พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ หรือ พระองค์ชายเล็ก (1 เมษายน พ.ศ. 2458 – 2 มกราคม พ.ศ. 2541)[4] เป็นพระโอรสองค์สุดท้องใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พระธิดาใน สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซึ่งเป็นพระอนุชาร่วมพระครรโภทรกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ประสูติเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2458 ที่ตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ขณะที่พระบิดาทรงรับราชการเป็นอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ มีพระเชษฐา 2 พระองค์[5] คือ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ | |
---|---|
พระเจ้าวรวงศ์เธอ ชั้น 5 พระองค์เจ้าชั้นโท | |
ประสูติ | 1 เมษายน พ.ศ. 2458 พระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม |
สิ้นพระชนม์ | 2 มกราคม พ.ศ. 2541 (82 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
พระราชทานเพลิง | 11 เมษายน พ.ศ. 2541[1] พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส |
หม่อม | |
พระบุตร | |
ราชสกุล | ยุคล |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ |
พระมารดา | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล |
ศาสนา | พุทธ |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
แผนก/ | กองทัพไทย |
ชั้นยศ | พลโท[2] พลเรือโท พลอากาศโท [3] |
พระประวัติ
แก้พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ประสูติเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2458 ณ พระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม เป็นพระโอรสในนายพลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พระธิดาในจอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช) ซึ่งเป็นพระโสทรานุชาในรัชกาลที่ 5 มีพระเชษฐา 2 พระองค์ คือ
- ศาสตราจารย์ พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
- พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร
การศึกษา
แก้ทรงศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในยุคลที่หลวงปิยะวิทยาการ เป็นอาจารย์ใหญ่ และต่อมาได้ประชวรเป็นพระโรคร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด จึงทรงต้องออกจากโรงเรียน พระบิดาทรงตั้งการสอนขึ้นที่พระตำหนักเขาน้อย จนกระทั่งพระบิดาทรงย้ายกลับเข้าพระนคร ประมาณปี พ.ศ. 2468 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ประมาณ 2-3 ปี จึงได้เสด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ เมื่อพระชันษาเพียง 10 พรรษา และพอครบเกณฑ์เข้ารับดับมหาวิทยาลัยได้ทรงเข้าศึกษาที่ Birmingham University นอกจากนี้ยังได้ทรงศึกษาหลักสูตรอื่น ๆ เพิ่มเติม คือ ฝึกการบินพลเรือนจนได้รับปีกวิทยฐานะ รุ่นที่ 26 และทรงฝึกอบรมหลักสูตรบรรเทาสาธารณภัย รุ่นที่ 5 และในปี พ.ศ. 2490 ได้เสด็จไปศึกษาวิชาทหารเพิ่มเติมในหลักสูตรพาหนะและการขนส่งทางทหาร ที่ Fort Eustis, Virginia. USA
สิ้นพระชนม์
แก้พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2541 ด้วยพระโรค พระหทัยล้มเหลว สิริพระชันษา 82 ปี 276 วัน ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์ไปพระราชทานนํ้าทรงพระศพ พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ในการนี้พระราชทานโกศกุดั่นน้อยทรงพระศพ แวดล้อมด้วยเครื่องสูงตามพระเกียรติยศ และในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์พระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส[1]
การทรงงาน
แก้หลังจากเสด็จกลับจากประเทศอังกฤษแล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้เข้ารับราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยได้รับพระราชทานพระยศว่าที่ร้อยตรี เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2481 ประจำกรมพาหนะทหารบก ก่อนจะได้รับพระราชทานพระยศเป็น ร้อยตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2482[6]และได้ทรงย้ายไปประจำการหลายแห่งด้วยกัน เช่น กรมสารวัตรทหารบก กรมทหารสื่อสารในตำแหน่งหัวหน้ากองการภาพ และทรงเป็นที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นต้น และที่สุดครบเกษียณอายุราชการในขณะดำรงพระยศพันเอก สังกัดเหล่าทหารสื่อสาร เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2518 และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทานพระยศ พลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี[7]
นอกจากนี้ยังทรงดำรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมนักเรียนนายเรือ รักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ และ ประจำกรมนักเรียนนายเรืออากาศ รักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ อีกด้วย[8] และในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระยศทหารเป็นกรณีพิเศษ ให้พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ซึ่งได้ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจสนองพระเดชพระคุณในฐานะผู้แทนพระองค์ไปในงานพระราชพิธีต่าง ๆ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างสูงมาโดยตลอด และได้ทรงช่วยเหลือราชการแผ่นดิน เป็นผลดีแก่ประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง เป็น พลโท พลเรือโท พลอากาศโท ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 เป็นต้นไป[9]
ความสนพระทัยและการทรงงานด้านภาพยนตร์
แก้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ สนพระทัยด้านภาพยนตร์ ตั้งแต่พระชนมายุ 17-18 พรรษา ซึ่งขณะนั้นทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงศึกษาฝึกงานละครที่อังกฤษและภาพยนตร์ที่ฮอลลีวู๊ด โดยทรงรับจ้างเกี่ยวกับงานละครของบริษัทอังกฤษ ชื่อ โกมองห์ บริติส ซึ่งเป็นงานกึ่งรับจ้างกึ่งเรียนในลักษณะฝึกงาน โดยทรงทำตั้งแต่งานเคลื่อนย้ายยกไฟเรื่อยมา จนสุดท้ายได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ (มีพระนามปรากฏในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับสองเรื่อง)[10] ทำให้ทรงรู้จักกับนักเขียนบทละครและดาราชื่อดัง คือ ไอเวอร์ โนเวลโล และเป็นผู้สนับสนุนให้พระองค์ทำหน้าที่คอลล์บอย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่ทำหน้าที่เรียกตัวละครมาเข้าฉาก ทำให้ทรงต้องอ่านบทละครจนจำได้อย่างแม่นยำจึงจะสามารถเรียกตัวละครได้ถูกต้อง ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์พื้นฐานด้านการละครของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ[11]
ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ทำให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ตัดสินพระทัยเสด็จกลับประเทศไทย ซึ่งนอกเหนือจากงานในหน้าที่ราชการทหารแล้ว ยังทรงทำละคร โดยทรงเริ่มต้นจากการเป็นที่ปรึกษาของพระนางเธอลักษมีลาวัณ ซึ่งทรงทำละครอยู่หลายเรื่องด้วยกัน โดยเรื่องที่ทรงทำถวายพระนางเธอลักษมีลาวัณทั้งหมดด้วยพระองค์เอง คือเรื่อง สังข์ทอง โดยทรงนำมาแปลงเป็นเรื่องสั้นๆ สมัยใหม่เรียกว่า ละครดึกดำบรรพ์ จากละครทรงย้ายไปผลิตผลงานด้านโทรทัศน์ ท้ายสุดได้ทรงก่อตั้ง บริษัทละโว้ภาพยนตร์ (Lavoa Motion Pic. Prod) สัญลักษณ์พระปรางค์สามยอด สร้างเรื่อง หนามยอกหนามบ่ง ของไม้เมืองเดิม เมื่อ พ.ศ. 2483 (เอกสารบางเล่ม กล่าวว่า พ.ศ. 2479)[12]โดยจะทรงเขียนบท ถ่ายทำ และล้างฟิล์มด้วยพระองค์เอง
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สร้างยุคบุกเบิกและผู้นำความแปลกใหม่มาสู่วงการภาพยนตร์ไทย โดยเฉพาะยุคที่เปลี่ยนจาก 16 มม. มาเป็น 35 มม. มีภาพยนตร์เด่นหลายเรื่อง ได้แก่ นางทาษ, เงิน เงิน เงิน, อีแตน, เกาะสวาทหาดสวรรค์ และ แม่นาคพระนคร
ทรงได้รับรางวัลพิเศษ"ดาราทอง"เนื่องในงานภาพยนตร์แห่งชาติรางวัลพระสุรัสวดี ครั้งที่ 16 ประจำปี พ.ศ. 2535 และการยกย่องเชิดชูเกียรติในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้สร้างภาพยนตร์-ผู้กำกับภาพยนตร์) ประจำปี พ.ศ. 2539
ตำแหน่งท้ายสุดทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ของมูลนิธิหนังไทย
ครอบครัว
แก้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ทรงเสกสมรสกับ หม่อมฟองจันทร์ ยุคล ณ อยุธยา[13] และ หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยมีโอรสธิดาดังนี้
ฟองจันทร์ ศิริวัติ หรือ เจ้าฟองจันทร์ อินทขัติย์ เชื้อสายจากตระกูล ณ เชียงใหม่ (นางงามเชียงใหม่ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2477) โดยมีพิธีแต่งงานแบบชาวเหนือ มีพิธีผูกข้อมือและบายศรีสู่ขวัญโดยเจ้าแก้วนวรัฐ[14][15] มีพระธิดา ได้แก่
- ท่านหญิงจันทรจรัสศรี ไพบูลย์เลิศ พระนามเดิม หม่อมเจ้าจันทรจรัสศรี ยุคล หรือ ท่านหญิงเล็ก (2 กรกฎาคม พ.ศ. 2480 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ ประพันธุ์ ไพบูลย์เลิศ มีบุตร 2 คน
- คัจฉพงศ์ ไพบูลย์เลิศ
- สกลกาจ ไพบูลย์เลิศ
- ท่านหญิงภุมรีภิรมย์ เชลล์ พระนามเดิม หม่อมเจ้าภุมรีภิรมย์ ยุคล หรือ ท่านหญิงน้อย (ประสูติ 22 มีนาคม พ.ศ. 2482) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ โรมาโน ลุคโก และ ชอง มารี เชลล์ มีบุตร-ธิดา 5 คน
- เกอาตอง ลุคโก
- วาลีลี ลุคโก
- อเล็กซานเดอร์ ลุคโก
- ซาเวียร์ ลุคโก
- ปิแอร์ ลุยจิ ลุคโก
หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา ท.จ.ว.
แก้- ท่านหญิงมาลินีมงคล อมาตยกุล พระนามเดิม หม่อมเจ้ามาลินีมงคล ยุคล หรือ ท่านหญิงหยอย (24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ อรุณ อมาตยกุล
- ท่านหญิงปัทมนรังษี เสนาณรงค์ พระนามเดิม หม่อมเจ้าปัทมนรังษี ยุคล หรือ ท่านหญิงเม้า (ประสูติ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2484) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อสมรสกับ ทวีศักดิ์ เสนาณรงค์ มีบุตร-ธิดา 3 คน
- ปัทมศักดิ์ เสนาณรงค์
- ปัทมนิธิ เสนาณรงค์ สมรสกับ ฌาริณีย์ เสนาณรงค์ มีธิดา 1 คน
- กอบัว เสนาณรงค์
- ปัทมวดี เสนาณรงค์
- หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านชายมุ้ย (ประสูติ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485) เสกสมรสกับศริยา บุษปวณิช มีหม่อม คือ วิยะดา อุมารินทร์, ภรณี เจตสมมา และหม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา มีโอรส-ธิดา 6 คน
- หม่อมราชวงศ์ปัทมนัดดา ยุคล หรือ คุณหญิงนุ้ย (เกิด 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2506) ในหม่อมศริยา
- หม่อมราชวงศ์เดชาเฉลิม ยุคล ในหม่อมศริยา
- หม่อมราชวงศ์มงคลชาย ยุคล หรือ คุณชายเอี่ยว (เกิด พ.ศ. 2517) ในหม่อมวิยะดา สมรสกับ มนรดา ยุคล ณ อยุธยา มีบุตร-ธิดา 4 คน
- หม่อมหลวงเอวิตา ยุคล หรือ ชะเอม (เกิด พ.ศ. 2537)
- หม่อมหลวงอนุชา ยุคล หรือ แอ็กชั่น (เกิด พ.ศ. 2541)
- หม่อมหลวงเอมิรินดา ยุคล หรือ อิ่ม (เกิด พ.ศ. 2551)
- หม่อมหลวงอมลรดา ยุคล หรือ อุ่น (เกิด พ.ศ. 2553)
- หม่อมราชวงศ์สุทธิภาณี ยุคล ในหม่อมภรณี
- หม่อมราชวงศ์ศรีคำรุ้ง ยุคล หรือ คุณหญิงแมงมุม (เกิด 13 ตุลาคม พ.ศ. 2527) ในหม่อมกมลา สมรสกับ พลตรี พัชร รัตตกุล
- หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม (เกิด 28 กันยายน พ.ศ. 2528) ในหม่อมกมลา
- พลตรี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือ ท่านชายใหม่ (ประสูติ 22 มกราคม พ.ศ. 2490) เสกสมรสครั้งแรกกับ หม่อมศิริพร ยุคล ณ อยุธยา (เสนาลักษณ์) (1 สิงหาคม พ.ศ. 2495 – 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2532) มีโอรส-ธิดา 2 คน
- หม่อมราชวงศ์รังษิพันธ์ ยุคล หรือ คุณชายเหมา (เกิด 15 มีนาคม พ.ศ. 2518)
- หม่อมราชวงศ์จันทรลัดดา ยุคล หรือ คุณหญิงแอร์ (เกิด 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520) สมรสกับ พลตรี วรรธ อุบลเดชประชารักษ์ มีบุตร 3 คน
- พลาย อุบลเดชประชารักษ์
- พร้อม อุบลเดชประชารักษ์
- พจน์ อุบลเดชประชารักษ์
- และเสกสมรสครั้งที่สองกับ หม่อมอัญชลี ยุคล ณ อยุธยา (ขัติยสุรินทร์) (เกิด 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2499) มีธิดา 2 คน
- หม่อมราชวงศ์แม้นนฤมาส ยุคล สวัสดิ์-ชูโต หรือ คุณหญิงแม้น (เกิด 17 กันยายน พ.ศ. 2533) สมรสกับ ต่อสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต มีบุตร 1 คน
- จุลสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต
- หม่อมราชวงศ์จันทรนิภา ยุคล หรือ คุณหญิงไหม (เกิด 3 มกราคม พ.ศ. 2535)
- หม่อมราชวงศ์แม้นนฤมาส ยุคล สวัสดิ์-ชูโต หรือ คุณหญิงแม้น (เกิด 17 กันยายน พ.ศ. 2533) สมรสกับ ต่อสวัสดิ์ สวัสดิ์-ชูโต มีบุตร 1 คน
- หม่อมเจ้านภดลเฉลิมศรี ยุคล หรือ ท่านหญิงยุ้ย (ประสูติ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2496)
ผลงาน
แก้ภาพยนตร์
แก้ละโว้ภาพยนตร์
หนังเงียบขาวดำ 35 มม.
- 2479 / 2483: หนามยอกหนามบ่ง (นำแสดงโดย ยม มงคลนัฏ จาก "นางสาวสุวรรณ" และ โปร่ง แสงโสภณ)
หนังสี 16 มม.พากย์
- 2492: อมตาเทวี
- 2494: ม่วยสิ่น นำแสดงโดย บุศรัตน์ เกษสมัย, ดวงเนตร ดุริยชีวิน
- 2496: วนิดา นำแสดงโดย รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง, หม่อมหลวงรุจิรา อิศรางกูร และ มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา
- 2498: วังนางโรม นำแสดงโดย วิไลวรรณ วัฒนพานิช, ชูชัย พระขรรค์ชัย, พันคำ
- 2498: นางทาษ นำแสดงโดย วิไลวรรณ วัฒนพานิช, สุพรรณ บูรณะพิมพ์ และ สถาพร มุกดาประกร
- 2499: ไพรกว้าง
หนังสี 35 มม.ไวด์สกรีน เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม
- 2500: ปักธงไชย - บทพระนิพนธ์ บทภาพยนตร์ และลำดับภาพ (พระนามแฝง ล.อัศวดารา ) นำแสดงโดย สมยศ อินทรกำแหง, รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง
- 2502: เชลยศักดิ์ - บทภาพยนตร์ และลำดับภาพ รางวัลตุ๊กตาทอง ประจำปี 2502 (ออกแบบและสร้างฉาก) นำแสดงโดย อมรา อัศวนนท์, ประศาสน์ คุณะดิลก
- 2505: นางทาษ - บทภาพยนตร์ กำกับการแสดง และอำนวยการสร้าง รางวัลตุ๊กตาทอง ประจำปี 2506 (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้แสดงประกอบหญิง บทประพันธ์ ออกแบบเครื่องแต่งกาย) นำแสดงโดย วิไลวรรณ วัฒนพานิช, อดุลย์ ดุลยรัตน์
หนังสี 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม
- 2508: เงิน เงิน เงิน / Money,Money,Money - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (หนังซีเนมาสโคปเรื่องแรกของละโว้และของมิตร-เพชรา ครั้งแรกของหนังไทยแนวรีวิวเพลงหลากหลายตลอดเรื่อง รวมดารามากที่สุด ความยาวเกือบ 200 นาที มากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมาและครั้งแรกที่มีแนวคิดล้ำยุคล้อเลียนการใช้คอมพิวเตอร์สำนักงานซึ่งยังไม่มีใช้กันแพร่หลายในเมืองไทยขณะนั้น รางวัลตุ๊กตาทอง ประจำปี 2508 เพลงประกอบ และโล่เกียรตินิยมคู่ดารานำที่ทำรายได้มากที่สุด) คำขวัญ "เพลงพราว ดาวพรู ดูเพลิน" นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา, เพชรา เชาวราษฎร์ และ ชรินทร์ นันทนาคร
- 2511: อีแตน / Miss Tan - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (เรื่องแรกของ อรัญญา นามวงศ์ ในฐานะดารานำ และหนังไทยที่นำเสนอการแสดงชายแต่งหญิง หญิงแต่งชายก่อนแนวคาบาเร่ต์โชว์เป็นที่รู้จักทั่วไปในเวลาต่อมา) คำขวัญ "ดาราเยอะแยะ หัวใจเฮาะแฮะ" นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา, อรัญญา นามวงศ์
- 2512: เกาะสวาท หาดสวรรค์ / Paradise Island - บทพระนิพนธ์ กำกับการแสดง ลำดับภาพ และคามีโอ (cameo) บทนักกีต้าร์ ร่วมกับ สง่า อารัมภีร คำขวัญ "หวานชื่น ครื้นเครง เพลงเพราะ" นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, อรัญญา นามวงศ์
- 2513: แม่นาคพระนคร / Bangkokian Ghostly Love Story - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (หนังไทยลงทุนเทคนิคพิเศษ "ทริค" โดย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล และให้ข่าวว่าพิมพ์สีเทคนิค เรื่องแรกของเมืองไทย, เรื่องสุดท้ายของ กิ่งดาว ดารณี) นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา, อรัญญา นามวงศ์
- 2513: ฟ้าคะนอง - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (ภาวนา ชนะจิต แสดงหนัง 35 มม.เรื่องแรก) คำขวัญ "ใหม่ที่สุด แปลกที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุด" นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน, อรัญญา นามวงศ์ และ ภาวนา ชนะจิต
- 2514: วิวาห์พาฝัน / Marriage Thai Style - บทพระนิพนธ์และกำกับการแสดง (รัชนก ณ เชียงใหม่ สาวประเภทสองชื่อดังเป็นคามิโอครั้งแรกครั้งเดียวบนจอเงิน) คำขวัญ "ครื้นเครง เพลงมาก ดูไม่ยาก สบายตา" นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, อรัญญา นามวงศ์
- 2514: มันมากับความมืด - องค์ที่ปรึษา และดาราเกียรติยศ (ครั้งแรกของหนังไซไฟสิ่งมีชีวิตผสมเครื่องจักรกลจากอวกาศและการถ่ายภาพใต้ทะเลในหนังไทย หุ่นสัตว์ประหลาดสั่งจากฮอลลีวู้ด เทคนิคพิเศษโดยทีมงานไทย) คำขวัญ "ตื่นตา มาใหม่ ไม่เหมือนใคร ในปี 2515" (ฉายปลายปี 2514) นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี, นัยนา ชีวานันท์
- 2515: บุหงาหน้าฝน - องค์ที่ปรึกษา นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, อรัญญา นามวงศ์
- 2516: เขาชื่อกานต์/ Doctor Kan - องค์ที่ปรึกษา ภาพยนตร์ตีแผ่ปัญหาสังคมทำรายได้สูงและการกล่าวขวัญทั่วไปอย่างกว้างขวาง นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี, นัยนา ชีวานันท์
- 2516: แหวนทองเหลือง / Brass Ring - บทพระนิพนธ์ และกำกับการแสดง (หนังไทยเรื่องแรกที่ให้ข่าวว่าฉายระบบวิสต้าวิชั่น และมีพักครึ่งเวลาแบบหนังใหญ่ฮอลลีวู้ด รวมทั้งยังเป็นหนังเรื่องแรกของโลกที่เอาไตเติ้ลไปอยู่ช่วงพัก) นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน, นัยนา ชีวานันท์
กันตนาภาพยนตร์ - ละโว้ภาพยนตร์
หนังสี 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม
- 2515: เพชรตาแมว - ผู้อำนวยการสร้าง นำแสดงโดย ไพโรจน์ ใจสิงห์, นัยนา ชีวานันท์
ธรรมจักรภาพยนตร์ - ละโว้ภาพยนตร์
หนังสี 35 มม. ซูเปอร์ซีเนสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม
- 2516: พิษพยาบาท - องค์ที่ปรึกษา นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, นัยนา ชีวานันท์
สหมงคลฟิล์ม - ละโว้ภาพยนตร์
หนังสี 35 มม. ซีเนมาสโคป เสียง (พากย์ ) ในฟิล์ม
- 2521: น้องเมีย - บทพระนิพนธ์ บทภาพยนตร์ ลำดับภาพ และกำกับการแสดง นำแสดงโดย สรพงศ์ ชาตรี, วิยะดา อุมารินทร์ และ ลลนา สุลาวัลย์
- 2523: เครือฟ้า - บทภาพยนตร์ ลำดับภาพ และกำกับการแสดง เวอร์ชันใหม่ ของ สาวเครือฟ้า (2495) รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ประจำปี 2523 (แต่งกาย-แต่งหน้ายอดเยี่ยม) นำแสดงโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา, สุพรรษา เนื่องภิรมย์ และ วิยะดา อุมารินทร์
พร้อมมิตรภาพยนตร์ (พร้อมมิตรโปรดักชั่น )
หนังสี 35 มม. ไวด์สกรีน ซาวออนฟิล์ม
- 2517: เทพธิดาโรงแรม - องค์ที่ปรึกษา นำแสดงโดย วิยะดา อุมารินทร์, สรพงศ์ ชาตรี และ สมภพ เบญจาธิกุล
การจัดจำหน่ายของละโว้ภาพยนตร์
- 2513: รักนิรันดร์ - สร้างโดย สุริยเทพภาพยนตร์ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษฎร์
- 2513: เพลงรักแม่น้ำแคว - สร้างโดย สุริยเทพภาพยนตร์ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษฎร์
- 2513: ฝนเหนือ - สร้างโดย บางกอกการภาพยนตร์ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, เพชรา เชาวราษฎร์
- 2514: วิมานสีทอง - สร้างโดย วี.พี.ฟิล์มโปรดักชั่น นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน, เพชรา เชาวราษฎร์
- 2515: หยาดฝน - สร้างโดย เกษมสุขภาพยนตร์ นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน, รักชนก จินดาวรรณ
หนังสือ
แก้- ไปเมืองนอก - รางวัลยอดเยี่ยมประเภทสารคดี ของคณะกรรมการยูเนสโก (คำนิยมโดย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช)
- ตะวันจวนสิ้นแสง - นวนิยายย้อนยุคสะท้อนสังคมก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในเมืองไทย
- งานเขียนเบ็ดเตล็ดในหนังสือต่วย'ตูน
พระเกียรติยศ
แก้ธรรมเนียมพระยศของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ | |
---|---|
การทูล | ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | เกล้ากระหม่อม/เกล้าหม่อมฉัน |
การขานรับ | เกล้ากระหม่อม/เพคะ |
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้พลโท พลเรือโท พลอากาศโท พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์[1] ดังนี้
- พ.ศ. 2515 – เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝ่ายหน้า)[16]
- พ.ศ. 2539 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[17]
- พ.ศ. 2535 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[18]
- พ.ศ. 2539 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[19]
- พ.ศ. 2534 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ[20]
- พ.ศ. 2540 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)[21]
- พ.ศ. 2506 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[22]
- พ.ศ. 2467 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 3 (ว.ป.ร.3)[23]
- พ.ศ. 2469 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 3 (ป.ป.ร.3)[24]
- พ.ศ. 2496 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 2 (ภ.ป.ร.2)[25]
- พ.ศ. 2493 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 (ร.ร.ศ.9)
- พ.ศ. 2475 – เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง)
พระยศ
แก้พระยศทางทหาร
แก้พงศาวลี
แก้อ้างอิง
แก้- http://www.soravij.com/yugala.html เก็บถาวร 2012-04-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ประวัติ จาก หออัครศิลปิน เก็บถาวร 2007-11-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ 1.0 1.1 1.2 "ข่าวในพระราชสำนัก [10-15 เมษายน 2541" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 115 (34 ง): 184. 28 เมษายน 2541. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2564.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ พระราชทานยศพลโท
- ↑ [1]
- ↑ ศุภวัฒย์ เกษมศรี, พลตรี หม่อมราชวงศ์, และรัชนี ทรัพย์วิจิตร. พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2549. 360 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-221-818-8
- ↑ กิตติพงษ์ วิโรจน์ธรรมากูร. ย้อนรอยราชสกุลวงศ์"วังหลวง". กรุงเทพ : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า, พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2549. 304 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-941-205-2
- ↑ ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง พระราชทานยศทหาร (หน้า 407)
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/D/033/5.PDF
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งให้ทรงเป็นนายทหารพิเศษ 14 กุมภาพันธ์ 2535http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2535/D/033/5.PDF
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหาร http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/B/005/2.PDF
- ↑ คำประกาศเกียรติคุณ พลโท พระเจ้าวรวงเธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ศิลปินแห่งชาติ สำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ 2539
- ↑ พระประวัติและผลงาน พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงhttp://book.culture.go.th/artist/artist2539/mobile/index.html#p=41
- ↑ โดม สุขวงศ์ ,ประวัติภาพยนตร์ไทย ,องค์การค้าของคุรุสภา, 2533 ISBN 974-005-244-4 หน้า 34
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-21. สืบค้นเมื่อ 2007-07-18.
- ↑ พิมาน แจ่มจรัส. รักในราชสำนัก. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2544. 448 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-341-064-3
- ↑ กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า 33 เล่ม 89 ตอนที่ 202, 29 ธันวาคม พ.ศ. 2515
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เก็บถาวร 2014-01-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน หน้า 1 เล่ม 113 ตอนที่ 7 ข, 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2539
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2015-09-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ฉบับพิเศษ หน้า 16 เล่ม 109 ตอนที่ 154, 4 ธันวาคม พ.ศ. 2535
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (ชั้นสายสะพาย จำนวน 4,524 ราย) เก็บถาวร 2014-04-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนเล่ม 113 ตอน 22 ข 4 ธันวาคม พ.ศ. 2539 หน้า 8
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ ฉบับพิเศษ หน้า 8 เล่ม 108 ตอนที่ 139, 5 สิงหาคม พ.ศ. 2534
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดิเรคุณาภรณ์ หน้า 18 เล่ม 114 ตอนที่ 29 ข, 12 ธันวาคม พ.ศ. 2540
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2506/D/122/523.PDF
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม 41, ตอน 0 ง, 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2467, หน้า 2420
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 43 หน้า 4299 วันที่ 6 มีนาคม 2469http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/D/4298.PDF
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ หน้า 1011 เล่ม 71 ตอนที่ 17, 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496
- ↑ ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง พระราชทานยศทหาร
- ↑ ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
- ↑ ประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหาร