ศ. 2139
พระมเหสีสมเด็จพระภัควดีศรีจักรพรรดิราช
สมเด็จพระบรมกษัตริย์
สมเด็จพระเทพกษัตรี
พระนามเต็ม
สมเด็จพระชัยเชษฐาธิราชโองการ บรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีตรีภูวนาทิตยพรรม ธรรมิกราช มนุวงโศตตร มหาบรมจักรพรรดิราช กัมพุชเชสูร สุรินทรเดโชชัย ไตรรัตนมกุฎ วิสุทธิชินสาสธร ปรมัตภุปถัมภกราช สมเด็จพระมหาอุบาสก มหาราชบพิตร
พระบุตรสมเด็จพระไชยเชษฐาที่ 1 (พระไชยเชษฐา)
สมเด็จพระบรมราชา
สมเด็จพระมหากษัตรี
สมเด็จพระวิสุทธกษัตริย์
พระวิสุทธกษัตรี
เจ้าพระยาณู
เจ้าพระยานอน
นักญา
นักองค์อี
เจ้าพระยาโยม
ราชวงศ์ราชวงศ์วรมัน
พระราชบิดาสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 (พระยาละแวก)

ใน พ.ศ. 2121 และ พ.ศ. 2124 สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ทรงยกทัพเรือมาโจมตีเพชรบุรีในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชโดยใน พ.ศ. 2121 นั้นตีไม่สำเร็จ เจ้าพระยาจีนจันตุ แม่ทัพฝ่ายละแวกเกรงทัณฑ์บน เข้ามาสวามิภักดิ์กับกรุงศรีอยุธยาก่อนจะลอบหนีกลับไปภายหลัง ส่วนใน พ.ศ. 2124 ตีเมืองเพชรบุรีได้สำเร็จ เจ้าเมืองเพชรบุรีเสียชีวิต ฝ่ายเขมรจึงกวาดต้อนครอบครัวกลับไปกรุงละแวกเป็นอันมาก ในปีถัดมาคือ พ.ศ. 2125 สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ได้แต่งทัพมากวาดต้อนผู้คนทางหัวเมืองตะวันออกสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระมหาอุปราช ได้นำทัพไปตีทัพเมืองละแวกแตกไปหลังจากนั้นกรุงละแวกได้ส่งพระราชสาสน์ขอเป็นไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาและได้ปักปันเขตแดนไว้ที่ด่านพระจารึก สงครามระหว่างสยามกับกัมพูชาจึงสงบลง[1] หลังจากทำสัญญาเป็นไมตรีกันแล้ว เมื่อเกิดศึกหงสาวดีขึ้นอีก สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 โปรดให้พระอนุชาคือพระบรมราชาที่ 7หรือพระศรีสุริโยพรรณมาช่วยราชการสงครามแต่ระหว่างสงครามนั้นพระศรีสุพรรณมาธิราชมีเหตุให้ผิดใจกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทำให้ขาดทางพระราชไมตรีนับแต่นั้นและเกิดสงครามระหว่างสยามและกัมพูชาต่อมาอีก

ใน พ.ศ. 2129 ในรัชกาลสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในขณะที่ยังเป็นพระมหาอุปราช ได้ยกทัพไปตีกรุงละแวกแต่ไม่สามารถตีหักเอากรุงละแวกได้ จึงเลิกทัพกลับมา ใน พ.ศ. 2130 เมื่อมีทัพหงสาวดีมาโจมตีกรุงศรีอยุธยาอีกสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ได้ยกทัพมาตีหัวเมืองตะวันออกของสยาม เข้ามาถึงเมืองนครนายก พระยาศรีไสยณรงค์ และพระยาศรีราชเดโชเป็นแม่ทัพออกไปตีทัพกรุงละแวกแตกไป

ตั้งแต่ พ.ศ. 2127 เป็นต้นมา สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ได้ตั้งให้พระโอรสสองพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์คือสมเด็จพระไชยเชษฐาที่ 1 (พระไชยเชษฐา)และพระบรมราชาที่ 5ทำให้กัมพูชามีกษัตริย์พร้อมกันถึงสามพระองค์ สร้างความไม่พอใจแก่ขุนนางเขมร ในพงศาวดารกัมพูชาฉบับพระองค์นพรัตน์ถึงกับระบุว่าพระองค์เสียพระสติ เสวยแต่น้ำจัณฑ์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2134

ใน พ.ศ. 2136 หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ทรงยกทัพมาโจมตีกรุงละแวกอีก คราวนี้ ทรงตีเมืองละแวก และจับพระศรีสุริโยพรรณ และพระโอรสอีกสองพระองค์คือพระชัยเจษฎาและพระอุทัย นำตัวกลับไปกรุงศรีอยุธยา ส่วนสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 และพระมหากษัตริย์อีก 2 พระองค์หลบหนีไปได้ โดยครั้งแรกไปประทับที่เมืองเสร็ยสนทอร์หรือศรีสุนทร จากนั้นจึงหนีไปเมืองเชียงแตงหรือสตึงเตรง แล้วประชวรเป็นไข้สิ้นพระชนม์ที่นั่นเมื่อพระชนม์ได้ 54 พรรษา ใน พ.ศ. 2137[2] โดยสมเด็จพระชัยเชษฐาประชวรและสิ้นพระชนม์ไปด้วย เหลือแต่สมเด็จพระบรมราชาองค์ตน ต่อมาพระอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 ได้นำมาบรรจุไว้ที่เจดีย์ที่เขาพระราชทรัพย์ เมืองอุดงค์มีชัยในรัชกาลพระไชยเชษฐาที่ 2[3]

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

แก้

มีนักแสดงผู้รับบท สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (นักพระสัตถา) ในละครโทรทัศน์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปี 2530 และ มหาราชกู้แผ่นดิน (หรือ อธิราชา) ปี 2546 และภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งรับบทโดยเศรษฐา ศิระฉายา[4][5][6]

อ้างอิง

แก้
  • ศานติ ภักดีคำ. 2554. เขมรรบไทย. กทม. มติชน
  1. เรียบเรียงตามข้อมูลจากเอกสารผ่ายไทยที่กล่าวถึงในศานติ (2554) ส่วนหลักฐานฝ่ายกัมพูชาไม่ระบุถึงสงครามใน พ.ศ. 2121 และ 2125 ส่วนเหตุการณ์ใน พ.ศ. 2124 และการเป็นไมตรี หลักฐานฝ่ายกัมพูชาระบุศักราชตรงกับรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาที่ 3
  2. ตามหลักฐานของสเปนและกัมพูชา ดู ศานติ (2554)
  3. ศานติ ภักดีคำ. 2556. เขมรสมัยหลังพระนคร. กทม. มติชน
  4. http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538787069&Ntype=7
  5. https://www.silpa-mag.com/history/article_147738
  6. https://www.silpa-mag.com/history/article_51130