ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย
ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย (อังกฤษ: Croatia national football team; โครเอเชีย: Hrvatska nogometna reprezentacija) เป็นฟุตบอลทีมชาติจากประเทศโครเอเชีย ภายใต้การดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลโครเอเชีย เคยเข้าร่วมฟุตบอลโลก 5 ครั้ง และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 6 ครั้ง
![]() | |||
ฉายา | Vatreni (เปลวไฟ) ทีมตาหมากรุก, หมากรุกพิฆาต (ในภาษาไทย) | ||
---|---|---|---|
สมาคม | สหพันธ์ฟุตบอลโครเอเชีย | ||
สมาพันธ์ | ยูฟ่า (ยุโรป) | ||
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | ซลัตโก ดาลิตช์ | ||
กัปตัน | ลูคา มอดริช | ||
ติดทีมชาติสูงสุด | ดารียอ เซอร์นา (134) | ||
ทำประตูสูงสุด | ดาวอร์ ซูเคอร์ (45) | ||
สนามเหย้า | หลายแห่ง | ||
รหัสฟีฟ่า | CRO | ||
อันดับฟีฟ่า | 8 ![]() | ||
อันดับฟีฟ่าสูงสุด | 3 (มกราคม 1999) | ||
อันดับฟีฟ่าต่ำสุด | 125 (มีนาคม 1994) | ||
อันดับอีแอลโอ | 19 (ตุลาคม 2014) | ||
อันดับอีแอลโอสูงสุด | 5 (กรกฎาคม 1998) | ||
อันดับอีแอลโอต่ำสุด | 26 (ตุลาคม 2002) | ||
| |||
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก | |||
![]() ![]() (ซาเกร็บ, ยูโกสลาเวีย; 2 เมษายน 1940)[1] | |||
ชนะสูงสุด | |||
![]() ![]() (รีเยกา, โครเอเชีย; 4 มิถุนายน 2016) | |||
แพ้สูงสุด | |||
![]() ![]() (ลอนดอน, อังกฤษ; 9 กันยายน 2009) | |||
ฟุตบอลโลก | |||
เข้าร่วม | 5 (ครั้งแรกใน 1998) | ||
ผลงานดีที่สุด | รองชนะเลิศ (2018) | ||
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป | |||
เข้าร่วม | 6 (ครั้งแรกใน 1996) | ||
ผลงานดีที่สุด | รอบก่อนรองชนะเลิศ (1996, 2008) |
ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ทีมชาติโครเอเชียสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในการเข้ารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก โดยในรอบรองชนะเลิศเอาชนะทีมชาติอังกฤษไป 2-1 โดยก่อนหน้านี้ผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกคือ ได้ที่ 3 ในปี ค.ศ. 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยเอาชนะเนเธอร์แลนด์ไปได้ 1–2 ในรอบชิงที่ 3
ประวัติแก้ไข
สมาพันธ์ฟุตบอลโครเอเชียก่อตั้งในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1912 ในจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งโครเอเชีย เป็นประเทศที่เกิดใหม่ช่วงที่เป็นรัฐอิสระระหว่างปี ค.ศ. 1940–ค.ศ. 1945 ได้ผนวกรวมตัวกับประเทศยูโกสลาเวีย จึงแยกตัวออกมาเป็นรัฐอิสระในปี ค.ศ. 1990 ทำให้ในยุคแรกนักฟุตบอลทีมชาติโครเอเชียจะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติยูโกสลาเวียมาก่อน โดยนัดสุดท้ายที่นักฟุตบอลทั้ง 2 ชาติเล่นร่วมกันในนามทีมชาติยูโกสลาเวีย คือ การพบกับสวีเดน เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 และเข้าเป็นสมาชิกฟีฟ่าในปลายปี ค.ศ. 1992 และได้รับการจัดอันดับเป็นครั้งแรกจากฟีฟ่าให้เป็นที่ 125 ของโลก เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1994
ลักษณะเด่นของทีมชาติโครเอเชีย คือ ชุดที่สวมใส่ที่มีลายตารางหมากรุกสีขาวสลับแดง โดยสวมกางเกงขาว ถุงเท้าสีน้ำเงิน ขณะที่ชุดทีมเยือนจะเป็นสีน้ำเงินเข้มทั้งชุด มีแถบสามเหลี่ยมตาหมากรุกสีแดงจากคอและไหล่ซ้ายลงมาถึงแนวต่อของแขนเสื้อ ซึ่งทำให้ได้รับฉายาว่า "Vatreni" แปลว่า "เปลวไฟ" ขณะที่ฉายาในภาษาไทยจะเรียกว่า "ทีมตาหมากรุก" หรือ "หมากรุกพิฆาต"[2]
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016แก้ไข
ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 หรือยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส โครเอเชียอยู่ในกลุ่มดี ร่วมกับ สเปน (แชมป์เก่า), ตุรกี และสาธารณรัฐเช็ก โครเอเชียได้ผ่านเข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งเป็นรอบการแข่งขันที่แพ้แล้วคัดออก ด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีผลงานเด่น คือ เอาชนะสเปน ซึ่งเป็นแชมป์เก่าและถูกมองว่าเหนือกว่าได้ 1–2 ในนัดสุดท้ายของรอบแรก[3]
อันดับ | ทีม | เล่น | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | คะแนน | การผ่านเข้ารอบ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | โครเอเชีย | 3 | 2 | 1 | 0 | 5 | 3 | +2 | 7 | เข้าสู่รอบแพ้คัดออก |
2 | สเปน | 3 | 2 | 0 | 1 | 5 | 2 | +3 | 6 | |
3 | ตุรกี | 3 | 1 | 0 | 2 | 2 | 4 | −2 | 3 | |
4 | เช็กเกีย | 3 | 0 | 1 | 2 | 2 | 5 | −3 | 1 |
ฟุตบอลโลก 2018แก้ไข
ในฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย โครเอเชียอยู่ในกลุ่ม ดี ร่วมกับไนจีเรีย, อาร์เจนตินา และทีมชาติร่วมทวีปเดียวกันอย่างไอซ์แลนด์ โครเอเชียทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้ดีโดยเอาชนะได้ทั้งสามนัด ได้แก่ ชนะไนจีเรีย 2–0 ชนะอาร์เจนตินา 3–0 และชนะไอซ์แลนด์ 2–1 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
อันดับ | ทีม | เล่น | ชนะ | เสมอ | แพ้ | ได้ | เสีย | ต่าง | คะแนน | การผ่านเข้ารอบ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | โครเอเชีย | 3 | 3 | 0 | 0 | 7 | 1 | +6 | 9 | ผ่านเข้าสู่ รอบแพ้คัดออก |
2 | อาร์เจนตินา | 3 | 1 | 1 | 1 | 3 | 5 | −2 | 4 | |
3 | ไนจีเรีย | 3 | 1 | 0 | 2 | 3 | 4 | −1 | 3 | |
4 | ไอซ์แลนด์ | 3 | 0 | 1 | 2 | 2 | 5 | −3 | 1 |
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โครเอเชียเสมอกับเดนมาร์กในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1–1 และสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษไปได้ 3–2 ต่อมาในรอบก่อนรองชนะเลิศ โครเอเชียเสมอในช่วงต่อเวลาพิเศษอีกครั้งกับเจ้าภาพอย่างรัสเซีย 2–2 สุดท้ายสามารถเอาชนะการยิงลูกโทษ 4–3 ต่อมาในรอบรองชนะเลิศ โครเอเชียสามารถเอาชนะอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษไปได้ 2–1 และในรอบชิงชนะเลิศ โครเอเชียพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศส 4–2 ทำให้จบเพียงรองชนะเลิศ แต่นั่นก็ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกของโครเอเชีย
ผู้เล่นแก้ไข
ผู้เล่นชุดฟุตบอลโลก 2018แก้ไข
รายชื่อผู้เล่นเบื้องต้น 32 คน ประกาศเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2018[4] และประกาศรายชื่อผู้เล่นรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน[5]
# | ตำแหน่ง | ผู้เล่น | วันเกิด (อายุ) | ลงเล่น | ประตู | สโมสร |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | GK | ดอมินิก ลิวาคอวิช | 9 มกราคม ค.ศ. 1995 (26 ปี) | 1 | 0 | ดีนาโมซาเกร็บ |
2 | DF | ชีเม เวอร์ซาลย์คอ | 10 มกราคม ค.ศ. 1992 (29 ปี) | 34 | 0 | อัตเลติโกเดมาดริด |
3 | DF | อิวัน สตรีนิช | 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1987 (33 ปี) | 42 | 0 | ซัมป์โดเรีย |
4 | MF | อิวัน เพริชิช | 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 (32 ปี) | 64 | 17 | อินแตร์นาซีโอนาเล |
5 | DF | เวดรัน ชอร์ลูคา | 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1986 (35 ปี) | 97 | 4 | โลโคโมติฟมอสโก |
6 | DF | เดยัน ลอฟเรน | 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1989 (31 ปี) | 37 | 2 | ลิเวอร์พูล |
7 | MF | อิวัน ราคิทิช | 10 มีนาคม ค.ศ. 1988 (32 ปี) | 90 | 14 | บาร์เซโลนา |
8 | MF | มาเทออ คอวาชิช | 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 (26 ปี) | 39 | 1 | เรอัลมาดริด |
9 | FW | อันเดรย์ ครามาริช | 19 มิถุนายน ค.ศ. 1991 (29 ปี) | 29 | 8 | 1899 ฮ็อฟเฟินไฮม์ |
10 | MF | ลูคา มอดริช (กัปตัน) | 9 กันยายน ค.ศ. 1985 (35 ปี) | 104 | 12 | เรอัลมาดริด |
11 | MF | มาร์ตเซลอ บรอซอวิช | 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 (28 ปี) | 33 | 6 | อินแตร์นาซีโอนาเล |
12 | GK | ลอวเร คาลินิช | 3 เมษายน ค.ศ. 1990 (30 ปี) | 10 | 0 | แค็นต์ |
13 | DF | ทิน เยดไว | 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1995 (25 ปี) | 10 | 0 | ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน |
14 | MF | ฟิลิป บราดาริช | 11 มกราคม ค.ศ. 1992 (29 ปี) | 3 | 0 | ริเยกา |
15 | DF | ดูเย ชาเลทา-ซาร์ | 17 กันยายน ค.ศ. 1996 (24 ปี) | 0 | 0 | เร็ดบุลซัลทซ์บวร์ค |
16 | FW | นิคอลา คาลินิช | 5 มกราคม ค.ศ. 1988 (33 ปี) | 41 | 15 | มิลาน |
17 | FW | มาริออ มันจูคิช | 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 (34 ปี) | 82 | 30 | ยูเวนตุส |
18 | FW | อันเท เรบิช | 21 กันยายน ค.ศ. 1993 (27 ปี) | 14 | 1 | ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท |
19 | MF | มีลัน บาเด็ลย์ | 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 (32 ปี) | 36 | 1 | ฟีออเรนตีนา |
20 | FW | มาร์คอ พิยัตซา | 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1995 (25 ปี) | 15 | 1 | ชัลเคอ 04 |
21 | DF | ดอมาก็อย วีดา | 29 เมษายน ค.ศ. 1989 (31 ปี) | 57 | 2 | เบชิกทัช |
22 | DF | ยอซิป พิวาริช | 30 มกราคม ค.ศ. 1989 (32 ปี) | 19 | 0 | ดีนาโมคียิว |
23 | GK | ดานิเย็ล ซูบาชิช | 27 ตุลาคม ค.ศ. 1984 (36 ปี) | 36 | 0 | มอนาโก |
อดีตผู้เล่นคนสำคัญแก้ไข
สีแก้ไข
ชุดแข่งขันของโครเอเชียได้ถูกออกแบบใน ปี ค.ศ. 1990 โดยจิตรกร มิโรสลาฟ ซูเตจ์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตราแผ่นดิน แม้ว่าจะถูกดัดแปลงเล็กน้อยโดยล็อตโต (ในปี ค.ศ. 1998 ตาหมากรุกได้ย้ายไปอยู่ด้านขวา ขณะที่ด้านซ้ายเป็นสีขาวล้วน) และไนกี้ ตั้งแต่ดั้งเดิม ตาหมากรุกถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของเอกลักษณ์ของชาติและการออกแบบที่คล้ายกันถูกนำมาใช้ในการแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งหมดของทีมชาติโครเอเชีย[6]
ประวัติชุดแข่งขันแก้ไข
1990 - ชุดตาหมากรุกแบบแรก
|
1996–1997
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
1998–2000
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2002–2004
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2004–2006
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2006–2008
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2008–2010
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2010–2012
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2012–2014
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2014–2016
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
2016–
ชุดแข่งขันแบบที่ 1 |
1940 - ชุดแข่งขันอย่างเป็นทางการแบบแรก
|
1996–1997
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
1998–2000
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2002–2004
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2004–2006
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2006–2008
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2008–2010
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2010–2012
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2012–2014
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2014–2016
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
2016–
ชุดแข่งขันแบบที่ 2 |
หมายเหตุ: ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ชุดแข่งขันของโครเอเชียได้รับการโหวตจากผู้อ่านเว็บไซต์สำนักข่าวสกายสปอร์ตว่าเป็นชุดแข่งขันที่สวยที่สุดในครั้งนี้ เป็นอันดับ 2 (โดยอันดับ 1 คือ ฝรั่งเศส) และการแข่งขันรอบแรก โครเอเชียสวมชุดแข่งขันแบบที่ 2 ซึ่งเป็นสีน้ำเงินล้วนทั้ง 3 นัด[7]
เกียรติประวัติแก้ไข
รายการหลัก
รายการรอง
- ถ้วยรางวัลฮัสซันที่สอง
- ชนะเลิศ: 1996
- คิรินคัพ
- รองชนะเลิศ: 1997
- โคเรียคัพ
- ชนะเลิศ: 1999
- คาลส์เบิร์กคัพ
- อันดับที่สาม: 2006
รางวัลอื่น ๆ
- Best Mover of the Year
- 1994
- 1998
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 19 กันยายน 2562. สืบค้นเมื่อ 19 กันยายน 2562. Check date values in:
|access-date=, |date=
(help) - ↑ โครเอเชีย จะเข้ารอบสองได้หรือไม่ อิตาลีจะเป็นตัวชี้ชะตา, หน้า 21 เดลินิวส์ : เสาร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 แรม 7 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง โดย นพ.วิชาญ-พิเชษฐ์ เกิดวิชัย
- ↑ "สเปน-ตราไก่ เต็งแชมป์ บอลยูโร 2016 โพย-บ่อนผู้ดี 'อังกฤษ' บ๊วย!". ไทยรัฐ. 23 June 2016. สืบค้นเมื่อ 24 June 2016.
- ↑ hns-cff.hr (14 May 2018). "Izbornik hrvatske reprezentacije Zlatko Dalić objavio je danas širi popis od 32 igrača koji kandidiraju za nastup na FIFA Svjetskom prvenstvu u Rusiji ovoga ljeta". hns-cff.hr (ภาษาโครเอเชีย). สืบค้นเมื่อ 14 May 2018.
- ↑ Radičević, Vlado (4 June 2018). "Zlatko Dalić donio najtežu odluku; višak postao igrač koji to sigurno nije očekivao" [Zlatko Dalić made the toughest decision; the surplus became a player who did not expect it]. Tportal.hr (ภาษาโครเอเชีย). สืบค้นเมื่อ 4 June 2018.
- ↑ Mario Duspara; Tanja Simić (20 February 2006). "Hrvatske kocke opet modni hit" (ภาษาโครเอเชีย). Nacional (weekly). คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 30 June 2012. สืบค้นเมื่อ 30 June 2012. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help); Unknown parameter|trans_title=
ignored (help) - ↑ "10 เครื่องแบบสุดซี๊ดใน ยูโร 2016". smmsport. 8 June 2016. สืบค้นเมื่อ 24 June 2016.
เชิงอรรถแก้ไข
- หนังสือ
- Ramet. P, Sabrina (2005). Thinking about Yugoslavia. Cambridge University. ISBN 0-521-85151-3.
- Klemenčić, Mladen (2004). Nogometni leksikon. Miroslav Krleža lexicographic institute. ISBN 953-6036-84-3.
- Foster, Jane (2004). Footprint Croatia. Footprint Travel Guides. ISBN 1-903471-79-6.
- Bellamy. J, Alex (2003). The Formation of Croatian National Identity. Manchester University Press. ISBN 0-7190-6502-X.
- Giulianotti, Richard (1997). Entering the Field: New Perspectives on World Football. Berg Publishers. ISBN 1-85973-198-8.
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ฟุตบอลทีมชาติโครเอเชีย |
- Official website
- FIFA profile
- Official supporters' club website
- Croatia – Players' stats at RSSSF (Last updated 15 July 2018)