หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน)
พลเรือเอก หลวงสินธุสงครามชัย มีชื่อจริงว่า สินธุ์ กมลนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คนแรก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คนแรก ภายหลังเปลี่ยนชื่อจากกระทรวงธรรมการเป็นกระทรวงศึกษาธิการ, อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ, แม่ทัพเรือ[2] หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร และเป็นหัวหน้าคณะราษฎรสายทหารเรือ
หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) | |
---|---|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [a] | |
ดำรงตำแหน่ง 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 – 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 [1] | |
นายกรัฐมนตรี | พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) แปลก พิบูลสงคราม |
ก่อนหน้า | พระสารสาสน์ประพันธ์ (ชื้น จารุวัสตร์) |
ถัดไป | แปลก พิบูลสงคราม |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ | |
ดำรงตำแหน่ง 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 – 6 มีนาคม พ.ศ. 2485 | |
นายกรัฐมนตรี | แปลก พิบูลสงคราม |
ก่อนหน้า | พลตรี เภา เพียรเลิศ บริภัณฑ์ยุทธกิจ |
ถัดไป | พลตรี จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ | |
ดำรงตำแหน่ง 7 มีนาคม พ.ศ. 2485 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2488 | |
นายกรัฐมนตรี | แปลก พิบูลสงคราม ควง อภัยวงศ์ |
ก่อนหน้า | หลวงเดชสหกรณ์ (หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์) |
ถัดไป | ทวี บุณยเกตุ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 2 สิงหาคม พ.ศ. 2487 – 31 สิงหาคม พ.ศ. 2488 | |
นายกรัฐมนตรี | ควง อภัยวงศ์ |
ก่อนหน้า | พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต) |
ถัดไป | พลโท หลวงสินาดโยธารักษ์ (ชิต มั่นศิลป์) |
ผู้บัญชาการทหารเรือ | |
ดำรงตำแหน่ง 24 ตุลาคม พ.ศ. 2481 – 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2494 | |
ก่อนหน้า | พลเรือตรี พระยาวิจารณจักรกิจ (บุญรอด สวาทะสุข) |
ถัดไป | พลเรือโท หลวงพลสินธวาณัติก์ |
รักษาราชการผู้บัญชาการทหารเรือ | |
ดำรงตำแหน่ง 11 มกราคม พ.ศ. 2477 – 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 | |
ก่อนหน้า | นาวาเอก พระยาวิชิตชลธี (ทองดี สุวรรณพฤกษ์) |
ถัดไป | พลเรือตรี พระยาวิจารณจักรกิจ (บุญรอด สวาทะสุข) (รักษาราชการแทน) |
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | |
ดำรงตำแหน่ง 28 กันยายน พ.ศ. 2486 – 27 กันยายน พ.ศ. 2488 | |
ก่อนหน้า | สถาปนาตำแหน่ง |
ถัดไป | ทวี บุณยเกตุ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 23 มิถุนายน พ.ศ. 2444 จังหวัดสมุทรปราการ ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2519 (74 ปี) |
พรรคการเมือง | คณะราษฎร |
คู่สมรส | คุณหญิงจินตนา สินธุสงครามชัย |
บุตร | 4 คน |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ไทย |
สังกัด | กองทัพเรือไทย |
ประจำการ | พ.ศ. 2475 - 2494 |
ยศ | พลเรือเอก |
ประวัติ
แก้หลวงสินธุสงครามชัย เกิดเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2444 ที่ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ[3] เป็นบุตรนายเล็ก-นางจู กมลนาวิน และมีศักดิ์เป็นน้องชายของพระยาราชวังสัน (ศรี กมลนาวิน) [4] จบการศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2457 จากนั้นเป็นนักเรียนหลวงไปเรียนการทหารเรือที่ประเทศเดนมาร์ก เมื่อ พ.ศ. 2462 เป็นเวลาถึง 10 ปี จากการที่เป็นน้องชายของพระยาราชวังสัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมของครอบครัวทหารเรือในขณะนั้น ที่ทางรัฐบาลส่งเสริมให้บุตรชายคนโตของนายพลทหารเรือให้ได้รับทุนเล่าเรียนวิชาทหารเรือยังต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เป็นทหารเรือกัน เนื่องจากพระยาราชวังสันไม่มีบุตร จึงสนับสนุนน้องชายตนเอง[5] กระทั่งได้รับพระราชทานยศ เรือตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี พ.ศ. 2470[6]
ชีวิตครอบครัว สมรสกับคุณหญิงจินตนา นุติประภา มีบุตรด้วยกันทั้งสิ้น 4 คน หลวงสินธุสงครามชัยถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปี พ.ศ. 2519 สิริอายุ 75 ปี จากนั้น พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินจาก พระที่นั่งบรมพิมาน ไปพระราชทานเพลิงศพ พลเรือเอก หลวงสินธุสงครามชัย ที่ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อเวลา 16.55 น. ของวันพุธที่ 15 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2519[7][3]
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
แก้หลวงสินธุสงครามชัย ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะราษฎร ขณะยังศึกษาอยู่ยังโรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ ประเทศเดนมาร์ก เมื่อเดินทางไปเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างช่วงพักการเรียน[8] จึงได้รับการชักชวนผ่านทางนายทวี บุณยเกตุ สมาชิกคณะราษฎรสายพลเรือน[9]
เมื่อกลับมายังประเทศไทยแล้ว หลวงสินธุสงครามชัย ยังได้หาพรรคพวกเพิ่มเติมในสายทหารเรือเพิ่มขึ้นอีกหลายคน เช่น หลวงศุภชลาศัย, หลวงนิเทศกลกิจ, หลวงสังวรยุทธกิจ, หลวงนาวาวิจิตร, หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นต้น และยังให้แต่ละคนไปหาพรรคพวกเพิ่มขึ้นอีกอย่างละไม่เกิน 3 คน เพื่อกันความลับรั่วไหล รวมทั้งสิ้นมีกองกำลังทหารเรือในคณะราษฎรจำนวน 24 นาย แต่เมื่อถึงเวลาปฏิวัติจริง ๆ แล้วใช้เพียง 18 นาย เนื่องจากอีก 6 นายที่เหลือนั้น สังกัดโรงเรียนชุมพลทหารเรือ และกรมสรรพาวุธทหารเรือ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตำบลปากน้ำ และเขตตำบลบางนา จังหวัดสมุทรปราการ อันอยู่ห่างไกลจากจุดที่เกิดเหตุ แต่ทั้งหมดก็ตกลงกันว่า หากเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นแล้ว ก็จะใช้กำลังที่มีอยู่ยึดอำนาจภายในโรงเรียนและกรม[8]
โดยในเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 แผนการของสายทหารเรือก็คล้ายคลึงกับสายทหารบก คือ ลวงเอากำลังทหารและอาวุธออกมาใช้ โดยอ้างว่าจะนำไปปราบกบฏ หลวงสินธุสงครามชัย ในฐานะหัวหน้าคณะราษฎรสายทหารเรือ ขณะนั้นมียศเป็น นาวาตรี (น.ต.) และมีตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการโรงเรียนนายทหาร ได้นำกำลังทหารเรือประมาณ 400 นายเศษ พร้อมอาวุธครบมือ และกระสุนจำนวน 45,000 นัด ซึ่งงัดมาจากคลังอาวุธ กองพันพาหนะทหารเรือ (หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ในปัจจุบัน) ไปยึดสถานที่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ยาวไปจนถึงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ตั้งแต่ก่อนเวลา 06.00 น. โดยเริ่มกันตั้งแต่เวลา 03.00 น. ที่จุดนัดพบ คือ ท่าราชวรดิฐ เพื่อรอคอยกำลังของฝ่ายทหารบก ภายใต้การนำของ พันเอก พระยาทรงสุรเดช มาสมทบ อีกทั้งยังได้ให้ทหารเรือส่วนหนึ่ง นำโดย หลวงนิเทศกลกิจ เข้าคุ้มกันคณะของ หลวงโกวิทอภัยวงศ์ (ควง อภัยวงศ์) และนายประยูร ภมรมนตรี ในการตัดสายโทรศัพท์และโทรเลข ที่กรมไปรษณีย์โทรเลข (ไปรษณียาคาร) หน้าวัดราชบุรณราชวรวิหาร (วัดเลียบ) ในเวลา 04.00 น. และสั่งให้ทหารเรือประจำเรือยามฝั่ง และเรือปืนต่าง ๆ ติดเครื่องยนต์ ล่องในลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อทำการปฏิวัติ โดยแผนการทั้งหมดของฝ่ายทหารเรือ หลวงสินธุสงครามชัย เป็นผู้วางแผนเองทั้งหมด[8]
บทบาทการเมือง
แก้หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว หลวงสินธุสงครามชัย รับตำแหน่งรัฐมนตรีที่ไม่ได้ประจำกระทรวง (รัฐมนตรีลอย), รักษาราชการตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง พ.ศ. 2477-2478 และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ระหว่าง พ.ศ. 2481[10]-2494 [11] เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ (พ.ศ. 2478-2484), กระทรวงเศรษฐกิจ (พ.ศ. 2485), กระทรวงเกษตราธิการ (พ.ศ. 2485-2488) และกระทรวงกลาโหม[12] (พ.ศ. 2487-2488) นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นคนแรกอีกด้วย (พ.ศ. 2486–2488)
ในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลจะยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทย หลวงสินธุสงครามชัยในฐานะรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 จึงลาออกจากบรรดาศักดิ์ โดยกลับไปใช้ชื่อเดิม[13]
ภายหลังเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน ในปี พ.ศ. 2494 หลวงสินธุสงครามชัย ผู้บัญชาการทหารเรือในขณะนั้นถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2494[14]เนื่องจากคณะรัฐบาลโดย จอมพลป. พิบูลสงคราม เคลือบแคลงว่าอาจจะมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นในการก่อกบฏ ซึ่งหลวงสินธุสงครามชัยได้รับโทษจำคุกเป็นเวลานานถึง 3 ปี ทั้งที่ไม่มีความผิด
นอกจากนี้แล้ว หลวงสินธุสงคราม ยังเป็นบุคคลแรกที่บัญญัติศัพท์คำว่า "เรือดำน้ำ" ขึ้นมาในภาษาไทย โดยเรียกตามลักษณะการใช้งาน [5]และยังเป็นผู้ที่จัดหาเรือดำน้ำมาใช้ในราชการกองทัพเรือด้วย ทั้งหมด 3 ลำ (เรือหลวงมัจฉานุ, เรือหลวงสินสมุทร, เรือหลวงพลายชุมพล) ขณะที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองทัพเรือ ในปี พ.ศ. 2478[15]
ยศ ตำแหน่ง บรรดาศักดิ์
แก้- 1 เมษายน พ.ศ. 2470 - เรือตรี
- - เรือโท
- 1 เมษายน พ.ศ. 2472- เรือเอก[16]
- 1 เมษายน พ.ศ. 2473 - หลวงสินธุสงครามชัย ถือศักดินา ๘๐๐[17]
- 1 เมษายน พ.ศ. 2474 - นาวาตรี[18]
- - ผู้อำนวยการโรงเรียนนายทหารเรือ
- 1 เมษายน พ.ศ. 2476 - นาวาโท[19]
- 5 สิงหาคม พ.ศ. 2476 - เสนาธิการทหารเรือ[20]
- 1 เมษายน พ.ศ. 2477 - นาวาเอก[21]
- 24 ตุลาคม พ.ศ. 2481 - ผู้บัญชาการทหารเรือ
- 1 เมษายน พ.ศ. 2482 - พลเรือตรี[22]
- 3 ธันวาคม พ.ศ. 2484 - พลเรือเอก
รางวัลและเกียรติคุณ
แก้- ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์วิสามัญแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[23]
สถานที่อันเนื่องด้วยนาม
แก้- อำเภอสินธุสงครามชัย (ปัจจุบันคืออำเภอพนมศกและอำเภอพระเนตรพระ ประเทศกัมพูชา)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน (หลวงสินธุสงครามชัย) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้[24]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
แก้- พ.ศ. 2486 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[25]
- พ.ศ. 2480 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[26]
- พ.ศ. 2484 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.)[27]
- พ.ศ. 2477 – เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (พ.ร.ธ.)[28]
- พ.ศ. 2486 – เหรียญช่วยราชการเขตภายใน การรบสงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ร.)[29]
- พ.ศ. 2484 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[30]
- พ.ศ. 2473 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 5 (ป.ป.ร.5)[31]
- พ.ศ. 2481 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 1 (อ.ป.ร.1)[32]
- พ.ศ. 2475 – เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
แก้- ไรช์เยอรมัน :
- พ.ศ. 2480 - เหรียญกาชาดเยอรมนี ชั้นที่ 1[33]
- อิตาลี :
- พ.ศ. 2480 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 1[34]
- ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2482 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ ชั้นที่ 1[35]
- พ.ศ. 2482 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย ชั้นที่ 1[36]
- เดนมาร์ก :
- พ.ศ. 2491 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์แดนเนอโบร ชั้นที่ 1[37]
เชิงอรรถ
แก้- ↑ ก่อนวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2484 ชื่อเดิมคือ กระทรวงธรรมการ
อ้างอิง
แก้- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งแม่ทัพบก แม่ทัพเรือ แม่ทัพอากาศ พุทธศักราช ๒๔๘๔
- ↑ 3.0 3.1 อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน. ณ วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร วันพุธที่ 15 ธันวาคม 2519.
- ↑ 5.0 5.1 นายหนหวย. ทหารเรือปฏิวัติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, พฤศจิกายน 2555 (พิมพ์ครั้งที่ 3). 124 หน้า. ISBN 9789740210252
- ↑ พระราชทานยศทหารเรือ (หน้า ๑๘)
- ↑ ข่าวในพระราชสำนัก (หน้า ๔๑๐๖)
- ↑ 8.0 8.1 8.2 "มูลเหตุที่ทหารนาวิกโยธิน เข้าร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-03-06. สืบค้นเมื่อ 2013-05-02.
- ↑ หน้า 100-102, ตรัง โดย ยืนหยัด ใจสมุทร. (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 กรุงเทพมหานคร, สำนักพิมพ์มติชน) ISBN 974-7115-60-3
- ↑ ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งและแต่งตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๒๒ ราย)
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกราบถวายบังคมลาออกจากบรรดาศักดิ์ เก็บถาวร 2014-09-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารรับราชการ
- ↑ กองทัพเรือได้ตกลงใจสร้างเรือดำน้ำเพื่อป้องกันอ่าวไทย
- ↑ พระราชทานยศพลเรือน (หน้า ๗)
- ↑ พระราชทานยศทหารเรือ (หน้า ๑๗)
- ↑ พระราชทานยศทหารเรือ (หน้า ๑๐๔)
- ↑ ประกาศพระราชทานยศทหารเรือ
- ↑ ประกาศ พระราชทานยศทหารเรือ
- ↑ ประกาศ พระราชทานยศทหารเรือ
- ↑ ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่องพระราชทานยศทหาร
- ↑ "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ตั้งศาสตราจารย์วิสามัญแห่งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-08-04. สืบค้นเมื่อ 2018-08-04.
- ↑ (2520). อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน ม.ป.ช., ม.ว.ม. (หลวงสินธุสงครามชัย). โรงพิมพ์กรมสารบรรณทหารเรือ.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๖๐ ตอนที่ ๔๙ ง หน้า ๒๙๒๐, ๑๘ กันยายน ๒๔๘๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๕๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๒๑๓, ๑๓ ธันวาคม ๒๔๘๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิและเครื่องหมายเปลวระเบิด สำหรับผู้กระทำความชอบได้รับบาดเจ็บ, เล่ม ๕๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๘๑๑, ๑๕ เมษายน ๒๔๘๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, บัญชีรายนาม ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ, เล่ม ๕๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๓๓๙, ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๗๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญช่วยราชการเขตภายใน, เล่ม ๖๐ ตอนที่ ๔๓ ง หน้า ๒๖๑๓, ๑๗ สิงหาคม ๒๔๘๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๕๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๓๓๗, ๑๘ กันยายน ๒๔๘๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๔๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๒๙๐, ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๕๕ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๙๕๙, ๒๘ พฤศจิกายน ๒๔๘๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๕๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๕, ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๘๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๕๔ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๖๒๘, ๑ พฤศจิกายน ๒๔๘๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๕๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๕๓๑, ๒๙ พฤษภาคม ๒๔๘๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ประดับตราต่างประเทศ, เล่ม ๕๖ ตอนที่ ๑๔ ง หน้า ๔๓๔, ๓ มีนาคม ๒๔๘๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๖๖ ตอนที่ ๑๓ ง หน้า ๘๘๘, ๑ มีนาคม ๒๔๙๒