พรรคเพื่อแผ่นดิน
พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นพรรคการเมืองไทยซึ่งก่อตั้งในกลางปี พ.ศ. 2550 มีนายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก เป็นพรรคการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาผู้แทนราษฎร 1 สมัย
พรรคเพื่อแผ่นดิน | |
---|---|
![]() | |
คำขวัญ | คุณธรรมสร้างคน ประชาชนสร้างชาติ |
ก่อตั้ง | 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550 |
ยุบ | 13 มีนาคม พ.ศ. 2566 |
ที่ทำการ | 7/1 หมู่ 14 ตำบลโนน อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์ 32130 |
จำนวนสมาชิก (ปี 2566) | 6,427 คน[1] |
เว็บไซต์ | |
http://www.ppdth.com/ | |
การเมืองไทย รายชื่อพรรคการเมือง การเลือกตั้ง |
ประวัติแก้ไข
ยุคก่อตั้งแก้ไข
ในช่วงก่อตั้ง นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ยุทธศาสตร์หาเสียงของพรรคคือ "นำรอยยิ้มกลับสู่สังคมไทย" มีอดีต ส.ส.ภาคอีสานเป็นสมาชิก เช่น กลุ่มของพินิจ จารุสมบัติ ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ วัฒนา อัศวเหม โสภณ เพชรสว่าง กลุ่มอดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ในกลุ่มกรุงเทพ 50 ของสุรนันท์ เวชชาชีวะ รวมทั้งกลุ่มบ้านริมน้ำของสุชาติ ตันเจริญ และกลุ่มทางภาคเหนือของกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ อีกด้วย ในส่วนของกลุ่มบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นนักการเมืองมาก่อน แต่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคด้วยก็ได้แก่ นายสุระ แสนคำ หรือ เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกชาวไทย [2] และ นาวาอากาศตรีปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นต้น
ยุค พ.ศ. 2554แก้ไข
ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 ผู้บริหารของพรรครวมชาติพัฒนา และพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ประกาศรวมตัวกันและตั้งพรรคใหม่ขึ้น ชื่อว่า "พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน" โดยสมาชิกของพรรคเพื่อแผ่นดินจำนวนมาก โดยเฉพาะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ลาออกจากพรรคเพื่อแผ่นดินและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมชาติพัฒนา[3]
กลางเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 กรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดินมีมติให้ ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เป็นหัวหน้าพรรค และนำสมาชิกพรรคสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง[4] ในนามพรรคเพื่อแผ่นดิน เบอร์ 53
ยุคหลังการเลือกตั้ง 2562แก้ไข
ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 พรรคเพื่อแผ่นดินได้จัดการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2563 ที่โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหมจำนวน 12 คนพร้อมกับเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์พรรคซึ่งที่ประชุมมีมติเลือกนายประมวล เอมเปีย อดีตรองโฆษก พรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พร้อมกรรมการบริหารพรรคอีก 11 คน[5] ต่อมาพรรคเพื่อแผ่นดินได้ถูกยุบพรรคเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566 เนื่องจากทางพรรคไม่มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมากว่า 1 ปีเพราะคณะกรรมการบริหารพรรคลาออกจากสมาชิกพรรคทั้งคณะ[6]
กรรมการบริหารพรรคแก้ไข
กรรมการบริหารพรรค (26 กรกฎาคม 2563 - 2566)แก้ไข
รายชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|
ประมวล เอมเปีย | หัวหน้าพรรค |
ไตรเทพ รัตนาจารย์ | รองหัวหน้าพรรค |
เฉลิมชัย ตันเจริญ (ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2563)[7] | |
พันตำรวจเอก สนธยา แสงเภา | |
สดใส โรจนวิชัย (สดใส รุ่งโพธิ์ทอง) | |
โสภณ ศรีมาเหล็ก | เลขาธิการพรรค (ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564)[8] |
มาโนชญ์ เชื้อชาติ | เหรัญญิกพรรค |
กฤตธี จันทร์สง่า | นายทะเบียนสมาชิกพรรค |
ว่าที่ร้อยตรี พิทักษ์ จิระวนิชกุล | โฆษกพรรค |
เอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ | กรรมการบริหารพรรค |
ณรง ชุมพล | |
ชัยพร ภูผารัตน์ | |
ไพฑูรย์ วชิรวงศ์ภิญโญ (ลาออกจากสมาชิกพรรค เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2565) |
ลำดับคณะกรรมการบริหารพรรค (ก่อนหน้า)แก้ไข
กรรมการบริหารพรรค (2 ตุลาคม 2550 - 30 ตุลาคม 2551)แก้ไข
กรรมการบริหารพรรค (9 ธันวาคม 2551 - 27 มีนาคม 2552)แก้ไข
ชื่อ | ตำแหน่ง |
---|---|
พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก [9] | หัวหน้าพรรค |
พลเอก ธงชัย เกื้อสกุล | รองหัวหน้าพรรค |
นายสิทธิชัย จันทร์ธารักษ์ | |
นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม | |
นายรณฤทธิชัย คานเขต | |
นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ควบตำแหน่งเลขาธิการพรรค | |
นายไชยยศ จิรเมธากร | โฆษกพรรค |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดดังกล่าวนี้ มีเรื่องวุ่นวายตามมาซึ่งมีสมาชิกพรรคบางส่วนอ้างว่าการที่พลตำรวจเอกประชา ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นโมฆะ เนื่องจากผิดข้อบังคับพรรค กระทั่งต้องมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณา โดยพลตำรวจเอกประชายังคงดำรงตำแหน่งเรื่อยมาระหว่างรอผลพิจารณา เรื่องราวได้ลุกลามจนถึงขั้นพยายามลงมติขับพลตำรวจเอกประชาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา ท้ายสุดผลของการพิจารณาจาก กกต. หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องข้อบังคับต่างๆ มติ กกต.เสียงข้างมากเห็นว่า การประชุมดังกล่าวไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.พรรคการเมืองและข้อบังคับพรรคเพื่อแผ่นดิน จึงทำให้มติการเลือกพลตำรวจเอกประชา พรหมนอกเป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นโมฆะ [10]
กรรมการบริหารพรรค (20 เมษายน 2552 - พ.ศ. 2554)แก้ไข
อดีตสมาชิกพรรคที่มีชื่อเสียงแก้ไข
- สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เคยดำรงตำแหน่ง ประธานสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรค แต่ต่อมาได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 111 อดีตกรรมกรรมบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และ กกต. วินิจฉัยว่าไม่สมควรดำรงตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมือง ระหว่างที่ถูกตัดสิทธิ์ดังกล่าว
- สุรนันท์ เวชชาชีวะ เคยดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการประสานงานการเลือกตั้ง ของพรรคเพื่อแผ่นดิน แต่ต่อมาได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลเช่นเดียวกับนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
- จุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 6 แต่ต่อมาได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ก่อนถึงวันเลือกตั้งเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเกิดข่าว คดีชาวต่างชาติ จ่ายเงินติดสินบน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
- พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก อดีตอธิบดีกรมตำรวจและอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และ เคยถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ธันวาคม พ.ศ. 2551 ผลปรากฏว่าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ มีมติเลือก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนน 235 เสียง ส่วนพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ 198 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง
- ร้อยตำรวจเอก ดร. นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย เคยลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 7 (บางกะปิ สะพานสูง มีนบุรี ลาดกระบัง) สังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน แต่ไม่ได้รับเลือก
- สุชาติ ตันเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของไทย และ อดีต รองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย
สุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคคนแรก
สภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรคแก้ไข
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 พรรคเพื่อแผ่นดินได้แต่งตั้ง นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรค โดยมีคณะกรรมการสภาฯ ประกอบด้วย นายวิจิตร สุพินิจ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายศุภชัย พิศิษฐวานิช อดีตปลัดกระทรวงการคลัง นายบรรพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน และ นายนิทิต พุกกะณะสุต ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน โดยทั้งหมดจะเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อแผ่นดินด้วย [14]
ต่อมานายสุรเกียรติ ได้ลาออกจากตำแหน่ง ประธานสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรค เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 111 อดีตกรรมกรรมบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี และ กกต. วินิจฉัยว่าไม่สมควรดำรงตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมืองระหว่างที่ถูกตัดสิทธิ์ดังกล่าว
ประวัติการทำงานในรัฐสภาแก้ไข
ครั้งที่ | การเลือกตั้ง | จำนวน ส.ส. | สถานภาพพรรค | นายกรัฐมนตรี | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
1. | 23 ธ.ค.2550 | 21 คน | ร่วมรัฐบาล | นายสมัคร สุนทรเวช | - |
- | 21 คน | ร่วมรัฐบาล | นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ | - | |
- | 32 คน | ร่วมรัฐบาล | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | มี ส.ส.ย้ายเข้ามาสังกัดพรรคเพิ่ม 8 คน และได้รับเลือกตั้งซ่อม 3 คน |
การถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล สมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีแก้ไข
ในค่ำวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 นายสุวิทย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคได้จัดแถลงข่าวที่กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกรรมการบริหารพรรคอีก 2 คน ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลคณะรัฐมนตรีคณะที่ 57 โดยอ้างถึงมีความพยายามของรัฐบาลที่จะดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ การจาบจ้วงเบื้องสูง และความไม่ชัดเจนในกรณีปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ต่อมา บรรดาสมาชิกได้แถลงว่า การลาออกครั้งนี้เป็นการกระทำของนายสุวิทย์คนเดียว มิได้ผ่านมติของกรรมการบริหารพรรค[15] [16]
การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2551แก้ไข
ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีปี พ.ศ. 2551 ต่อจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากรณียุบพรรคพลังประชาชน การลงมติครั้งนี้มีกระแสข่าวถึงความไม่แน่นอนในการเปลี่ยวขั้วรัฐบาล ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งรวมถึงพรรคเพื่อแผ่นดินด้วยเช่นกัน ก่อนการลงมติมีการแถลงข่าวที่สร้างความสับสนถึงมติของพรรคเพื่อแผ่นดินอยู่เป็นระยะว่าจะเป็นเช่นไร จนมีเมื่อนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ได้เสนอชื่อพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินในขณะนั้น ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุว่าเป็นคนกลางและมีคุณวุฒิ เหมาะกับสถานการณ์บ้านเมือง แต่เมื่อถึงวันลงมติเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เสียงของ ส.ส. ในพรรคเพื่อแผ่นดินทั้งหมด 21 เสียงในเวลานั้น ได้แตกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส.ส.ที่ลงมติเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีแก้ไข
- นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี
- นายนรพล ตันติมนตรี ส.ส.เชียงใหม่
- นายประนอม โพธิ์คำ ส.ส.นครราชสีมา
- นายพิกิฏ ศรีชนะ ส.ส.ยโสธร
- นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา
- นายพลพีร์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา
- ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ส.ส.นครราชสีมา
- นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร
- นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ ส.ส.นครราชสีมา
- นายวิทยา บุตรดีวงศ์ ส.ส.มุกดาหาร
- นายสุชาติ ตันติวณิชชานนท์ ส.ส.อุบลราชธานี
- นายแพทย์อลงกต มณีกาศ ส.ส.นครนพม
ส.ส.ที่ลงมติเลือกพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก เป็นนายกรัฐมนตรีแก้ไข
- พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 3
- หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา ไชยันต์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 6
- นางจิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.นครราชสีมา
- นายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 5
- นายมานพ ปัตนวงศ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 8
- นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 4
- นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส
- นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 2
- นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 1
การลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี พ.ศ. 2553แก้ไข
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 5 คน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม และวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ซึ่งมีการลงมติในวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553 โดย ส.ส.ของพรรคเพื่อแผ่นดินบางส่วน ได้ลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในรัฐบาล 2 คน คือ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล และนายโสภณ ซารัมย์ จากพรรคภูมิใจไทย ทำให้แกนนำของพรรคภูมิใจไทย แสดงความไม่พอใจ และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปรับพรรคเพื่อแผ่นดินออกจากพรรคร่วมรัฐบาล[17]
ต่อมาได้มีการปรับรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดิน จำนวน 3 คน คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกจากตำแหน่ง และมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคมาตุภูมิ แทนในโควตาของพรรค โดยให้โควตารัฐมนตรีให้พรรคเพื่อแผ่นดิน เพียง 1 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
การเลือกตั้งภายหลังการย้ายออกของอดีต ส.ส.แก้ไข
พรรคเพื่อแผ่นดิน โดยนายกว้าง รอบคอบ รักษาการหัวหน้าพรรค ประกาศแสดงเจตนารมณ์ของพรรคว่าจะไม่มีการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 เพื่อป้องกันความสับสันระหว่างพรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ซึ่งสมาชิกของพรรคเพื่อแผ่นดินส่วนใหญ่ได้ย้ายเข้าไปร่วมงานทางการเมืองด้วย ส่วนกิจกรรมของพรรคเพื่อแผ่นดินยังคงมีต่อไป
พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดเชียงใหม่ เขต 3 แทนนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อวันที 2 มิถุนายน พ.ศ. 2555 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง
พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 มีหมายเลขประจำพรรคคือ หมายเลข 53 แต่การเลือกตั้งในครั้งนั้นเป็นโมฆะตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ ข้อมูลพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่ ณ วันที่ 8 มีนาคม 2566
- ↑ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 17 ตุลาคม 2550
- ↑ เพื่อแผ่นดิน-รวมชาติพัฒนา แถลงจับมือทำงานการเมือง[ลิงก์เสีย]
- ↑ สมาชิกพรรคสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง[ลิงก์เสีย]
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน
- ↑ ราชกิจจาฯ ประกาศ 'พรรคเพื่อแผ่นดิน' สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน
- ↑ มติเพื่อแผ่นดินเลือก ประชา นั่งหัวหน้าพรรคฯ
- ↑ โมฆะ “ประชา” หน.พรรค
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคและกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน10 มิถุนายน 2553
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน17 มิถุนายน 2553
- ↑ ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง ตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรมการบริหารพรรคเพื่อแผ่นดิน6 มกราคม 2554
- ↑ "หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 28 ตุลาคม 2550". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-30. สืบค้นเมื่อ 2021-09-26.
- ↑ “หมัก” แพแตก! “เพื่อแผ่นดิน” ถอนตัวต้านแก้ รธน.-ไม่พอใจเสีย “พระวิหาร” เก็บถาวร 2012-11-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2551
- ↑ “เพื่อแผ่นดิน” ถอนตัวชักวุ่น! ส.ส.ยังอาลัยเก้าอี้ อ้างไม่ใช่มติพรรค เก็บถาวร 2012-11-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2551
- ↑ พรรคภูมิใจไทยจี้พรรคประชาธิปัตย์ ปรับพรรคเพื่อแผ่นดินออก