จังหวัดยะลา
ยะลา (มลายูปัตตานี: جالا / ยาลอ) เป็นจังหวัดหนึ่งตั้งอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย มีพื้นที่ 4,521.078 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 542,314 คน มีอาณาเขตทางใต้ติดกับประเทศมาเลเซีย เป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไม่ติดทะเล[3] และเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ดังปรากฏในคำขวัญประจำจังหวัดคือ "ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน"[4]
จังหวัดยะลา | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Yala |
คำขวัญ: ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน | |
![]() แผนที่ประเทศไทย จังหวัดยะลาเน้นสีแดง | |
ประเทศ | ![]() |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | สุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย (ตั้งแต่ พ.ศ. 2565) |
พื้นที่[1] | |
• ทั้งหมด | 4,521.078 ตร.กม. (1,745.598 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 47 |
ประชากร (พ.ศ. 2564)[2] | |
• ทั้งหมด | 542,314 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 46 |
• ความหนาแน่น | 119.95 คน/ตร.กม. (310.7 คน/ตร.ไมล์) |
รหัส ISO 3166 | TH-95 |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | อโศกเหลือง |
• ดอกไม้ | พิกุล |
• สัตว์น้ำ | ปลาพลวงชมพู |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ถนนสุขยางค์ ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา 95000 |
• โทรศัพท์ | 0 7322 1014 |
• โทรสาร | 0 7321 1586 |
เว็บไซต์ | http://www.yala.go.th |
![]() |
จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และเป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษามลายูปัตตานีในการสื่อสาร ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู รองลงมาคือชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธ อย่างไรก็ตามยะลาถือเป็นจังหวัดที่ดำรงความเป็นพหุวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน เพราะมีความแตกต่างกันทั้งด้านเชื้อชาติ ภาษา และศาสนา แต่ชนทุกกลุ่มยังคงรักษาวิถีชีวิตและประเพณีของตนไว้อย่างเหนียวแน่น[5]
ศัพทมูลวิทยา แก้ไข
เหตุที่เรียกชื่อว่ายะลานั้นเพราะพระยาเมืองคนแรกได้ตั้งที่ทำการขึ้นที่บ้านยะลา คำว่า ยะลา (มลายู: Jala, جالا) หรือสำเนียงภาษามลายูพื้นเมืองเรียกว่า ยาลอ (มลายู: Jalor, جالور, ญาโลร์) แปลว่า "แห" ซึ่งเป็นคำยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤตว่า ชาละ หรือ ชาลี หมายถึง "แห" หรือ "ตาข่าย"[6] มีภูเขาลูกหนึ่งในเขตอำเภอเมืองยะลามีลักษณะเหมือนแหจับปลา โดยผูกจอมแหแล้วถ่างตีนแหไปโดยรอบ ผู้คนจึงเรียกภูเขานี้ว่า ยะลา หรือ ยาลอ แล้วนำมาตั้งนามเมือง[6]
แต่ตามประวัติศาสตร์ซึ่งได้เขียนไว้ในสมัยเจ็ดหัวเมือง โดยเจ้าผู้ครองเมืองเดิมได้เขียนไว้เป็นประวัติศาสตร์เป็นภาษามลายูว่า “เมืองยะลา” เป็นสำเนียงภาษาอาหรับ โดยชาวอินโดนีเซียที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาอิสลามในบริเวณเจ็ดหัวเมืองซึ่งอยู่ในแหลมมลายูเป็นผู้ตั้งชื่อเมืองไว้
เมืองยะลาเดิมตั้งอยู่ใกล้ภูเขายาลอ ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองยะลาปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ต่อมาเมืองยะลาได้ยกฐานะเป็นเมือง ๆ หนึ่งของบริเวณเจ็ดหัวเมือง คำว่าเมืองยะลาหรือยาลอ ยังคงเรียกกันจนถึงปัจจุบันนี้
ประวัติ แก้ไข
ยะลาเดิมเป็นท้องที่หนึ่งของเมืองปัตตานี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้มีการปรับปรุงการปกครองใหม่เป็นการปกครองแบบเทศาภิบาลและได้ออกประกาศข้อบังคับสำหรับปกครอง 7 หัวเมือง รัตนโกสินทรศก 120 ซึ่งประกอบด้วยเมืองปัตตานี หนองจิก ยะหริ่ง สายบุรี ยะลา ระแงะ และรามัน ในแต่ละเมืองจะแบ่งเขตการปกครองเป็นอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 ประกาศจัดตั้งมณฑลปัตตานีขึ้นดูแลหัวเมืองทั้ง 7 แทนมณฑลนครศรีธรรมราช และยุบเมืองเหลือ 4 เมือง ได้แก่ ปัตตานี ยะลา สายบุรี และระแงะ ต่อมา พ.ศ. 2450 เมืองยะลาแบ่งเขตการปกครองเป็น 2 อำเภอ ได้แก่อำเภอเมืองยะลาและอำเภอยะหา ต่อมา พ.ศ. 2475 ได้มีการยกเลิกมณฑลปัตตานี และในปี พ.ศ. 2476 เมืองยะลาได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็นจังหวัดยะลาตามพระราชบัญญัติราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 เรื่อง การจัดระเบียบราชการบริหารส่วนภูมิภาค ออกเป็นจังหวัด เป็นอำเภอ และให้มีข้าหลวงประจำจังหวัด และกรมการจังหวัดเป็นผู้บริหารราชการ
หน่วยการปกครอง แก้ไข
การปกครองส่วนภูมิภาค แก้ไข
การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 341 หมู่บ้าน มีรายชื่อดังนี้
|
วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 กระทรวงมหาดไทยประชุมเพื่อพิจารณาร่างกฤษฎีกาจัดตั้งอำเภอลำใหม่แยกจากอำเภอเมืองยะลา และอำเภอโกตาบารูแยกจากอำเภอรามันเป็นกรณีพิเศษ โดยอ้างความจำเป็นพิเศษด้านความมั่นคง และหากมีการจัดตั้งแล้ว อำเภอโกตาบารูจะมีการขอพระราชทานชื่อใหม่[8]
การปกครองส่วนท้องถิ่น แก้ไข
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา) เทศบาลนคร 1 แห่ง (เทศบาลนครยะลา) เทศบาลเมือง 2 แห่ง เทศบาลตำบล 13 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 47 แห่ง รายชื่อเทศบาลทั้งหมดมีดังนี้
ลำดับ | ชื่อเทศบาล | พื้นที่ (ตร.กม.) |
ตั้งเมื่อ (พ.ศ.)[# 1] |
อำเภอ | ครอบคลุมตำบล | ประชากร สิ้นปี 2561 (คน)[2] | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทั้งตำบล | บางส่วน | รวม | ||||||
เทศบาลนคร | ||||||||
1 | เทศบาลนครยะลา | 19.4[9] | 2538[10] | เมืองยะลา | 1 | – | 1 | 61,218 |
เทศบาลเมือง | ||||||||
1 | เทศบาลเมืองเบตง | 78[11] | 2547[12] | เบตง | 1 | – | 1 | 26,668 |
2 | เทศบาลเมืองสะเตงนอก | 34.78[13] | 2554[14] | เมืองยะลา | 1 | – | 1 | 32,353 |
เทศบาลตำบล | ||||||||
1 | เทศบาลตำบลโกตาบารู | 17[15] | 2542[16] | รามัน | 1 | – | 1 | 5,692 |
2 | เทศบาลตำบลเขื่อนบางลาง | 82.5[17] | 2550[18] | บันนังสตา | 1 | – | 1 | 4,422 |
3 | เทศบาลตำบลคอกช้าง | 2.44[19] | 2542[16] | ธารโต | – | 1 | 1 | 1,558 |
4 | เทศบาลตำบลท่าสาป | 13.48[20] | 2555[21] | เมืองยะลา | 1 | – | 1 | 7,984 |
5 | เทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์ | 138.51[22] | 2555[23] | เบตง | 1 | – | 1 | 4,433 |
6 | เทศบาลตำบลบันนังสตา | 1.5[24] | 2542[16] | บันนังสตา | – | 1 | 1 | 2,721 |
7 | เทศบาลตำบลบาลอ | 26.41[25] | 2556[26] | รามัน | 1 | – | 1 | 5,582 |
8 | เทศบาลตำบลบุดี | 48.92[27] | 2551[27] | เมืองยะลา | 1 | – | 1 | 11,221 |
9 | เทศบาลตำบลปะแต | 208.31[28] | 2555[29] | ยะหา | 1 | – | 1 | 16,962 |
10 | เทศบาลตำบลเมืองรามันห์[30] | 8.24[31] | 2542[16] | รามัน | – | 1 | 1 | 5,120 |
11 | เทศบาลตำบลยะหา | 1.89[32] | 2542[16] | ยะหา | – | 1 | 1 | 2,618 |
12 | เทศบาลตำบลยุโป | 33.77[33] | 2555[34] | เมืองยะลา | 1 | – | 1 | 6,983 |
13 | เทศบาลตำบลลำใหม่ | 0.69[35] | 2542[16] | เมืองยะลา | – | 1 | 1 | 1,050 |
- ↑ หมายถึงปีที่ได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลในระดับปัจจุบัน
ประชากร แก้ไข
ชาติพันธุ์ แก้ไข
ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
2550 | 470,691 | — |
2551 | 475,527 | +1.0% |
2552 | 480,334 | +1.0% |
2553 | 487,380 | +1.5% |
2554 | 493,767 | +1.3% |
2555 | 500,814 | +1.4% |
2556 | 506,138 | +1.1% |
2557 | 511,911 | +1.1% |
2558 | 518,139 | +1.2% |
2559 | 522,279 | +0.8% |
2560 | 527,295 | +1.0% |
2561 | 532,326 | +1.0% |
2562 | 536,330 | +0.8% |
2563 | 538,598 | +0.4% |
2564 | 542,314 | +0.7% |
อ้างอิง: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[36] |
ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดยะลาเป็นชาวไทยเชื้อสายมลายูเป็นพื้น ในอดีตจะถูกเรียกอย่างรวม ๆ กับชาวชวา-มลายูทั่วไปว่าคนยาวี (Orang Jawi)[37] แต่จะเรียกตัวเองว่าออแฆนายู และพึงใจที่ผู้อื่นเรียกว่าคนนายูมากกว่าคนยาวี[38] เมื่อ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2482 ในสมัยหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมฉบับที่ 3 เรื่องการเรียกชื่อชาวไทยโดยให้เรียกชาวมลายูมุสลิมว่าไทยอิสลาม[39] และปัจจุบันทางราชการของไทยยังคงเรียกคนเชื้อสายมลายูว่าคนไทยหรือไทยมุสลิมอยู่[40] นอกจากนั้นก็จะมีชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นชนกลุ่มน้อย อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ ๆ[41] โดยเฉพาะอำเภอเบตงถือเป็นชุมชนชาวจีนที่มีขนาดใหญ่และเข้มแข็ง สามารถคงอัตลักษณ์ความเป็นจีนไว้อย่างเหนียวแน่น[5] โดยมากเป็นชาวจีนกวางไส บรรพบุรุษอพยพจากเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง[42] ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาโดยมากเป็นชาวฮกเกี้ยน[41][43] ขณะที่ชาวไทยพุทธมีอยู่หนาแน่นในเขตเทศบาลนครยะลา[44] แต่ระยะหลังเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธอพยพออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก[45][46][47] เช่นชุมชนชาวจีนที่บ้านเนียง อำเภอเมืองยะลา และชุมชนจีนบ้านแบหอ อำเภอรามัน ที่ลูกหลานโยกย้ายออกจากถิ่นฐานเดิมจนสิ้น[48][49] ซึ่งใน พ.ศ. 2562 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดโครงการไทยพุทธคืนถิ่น จำนวน 12 หมู่บ้าน และกิจกรรมอาสาสมัครพัฒนาศาสนสถาน จำนวน 13 หมู่บ้าน เพื่อฟื้นฟูสังคมพหุวัฒนธรรมของจังหวัดยะลาขึ้นอีกครั้ง[50]
ขณะที่ชาวซาไกเผ่ากันซิวและจำนวนน้อยเป็นเผ่ากินตัก[51] ซึ่งเคยตั้งถิ่นฐานในเขตหมู่ 3 ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่อพยพไปประเทศมาเลเซีย ด้วยเหตุผลด้านที่ทำกินและวิถีชีวิตที่ดีกว่า ประกอบกับเหตุผลด้านความไม่สงบ[52] นอกจากนี้ยังมีชาวพม่า ลาว และกัมพูชา เข้าเป็นแรงงานในยะลาเป็นจำนวนมากในเขตอำเภอเมืองยะลาและอำเภอเบตง โดยใน พ.ศ. 2552 มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 คน[53] และมีชาวเขาจากภาคเหนืออพยพมาลงหลักปักฐานที่ยะลาหลายเผ่าเพื่อเป็นแรงงาน เช่น เผ่าม้งเข้ามาอาศัยในอำเภอเบตงและอำเภอธารโตจำนวนหนึ่ง และพบว่าม้งส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ร่วมนิคมกับเผ่าซาไกที่บ้านซาไก[54] ส่วนชุมชนมูเซอบ้านบ่อน้ำร้อนในอำเภอเบตง[55][56][57] มีประชากรมากถึงขั้นก่อตั้งโบสถ์คริสต์ในชุมชนของตัวเอง[58]
ภาษา แก้ไข
จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสามจังหวัดของประเทศไทยที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษามลายูปัตตานีในการสื่อสาร เป็นสำเนียงที่ใช้ในจังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดสงขลา ภาษานี้มีการใช้อักษรยาวีซึ่งได้รับอิทธิพลจากอักษรอาหรับสำหรับการเขียน[37][59] สำหรับการเผยแผ่ศาสนาโดยเฉพาะ[60] ทว่าในยุคหลังมานี้มีการยืมคำไทยเข้าปะปนมากขึ้น[61] โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่พูดมลายูปนไทย[60] ปัจจุบันมีการส่งเสริมให้ติดป้ายประกาศของสถานที่ราชการเป็นภาษามลายูปัตตานีและอักษรยาวีทั่วไปในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้[62] ทั้งนี้ชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนบางส่วนสามารถพูดภาษามลายูเพื่อสื่อสารกับคนมลายูซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่[63][64][41]
ขณะที่ชาวไทยพุทธจะใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ มีสำเนียงใกล้เคียงกับสำเนียงสงขลา[65] มีลักษณะเช่นเดียวกับภาษาใต้ถิ่นอื่นที่มีการรวบคำให้สั้นกระชับ ทว่ามีลักษณะเด่นคือการออกเสียงที่นุ่มนวลไม่หยาบกระด้างต่างจากภาคใต้ถิ่นอื่น[66] และมีการยืมคำมลายูมาก โดยมีความหนาแน่นของคำยืมจากมลายูมากถึงร้อยละ 75.75[67] เช่น ซะด๊ะ แปลว่า อร่อย มอแระ แปลว่า สวยงาม และลากู แปลว่า ขายดี[68]
ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะอำเภอเบตงที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาธำรงอัตลักษณ์ความเป็นจีนคือการใช้ภาษาจีน[5] ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มได้แก่ ภาษาจีนกลาง ภาษาจีนกวางไส ภาษาจีนฮกเกี้ยน ภาษาจีนแต้จิ๋ว และภาษาจีนแคะ[69][70] เช่นประชาชนในชุมชนวัดปิยมิตรที่สามารถสื่อสารภาษาจีนกลางได้[71] ปัจจุบันคนยุคหลังใช้ภาษาจีนน้อยลง[72] และลูกหลานจีนหลายคนนิยมใช้ภาษาไทยมาตรฐาน แต่บุคคลเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาที่อายุต่ำกว่า 50 ปีจะพูดจีนไม่ได้แต่พอฟังรู้ความ[41]
ปัจจุบันชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาเกินครึ่งพูดภาษาไทยถิ่นใต้ไม่ได้เพราะหันไปพูดภาษาไทยมาตรฐาน ส่วนชาวไทยเชื้อสายมลายูนอกเขตเทศบาลจะพูดภาษาไทยไม่ชัดเจน และหากมีอายุ 70 ปีขึ้นไปจะไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย[41]
ศาสนา แก้ไข
จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดของไทยที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้[74] มีชุมชนชาวคริสต์ขนาดย่อมทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ในเขตเทศบาลนครยะลาและเทศบาลเมืองเบตง[75] นอกจากนี้ยังมีชุมชนของผู้นับถือศาสนาซิกข์ขนาดน้อย อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา[76] ส่วนชาวซาไกหันมานับถือศาสนาพุทธโดยให้เหตุผลว่านับถือตามสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่ปัจจุบันยังปะปนไปด้วยความเชื่อพื้นเมือง[77] และแรงงานต่างด้าวชาวพม่าในยะลาที่นับถือศาสนาพุทธและร่วมปฏิบัติศาสนกิจร่วมกับชาวไทยพุทธในท้องถิ่น[78][79]
ศาสนา | 2503[80] | 2523[81] | 2542[82] | 2546[83] | 2550[84] | 2553[85] | 2554[86] | 2557[87] | 2559[88] | 2562[73] |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อิสลาม | 60.00% | 60.00% | 62.79% | 76.58% | 75.42% | 76.59% | 82.96% | 79.60% | 74.06% | 81.46% |
พุทธ | 22.00% | 22.00% | 36.40% | 22.74% | 24.25% | 22.74% | 16.98% | 20.13% | 21.16% | 18.45% |
คริสต์ | – | – | 0.14% | – | – | – | 0.06% | – | – | 0.08% |
ฮินดู | – | – | 0.01% | – | – | – | – | – | – | – |
พื้นบ้านจีน | – | 12.00% | 0.01% | – | – | – | – | – | – | – |
อื่น ๆ | 18.00% | 6.00% | 0.61% | 0.31% | 0.33% | 0.67% | – | 0.27% | 4.78% | 0.01% |
จากการสำรวจการนับถือศาสนาเมื่อ พ.ศ. 2542 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 62.79 ศาสนาพุทธร้อยละ 36.40 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.14 ศาสนาฮินดูร้อยละ 0.01 ศาสนาอื่น ๆ (เช่นศาสนาพื้นบ้านจีน) ร้อยละ 0.01 และไม่ได้ระบุร้อยละ 0.61[82] ต่อมาใน พ.ศ. 2550 พบว่า มีผู้นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 75.42 รองลงมาคือศาสนาพุทธร้อยละ 24.25 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.33[84] พ.ศ. 2553 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 76.59 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 22.74[85] พ.ศ. 2557 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 79.60 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 20.13 และผู้นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 0.27[87] และการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2559 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 74.06 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 21.16 และผู้นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 4.78[88] และการสำรวจใน พ.ศ. 2562 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 81.46 ศาสนาพุทธลดลงเหลือร้อยละ 18.45 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.08 ศาสนาซิกข์และอื่น ๆ ร้อยละ 0.01[73] ชาวพุทธในพื้นที่รู้สึกว่าพวกตนเป็นพลเมืองชั้นสอง[89] หลังการก่อวินาศกรรมด้วยการวางระเบิดถนนสายหลักในปัตตานีเมื่อ พ.ศ. 2555 ส่งผลให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธจำนวนมากอพยพออกจากยะลา ประชากรที่นับถือศาสนาพุทธจึงหดตัวอย่างเฉียบพลัน[45][46][47] รวมทั้งวัดหลายแห่งกลายเป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษา เช่น วัดหัวสะพาน อำเภอเมืองยะลา[90][91] วัดจินดาพลาราม อำเภอบันนังสตา[92] และวัดปูแหล อำเภอยะหา[93][94] ซึ่ง พ.ศ. 2563 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พยายามฟื้นฟูวัดเหล่านี้ให้มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่[95] เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า "จะปล่อยให้คนไทยอพยพทิ้งถิ่นฐานไม่ได้ จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคง ให้มีความมั่นคงอยู่ในภาคใต้ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจของราษฎรไทยพุทธสืบไป"[96]
สำนักงานสถิติจังหวัดยะลารายงานว่า ใน พ.ศ. 2560 จังหวัดยะลามีมัสยิด 508 แห่ง วัดพุทธ 52 แห่ง สำนักสงฆ์ 13 แห่ง โบสถ์คริสต์ 9 แห่ง[97] และคุรุดวารา 1 แห่ง [98]
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 กลุ่มสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดยะลา จำนวน 60 คน เรียกร้องให้โรงพยาบาลในจังหวัดยะลาและในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดทำห้องครัวสำหรับไทยพุทธและอาคารสำหรับพระสงฆ์อาพาธ[99]
อุทยาน แก้ไข
สถานที่ท่องเที่ยว แก้ไข
- อำเภอเบตง
- วัดคูหาภิมุข
- พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ
- ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
- อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
- น้ำตกคอกช้าง
- น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9
- น้ำตกธารโต
- น้ำตกบูเก๊ะปิโล หรือ น้ำตกตะวันรัศมี
- น้ำตกผาแดง (จังหวัดยะลา)
- น้ำตกละอองรุ้ง
- น้ำตกวันวิสาข์
- น้ำตกสองขา
- น้ำตกสุขทาลัย หรือ น้ำตกกือลอง
- น้ำตกอินทรศร
- น้ำตกฮาลาซะห์
การศึกษา แก้ไข
ระดับอุดมศึกษา
- มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
- วิทยาลัยชุมชนยะลา
- ศูนย์วิทยพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดยะลา
- มหาวิทยาลัยฟาฏอนี
- สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตยะลา
- วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา
- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ยะลา
- วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา ยะลา
- วิทยาลัยเทคนิคยะลา ยะลา
- วิทยาลัยสารพัดช่าง ยะลา
- วิทยาลัยการอาชีพรามัน ยะลา
- วิทยาลัยการอาชีพเบตง ยะลา
ระดับมัธมยมศึกษา
- โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
- โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2
- โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 3
- โรงเรียนสตรียะลา
- โรงเรียนกาบังพิทยาคม
- โรงเรียนอาลาวียะห์วิทยา
- โรงเรียนพัฒนาวิทยา
- โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง
- โรงเรียนจันทร์ประภัสสร์อนุสรณ์
- โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ยะลา
- โรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์
- โรงเรียนนิคมพัฒนวิทย์
- โรงเรียนบันนังสตาวิทยา
- โรงเรียนเบตง (วีระราษฎร์ประสาน)
- โรงเรียนยะหาศิรยานุกูล
- โรงเรียนรามันห์ศิริวิทย์
- โรงเรียนยะลาวิทยาลัย
- โรงเรียนรังสีอนุสรณ์
- โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ยะลา
- โรงเรียนสตรีอิสลามวิทยามูลนิธิ ยะลา
- โรงเรียนสุขสวัสดิ์วิทยา
- โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์
- โรงเรียนธรรมอิสลามศึกษา
- โรงเรียนคุรุชนพัฒนา
บุคคลที่มีชื่อเสียง แก้ไข
อ้างอิง แก้ไข
- ↑ สำนักงานสถิติจังหวัดยะลา. "สภาพทั่วไปของจังหวัดยะลา." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://yala.nso.go.th/yala/yala.html เก็บถาวร 2011-05-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 April 2010.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "รายงานสถิติจำนวนประชากรและบ้าน ประจำปี พ.ศ. 2564". กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. สืบค้นเมื่อ 24 March 2022.
- ↑ "ข้อมูลจังหวัดชายทะเล". ฐานข้อมูลความรู้ทางทะเล. สืบค้นเมื่อ 17 July 2019.
- ↑ "คำขวัญประจำอำเภอ/จังหวัด". จังหวัดยะลา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-17. สืบค้นเมื่อ 17 July 2019.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 ณัฐธิดา เย็นบำรุง. "เมืองเบตง : คนไทยเชื้อสายจีนที่เข้มแข็ง". ศูนย์ศึกษามหานครและเมือง. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-15. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
- ↑ 6.0 6.1 ประพนธ์ เรืองณรงค์. "บทผนวกเกียรติยศ". ใน รัฐปัตตานีใน ศรีวิชัย เก่าแก่กว่ารัฐสุโขทัยในประวัติศาสตร์. สุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน. 2547, หน้า 346
- ↑ ประพนธ์ เรืองณรงค์. "ชื่อบ้านนามเมืองภาษามลายูในคาบสมุทรภาคใต้ของไทย" (PDF). ดำรงวิชาการ. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ "รายงานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ 2 ครั้งที่ 2/2558 วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 ณ ห้องประชุมสำนักกฎหมาย สป. ชั้น 6 อาคารดำรงราชานุภาพ กระทรวงมหาดไทย" (PDF). สำนักกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลนครยะลา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-03-22. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "พระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา พ.ศ. ๒๕๓๘" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 112 (40 ก): 15–19. 24 September 1995.
- ↑ แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเทศบาลเมืองเบตง (พ.ศ. 2558-2562) (PDF). เทศบาลเมืองเบตง. p. 2-1.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลตำบลเป็นเทศบาลเมือง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 121 (20 ก): 9–10. 20 February 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-03-24. สืบค้นเมื่อ 2019-10-27.
- ↑ "สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน" (PDF). เทศบาลเมืองสะเตงนอก. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-01-10. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลตำบลสะเตงนอก อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา เป็นเทศบาลเมืองสะเตงนอก" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 129 (ตอนพิเศษ 13 ง): 46. 11 January 2012.
- ↑ สุไรยา วานิและคณะ. ข้อมูลเมื่อการพัฒนาตำบลโกตาบารู อำเภอรามัน จังหวัดยะลา (PDF). โครงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นเพื่อฟื้นฟูชายแดนใต้ (ชชต.) ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สนับสนุนโดยธนาคารโลก. p. 4.
- ↑ 16.0 16.1 16.2 16.3 16.4 16.5 "พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาล พ.ศ. ๒๕๔๒" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 116 (9 ก): 1–4. 24 February 1999. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-04-09. สืบค้นเมื่อ 2019-10-27.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลเขื่อนบางลาง. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-15. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "ประวัติความเป็นมา". เทศบาลตำบลเขื่อนบางลาง. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-15. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลคอกช้าง. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "ข้อมูลทั่วไป". เทศบาลตำบลท่าสาป. 26 June 2019. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "การจัดตั้งเทศบาลตำบลท่าสาป". เทศบาลตำบลท่าสาป. 17 February 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-09-23. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "สภาพข้อมูลทั่วไป". เทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "ประวัติความเป็นมา". เทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์. สืบค้นเมื่อ 27 October 2019.
- ↑ "ประวัติความเป็นมา". เทศบาลตำบลบันนังสตา. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลบาลอ. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "ประกาศ จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลบาลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เป็นเทศบาลตำบลบาลอ". เทศบาลตำบลบาลอ. 5 August 2013. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ 27.0 27.1 "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลบุดี. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลปะแต. October 2019. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "ประวัติความเป็นมา". เทศบาลตำบลปะแต. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนชื่อเทศบาลตำบลกายูบอเกาะ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เป็นเทศบาลตำบลเมืองรามันห์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 127 (132 ง): 3. 26 August 2010.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลเมืองรามันห์. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลยะหา. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลยุโป. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "ประวัติความเป็นมา". เทศบาลตำบลยุโป. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". เทศบาลตำบลลำใหม่. สืบค้นเมื่อ 28 October 2019.
- ↑ สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "จำนวนประชากรและบ้าน." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/statTDD/ เก็บถาวร 2019-06-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. สืบค้น 2 พฤษภาคม 2563
- ↑ 37.0 37.1 กัณหา แสงรายา (14 January 2012). "มลายู-ยาวี เรียกอย่างไรดี?". อิศรา. สืบค้นเมื่อ 15 July 2019.
- ↑ วลัยลักษณ์ ทรงศิริ (26 May 2016). "คนตานี มลายูมุสลิมที่ถูกลืม". มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ อัฮหมัด สมบูรณ์ บัวหลวง (27 February 2017). "แขกตานี". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 15 July 2019.
- ↑ กัณหา แสงรายา (3 August 2011). "คำเรียก มลายู มลายูมุสลิม ไทย ไทยมุสลิม ไทยมลายู และ 'แขก' ในสังคมไทย (1)". อิศรา. สืบค้นเมื่อ 15 July 2019.
- ↑ 41.0 41.1 41.2 41.3 41.4 แพร ศิริศักดิ์ดำเกิง (2003). "ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมลายูมุสลิมและจีนในย่านสายกลาง จังหวัดยะลา". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ (14 December 2018). "ตามรอยจีนกวางไสในเบตง (1)". สยามรัฐออนไลน์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-13. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
- ↑ วลัยลักษณ์ ทรงศิริ. "แผ่นดินภายใน". ยาลอเป็นยะลา ความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองและคนรุ่นใหม่ในเมืองและปริมณฑลเมืองยะลา, หน้า 90
- ↑ "ยะลา-คุมเข้มทุกพื้นที่หลังคนร้ายก่อเหตุยิงคนไทย-พุทธ". .timenews2017. 7 July 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-12. สืบค้นเมื่อ 12 July 2019.
- ↑ 45.0 45.1 "ไทยพุทธที่ชายแดนภาคใต้ (ตอน 1) : การตื่นตัวที่สายเกิน?". ประชาไท. 4 April 2014. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
- ↑ 46.0 46.1 "ฟิต! มทภ.4 ลงพบชาวไทยพุทธยะลา รับปากพร้อมแก้ปัญหา จชต". ไทยรัฐออนไลน์. 2 October 2018. สืบค้นเมื่อ 12 July 2019.
- ↑ 47.0 47.1 "ชุมชนชาวไทยพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้". ไทยพีบีเอส. 29 December 2013. สืบค้นเมื่อ 12 July 2019.
- ↑ ทรัยนุง มะเด็ง และอื่น ๆ. "ในท้องถิ่นยาลอ". ยาลอเป็นยะลา ความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองและคนรุ่นใหม่ในเมืองและปริมณฑลเมืองยะลา, หน้า 204
- ↑ "ยะลาเปิดงานสมโภช แห่พระลุยไฟศาลเจ้าแม่มาผ่อ สร้างความสัมพันธ์พหุวัฒนธรรมไทยจีนไทยพุทธและมุสลิม". SPM Online. 16 April 2019. สืบค้นเมื่อ 12 July 2019.
- ↑ "ศอ.บต.สนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งชุมชนไทยพุทธสังคมพหุวัฒนธรรม". ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้. 24 October 2019. สืบค้นเมื่อ 11 January 2022.
- ↑ วันเฉลิม จันทรากุล (2001). "เงาะป่า-ซาไก นิเชาเมืองไทย ชนป่าที่กำลังสูญสลาย". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ "รอวันปิดตำนาน 'ซาไก' แห่ง 'ศรีธารโต'" (Press release). สำนักข่าวอามาน. 3 January 2010. สืบค้นเมื่อ 5 August 2012.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ยะลาเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว". ไทยรัฐออนไลน์. 25 July 2009. สืบค้นเมื่อ 16 July 2019.
- ↑ วัชรินทร์ ดำรงกูล และปัตติกาญจน์ บรรดาศักดิ์. แนวทางการจัดการคืนถิ่นชนเผ่าซาไก : กรณีศึกษา ซาไกตระกูลศรีธารโต (PDF). งานวิจัย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. p. 33, 43.
- ↑ "ตชด.445 ยะลา รวบ 2 พ่อค้ายาบ้าชาวเขาเผาลาหู่ ได้ของกลางกว่า 9 พันเม็ด". MGR Online. 23 August 2014. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ "การปราบปรามยาเสพติด". สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เบตง. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "ชาวบ้านหาของป่า หลงป่าในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา นาน 9 วัน เจ้าหน้าที่ ตชด. นปพ. กู้ภัย กว่า 30 คน เร่งตามหา แต่ยังไม่พบตัว". SPM News. 19 December 2018. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ กินเลน ประลองเชิง (10 November 2014). "สุดใต้ที่เบตง". ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ วนิดา เต๊ะหลง. "ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษามลายู" (PDF). สารรอบรั้วศิลปศาสตร์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2022-01-21. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ 60.0 60.1 Arifin bin Chik (1 April 2007). "ปัญหา สตูล ปัตตานี กับวัฒนธรรมที่กำลังถูกทำลาย". มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. สืบค้นเมื่อ 15 July 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "พจนานุกรมภาษามลายูถิ่นปัตตานี อีกความหวังลดดีกรีร้อนจังหวัดใต้". ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. 13 August 2008. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ นิอับดุลรากิ๊บ บินนิฮัสซัน (24 August 2013). "ภาษามลายูอักขระยาวี : จังหวัดชายแดนภาคใต้ และโลกมลายู". Nusantara Studies Center. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ ทวี แทนหนู (1978). "ปัญหาการสอนชั้นเด็กเล็กในสามจังหวัดภาคใต้ของไทย" (PDF). Chulalongkorn University Intellectual Repository. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ ทวีพร คุ้มเมธา (3 October 2015). "ชนกลุ่มน้อยในชนกลุ่มน้อย ส่งเสียงต่อการแก้ปัญหา 3 จว. ชายแดนใต้". ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ "ภาษาสงขลา". ฐานข้อมูลท้องถิ่นภาคใต้-มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. 24 April 2018. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ "ภาษาและวรรณกรรม จังหวัดยะลา". หอมรดกไทย. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ สุภา วัชรสุขุม. "คำยืมภาษามลายูท้องถิ่นปัตตานีในภาษาไทยถิ่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้". ฐานข้อมูลวิจัยจังหวัดชายแดนใต้. สืบค้นเมื่อ 13 July 2019.
- ↑ แพร ศิริศักดิ์ดำเกิง (2003). ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมลายูมุสลิมและจีนในย่านสายกลาง จังหวัดยะลา (PDF). มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 45-46.
- ↑ Ma Guitong (8 January 2018). "ชาวจีนฮากกาในเมืองเบตง". MGR Online. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ "สภาพและข้อมูลพื้นฐาน". องค์การบริหารส่วนตำบลยะรม. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ "ปั้น "เบตง" เจาะนักท่องเที่ยวจีน ผุด "สกายวอล์ก" ทะเลหมอก". ประชาชาติธุรกิจ. 8 June 2018. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ (28 December 2018). "ตามรอยจีนกวางไสในเบตง (3)". สยามรัฐออนไลน์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-13. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ 73.0 73.1 73.2 รายงานคุณภาพชีวิตประชาชนจังหวัดยะลา จากข้อมูล จปฐ. / กชช. 2ค ประจำปี 2562 (PDF). สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยะลา. p. 13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-10-24. สืบค้นเมื่อ 2020-03-19.
- ↑ "การสำรวจข้อมูลสำมะโนประชากรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้". 3 August 2014. สืบค้นเมื่อ 16 April 2013.
- ↑ นูรยา เก็บบุญเกิด (21 November 2012). "เสียงที่ไม่ค่อยได้ยิน ชาวคริสต์ในชายแดนใต้". โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-12. สืบค้นเมื่อ 12 July 2019.
- ↑ ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงศ์ (30 June 2017). ""ซิงค์ ลันดาเว" และชาวซิกข์ในยะลา". สยามรัฐออนไลน์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-10. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
- ↑ วีรวัฒน์ สุขวราห์ (1996). "พฤติกรรมสุขภาพของชาวซาไก : กรณีศึกษาบ้านซาไก หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต จังหวัดยะลา". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ "ชาวพม่าจัดหมฺรับแห่ "ส่งเปรต" ร่วมกับชาวพุทธยะลา สร้างสีสันบุญสารทเดือนสิบชายแดนใต้". MGR Online. 15 October 2012. สืบค้นเมื่อ 16 July 2019.
- ↑ "ชาวไทยพุทธยะลาร่วมทำบุญสารทเดือนสิบคึกคัก". กรุงเทพธุรกิจออนไลน์. 6 September 2017. สืบค้นเมื่อ 16 July 2019.
- ↑ สำนักงานสถิติกลาง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ. รายงานสำมะโนครัวประชากรแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2503 จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และจังหวัดสตูล. พระนคร : ไทยแบบเรียน, 2504, หน้า 19
- ↑ สภาพการศึกษาทั่ว ๆ ไปของจังหวัดยะลา (PDF). งานวิจัย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. 1980. p. 16.
- ↑ 82.0 82.1 "จังหวัดยะลา" (PDF). หอสมุดจอห์น เอฟ เคนเนดี้ สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สืบค้นเมื่อ 17 August 2019.
- ↑ "สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน". องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-10-17. สืบค้นเมื่อ 27 July 2019.
- ↑ 84.0 84.1 จ ำนวนศาสนิกชนและศาสนสถานรายอำเภอ / เทศบาลปี พ.ศ. 2550[ลิงก์เสีย]
- ↑ 85.0 85.1 ชลัท ประเทืองรัตนา (1 November 2010). "โครงการวงดนตรีออร์เคสตร้า เทศบาลนครยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา" (PDF). สถาบันพระปกเกล้า. สืบค้นเมื่อ 14 July 2019.
- ↑ พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ (พฤษภาคม–สิงหาคม 2560). "เรื่องในบ้าน : คาทอลิกกับชีวิตแห่งการต่อรองในสังคมมลายูมุสลิมและความรุนแรงถึงตาย". วารสารรูสมิแล (38:2), หน้า 12
- ↑ 87.0 87.1 "บทที่ 1 สภาพทั่วไป จังหวัดยะลา" (PDF). กระทรวงวัฒนธรรม. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-10. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
- ↑ 88.0 88.1 "ข้อมูลทั่วไป จังหวัดยะลา" (PDF). สำนักงานกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดยะลา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-02-05. สืบค้นเมื่อ 12 July 2019.
- ↑ "ศอ.บต.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จชต. พร้อมยืนเคียงข้างปชช.ไทยพุทธ เร่งแก้ไขปัญหาวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์ เพื่อไม่ให้รู้สึก เป็นพลเรือนชั้นที่ 2". ชมรมสื่อมวลชนเพื่อสันติ. 30 October 2018. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- ↑ "พบวัดร้างกว่า 3 ปีในจ.ยะลา เหตุไม่มั่นใจความปลอดภัย". ไทยพีบีเอส. 8 July 2003. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- ↑ "สลดใจชาวพุทธ! พบวัดร้างกลางเมืองยะลาไร้พระจำวัดเหตุความไม่สงบ". ผู้จัดการออนไลน์. 19 July 2003. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- ↑ "ศอ.บต. เดินหน้า ฟื้นฟูวัดร้าง "จินดาพลาราม" เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวไทยพุทธ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา". ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้. 8 February 2019. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- ↑ "วัดสวนแก้วยะลาไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาวันวิสาขบูชา หลังเจ้าอาวาสมรณภาพจากเหตุระเบิด". ผู้จัดการออนไลน์. 17 May 2011. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- ↑ ""วัดสวนแก้ว" ที่ยะหา...ในวันร้างผ้าเหลือง". อิศรา. 20 May 2011. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- ↑ "สานต่อภารกิจฟื้น "วัดร้าง" ในชายแดนใต้ คือการสร้าง "ความมั่นคง" ในพื้นที่ปลายด้ามขวาน". ผู้จัดการออนไลน์. 22 February 2020. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.
- ↑ "ศอ.บต.เตรียมฟื้นฟูชุมชนวัดจินดาพลาราม อ.บันนังสตา จ.ยะลา เป็นชุมชนไทยพุทธเข้มแข็ง". สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์. 29 November 2018. สืบค้นเมื่อ 5 May 2020.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "สถิติศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม" (PDF). สำนักงานสถิติจังหวัดยะลา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-09. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
- ↑ สมาคมไทยซิกข์แห่งประเทศไทย. พระศาสนสถานคุรุดวารา - วัดซิกข์ เก็บถาวร 2013-07-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ "สทพ.จ.ยล.รวมตัวเรียกร้อง รพ.ยะลา ดำเนินการครัวไทยสากล-ที่พักสงฆ์ สร้างความเสมอภาค". ผู้จัดการออนไลน์. 18 January 2019. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
ดูเพิ่ม แก้ไข
แหล่งข้อมูลอื่น แก้ไข
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด เก็บถาวร 2009-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดยะลา เก็บถาวร 2011-10-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- สำนักงาน กศน.จังหวัดยะลา
- แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดยะลา เก็บถาวร 2016-03-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
พิกัดภูมิศาสตร์: 6°33′N 101°17′E / 6.55°N 101.29°E
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ จังหวัดยะลา
- แผนที่ จาก มัลติแมป โกลบอลไกด์ หรือ กูเกิลแผนที่
- ภาพถ่ายทางอากาศ จาก เทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
- ภาพถ่ายดาวเทียม จาก วิกิแมเปีย