ตระกูลเจ้าเจ็ดตน
ราชวงศ์ทิพย์จักร, ทิพย์จักราธิวงศ์ หรือตระกูลเจ้าเจ็ดตน[1] เป็นราชวงศ์ที่ปกครองนครเชียงใหม่ นครลำปาง และนครลำพูน
พระราชอิสริยยศ | |
---|---|
ปกครอง |
|
เชื้อชาติ | ไทยวน |
สาขา |
|
จำนวนพระมหากษัตริย์ | 35 พระองค์ |
ประมุขพระองค์แรก | พระยาไชยสงคราม |
ผู้นำสกุลองค์ปัจจุบัน |
|
ประมุขพระองค์สุดท้าย |
|
ช่วงระยะเวลา |
|
สถาปนา | พ.ศ. 2275 |
ล่มสลาย | 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486 |
วงศ์เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ – ตำแหน่งในนาม – |
---|
ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ |
|
วงศ์เจ้าผู้ครองนครลำปาง – ตำแหน่งในนาม – |
---|
ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ |
|
วงศ์เจ้าผู้ครองนครลำพูน – ตำแหน่งในนาม – |
---|
ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ |
|
การสถาปนา
แก้ทิพย์จักราธิวงศ์[2][3][4][5] หรือ ราชวงศ์ทิพย์จักร[6] หรือ ราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน[7] ได้รับการสถาปนาขึ้นในปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระแห่งอาณาจักรอยุธยา โดย "หนานทิพย์ช้าง" ควาญช้างและพรานป่าผู้มีความสามารถ ได้ปราบดาภิเษกขึ้นครองนครลำปาง มีพระนามว่า พระญาสุลวะฦๅไชย ต่อมาได้รับการเฉลิมพระนามจากราชสำนักกรุงอังวะเป็นพระยาไชยสงคราม ถือเป็นนครรัฐอิสระในปี พ.ศ. 2275
เมื่อถึงแก่พิราลัย เจ้าชายแก้วพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าฟ้าชายแก้ว ซึ่งในช่วงดังกล่าวนครลำปางมีฐานะเป็นประเทศราชของพม่า โดยพระเจ้ากรุงอังวะได้โปรดฯ เฉลิมพระนามให้เป็นเจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว
เจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครลำปาง พระโอรสพระองค์ใหญ่ของเจ้าฟ้าชายแก้ว ได้ร่วมกับพระอนุชาทั้ง 6 พระองค์ และ พระยาจ่าบ้านผู้ครองนครเชียงใหม่ กอบกู้ล้านนาภายใต้การสนับสนุนจากทัพหลวงของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ในปี พ.ศ. 2317 ซึ่งในครั้งนั้นได้โปรดฯ ให้เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ยกกองทัพไปช่วยปราบพม่า เมื่อยึดนครเชียงใหม่และนครลำปางได้แล้ว จึงโปรดฯ ให้พระยาจ่าบ้านเป็นพระยาวิเชียรปราการครองนครเชียงใหม่ และเจ้ากาวิละเป็นพระยานครลำปาง ในการรบครั้งนั้น เจ้าพระยาสุรสีห์ได้พบรักกับเจ้าศรีอโนชา พระขนิษฐาของพระยากาวิละ และได้ทูลขอจากเจ้าฟ้าชายแก้ว ซึ่งต่อมาเจ้าหญิงศรีอโนชาได้สร้างวีรกรรมสำคัญยิ่งในการปกป้องพระนครจากพระยาสรรค์ ซึ่งก่อการกบฏต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งขณะนั้นเจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ พระสวามีติดการสงครามที่เขมร หลังจากปกป้องพระนครเสร็จ ได้เชิญเจ้าพระยาจักรีกลับพระนครและปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ในคราเดียวกันนั้นได้โปรดฯ สถาปนา "เจ้าพระยาสุรสีห์" พระอนุชาขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท โปรดฯให้ พระยากาวิละขึ้นครองนครเชียงใหม่ (ซึ่งขณะนั้นได้กลายเป็นเมืองร้าง เนื่องจากพม่าได้เข้ามารุกรานจนพระยาจ่าบ้านต้องพาประชาชนอพยพหนี) โปรดฯ ให้พระยาคำโสม พระอนุชาพระองค์ที่ 2 ขึ้นครองนครลำปาง และโปรดฯ ให้เจ้าคำฝั้น พระอนุชาพระองค์ที่สามขึ้นครองนครลำพูน ตลอดต้นรัชสมัยที่ครองนคร เจ้ากาวิละได้ร่วมกับพระอนุชาทั้ง 6 พระองค์ กระทำการสงครามเพื่อขยายขอบเขตขัณฑสีมาออกไปอย่างขจรขจาย ได้กวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินจากหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อนำกลับมาสร้างบ้านแปงเมือง รวมทั้งได้ทรงรื้อฟื้นโบราณราชประเพณีทุกอย่างให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนสมัยราชวงศ์มังรายครองอาณาจักรล้านนา ด้วยพระปรีชาสามารถและความจงรักภักดีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดฯ เฉลิมพระอิสริยยศพระยากาวิละขึ้นเป็นพระบรมราชาธิบดี พระเจ้านครเชียงใหม่ เป็นใหญ่ในล้านนาไท 57 เมือง
ชื่อราชวงศ์
แก้คำว่า "ทิพย์จักราธิวงศ์" เกิดจากการสถาปนาของพระเจ้ากาวิละ โดยเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน[8] ซึ่งภายหลังได้มีพระประสงค์ของ เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ซึ่งเป็นองค์ประธานของการจัดสายสืบสกุล โดยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์[9]มอบหมายให้บรรดาเจ้านายในราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ในราชสกุล ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ ลำปาง ช่วยกันสืบเสาะทายาทและผู้สืบสายโลหิตจาก พระเจ้าทิพย์จักรสุละวะฤๅไชยสงคราม และมอบหมายให้ เจ้าราชภาคินัย (เมืองชื่น ณ เชียงใหม่) เป็นผู้จารึกลำดับลงในสมุดข่อยโบราณภายใต้ "ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์" โดยจารึกเป็นอักษรล้านนาซึ่งภายหลังได้ถ่ายทอดมาเป็นอักษรไทยกลางและคงไว้ซึ่งอักษรล้านนาบ้างในฐานะที่ท่านเป็นเลขานุการของการจัดสายสืบสกุล[10] ภายหลังบางตำรามักนิยมเรียกโดยย่อว่าราชวงศ์ทิพย์จักร[6] อันหมายถึงชื่อราชวงศ์อย่างย่อจากพระนามเต็มของ พระเจ้าทิพย์จักรสุละวะฤๅไชยสงคราม ผู้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์
ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์อื่น
แก้ราชวงศ์ทิพย์จักรถือเป็นราชวงศ์ล้านนาที่เชื่อมความสัมพันธ์กับพระราชวงศ์ล้านนาอันเก่าแก่เดิม อันได้แก่ ราชวงศ์มังราย อันมีพญามังรายมหาราชเป็นองค์ปฐมวงศ์ และราชวงศ์พะเยา พญางำเมือง ด้วยระบบความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติ[ต้องการอ้างอิง]
นอกจากนั้น เจ้านายในราชวงศ์ทิพย์จักรยังได้อภิเษกสมรสกับพระบรมวงศานุวงศ์ในราชวงศ์จักรีหลายพระองค์ พระองค์ที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ เจ้าศรีอโนชา พระอัครชายาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท เจ้าจอมบัวคำ ในรัชกาลที่ 3 เจ้าจอมคำเมา ในรัชกาลที่ 3 และเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสองพระราชวงศ์ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ถือเป็นส่วนสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้พระราชอาณาจักรล้านนาเดิมได้เข้ารวมกับสยามประเทศอย่างสมบูรณ์
การที่ไทยในสยามประเทศสามารถรวมกันได้ เพราะอาศรัยพระบรมเดชานุภาพของพระบาทสมเด็จฯพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทราชอนุชาเปนต้นเค้า ก็เปนความจริง แต่สมควรจะยกย่องผู้เปนหัวหน้าของชาวมณฑลพายัพในสมัยนั้นด้วย คือเจ้าเจ็ดตนอันเปนต้นตระกูลวงศ์ของเจ้านายเมืองเชียงใหม่ เมืองนครลำปางและเมืองลำพูน กับทั้งเจ้าเมืองน่านที่ได้เปนบรรพบุรุษของเจ้านายในเมืองนั้น ที่ได้สามิภักดิ์แล้วช่วยรบพุ่งข้าศึกเปนกำลังอย่างสำคัญ...จึงทรงพระกรุณาโปรดยกย่องวงศ์สกุลเจ้าเจ็ดตนและสกุลเจ้าเมืองน่านให้มียศเปนเจ้าสืบกันมา ด้วยเปนสกุลคู่พระบารมีของพระบรมราชจักรีวงศ์มาตั้งแต่ปฐมกาล[11]
— พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมณฑลพายัพ พ.ศ. 2469
ลำดับสกุลวงศ์
แก้ชั้น 1 องค์ปฐมวงศ์
แก้- พระยาไชยสงคราม (ทิพย์ช้าง), ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้านครเขลางค์ (ลำปาง) นครรัฐอิสระ (2275 - 2302)
ชั้น 2 พระราชบุตรในพระยาไชยสงคราม
แก้- เจ้าชายอ้าย
- เจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว เจ้านครเขลางค์ (ลำปาง) ประเทศราชของพม่า (2302 - 2317), เป็นพระราชบิดาใน"พระเจ้ากาวิละ" ด้วยพระราชโอรสทั้ง 7 พระองค์ ทรงมีบทบาทสำคัญในการกอบกู้ราชอาณาจักรล้านนาจากพม่า และต่อมาเจ้านายบุตรหลานได้ปกครองหัวเมืองเหนือ จึงเป็นที่มาของราชสมัญญาว่า "เจ้าเจ็ดตน" หรือ "เจ้าเจ็ดองค์"
- เจ้าหญิงคำทิพ
- เจ้าหญิงคำปา
- เจ้าชายพ่อเรือน บิดาในพระยาพุทธวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ พระองค์ที่ 4
- เจ้าหญิงกม (กมลา)
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (2325 - 2482)
แก้ลำดับ | พระนาม | ปีที่ครองราชย์ | |
---|---|---|---|
1 | พระเจ้ากาวิละ | 2325 - 2358 (33 ปี) | สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ |
2 | พระยาธรรมลังกา | 2359 - 2365 (6 ปี) | |
3 | พระยาคำฟั่น | 2366 - 2368 (2 ปี) | |
4 | พระยาพุทธวงศ์ | 2369 - 2389 (20 ปี) | |
5 | พระเจ้ามโหตรประเทศ | 2390 - 2397 (7 ปี) | |
6 | พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ | 2399 - 2413 (14 ปี) | |
7 | พระเจ้าอินทวิชยานนท์ | 2416 - 2440 (24 ปี) | |
8 | เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ | 2444 - 2452 (8 ปี) | |
9 | เจ้าแก้วนวรัฐ | 2454 - 2482 (28 ปี) |
เจ้าผู้ครองนครลำปาง (2275 - 2465)
แก้ลำดับ | พระนาม | ปีที่ครองราชย์ | |
---|---|---|---|
1 | พระยาไชยสงคราม (ทิพย์ช้าง) | 2275 - 2306 (31 ปี) | สมัยกรุงศรีอยุธยา |
2 | เจ้าฟ้าสิงหาราชธานีเจ้าฟ้าหลวงชายแก้ว | 2306 - 2317 (11 ปี) | สมัยกรุงศรีอยุธยา |
3 | พระเจ้ากาวิละ | 2317 - 2325 (8 ปี) | สมัยกรุงธนบุรี |
4 | พระยาคำโสม | 2325 - 2337 (12 ปี) | สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ |
5 | พระเจ้าดวงทิพย์ | 2337 - 2369 | |
6 | พระยาไชยวงศ์ | 2369 - 2380 | |
7 | พระยาขัติยะ | 2380 - 2380 | |
8 | พระยาน้อยอินท์ | 2381 - 2391 | |
9 | เจ้าวรญาณรังษี | 2399 - 2414 | |
10 | เจ้าพรหมาภิพงษธาดา | 2416 - 2436 | |
11 | เจ้านรนันทไชยชวลิต | 2436 - 2439 | |
12 | เจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต | 2441 - 2465 | |
13 | เจ้าราชบุตร (แก้วเมืองพวน ณ ลำปาง) | 2465 - 2468 (3 ปี) | ผู้รั้งตำแหน่งเจ้านครลำปาง |
เจ้าผู้ครองนครลำพูน (2348 - 2486)
แก้ลำดับ | พระนาม | ปีที่ครองราชย์ | |
---|---|---|---|
1 | พระยาคำฟั่น | 2348 - 2358 (10 ปี) | สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ |
2 | พระเจ้าลำพูนไชย | 2358 - 2370 (12 ปี) | |
3 | พระยาน้อยอินท์ | 2370 - 2380 (10 ปี) | |
4 | พระยาคำตัน | 2381 - 2384 (3 ปี) | |
5 | พระยาน้อยลังกา | 2384 - 2386 (2 ปี) | |
6 | เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ | 2386 - 2414 (23 ปี) | |
7 | เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์ | 2414 - 2431 (17 ปี) | |
8 | เจ้าเหมพินธุไพจิตร | 2431 - 2439 (8 ปี) | |
9 | เจ้าอินทยงยศโชติ | 2441 - 2454 (13 ปี) | |
10 | เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ | 2454 - 2486 (32 ปี) |
อ้างอิง
แก้- ↑ ราชบัณฑิตยสถาน. สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เล่ม ๒ อักษร ช-จ. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2545. 420 หน้า. หน้า 323. ISBN 974-8123-83-9
- ↑ หนานอินแปง. (2546). พระราชชายาเจ้าดารารัศมี. กรุงเทพฯ: บางกอกบุ๊ค.
- ↑ กัลยา เกื้อตระกูล. (2552). ต้นตระกูลเจ้าเมือง สายสกุล ณ ในสยาม. กรุงเทพฯ: ยิปวี กรุ๊ป. หน้า 192.
- ↑ ทศ คณนาพร. (2549). 9 ตระกูลดังแห่งล้านนา. กรุงเทพฯ: เนชั่นบุ๊คส์. หน้า 17.
- ↑ ภาสกร วงศ์ตาวัน. (2009). ประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: ยิปซี กรุ๊ป. หน้า 111.
- ↑ 6.0 6.1 ฮันส์ เพนธ์, ประวัติศาสตร์ล้านนาฉบับย่อ, เชียงใหม่ : หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่, 2547, หน้า 201
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:อมรินทร์, 2552. หน้า 336
- ↑ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (2008). ล้านนา: ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. หน้า 26
- ↑ ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. (2507). เพ็ชรลานนา เล่ม 2. ผู้จัดการ ศูนย์ภาคเหนือ. หน้า 6.
- ↑ ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. (1980). ผู้บุกเบิกแห่งเชียงใหม่. เรืองศิลป์. หน้า 86-87.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๓ น่า ๔๐๗๓ วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- โดม ไกรปกรณ์. “การสร้างอาณานิคมภายในของสยามในดินแดนล้านนา: บทวิเคราะห์จากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรม.” ใน พิเชฐ แสงทอง (บก.), เอกสารประกอบการประชุมวิชาการระดับชาติ เวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ครั้งที่ 10 คลุมเครือ เคลือบแคลง เส้นแบ่งและพรมแดนในมนุษยศาสตร์. น. 649-61. นครศรีธรรมราช: โรงพิมพ์กรีนโซนการพิมพ์, 2559.
- ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. เพ็ชร์ล้านนา. (ครั้งที่ 2) เชียงใหม่ :ผู้จัดการ ศูนย์ภาคเหนือ, 2538.
- สมหมาย เปรมจิตต์, สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ตำนานสิบห้าราชวงศ์ (ฉบับสอบชำระ) . เชียงใหม่: มิ่งเมือง, 2540.
- ศักดิ์ รัตนชัย. พงศาวดารสุวรรณหอคำนครลำปาง (ตำนานเจ้าเจ็ดพระองค์กับหอคำมงคล ฉบับสอบทานกับเอกสารสืบค้น สรสว.ลำปาง) .
- เจ้าวงศ์สัก ณ เชียงใหม่, คณะทายาทสายสกุล ณ เชียงใหม่. เจ้าหลวงเชียงใหม่. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), 2539.
- คณะทายาทสายสกุล เจ้าหลวงเมืองพะเยา, สถาบันศิลปวัฒนธรรมโยนก. ครบรอบ 100 ปี แม่เจ้าทรายมูล (มหาวงศ์) ไชยเมือง และประวัติสายสกุลเจ้าหลวงเมืองพะเยา พุทธศักราช 2387 - 2456. พะเยา :บ.ฮาซัน พริ้นติ้ง จก., 2546
- นงเยาว์ กาญจนจารี. ดารารัศมี : พระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี. เชียงใหม่ :สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์, 2539.
- คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์, นาวาอากาศเอก. เจ้านายฝ่ายเหนือ.
- รายพระนาม นาม เหล่าพระประยูรญาติ และ เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ เก็บถาวร 2021-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ชัยวัฒน์ ปะสุนะ. (2564). ระบอบอาณานิคมของอังกฤษในพม่าและแหลมมลายู กับการจัดการมณฑลพายัพของรัฐสยาม ค.ศ. 1894-1933. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.