โรแบร์ตู ฟีร์มีนู
โรแบร์ตู ฟีร์มีนู บาร์โบซา จี โอลีเวย์รา (โปรตุเกส: Roberto Firmino Barbosa de Oliveira; เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991) เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุกหรือกองหน้าให้กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลและทีมชาติบราซิล
![]() ฟีร์มีนูกับทีมชาติบราซิลในปี ค.ศ. 2018 | |||
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | โรแบร์ตู ฟีร์มีนู บาร์โบซา จี โอลีเวย์รา[1] | ||
วันเกิด | 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991 (29 ปี)[2] | ||
สถานที่เกิด | มาเซโอ, บราซิล | ||
ส่วนสูง | 1.81 เมตร[3] | ||
ตำแหน่ง | กองหน้า / กองกลางตัวรุก | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | ลิเวอร์พูล | ||
หมายเลข | 9 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
2004-2008 | เซแอรีเบ | ||
2008-2009 | ฟีเกย์เร็งซี | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2009–2010 | ฟีเกย์เร็งซี | 38 | (8) |
2011–2015 | 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ | 140 | (38) |
2015– | ลิเวอร์พูล | 200 | (63) |
ทีมชาติ‡ | |||
2014– | บราซิล | 48 | (16) |
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้กับสโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้กับทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 |
หลังจากเริ่มต้นอาชีพกับฟีเกย์เร็งซีใน ค.ศ. 2009 เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับฮ็อฟเฟินไฮม์เป็นระยะเวลา 4 ฤดูกาลครึ่ง โดยในบุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2013–14 เขาทำ 16 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของลีก ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 เขาเซ็นสัญญากับสโมสรลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก การสร้างสรรค์เกม การทำประตู และการทำงานหนักของเขา ทำให้เขาได้รับการชื่นชมที่ลิเวอร์พูล ซึ่งผู้จัดการทีมอย่างเยือร์เกิน คล็อพ กล่าวถึงฟีร์มีนูว่าเป็น "เครื่องจักร" ที่ช่วยขับเคลื่อนการเล่นเกมสวนกลับของทีม[4] ต่อมาในฤดูกาล 2018–19 เขาพาทีมชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และในฤดูกาลถัดมา เขาพาทีมชนะเลิศยูฟ่าซูเปอร์คัพ, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 30 ปี
ฟีร์มีนูลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 และเป็นตัวแทนทีมชาติในการแข่งขันโกปาอาเมริกา 2015, ฟุตบอลโลก 2018 และโกปาอาเมริกา 2019 ซึ่งเขาพาทีมชาติบราซิลชนะเลิศ
สโมสรอาชีพแก้ไข
ฟีเกย์เร็งซีแก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์แก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลิเวอร์พูลแก้ไข
ฤดูกาล 2015-16แก้ไข
ในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2015 ฟีร์มีนูติดทีมชาติบราซิลชุดลุยศึกโกปาอาเมริกา 2015 สโมสรลิเวอร์พูลบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัวฟีร์มีนูจากฮ็อฟเฟินไฮม์ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,450 ล้านบาท พร้อมค่าเหนื่อยกว่า 1 แสนปอนด์ หรือประมาณ 5 ล้านบาทต่อสัปดาห์
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 2015 ฟีร์มีนูลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นนัดแรกโดยลงสนามเป็นตัวสำรองแทน จอร์ดอน ไอบ์ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 1-0 ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 ฟีร์มีนูลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าและทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตีที่เอติฮัดสเตเดียม 4-1[5] [6] ต่อมาในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับอาร์เซนอล 3-3[7] ต่อมาในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลเอาชนะนอริชซิตีที่แคร์โรว์โรด 5-4[8] [9] ต่อมาในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ ซันเดอร์แลนด์ 2-2[10] ต่อมา ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 3-0[11] ต่อมา ในวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1[12] ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2016 ยูฟ่ายูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2015–16 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะคู่ปรับตลอดกาล แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 2-0[13] ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 2-1[14] ต่อมา ในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนู ทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 2-0[15]
ฤดูกาล 2016-17แก้ไข
ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2016 อีเอฟแอลคัพ รอบ 2 ฟีร์มีนู ทำประตูแรกในฤดูกาล 2016-17 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบอร์ตันอัลเบียน 5-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 3 อีเอฟแอลคัพ ได้สำเร็จ[16] ต่อมา ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตูให้ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 4-1[17] ต่อมา ในวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สวอนซีซิตี ที่ลิเบอร์ตีสเตเดียม 2-1[18] ต่อมา ในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 4-2[19] ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 6-1[20] ต่อมา ในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สโตกซิตี 4-1[21]
ในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์พ่ายแพ้ สวอนซีซิตี 2-3[22] ต่อมา ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ใน พรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 3-1[23] ต่อมา ในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ สโตกซิตี ที่บริแทนเนียสเตเดียม 2-1[24] ต่อมา ในวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่เดอะฮอว์ทอนส์ 1-0[25] จบฤดูกาล ฟีร์มีนูยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 11 ประตูจาก 35 นัด ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2017-18แก้ไข
ก่อนจะเริ่มฤดูกาล 2017-18 ฟีร์มีนูเปลี่ยนสวมเสื้อหมายเลข 9 แทนหมายเลข 11 ที่มอบให้กับ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ นักเตะใหม่ที่ย้ายจากโรมามาอยู่กับลิเวอร์พูล ต่อมา ในวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2017–18 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีกด้วยลูกจุดโทษ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-3[26] ต่อมา ในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบเพลย์ออฟ นัดที่ 2 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะทีมเก่าของเขา ฮ็อฟเฟินไฮม์ จากเยอรมัน 4-2 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฮ็อฟเฟินไฮม์ 6-3 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[27] ต่อมา ในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 4-0[28] ต่อมา ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E ฟีร์มีนูทำประตูตีเสมอ 1-1 ก่อนที่เขายิงจุดโทษพลาด ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เซบิยา จากสเปน 2-2[29] ต่อมา ในวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มารีบอร์ จากสโลวีเนีย 7-0[30] ทำให้ ลิเวอร์พูลสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นทีมจากอังกฤษที่เอาชนะนอกบ้านในเกมยุโรปด้วยสกอร์ที่มากที่สุด[31] ต่อมา ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 3-0[32] ต่อมา ในวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เซบิยา จากสเปน 3-3[33] ต่อมา ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน ที่สนามกีฬาอเมริกันเอ็กซ์เพรสคอมมูนิตี 5-1[34] ต่อมา ในวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม E นัดสุดท้าย ลิเวอร์พูล ชนะก็จะเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สปาร์ตัคมอสโก จากรัสเซีย 7-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในฐานะแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ[35] ต่อมา ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัท ที่วิตาลิตี้ สเตเดียม 4-0[36] ต่อมา ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 3-3[37] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2017 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ สวอนซีซิตี 5-0[38]
ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 10 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 4-3[39] ต่อมา ในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2018 เอฟเอคัพ รอบสี่ ฟีร์มีนูยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ เวสต์บรอมมิชอัลเบียน 1-0 แต่สุดท้ายเขายิงจุดโทษพลาดก็แพ้ไป 2-3 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบ เอฟเอคัพ ไปในที่สุด[40] ต่อมา ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ ที่สนามกีฬาจอห์นสมิท 3-0[41] ต่อมา ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-0[42] ต่อมา ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนูทำประตูที่ 8 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 5-0 ต่อมา ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 13 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-1[43] ต่อมา ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 14 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 5-0[44] ต่อมา ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 2-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 5-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[45] ต่อมา ในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 15 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ บอร์นมัท 3-0[46] ต่อมา ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โรมา จากอิตาลี 5-2[47]
ในวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูตัดสินใจต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล เป็นเวลา 5 ปี[48]
ฤดูกาล 2018-19แก้ไข
ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงพาวเวอร์สเตเดียม 2-1[49] ต่อมา ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาเวมบลีย์ 2-1[50] ต่อมา ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C ฟีร์มีนูทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง จากฝรั่งเศส 3-2[51] ต่อมา ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม C ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เรดสตาร์ เบลเกรด จากเซอร์เบีย 4-0[52] ต่อมา ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วอตฟอร์ด ที่วิคาริจโรด 3-0[53] ต่อมา ในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 3-1[54] ต่อมา ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2018 ฟีร์มีนูทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 5-1 ทำให้ ฟีร์มีนูเป็นนักเตะบราซิลที่ทำประตูรวมมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก[55]
ในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่เอติฮัดสเตเดียม 1-2[56] ต่อมา ในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ คริสตัลพาเลซ 4-3[57] ต่อมา ในวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบิร์นลีย์ 4-2[58] ต่อมา ในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-1[59] ต่อมา ในวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 2-0[60] ต่อมา ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู จากโปรตุเกส 4-1 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โปร์ตู 6-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ[61] ต่อมา ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2019 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2019 ลิเวอร์พูล เจอกับ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่วันดาเมโตรโปลิตาโน ในมาดริด, ประเทศสเปน สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ[62]
ฤดูกาล 2019-20แก้ไข
ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2019 ลิเวอร์พูล แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 เจอกับ เชลซี แชมป์ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2018–19 ที่สนามโวดาโฟนพาร์ก, อิสตันบูล ประเทศตุรกี สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ในการดวลจุดโทษ 5-4 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพ สมัยที่ 4 ได้สำเร็จ[63] ต่อมา ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 นัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาแทมป์ตัน ที่เซนต์แมรีส์สเตเดียม 2-1[64] ต่อมา ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เบิร์นลีย์ ที่เทิร์ฟมัวร์ 3-0[65] ทำให้ ฟีร์มีนูเป็นนักเตะบราซิลคนแรกที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกครบ 50 ประตู ต่อมา ในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ 2-1[66] ต่อมา ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 2-1[67]
ในวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 ฟีร์มีนูลงสนามเป็นตัวสำรองทำประตูชัย ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ มอนเตร์เรย์ จากเม็กซิโก 2-1 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ได้สำเร็จ[68] ต่อมา ในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2019 นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล เจอกับ ฟลาเม็งกู ตัวแทน คอนเมบอล ในฐานะแชมป์เก่าของ โกปาลิเบร์ตาโดเรส ที่สนามกีฬาแห่งชาติคาลิฟา ในโดฮา, ประเทศกาตาร์ ฟีร์มีนูลงสนามและทำประตูชัย สุดท้าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ ฟลาเม็งกู ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก สมัยแรกได้สำเร็จ[69] ต่อมา ในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2019 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี ที่คิงเพาเวอร์สเตเดียม 4-0[70] ต่อมา ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ 1-0[71] ต่อมา ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 8 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ วูลฟ์แฮมตันวันเดอเรอส์ ที่สนามกีฬาโมลีนิวส์ 2-0[72] ต่อมา ในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2020 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ อัตเลติโกเดมาดริด จากสเปน โดยนัดแรก ลิเวอร์พูล ไปพ่ายแพ้ 0-1 ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะ 2-0 ถึงจะผ่านเข้ารอบต่อไป โดย ฟีร์มีนูยิงประตูขึ้นนำ 2-0 แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ 2-3 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ 2-4 ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องตกรอบไปในที่สุด
ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 9 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชลซี 5-3[73] และฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 ที่แอนฟีลด์ส่งท้าย[74]
ฤดูกาล 2020-21แก้ไข
ในวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด 2-1[75] ต่อมา ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 3-0[76] ต่อมา ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ 2-1[77] ต่อมา ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2020 ฟีร์มีนูยิง 2 ประตู ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัลพาเลซ ที่เซลเฮิสต์พาร์ก 7-0[78] ต่อมา ในวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2021 ฟีร์มีนูทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ ทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ 3-1[79]
ทีมชาติบราซิลแก้ไข
ทีมเยาวชนแก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ทีมชุดใหญ่แก้ไข
ฟุตบอลโลก 2018แก้ไข
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 ทีมชาติบราซิลเรียกตัวฟีร์มีนูติดรายชื่อชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดย บราซิล ได้อยู่กลุ่มอี ร่วมกับ สวิตเซอร์แลนด์, คอสตาริกา และ เซอร์เบีย สุดท้าย บราซิล ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย คว้าอันดับ 1 ของกลุ่มอี ชนะ 2 เสมอ 1 ต่อมา ในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ฟีร์มีนูทำประตูแรกในฟุตบอลโลก ในนัดที่ บราซิล เอาชนะ เม็กซิโก 2-0 ต่อมา ในวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 2018 ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิล พ่ายแพ้ เบลเยียม 1-2 ทำให้ บราซิล ต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลก ที่รัสเซีย เพียงเท่านี้
สถิติอาชีพแก้ไข
สโมสรแก้ไข
- ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2021[80]
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ถ้วย | ลีกคัพ | ทวีป | อื่น ๆ | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
ฟีเกย์เร็งซี | 2009 | 2 | 0 | — | — | — | — | 2 | 0 | ||||
2010 | 36 | 8 | — | — | — | 15 | 4 | 51 | 12 | ||||
รวม | 38 | 8 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 15 | 4 | 53 | 12 | |
1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ | 2010–11 | 11 | 3 | — | — | — | — | 11 | 3 | ||||
2011–12 | 30 | 7 | 3 | 0 | — | — | — | 33 | 7 | ||||
2012–13 | 33 | 5 | 1 | 0 | — | — | 2[a] | 2 | 36 | 7 | |||
2013–14 | 33 | 16 | 4 | 6 | — | — | — | 37 | 22 | ||||
2014–15 | 33 | 7 | 3 | 3 | — | — | — | 36 | 10 | ||||
รวม | 140 | 38 | 11 | 9 | — | 0 | 0 | 2 | 2 | 153 | 49 | ||
ลิเวอร์พูล | 2015–16[81] | 31 | 10 | 0 | 0 | 5 | 0 | 13[b] | 1 | — | 49 | 11 | |
2016–17[82] | 35 | 11 | 2 | 0 | 4 | 1 | — | — | 41 | 12 | |||
2017–18 | 37 | 15 | 2 | 1 | 0 | 0 | 15[c] | 11 | — | 54 | 27 | ||
2018–19 | 34 | 12 | 1 | 0 | 1 | 0 | 12[c] | 4 | — | 48 | 16 | ||
2019–20 | 38 | 9 | 2 | 0 | 0 | 0 | 8[c] | 1 | 4[d] | 2 | 52 | 12 | |
2020–21[83] | 25 | 6 | 2 | 0 | 0 | 0 | 7[c] | 0 | 1[e] | 0 | 35 | 6 | |
รวม | 200 | 63 | 9 | 1 | 10 | 1 | 55 | 17 | 5 | 2 | 279 | 84 | |
รวมทั้งหมด | 378 | 109 | 20 | 10 | 10 | 1 | 55 | 17 | 22 | 8 | 485 | 145 |
- ↑ Appearances in Bundesliga relegation play-offs
- ↑ Appearances in UEFA Europa League
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 Appearances in UEFA Champions League
- ↑ One appearance in FA Community Shield, one appearance in UEFA Super Cup, two appearances and two goals in FIFA Club World Cup
- ↑ Appearance in the FA Community Shield
ทีมชาติแก้ไข
- ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2020[84]
ทีมชาติบราซิล | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|
ปี | ลงเล่น | ประตู | ||||
2014 | 2 | 1 | ||||
2015 | 9 | 3 | ||||
2016 | 2 | 1 | ||||
2017 | 5 | 0 | ||||
2018 | 11 | 3 | ||||
2019 | 15 | 5 | ||||
2020 | 4 | 3 | ||||
รวม | 48 | 16 |
ประตูในนามทีมชาติแก้ไข
- เรียงเอาจำนวนประตูและคะแนนของบราซิลขึ้นก่อน
ที่ | วันที่ | สถานที่ | คู่แข่งขัน | ประตู | ผล | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | 18 พฤศจิกายน 2014 | แอนสท์-ฮัพเพิล-ชตาดิโยน, เวียนนา, ออสเตรีย | ออสเตรีย | 2–1 | 2–1 | เกมกระชับมิตร[85] |
2. | 29 มีนาคม 2015 | เอมิเรตส์สเตเดียม, ลอนดอน, อังกฤษ | ชิลี | 1–0 | 1–0 | เกมกระชับมิตร[86] |
3. | 10 มิถุนายน 2015 | เอสตาจีอูเบย์รา-รีอู, ปอร์ตูอาเลเกร, บราซิล | ฮอนดูรัส | 1–0 | 1–0 | เกมกระชับมิตร |
4. | 21 มิถุนายน 2015 | สนามกีฬาอนุสรณ์ดาบิด อาเรยาโน, ซานเตียโก, ชิลี | เวเนซุเอลา | 2–0 | 2–1 | โกปาอาเมริกา 2015 |
5 | 6 ตุลาคม 2016 | Arena das Dunas, นาตาล, Brazil | โบลิเวีย | 5–0 | 5–0 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก |
6 | 3 มิถุนายน 2018 | แอนฟีลด์, ลิเวอร์พูล, อังกฤษ | โครเอเชีย | 2–0 | 2–0 | เกมกระชับมิตร |
7. | 2 กรกฎาคม 2018 | Cosmos Arena, Samara, Russia | เม็กซิโก | 2–0 | 2–0 | 2018 FIFA World Cup |
8. | 7 กันยายน 2018 | MetLife Stadium, East Rutherford, United States | สหรัฐ | 1–0 | 2–0 | Friendly |
9. | 26 มีนาคม 2019 | Sinobo Stadium, Prague, Czech Republic | เช็กเกีย | 1–1 | 3–1 | |
10. | 9 มิถุนายน 2019 | Estádio Beira-Rio, Porto Alegre, Brazil | ฮอนดูรัส | 6–0 | 7–0 | |
11. | 22 มิถุนายน 2019 | Arena Corinthians, São Paulo, Brazil | เปรู | 2–0 | 5–0 | 2019 Copa América |
12. | 2 กรกฎาคม 2019 | Estádio Mineirão, Belo Horizonte, Brazil | อาร์เจนตินา | 2–0 | 2–0 | |
13 | 10 October 2019 | National Stadium, Kallang, Singapore | เซเนกัล | 1–0 | 1–1 | Friendly |
14 | 9 October 2020 | Neo Química Arena, São Paulo, Brazil | โบลิเวีย | 2–0 | 5–0 | 2022 FIFA World Cup qualification |
15 | 3–0 | |||||
16 | 13 November 2020 | Estádio do Morumbi, São Paulo, Brazil | เวเนซุเอลา | 1–0 | 1–0 |
เกียรติประวัติแก้ไข
สโมสรแก้ไข
ลิเวอร์พูล
- พรีเมียร์ลีก: 2019–20
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: 2018–19
- ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 2019
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก: 2019
ทีมชาติแก้ไข
บราซิล
รางวัลส่วนตัวแก้ไข
- Bundesliga Breakthrough of the Season: 2013–14
- PFA Player of the Month: January 2016
- PFA Fans' Player of the Month: มกราคม 2016[87] [88]
- UEFA Champions League Squad of the Season: 2017–18
- Samba Gold: 2018
- Standard Chartered Liverpool Player of the Month: มกราคม 2016[89], มกราคม 2018[90], กันยายน 2019[91]
- ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของอีเอ สปอร์ตส์: มกราคม 2016[92], เมษายน 2017[93], มกราคม 2018[94], มกราคม 2019[95]
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ "Updated squads for 2017/18 Premier League confirmed". Premier League. 2 February 2018. สืบค้นเมื่อ 11 February 2018.
- ↑ "FIFA Club World Cup Qatar 2019: List of Players: Liverpool" (PDF). FIFA. 21 December 2019. p. 7. สืบค้นเมื่อ 17 January 2020.
- ↑ "2018 FIFA World Cup: List of players" (PDF). FIFA. 21 June 2018. p. 4.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อengine
- ↑ ลิเวอร์พูลบุกไปยิงแมนฯ ซิตี้ ที่เอติฮัดถึง 4 ประตู
- ↑ 5 ข้อเท็จจริงที่เรียนรู้จากชัยชนะของลิเวอร์พูลในเกมเยือนแมนฯ ซิตี้
- ↑ อัลเลนยิงท้ายเกมช่วยทีมแบ่งแต้ม ในเกมสุดตื่นเต้นที่มี 6 ประตู
- ↑ ลัลลานาทำประตูตัดสินเกมสุดระทึก ที่มีถึง 9 ประตูที่แคร์โรว์ โร้ด
- ↑ 5 ข้อเท็จจริงที่ได้จากชัยชนะสุดดราม่าของลิเวอร์พูลเหนือนอริช ซิตี้
- ↑ ลิเวอร์พูลถูกซันเดอร์แลนด์ไล่ตีเสมอท้ายเกม
- ↑ ลิเวอร์พูลกลับมาคว้าชัยเหนือแมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม
- ↑ จุดโทษท้ายเกมของเบนเตเก้ช่วยลิเวอร์พูลที่เหลือ 10 คนเอาชนะพาเลซ
- ↑ หงส์แดงฟอร์มเยี่ยม ยิงตุน 2 ประตูในเกมยูโรปา ลีก นัดแรกกับแมนฯ ยูไนเต็ด
- ↑ สเตอร์ริดจ์ และเฟอร์มิโน่ ทำประตูให้ลิเวอร์พูลบุกชนะบอร์นมัธ
- ↑ อัลเลน และเฟอร์มิโน่ ยิงให้ลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือวัตฟอร์ด
- ↑ ลิเวอร์พูลยิง 5 ประตู พร้อมผ่านเข้ารอบต่อไปในถ้วยลีกคัพ
- ↑ ลิเวอร์พูลถล่มเลสเตอร์ ในเกมประเดิมเมน สแตนด์ ที่แอนฟิลด์
- ↑ ลิเวอร์พูลพลิกเฉือนสวอนซี ที่ลิเบอร์ตี สเตเดียม
- ↑ ลิเวอร์พูลคว้าสามแต้มในเกมสุดมันที่เซลเฮิร์ส พาร์ก
- ↑ ลิเวอร์พูลครองจ่าฝูง หลังถล่มวัตฟอร์ดที่แอนฟิลด์
- ↑ ลิเวอร์พูลกลับมาถล่มสโต๊ก 4-1 ที่แอนฟิลด์
- ↑ เฟอร์มิโน่เหมาสองประตูในเกมพ่ายสวอนซีที่แอนฟิลด์
- ↑ สามประตู สามแต้มที่แอนฟิลด์
- ↑ สองคู่หูบราซิลยิงให้ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาชนะสโต๊ก
- ↑ ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนชนะเวสต์บรอม
- ↑ ลิเวอร์พูลถูกวัตฟอร์ดตามตีเสมอในนาทีสุดท้าย
- ↑ ลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือฮอฟเฟ่นไฮม์ ผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลิเวอร์พูลถล่มอาร์เซนอลขาดลอยที่แอนฟิลด์
- ↑ ลิเวอร์พูลถูกเซบิยาตีเสมอในเกมแรกของแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มหรูถล่มมาริบอร์ในแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลิเวอร์พูลเฉลิมฉลองการทำลายสถิติในค่ำคืนยุโรปที่มาริบอร์
- ↑ ลิเวอร์พูลถล่มฮัดเดอร์สฟิลด์ที่แอนฟิลด์
- ↑ ลิเวอร์พูลถูกเซบิยาไล่ตีเสมอ 3-3 ท้ายเกมที่สเปน
- ↑ ลิเวอร์พูลโชว์ความคมในแนวรุก ออกไปถล่มไบรท์ตัน 5-1!
- ↑ คูตินโญ่กดแฮตทริก! ลิเวอร์พูลถล่มสปาร์ตัก มอสโก 7-0 พร้อมเข้ารอบแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มบอร์นมัธ พร้อมเก็บคลีนชีต
- ↑ ลิเวอร์พูลเก็บหนึ่งแต้ม ในเกมสุดมันส์ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม
- ↑ เปิดกล่องของขวัญที่แอนฟิลด์ กับ 5 ประตูสุดสวยเหนือสวอนซี
- ↑ ลิเวอร์พูลเอาชนะแมนฯ ซิตี้ ไปอย่างสุดมันส์ 4-3
- ↑ ลิเวอร์พูลพ่ายเวสต์บรอม ตกรอบเอฟเอ คัพ
- ↑ ลิเวอร์พูลกลับมาสู่เส้นทางแห่งชัยชนะที่ฮัดเดอร์สฟิลด์
- ↑ ลิเวอร์พูลบุกไปคว้าสามแต้มที่เซาท์แฮมป์ตัน
- ↑ ลิเวอร์พูลขยับขึ้นอันดับ 2 หลังถล่มเวสต์แฮม
- ↑ ซาลาห์กด 4 ประตูให้ลิเวอร์พูลถล่มวัตฟอร์ด 5-0
- ↑ ลิเวอร์พูลไปย้ำแค้นแมนฯ ซิตี้ พร้อมทะลุตัดเชือกชปล.
- ↑ ลิเวอร์พูลคว้า 3 แต้ม จากประตูของ 3 ประสาน
- ↑ ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะเหนือโรม่าในเกมเลกแรก รอบรองฯ แชมเปียนส์ลีก
- ↑ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ตกลงเงื่อนไขสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับสโมสรลิเวอร์พูล
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปเฉือนเลสเตอร์ 2-1
- ↑ Match report: ลิเวอร์พูลบุกไปชนะสเปอร์ส พร้อมคว้า 3 แต้มจากเวมบลีย์
- ↑ Match Report: เฟอร์มิโน่ซัดช่วงทดเวลาให้ลิเวอร์พูลพลิกชนะในแชมเปียนส์ลีก!!!
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลถล่มเร้ดสตาร์ 4-0 ในแชมเปียนส์ลีก (วิดีโอ)
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลเก็บ 3 แต้ม หลังบุกชนะวัตฟอร์ด 3-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลสู้กลับมาชนะเบิร์นลีย์ที่เทิร์ฟ มัวร์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลพลิกจากตามหลัง ถล่มอาร์เซนอล 5-1
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลออกไปพ่ายแมนฯ ซิตี้ (วิดีโอ)
- ↑ Match Report: ซาลาห์เบิ้ลให้ลิเวอร์พูลเฉือนพาเลซ 4-3
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์ต้อนเบิร์นลีย์ 4-2
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูงหลังเฉือนสเปอร์สจากประตูท้ายเกม
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลชนะปอร์โต้ 2-0 ในแชมเปียนส์ลีก เลกแรก
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลกด 4 ประตูผ่านเข้ารอบรองฯ แชมเปียนส์ลีก
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกหลังชนะสเปอร์ส 2-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ซูเปอร์ คัพ หลังดวลจุดโทษชนะเชลซี
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลเฉือนเซาท์แฮมป์ตันที่เซนต์ แมรีส์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกถล่มเบิร์นลีย์ที่เทิร์ฟ มัวร์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกเฉือนเชลซีที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าชัยชนะเหนือคริสตัล พาเลซ จากประตูชัยของเฟอร์มิโน่
- ↑ Match Report: เฟอร์มิโน่ซัดให้ลิเวอร์พูลเข้าชิงฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์คลับ เวิลด์ ที่กาตาร์
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มเลสเตอร์ 4-0
- ↑ Match Report: ประตูโทนของเฟอร์มิโน่ช่วยลิเวอร์พูลคว้าชัยเหนือสเปอร์ส
- ↑ Match Report: ประตูจาก เฮนเดอร์สัน และ ประตูท้ายเกมจาก เฟอร์มิโน่ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะเหนือวูล์ฟแฮมป์ตัน
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลชนะเชลซีก่อนชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์
- ↑ อัลบั้มภาพ: ทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลแซงเอาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลร้อนแรงชนะเลสเตอร์ขาดลอย
- ↑ Match Report: เฟอร์มิโน่โขกประตูชัยท้ายเกมส่งลิเวอร์พูลขึ้นจ่าฝูง
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกถล่มคริสตัล พาเลซ 7-0
- ↑ Match Report: ลิเวอร์พูลบุกชนะสเปอร์สที่ลอนดอน
- ↑ ข้อมูลของ โรแบร์ตู ฟีร์มีนู ที่ ซ็อกเกอร์เวย์. เรียกข้อมูลเมื่อ 19 November 2014.
- ↑ "Games played by โรแบร์ตู ฟีร์มีนู in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 5 November 2015.
- ↑ "Games played by โรแบร์ตู ฟีร์มีนู in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 26 May 2016.
- ↑ "Games played by โรแบร์ตู ฟีร์มีนู in 2020/2021". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 August 2020.
- ↑ "Roberto Firmino". National Footbal Teams. สืบค้นเมื่อ 15 June 2015.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อgoal
- ↑ "Brazil 1-0 Chile". BBC. สืบค้นเมื่อ 29 March 2015.
- ↑ เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของพีเอฟเอ
- ↑ เฟอร์มิโน่รับมอบรางวัลจากพีเอฟเอที่เมลวู้ด
- ↑ เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนเป็นครั้งแรก
- ↑ เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนม.ค.ของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
- ↑ เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนก.ย.ของลิเวอร์พูล (วิดีโอ)
- ↑ เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมเดือนมกราคม
- ↑ เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนเมษายน
- ↑ ประกาศรางวัลประตูยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลประจำเดือน ม.ค.
- ↑ เฟอร์มิโน่คว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนมกราคม (วิดีโอ)
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: โรแบร์ตู ฟีร์มีนู |