รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 บางครั้งเรียกว่า เหตุการณ์ รสช. เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 ในเวลา 11.30 น. โดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. (National Peace Keeping Council - NPKC) ยึดอำนาจจากรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2534 | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ พฤษภาทมิฬ | |||||||
![]() พลเอก สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ | รัฐบาลชาติชาย | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
พลเอก สุนทร คงสมพงษ์ | พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ |
ก่อนการรัฐประหารแก้ไข
23 เมษายน พ.ศ. 2533 กองบัญชาการทหารสูงสุดแถลงการณ์ยึดรถโมบายยูนิตของ อสมท. ซึ่งจอดอยู่บริเวณวัดไผ่เลี้ยง เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร เพราะต้องสงสัยทำให้ระบบสื่อสารของทหารถูกรบกวน เมื่อองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ได้ขอทวงรถคืน แต่ถูกปฏิเสธจากพลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ร้อยตำรวจเอกเฉลิมจึงได้ให้สัมภาษณ์โจมตีพลเอกสุนทร เมื่อมีข่าวแพร่ออกไปว่าพรรคมวลชนทำหนังสือถึงสมาชิกให้เดินทางมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้กำลังใจร้อยตำรวจเอกเฉลิม พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบกได้อาศัยอำนาจของผู้อำนวยการรักษาพระนคร ออกคำสั่งที่ 43/2533 ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน พ.ศ. 2519 ห้ามชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศจะนำ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบก และ รองนายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่ง ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เวลา 13.00 น.
ในคืนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก รับประทานอาหารค่ำที่โรงแรมโอเรียนเต็ลห้องใกล้กับที่ พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบกและนายทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งรับประทานอาหารอยู่ในขณะที่ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ พักผ่อนอยู่ที่บ้านพักในซอยราชครู (พหลโยธินซอย 5)
ต่อมาเวลาประมาณ 24.00 น. วิทยุข่ายสามยอดของกองปราบรายงานว่า "ป.๑" อันหมายถึง พลตำรวจตรี เสรี เตมียเวส (ปัจจุบันคือ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส) ผู้บังคับการกองปราบในขณะนั้นได้เดินทางถึงหน่วยคอมมานโด ที่ซอยโชคชัย 4 ลาดพร้าว และสั่งให้กองปราบ "เตรียมพร้อม" เพราะมีข่าวว่าอาจจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น
ในเวลา 04.30 น. นายเวรของ พลตำรวจตรี เสรี เตมียเวส ได้แจ้งยกเลิกการเตรียมดังกล่าวภายหลังจากที่มีการตรวจสอบว่าไม่มีการเคลื่อนกำลังของหน่วยใด
สำหรับการเคลื่อนไหวของบุคคลต่าง ๆ ในคืนนั้น นอกจาก พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศที่เดินทางกลับจากราชการที่ประเทศเกาหลีแล้วล้วนอยู่ในสภาพปกติทั้งสิ้น
กระทั่งเวลา 06.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทุกอย่างยังอยู่ในความสงบ
การรัฐประหารแก้ไข
เดิมทีทหารได้เตรียมการจะจับตัว พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ และ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ที่สนามบินกองทัพอากาศ (บน.6) ในเวลา 19.30 น. หลังจากการเข้าเฝ้า พร้อมกับการเคลื่อนกำลังทหารเข้ายึดจุดสำคัญทั่วกรุงเทพมหานคร แต่แผนกลับเปลี่ยนแปลงในเช้าวันนั้น ซึ่งนายทหารที่ร่วมปฏิบัติการส่วนใหญ่เป็นทหารอากาศ
เวลา 11.00 น. พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก เดินทางถึงห้องรับรองพร้อมหน่วยรักษาความปลอดภัยประมาณ 20 นาย ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ซี 130 ที่จอดพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก นายอนันต์ อนันตกูล เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงมหาดไทยนั่งบริเวณที่นั่งวีไอพี ส่วนหน่วย รปภ. ถูกแยกไปอยู่ตอนท้ายของเครื่อง
ทันทีที่เครื่องซี 130 เคลื่อนตัว ทหารสองนายในชุดซาฟารีสีน้ำตาลก็กระชากปืนจากเอวควบคุม รปภ. ทั้ง 20 คนเอาไว้ พร้อม ๆ กับที่เครื่องบินลดความเร็วลงและ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อยู่ในสภาพถูกควบคุมตัวเรียบร้อย ขณะที่การปฏิบัติการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทหารบกจำนวนสองพันก็เคลื่อนออกประจำจุดต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ออกจากกองทัพอากาศ สมทบกับ พลเอกสุจินดา คราประยูร พลเรือเอกประพัฒน์ กฤษณจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดออกแถลงการณ์กับประชาชน
การยึดทรัพย์นักการเมืองแก้ไข
เราเห็นว่าระบอบนี้ ถ้าจะดำเนินการต่อไปนั้น บ้านเมืองก็จะมีแต่ความล่มจม เพราะว่าทุกพรรคหรือนักการเมืองที่เข้ามา ต่างคนต่างฝ่ายก็มุ่งหน้าหาเงินเข้าพรรค เพื่อจะใช้ในการเลือกตั้ง เพื่อจะเอาชนะในการเลือกตั้ง จนมีคำกล่าวกันว่าคณะรัฐมนตรีแบบที่เป็นอยู่นั้น เขาเรียกว่า "บุฟเฟต์ คาบิเน็ต" คือเข้ามาเพื่อแย่งกันกิน
พลเอกสุจินดา คราประยูรซึ่งเป็นผู้มีบทบาทมากที่สุดในครั้งนั้นกล่าวกับบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534
รุ่งขึ้น "ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับที่ 26" ลงนามโดย พลเอกสุนทร คงสมพงษ์ ก็ปรากฏออกมา แต่งตั้ง ให้ พลเอกสิทธิ จิรโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน มีนายสุธี อากาศฤกษ์ นายมงคล เปาอินทร์ นายไพศาล กุมาลย์วิสัย นายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ และนายชัยเชต สุนทรพิพิธ ร่วมเป็นกรรมการ ให้อำนาจในการอายัดและห้ามจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินของนักการเมืองที่มีพฤติกรรมอันอาจส่อแสดงว่ามีทรัพย์สินร่ำรวยผิดปรกติ
รัฐมนตรีที่ถูกประกาศอายัดทรัพย์แก้ไข
พรรคชาติไทย 12 คนแก้ไข
- พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน
- พลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร
- นายเสนาะ เทียนทอง
- นายกร ทัพพะรังสี
- นายสมาน ภุมมะกาญจนะ
- นายชูชีพ หาญสวัสดิ์
- นายอุดมศักดิ์ ทั่งทอง
- นายสุชน ชามพูนท
- นายเดช บุญหลง (รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี)
- นายประมวล สภาวสุ
- นายบรรหาร ศิลปอาชา
- นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ (ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี)
พรรคกิจสังคม 5 คนแก้ไข
- นายมนตรี พงษ์พานิช
- นายสุบิน ปิ่นขยัน
- นายไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์
- นายสันติ ชัยวิรัตนะ
- นายภิญญา ช่วยปลอด
พรรคประชาธิปัตย์ 3 คนแก้ไข
พรรคราษฎร 2 คนแก้ไข
พรรคประชากรไทย 1 คนแก้ไข
พรรคเอกภาพ 1 คนแก้ไข
พรรคมวลชน 1 คนแก้ไข
พร้อมๆ กันนั้น มีความเคลื่อนไหวทาง นาวาอากาศตรีฐิติ นาครทรรพ อดีตนายทหารอากาศที่สนิทสนมกับ พลอากาศเอกเกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ในช่วงแรกเรียกกันติดปากว่า “พรรคทหาร” กระทั่งได้ชื่อว่า “พรรคสามัคคีธรรม” ในที่สุดในทันทีที่นายณรงค์ วงศ์วรรณพ้นจากการถูกอายัดทรัพย์ ก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม
ไม่เพียงแต่พรรคเอกภาพเท่านั้นที่สูญเสียหัวหน้าพรรค ในส่วนของพรรคชาติไทย พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ก็ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคชาติไทยเช่นกัน และโดยการดำเนินการทางการเมือง พลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานฯ อดีตนายทหารอากาศก็ได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งแทน ขณะที่พรรคกิจสังคมเปิดตำแหน่งเลขาธิการพรรคให้แก่ พลโทเขษม ไกรสรรณ์ เพื่อนร่วมโรงเรียนอำนวยศิลป์ของ พลเอกสุจินดา คราประยูร และรัฐมนตรีที่ได้รับการปล่อยตัวจากประกาศยึดทรัพย์ก็สมัครเป็นสมาชิกพรรคสามัคคีธรรมโดยพร้อมเพรียง ทั้งนายประมวล สภาวสุ นายไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์และนายสันติ ชัยวิรัตนะ
ผลการตรวจสอบทรัพย์สิน นักการเมือง 10 คนซึ่งยังมีคดี “ร่ำรวยผิดปกติ” อยู่ในระหว่างการพิจารณา ประกอบด้วย พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ นายเสนาะ เทียนทอง นายวัฒนา อัศวเหม พลตำรวจเอกประมาณ อดิเรกสาร นายภิญญา ช่วยปลอด นายสุบิน ปิ่นขยัน นายมนตรี พงษ์พานิช นายประมวล สภาวสุ และ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง[1][2]
ดูเพิ่มแก้ไข
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ กองบรรณาธิการมติชน. 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน พ.ศ. 2521-2549. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549. 424 หน้า. ISBN 974-323-889-1
- ↑ กองบรรณาธิการมติชน. รัฐประหาร 19 กันยา '49 เรียบแต่ลึก. กรุงเทพฯ : มติชน, 2549. ISBN 947-323-851-4