ฟุตบอลทีมชาติโบลิเวีย

ฟุตบอลทีมชาติโบลิเวีย (สเปน: Selección de fútbol de Bolivia) หรือรู้จักกันในชื่อ ลาเบร์เด (La Verde) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนของประเทศโบลิเวีย ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1926 ดำเนินการโดยสหพันธ์ฟุตบอลโบลิเวีย (Federación Boliviana de Fútbol, FBF) และเป็นหนึ่งใน 10 ชาติสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้หรือคอนเมบอล

โบลิเวีย
ฉายาลาเบร์เด ("พวกสีเขียว")[1]
สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลโบลิเวีย (เอเฟเบเอเฟ)
สมาพันธ์คอนเมบอล (อเมริกาใต้)
หัวหน้าผู้ฝึกสอนเซซาร์ ฟาริอัส
กัปตันมาร์เซโล โมเรโน
ติดทีมชาติสูงสุดโรนัลด์ รัลเดส (102)
ทำประตูสูงสุดมาร์เซโล โมเรโน (25)
สนามเหย้าสนามกีฬาเอร์นันโด ซิเลส
รหัสฟีฟ่าBOL
อันดับฟีฟ่า
อันดับปัจจุบัน 84 เพิ่มขึ้น 1 (20 มิถุนายน 2024)[2]
อันดับสูงสุด18 (กรกฎาคม ค.ศ. 1997)
อันดับต่ำสุด115 (ตุลาคม ค.ศ. 2011)
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก
ธงชาติชิลี ชิลี 7–1 โบลิเวีย ธงชาติโบลิเวีย
(ซานเตียโก ชิลี; 12 ตุลาคม 1926)
ชนะสูงสุด
ธงชาติโบลิเวีย โบลิเวีย 7–0 เวเนซุเอลา ธงชาติเวเนซุเอลา
(ลาปาซ โบลิเวีย; 22 สิงหาคม 1993)
ธงชาติโบลิเวีย โบลิเวีย 9–2 เฮติ ธงชาติเฮติ
(ลาปาซ โบลิเวีย; 3 มีนาคม 2000)
แพ้สูงสุด
ธงชาติอุรุกวัย อุรุกวัย 9–0 โบลิเวีย ธงชาติโบลิเวีย
(ลิมา เปรู; 6 พฤศจิกายน 1927)
ธงชาติบราซิล บราซิล 10–1 โบลิเวีย ธงชาติโบลิเวีย
(เซาเปาลู บราซิล; 10 เมษายน 1949)
ฟุตบอลโลก
เข้าร่วม3 (ครั้งแรกใน 1930)
ผลงานดีที่สุดรอบแบ่งกลุ่ม (1930, 1950, 1994)
โกปาอาเมริกา
เข้าร่วม27 (ครั้งแรกใน 1926)
ผลงานดีที่สุดชนะเลิศ (1963)
คอนเฟเดอเรชันส์คัพ
เข้าร่วม1 (ครั้งแรกใน 1999)
ผลงานดีที่สุดรอบแบ่งกลุ่ม (1999)
เกียรติยศ
โบลิวาเรียนเกมส์
เหรียญเงิน - รองชนะเลิศ โบโกาตา 1938 ทีม

โบลิเวียเคยเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้งในปี 1930, 1950 และ 1994 โดยในครั้งหลังสุด พวกเขาพ่ายแพ้ต่อแชมป์เก่าอย่างเยอรมนีในนัดเปิดสนาม 1–0 โบลิเวียไม่เคยผ่านรอบแรกของฟุตบอลโลกเลย และทำได้เพียงประตูเดียวในรายการแข่งขันนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาชนะเลิศโกปาอาเมริกาหนึ่งสมัยที่จัดขึ้นในประเทศตัวเองเมื่อปี 1963 และจบอันดับรองชนะเลิศในเมื่อปี 1997 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศตัวเองเช่นกัน ในโกปาอาเมริกา 2015 พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของรายการนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ค.ศ. 1997 หลังจากที่สามารถเอาชนะเอกวาดอร์ไปได้ 3–2 นอกจากนี้ ยังเป็นการชนะคู่แข่งในรายการนี้เป็นครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1997 ที่พวกเขาเอาชนะเม็กซิโกในรอบรองชนะเลิศไปได้ 1–0[3]

ประวัติ

แก้
 
ทีมชาติโบลิเวียในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1930

ทีมฟุตบอลของโบลิเวียลงแข่งขันทางการครั้งแรกใน ค.ศ. 1926 หนึ่งปีภายหลังการก่อตั้งสหพันธ์ฟุตบอลโบลิเวีย และได้เข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติในปีนั้น การแข่งขันรายการแรกของพวกเขาคือโกปาอาเมริกาที่ประเทศชิลี พวกเขาลงแข่งกับชิลีในนัดแรกวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1926 และแม้จะทำประตูขึ้นนำไปก่อนแต่การแข่งขันจบลงด้วยความพ่ายแพ้ด้วยผลประตู 1–7 และพวกเขาแพ้ในการแข่งขันสามนัดถัดมาต่ออาร์เจนตินา (0–5), ปารากวัย (1–6) และอุรุกวัย (0–6)[4]

 
ทีมชาติโบลิเวียชุดที่ชนะการแข่งขันโกปาอเมริกา 1963 ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่พวกเขาคว้าแชมป์

โบลิเวียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกสมัยแรกใน ค.ศ. 1930 ที่อุรุกวัยเป็นเจ้าภาพ โดยอยู่ในกลุ่มที่สองซึ่งพวกเขาแพ้ต่อยูโกสลาเวียและบราซิล ณ สนามเอสตาดีโอ เซนเตนารีโอ ด้วยผลประตู 0–4 ทั้งสองนัด[5] โดยการแข่งขันกับยูโกสลาเวียถือเป็นการแข่งขันกับทีมชาติจากนอกทวีปอเมริกาใต้เพียงครั้งเดียวของพวกเขามาจนถึง ค.ศ. 1972[6] โบลิเวียลงแข่งขันฟุตบอลโลก 1950 โดยได้สิทธิ์จากการที่อาร์เจนตินาถอนตัวจากรายการ การแข่งขันเพียงนัดเดียวของพวกเขาจบลงด้วยความปราชัยต่ออุรุกวัยขาดลอย 0–8 ณ เบลูโอรีซองชี[7] ความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของทีมชาติโบลิเวียเกิดขึ้นในรายการโกปาอเมริกา 1963 ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าภาพ และชนะเลิศโดยไม่แพ้ทีมใด เป็นอันดับหนึ่งจากจำนวนเจ็ดทีม และเสมอไปเพียงหนึ่งนัดจากการเสมอเอกวาดอร์ด้วยผลประตู 4–4 ในนัดแรก โดยโบลิเวียได้เปรียบประเทศอื่น ๆ ในการแข่งขันจากการที่พวกเขาคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูง[8] แต่พวกเขาจบอันดับสุดท้ายในการแข่งขันครั้งถัดมาที่อุรุกวัย ค.ศ. 1967 โดยจบอันดับสุดท้ายในบรรดาหกทีม ด้วยผลงานเสมอหนึ่งและแพ้สี่นัด โดยผลการแข่งขันรายการนี้ถือว่าเหนือความคาดหมาย เนื่องจากพวกเขาเป็นทีมแชมป์เก่า

ในทศวรรษต่อมา โบลิเวียเริ่มเน้นการพัฒนาระบบเยาวชน โดยการสร้างศูนย์ฝึกชื่อดังในเมือง ซานตา ครูซ เด ลา เซียร์รา ในปี 1978 ซึ่งเป็นโรงเรียนฟุตบอลที่พัฒนาผู้เล่นอย่าง มาร์โก เอตเชเวอร์รี, เอร์วิน ซันเชซ และลุยส์ กริสตัลโด ภายใต้การคุมทีมของซาบิเอร์ อัซการ์โกร์ตา ผู้ฝึกสอนชาวสเปน โบลิเวียเป็นทีมแรกที่เอาชนะบราซิลในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1994 ณ เมืองลาปาซด้วยผลประตู 2–0 และผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายโดยจบอันดับสองเป็นรองเพียงบราซิล และมีผลงานโดดเด่นจากการเอาชนะเวเนซุเอลาทั้งสองนัดด้วยผลประตู 7–0 และ 7–1[9] พวกเขาพบกับทีมแชมป์เก่าอย่างเยอรมนีในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม ณ สนามโซลเจอร์ฟีลด์ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ่ 0–1 จากประตูปัญหาของเยือร์เกิน คลีนส์มันที่ดูเหมือนจะล้ำหน้า ตามด้วยการเสมอเกาหลีใต้ด้วยผล 0–0 และปิดท้ายด้วยความพ่ายแพ้ต่อสเปน 1–3 โดยผู้ทำประตูของโบลิเวียได้แก่ เอร์วิน ซันเชซ ถือเป็นประตูแรกของโบลิเวียในการแข่งขันรอบสุดท้าย[10]

ต่อมา โบลิเวียลงแข่งขันโกปาอเมริกา 1995 ที่อุรุกวัยด้วยการคุมทีมของอันโตนีโอ โลเปซ พวกเขาเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่คว้าแชมป์ได้ใน ค.ศ. 1963 ด้วยผลงานชนะ, เสมอ และแพ้อย่างละหนึ่งนัดในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะแพ้ทีมเจ้าภาพในรอบต่อมา แม้จะทำผลงานในภาพรวมได้น่าพึงพอใจ ทว่าโลเปซก็ถูกปลดก่อนการแข่งขันใน ค.ศ. 1997 และถูกแทนที่โดยดูชัน ดราชกอวิชจากมอนเตเนโกร โดยในปีนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่โบลิเวียเป็นเจ้าภาพซึ่งพวกเขาเข้าชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับการเป็นเจ้าภาพในครั้งแรก แต่ในครั้งนี้จบลงด้วยการแพ้ต่อบราซิล 1–3 ได้เพียงรองแชมป์ โบลิเวียมีส่วนร่วมในการแข่งขันฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพเพียงครั้งเดียวใน ค.ศ. 1999 โดยจบอันดับสามของกลุ่มจากการเสมออียิปต์และซาอุดีอาระเบีย และแพ้เจ้าภาพอย่างเม็กซิโกในนัดสุดท้ายด้วยผลประตู 0–1 ต่อมา ในโกปาอาเมริกา 2015 ที่ชิลีด้วยการคุมทีมของเมาริซิโอ โซเรีย พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการมีสี่คะแนน โดยเสมอเม็กซิโก 0–0, ชนะเอกวาดอร์ 3–2 และแม้จะแพ้เจ้าภาพในนัดสุดท้ายขาดลอย 0–5 พวกเขายังจบอันดับสองของกลุ่มเอ ก่อนจะยุติเส้นทางในรอบก่อนรองชนะเลิศโดยแพ้เปรู 1–3 ผู้ทำประตูของโบลิเวียได้แก่ มาร์เซโล มาร์ตินส์ โมเรโน

 
ผู้เล่นทีมชาติโบลิเวียก่อนการแข่งขันกับเอกวาดอร์ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้

ในการแข่งขันโกปาอาเมริกาเซนเตนาริโอ 2016 ที่สหรัฐอเมริกา โบลิเวียทำผลงานย่ำแย่ด้วยการแพ้รวดสามนัด นำไปสู่การประกาศเจตนารมณ์ในการปฏิวัติโครงสร้างด้านฟุตบอลในประเทศใหม่ทั้งหมด โดย เฟอร์นานโด กอสตา ซาร์เมียนโต ประธานสหพันธ์คนใหม่ใน ค.ศ. 2021 เขาตั้งเป้าที่จะสร้างระบบฟุตบอลโบลิเวียขึ้นมาใหม่ให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น[11] ในวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 2023 โบลิเวียสามารถบุกไปเอาชนะทีมชาติที่เคยลงแข่งขันฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 21 โดยเอาชนะซาอุดีอาระเบียด้วยผลประตู 2–1 ณ เมืองญิดดะฮ์

อ้างอิง

แก้
  1. "Famous Bolivian Footballers". Your Spanish Translation. สืบค้นเมื่อ 22 June 2014.
  2. "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 20 มิถุนายน 2024. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2024.
  3. "Ecuador 2 − Bolivia 3". futbol.univision.com. Univision Communications Inc. 15 June 2015. สืบค้นเมื่อ 16 June 2015.
  4. Administrador (2011-02-11). "Historia del fútbol boliviano, Capítulo 2. Nacen la FBF y la selección 1925-1926". Historia del Fútbol Boliviano (ภาษาสเปน).
  5. Administrador (2014-06-12). "Bolivia en la Copa del Mundo, Capítulo 1. Uruguay 1930". Historia del Fútbol Boliviano (ภาษาสเปน).
  6. "Bolivia - International Results". www.rsssf.org.
  7. Administrador (2014-07-13). "Bolivia en la Copa del Mundo, Capítulo 2. Brasil 1950". Historia del Fútbol Boliviano (ภาษาสเปน).
  8. "สำเนาที่เก็บถาวร". web.archive.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-03. สืบค้นเมื่อ 2023-11-20.
  9. "สำเนาที่เก็บถาวร". web.archive.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-15. สืบค้นเมื่อ 2023-11-20.
  10. "Wayback Machine" (PDF). web.archive.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2023-11-20.{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)
  11. jornada (2021-05-24). "Fernando Costa: "A reconstruir el fútbol" - JORNADA" (ภาษาสเปน).

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้