แฮร์รี เคน
แฮร์รี เอ็ดเวิร์ด เคน MBE (อังกฤษ: Harry Edward Kane; เกิด 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1993) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับไบเอิร์นมิวนิกในบุนเดิสลีกา และเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ เคนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมที่สุดในปัจจุบัน[3] เขามีจุดเด่นในเรื่องทักษะการทำประตู และการเคลื่อนที่ เขาครองสถิติเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทอตนัมฮอตสเปอร์และทีมชาติอังกฤษ และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดเป็นอันดับสองตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกอีกด้วย
ข้อมูลส่วนตัว | ||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | แฮร์รี เอ็ดเวิร์ด เคน[1] | |||||||||||||||||||||||||
วันเกิด | [1] | 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1993|||||||||||||||||||||||||
สถานที่เกิด | วอลแทมสโตว์ ประเทศอังกฤษ | |||||||||||||||||||||||||
ส่วนสูง | 6 ft 2 in (1.88 m)[2] | |||||||||||||||||||||||||
ตำแหน่ง | กองหน้าตัวเป้า | |||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลสโมสร | ||||||||||||||||||||||||||
สโมสรปัจจุบัน | ไบเอิร์นมิวนิก | |||||||||||||||||||||||||
หมายเลข | 9 | |||||||||||||||||||||||||
สโมสรเยาวชน | ||||||||||||||||||||||||||
1999–2001 | ริดจ์เวย์โรเจอส์ | |||||||||||||||||||||||||
2001–2002 | อาร์เซนอล | |||||||||||||||||||||||||
2002–2004 | ริดจ์เวย์โรเจอส์ | |||||||||||||||||||||||||
2004 | วอตฟอร์ด | |||||||||||||||||||||||||
2004–2009 | ทอตนัมฮอตสเปอร์ | |||||||||||||||||||||||||
สโมสรอาชีพ* | ||||||||||||||||||||||||||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) | |||||||||||||||||||||||
2009–2023 | ทอตนัมฮอตสเปอร์ | 317 | (213) | |||||||||||||||||||||||
2011 | → เลย์ตันออเรียนต์ (ยืมตัว) | 18 | (5) | |||||||||||||||||||||||
2012 | → มิลล์วอลล์ (ยืมตัว) | 22 | (7) | |||||||||||||||||||||||
2012–2013 | → นอริชซิตี (ยืมตัว) | 3 | (0) | |||||||||||||||||||||||
2013 | → เลสเตอร์ซิตี (ยืมตัว) | 13 | (2) | |||||||||||||||||||||||
2023– | ไบเอิร์นมิวนิก | 40 | (45) | |||||||||||||||||||||||
ทีมชาติ‡ | ||||||||||||||||||||||||||
2010 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 17 ปี | 3 | (2) | |||||||||||||||||||||||
2010–2012 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 19 ปี | 14 | (6) | |||||||||||||||||||||||
2013 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 20 ปี | 3 | (1) | |||||||||||||||||||||||
2013–2015 | อังกฤษ อายุไม่เกิน 21 ปี | 14 | (8) | |||||||||||||||||||||||
2015– | อังกฤษ | 101 | (68) | |||||||||||||||||||||||
เกียรติประวัติ
| ||||||||||||||||||||||||||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 16:26, 27 ตุลาคม 2024 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 19:10, 13 ตุลาคม 2024 (UTC) |
เคนเกิดและเติบโตในเขตการปกครองของย่านวอลแทมฟอเรสต์ในลอนดอน โดยเริ่มอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรท็อตแนมฮ็อทสเปอร์ ด้วยผลงานอันโดดเด่นตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะเยาวชนรวมทั้งมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เคนติดทีมเยาวชนของทีมชาติอังกฤษครั้งแรกใน ค.ศ. 2009 ในช่วงเวลาดังกล่าว เคนยังไม่สามารถยึดตำแหน่งในการเล่นระดับสโมสรได้ และถูกปล่อยยืมตัวไปหลายฤดูกาลให้กับสโมสรต่าง ๆ เช่น เลย์ตันโอเรียนท์, มิลล์วอลล์, เลสเตอร์ซิตี และ นอริชซิตี อย่างไรก็ตาม เคนเริ่มได้รับโอกาสในการลงเล่นเป็นตัวจริงให้ทอตนัมฮอตสเปอร์ใน ค.ศ. 2014 จากการคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเชติโน โดยในฤดูกาลดังกล่าว เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงที่สุดให้กับทีมจำนวน 31 ประตูรวมทุกรายการ และได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 2014–15 (PFA Young Player of the Year) รวมทั้งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสองในลีกจากผลงาน 21 ประตู
ต่อมาทั้งในฤดูกาล 2015–16 และ 2016–17 เคนจบฤดูกาลด้วยการคว้าตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดของพรีเมียร์ลีกได้ทั้งสองฤดูกาล โดยในฤดูกาล 2016-17 เขาพาทอตนัมฮอตสเปอร์จบฤดูกาลด้วยการคว้ารองแชมป์พรีเมียร์ลีก และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลในทรรศนะของแฟน ๆ (PFA Fan's Player of the Year award) จากการโหวตของแฟนบอลทั่วประเทศ ถัดมาในฤดูกาล 2017–18 เคนสามารถแสดงผลงานที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เล่นอาชีพมาโดยเขาทำไปถึง 41 ประตู จากการลงเล่นทุกรายการรวม 48 นัด ถัดมาในฤดูกาล 2018-19 เคนพาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรก ก่อนจะพ่ายให้แก่ลิเวอร์พูล และในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 เคนได้ทำสถิติกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับที่สองตลอดกาลของทอตนัมฮอตสเปอร์[4]
เคนทำประตูให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่รวมทั้งสิ้น 49 ประตูจากการลงสนาม 69 นัด และเขาถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ทำประตูในนามทีมชาติได้ในทุกระดับ (รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี, 19 ปี, 21 ปี และ ทีมชาติชุดใหญ่) เขาทำประตูแรกให้กับทีมชาติชุดใหญ่ได้ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติใน ค.ศ. 2018 ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซียจะเริ่มขึ้น โดยเคนสามารถพาอังกฤษผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ ซึ่งถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดของอังกฤษนับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 นอกจากนี้ เคนยังคว้าตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดประจำการแข่งขัน และได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ
เคนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสรยาภรณ์จักรวรรดิบริติชจากเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2019 ณ พระราชวังพระราชวังบักกิงแฮม[5][6] ในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลจากอังกฤษที่มีผลงานยอดเยี่ยมตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมากับสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์และมีผลงานที่โดดเด่นในการเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ[7] โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับตำแหน่งผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จำนวน 6 ประตูและอังกฤษสามารถคว้าอันดับที่ 4 ได้[8] เคนยังอยู่ในชุดที่ทีมชาติอังกฤษคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ซึ่งเป็นการเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก[9]
ประวัติ
แก้แฮร์รี เคน เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1993[10] ที่ย่านวอลทัมสโตว์ ในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน มีชื่อเต็มว่า แฮร์รี เอ็ดเวิร์ด เคน (Harry Edward Kane) โดยครอบครัวของเคนนั้นล้วนแต่เป็นแฟนของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์ จึงทำให้เคนเติบโตมากับทอตนัมฮอตสเปอร์อย่างเต็มตัว โดยมี เท็ดดี้ เชอริงแฮม อดีตกองหน้าของทอตนัมฮอตสเปอร์และทีมชาติอังกฤษ เป็นนักฟุตบอลในดวงใจ
แฮร์รี เคน เริ่มต้นจากการเป็นนักฟุตบอลเยาวชนชุดอายุไม่เกิน 7 ปี ของทีมอาร์เซนอลแต่ได้ย้ายออกมาหลังจากอยู่ได้เพียง 2 ฤดูกาล เนื่องจากถูกมองว่ามีรูปร่างเล็กเกินไป และย้ายไปอยู่กับริดจ์เวย์รอเจอส์ สโมสรระดับเล็กย่านลอนดอนเหนือละแวกเดียวกับที่ตั้งสนามและสโมสรของอาร์เซนอล จนกระทั่งย้ายมาอยู่กับทอตนัมฮอตสเปอร์ในปี ค.ศ. 2009 ในรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และได้พัฒนาการเล่นขึ้นมาตามลำดับ โดยทำประตูไปได้ 22 ประตู จากการลงเล่นไปทั้งหมด 32 นัด ในชุดอายุไม่เกิน 18 ปี และจากนั้นก็ทำประตูได้อีก 10 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 16 นัด ในชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ก่อนที่จะมีโอกาสได้เล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกกับรายการยูโรปาลีก กับ ฮาร์ทส์ เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011[11]
ก่อนหน้าที่เคนจะได้ลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ของทอตนัมฮอตสเปอร์ เคนได้ถูกปล่อยไปหาประสบการณ์กับ เรย์ตันโอเรียน แบบยืมตัวในช่วงต้นปี ค.ศ. 2011 และต่อมาก็ได้ย้ายไปแบบยืมตัวกับอีกหลายสโมสร[12]
แฮร์รี เคน ได้กลับมาสู่ทีมชุดใหญ่ของทอตนัมฮอตสเปอร์อีกครั้ง ในเดือนเมษายน ในฤดูกาล 2013–14 โดยทำไปได้ 12 ประตูจากทุกรายการที่ลงแข่งขัน
ทอตนัมฮอตสเปอร์
แก้ฤดูกาล 2014–15
แก้ในฤดูกาล 2014–15 แฮร์รี เคน กลายเป็นนักฟุตบอลดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในวงการ โดยแฟนของทอตนัมฮอตสเปอร์ได้ตั้งฉายาให้ว่า "เฮอร์ริเคน" [13] ในการแข่งขันนัดที่ 20 ของฤดูกาล ซึ่งตรงกับวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2015 ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์พบกับ เชลซี ซึ่งเป็นจ่าฝูง ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน เคนสามารถทำประตูได้ถึง 2 ประตู และ ทำแอสชิสต์ได้อีก 2 ครั้ง ซึ่งผลการแข่งขันทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะเชลซีไปถึง 5–3 ส่งผลให้เชลซีพ่ายแพ้เป็นนัดที่ 2 ในฤดูกาล[14] และเคนยังทำเพิ่มได้อีก 2 ประตู ในการแข่งขันนัดที่ 24[15] ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะอาร์เซนอล ไปได้ 2–1 ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน โดยเป็นผู้ทำประตูได้ในนาทีที่ 56 และ 86 ทั้งที่อาร์เซนอลเป็นฝ่ายยิงประตูนำไปก่อน[16] ในนัดที่ 30 ของฤดูกาล เคนสามารถทำแฮตทริกได้ ในนัดที่พบกับ เลสเตอร์ซิตี ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน โดยเป็นการยิงจุดโทษในนาทีที่ 64 เป็นลูกที่ 3 ผลการแข่งขันทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะไป 4–3 และทำให้เคนกลายเป็นดาวซัลโวของฤดูกาลไปในขณะนั้นด้วยการทำประตูไปรวมทั้งสิ้น 19 ประตู[17]
กระทั่งจบฤดูกาล แฮร์รี เคน ทำสถิติยิงไปทั้งสิ้น 21 ประตู (นับเฉพาะพรีเมียร์ลีก และ จำนวน 31 ประตูหากนับรวมทุกรายการ) และคว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวประจำฤดูกาลดังกล่าว โดยเป็นรองเพียง เซร์คีโอ อะกูเอโร กองหน้าของ แมนเชสเตอร์ซิตี ที่ยิงไปทั้งสิ้น 26 ประตู[18]
ฤดูกาล 2015–16
แก้แต่ในฤดูกาล 2015–16 ในการแข่งขัน 4 นัดแรกของฤดูกาล เคนไม่สามารถทำประตูได้เลย อีกทั้งทอตนัมฮอตสเปอร์ก็ยังไม่ชนะสโมสรใดเลย[19] จนเมื่อทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะสามารถคว้าชัยชนะในนัดแรกสำเร็จเมื่อเป็นฝ่ายบุกไปเยือน ซันเดอร์แลนด์ ก่อนจะเอาชนะไปได้ 1–0 [20]
แฮร์รี เคน ทำประตูแรกในฤดูกาลดังกล่าวได้ ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกนัดที่ 7 ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ พบกับ แมนเชสเตอร์ซิตี ซึ่งมีคะแนนนำเป็นอันดับหนึ่งในตารางคะแนน ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน ด้วยการซ้ำลูกยิงฟรีคิกของคริสเตียน อีริกเซน ในนาทีที่ 61 ช่วยให้ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะไปได้ 4–1[21] และ ต่อมาเคนสามารถยิงแฮตทริกได้ในการแข่งขันนัดที่ 10 ที่ทีมพบกับ บอร์นมัท ที่สนามดีนคอร์ท โดยเคนทำประตูได้ในนาทีที่ 9, 56 และ 63 และเมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว แฮร์รี เคน ได้รับตำแหน่งดาวซัลโวของลีกจากการยิงไปทั้งสิ้น 25 ประตู และได้รับรางวัลรองเท้าทองคำไปครอง[22]
ฤดูกาล 2016–17
แก้ในฤดูกาล 2016–17 เคนทำประตูแรกได้ในการแข่งขันนัดที่ 4 ในเกมที่พบกับสโตกซิตี ที่สนามบริแทนเนียสเตเดียม และถือเป็นประตูที่ 50 ของเคนที่ยิงให้กับทอตนัมฮอตสเปอร์ได้หากนับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก[23] เคนสามารถทำประตูได้ในนัดถัดมาที่พบกับซันเดอร์แลนด์ ในนาทีที่ 59 ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน ซึ่งเป็นประตูชัยเพียงประตูเดียวในนัดดังกล่าว แต่เขาได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าในช่วงท้ายของการแข่งขัน ขณะแย่งลูกฟุตบอล ทำให้ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามและคาดว่าต้องหยุดพักรักษาตัวประมาณ 10 สัปดาห์[24]
เคนสามารถทำแฮตทริกได้ในนัดที่ 21 ของฤดูกาล ในต้นปี 2017 ในการพบกับทีมเวสต์บรอมมิชอัลเบียน ที่สนามไวต์ฮาร์ตเลน ซึ่งทอตนัมฮอตสเปอร์ชนะไป 4–0 และ ถือเป็นการทำแฮตทริกครั้งที่สามของเคนในฤดูกาลนี้ และ ทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำแฮตทริกได้มากที่สุดของสโมสรเทียบเท่ากับเจอร์เมน เดโฟ และ ร็อบบี คีน อดีตผู้เล่นคนสำคัญของสโมสรในอดีต[25]
ฤดูกาล 2017-18
แก้ในฤดูกาลถัดมาแม้ว่าเคนจะไม่สามารถทำประตูได้เลยใน 3 นัดแรกของการแข่งขัน เขากลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยการทำประตูได้ใน 3 จาก 4 นัดถัดไปจากการแข่งขันทุกรายการ ประตูที่เขาทำได้ในนัดที่พบกับเอฟเวอร์ตันในวันที่ 9 กันยายน 2017 ถือเป็นประตูที่ 100 ของเคนในฐานะผู้เล่นของทอตนัมฮอตสเปอร์จากการลงแข่งขันรวมทุกรายการจำนวน 169 นัด ต่อมาในวันที่ 26 กันยายน เคนสามารถทำแฮตทริกในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกในเกมที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะสโมสรอาโปเอลแชมป์ลีกจากประเทศไซปรัส เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของพรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่ 5 ในอาชีพการค้าแข้งในเดือนกันยายนนี้อีกด้วย
ในวันที่ 23 ธันวาคม เคนทำสถิติเทียบเท่า อลัน เชียเรอร์ ในการทำได้ถึง 36 ประตูในพรีเมียร์ลีกภายใน 1 ปีปฏิทิน (นับรวมต่อเนื่องจากฤดูกาลที่ผ่านมา) ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเอาชนะเบิร์นลีย์ได้ 3–0 โดยเคนสามารถทำแฮตทริกได้ในนัดดังกล่าวและเขาทำลายสถิติของเชียเรอร์ได้ในเกมต่อมาที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เปิดบ้านเอาชนะเซาแธมป์ตันไป 5–2 โดยเคนสามารถทำแฮตทริกได้อีกครั้งซึ่งนับเป็นการทำแฮตทริกได้เป็นครั้งที่ 8 ในปี 2017 รวมทุกรายการ และ จากผลงานดังกล่าวทำให้เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่สามารถทำแฮตทริกได้ถึง 6 ครั้งภายในปีเดียว และ ในปี 2017 เคนยังทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูรวมทุกรายการสูงที่สุดในการแข่งขันของลีกยุโรปจำนวน 56 ประตู ถือเป็นผู้เล่นคนแรกนอกเหนือจากคริสเตียโน โรนัลโด และ ลิโอเนล เมสซิ ที่ทำสถิตินี้ได้ในรอบ 7 ปี[26]
ในเดือนมกราคม 2018 เคนทำได้อีก 2 ประตูในนัดที่เอาชนะเอฟเวอร์ตัน ส่งผลให้เคนกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงที่สุดตลอดกาลให้กับสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์ในยุคพรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติของ เท็ดดี เชอริงแฮม ที่ทำไว้จำนวน 97 ประตู ต่อมาในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เคนทำได้ 1 ประตูจากลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเสมอกับลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์ 2–2 ซึ่งถือเป็นประตูที่ 100 ของเคนในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เขามีชื่อติดทีมผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันในเดือนเมษายน และในเดือนมิถุนายน 2018 เคนตัดสินใจขยายสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรออกไปจนถึง ค.ศ. 2024
ฤดูกาล 2018-19
แก้เคนเริ่มต้นฤดูกาลในนัดแรกที่ทีมพบกับนิวคาสเซิลแต่เขาไม่สามารถทำประตูได้ เคนทำประตูแรกของฤดูกาลได้ในนัดต่อมาที่พบกับฟูลัม ซึ่งเป็นการหยุดสถิติอันเลวร้ายของเคนที่ไม่สามารถทำประตูได้เลยในการแข่งขันในเดือนสิงหาคมตลอดอาชีพที่ผ่านมา เคนทำประตูในนัดสำคัญได้ในเกมทีทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ 0-3 ซึ่งถือเป็นการบุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เป็นครั้งที่ 3 ของสโมสรเท่านั้น นับตั้งแต่ปี 1992 ต่อมาในเดือนมกราคม 2019 เคนทำได้ 1 ประตูในนัดที่พบกับคาร์ดิฟซึ่งถือเป็นการทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสโมสรอื่นได้ทุกสโมสรที่เขาเผชิญหน้าด้วยในพรีเมียร์ลีก เขาได้รับบาดเจ็บข้อเท้าในเกมที่พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 13 มกราคม 2019 และต้องพักรักษาตัวประมาณ 5 สัปดาห์
เคนกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ในนัดที่พบกับเบิร์นลีย์ และทำได้ 1 ประตูแต่ทอตนัมได้พ่ายให้กับเบิร์นลีย์ไป 1–2 เขาทำได้ 1 ประตูในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดที่ 2 รอบ 16 ทีมสุดท้ายในเกมที่พบโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ช่วยให้ทอตนัมผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยประตูรวม 4–0 ซึ่งประตูดังกล่าวทำให้เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นทอตนัมฮอตสเปอร์ที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปจำนวน 24 ประตู ในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายนัดแรกที่พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี เคนได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าอีกครั้งและสื่อคาดการณ์ว่าเขาต้องปิดฉากการเล่นในฤดูกาลดังกล่าว อย่างไรก็ตามเคนกลับมาช่วยทีมได้ในการแข่งขันนัดสำคัญที่ทอตนัมฮอตสเปอร์พบกับลิเวอร์พูลในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกซึ่งทอตนัมพ่ายให้แก่ลิเวอร์พูลไป 0–2
ฤดูกาล 2019-20
แก้เคนเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการทำ 2 ประตูในนัดเปิดสนามที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะแอสตัน วิลลา ได้ 3–1 ซึ่งเป็นการทำประตูแรกของเจ้าตัว ณ สนามแห่งใหม่ของทอตนัมฮอตสเปอร์อีกด้วย ในเดือนมกราคมปี 2020 ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ออกไปเยือนเซาแธมป์ตัน เคนได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงซึ่งทำให้เขาต้องพักรักษาตัวเป็นเวลาหลายเดือนเป็นอย่างน้อย และในช่วงเวลาดังกล่าวการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการในประเทศอังกฤษได้ถูกประกาศเลื่อนออกไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยเคนได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในเดือนมิถุนายน ต่อมาในวันที่ 23 มิถุนายน เคนได้ลงสนามให้กับทอตนัมฮอตสเปอร์เป็นนัดที่ 200 ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก เขาทำประตูแรกในปี 2020 ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะเวสต์แฮมไป 2–0
ฤดูกาล 2020–21
แก้เคนทำประตูแรกในฤดูกาลได้ในนัดที่ทีมเอาชนะ โลโคโมทีฟ พล็อฟดิฟ ทีมจากบัลแกเรีย โดยทอตนัมฮอตสเปอร์สามารถเอาชนะไปได้ 2–1 และประตูแรกในพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ของเคน ทำได้ในนัดที่ทีมเอาชนะเซาแธมป์ตัน 5–2 ซึ่งในนัดดังกล่าวเคนทำสถิติเป็นผู้เล่นคนแรกของพรีเมียร์ลีกที่ทำแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้ถึง 4 ครั้งในนัดเดียวและเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ทำสถิติดังกล่าวได้
เคนทำแฮตทริกแรกของฤดูกาลได้ในนัดที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะ มัคคาบี้ ไฮฟา ทีมจากอิสราเอล ในการแข่งขันรอบคัดเลือกรายการยูโรปาลีก ต่อมาในวันที่ 4 ตุลาคม เคนทำได้ 2 ประตู ในเกมที่ทอตนัมฮอตสเปอร์บุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม โอลด์แทรฟฟอร์ด ถึง 1–6 ซึ่งเป็นการคว้าชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1932 ที่ทอตนัมฮอตสเปอร์ทำได้ในการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคนทำประตูที่ 200 ในการแข่งขันทุกรายการให้กับทอตนัมฮอตสเปอร์ได้ในเกมที่พบกับ ลูโดโกเรต์ส รัซกราด ทีมจากบัลแกเรียในรอบแบ่งกลุ่มยูโรปาลีกซึ่งทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะไปได้ 3–1 เคนยังสามารถทำได้ 1 ประตูในเกมที่ทอตนัมฮอตสเปอร์เอาชนะอาร์เซนอลคู่ปรับตลอดกาลได้ 2–0 ทำให้เคนทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในการแข่งขัน ดาร์บีลอนดอนเหนือ จำนวน 11 ประตู[27] และนับเป็นประตูที่ 250 ที่เคนทำได้ทุกรายการในการแข่งขันทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ
ฤดูกาล 2021–22
แก้ในช่วงเปิดฤดูกาล เคนแสดงออกชัดเจนว่าต้องการย้ายออกจากสเปอร์ เขาอ้างว่า ดาเนียล เลวี ประธานสโมสร ได้ให้สัญญาทางวาใจไว้ในฤดูกาลที่แล้วว่าจะอนุญาตให้เขาย้ายทีมได้[28] อย่างไรก็ตาม เลวีได้ปฏิเสธการย้ายทีมของเคน รวมถึงปฏิเสธข้อเสนอในการซื้อตัวเคนจากแมนเชสเตอร์ซิตี[29][30] ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 127 ล้านปอนด์[31] โดยเคนไม่ได้มาร่วมฝึกซ้อมก่อนเปิดฤดูกาล[32] รวมถึงไม่มีส่วนร่วมในการแข่งขันสองนัดแรกของฤดูกาล[33] ก่อนจะกลับมาลงสนามนัดแรกในฐานะตัวสำรองในเกมที่พบกับ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ ในวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 2021[34] ต่อมาในวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2021 เคนประกาศผ่าน เดอะเดลีเทลิกราฟ ว่าจะอยู่กับสโมสรต่อไป แม้จะผิดหวังกับการปฏิบัติของเลวี[35] หนึ่งวันถัดมา เขาลงสนามในฐานะผู้เล่นตัวจริงเป็นนัดแรกของฤดูกาล และทำได้สองประตูในนัดที่สเปอร์เอาชนะ ปากอส เดอ เฟอร์ไรรา จากโปรตุเกส 3–0 ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มในรายการ ยูฟ่ายูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีก ฤดูกาล 2021–22 ต่อมา ในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2021 เคนทำแฮตทริกได้หลังจากถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนัดที่สเปอร์เอาชนะ สโมสรมูรา จากสโลวีเนียไป 5–1[36] ถือเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำแฮตทริกในรายการนี้ได้ และเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำแฮตทริกได้ในการแข่งขันรายการหลักของฟุตบอลยุโรปครบสามรายการ
เคนทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีกได้ในวันที่ 17 ตุลาคม 2021 ในนัดที่ทีมบุกไปชนะนิวคาสเซิล 3–2[37] และประตูที่สองในลีกเกิดขึ้นในวันที่ 19 ธันวาคม ในนัดที่เสมอลิเวอร์พูล 2–2[38] ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 เคนทำได้สองประตูในนัดสำคัญที่สเปอร์บุกไปเอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตี 3–2 ซึ่งรวมถึงการทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 95 ถือเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใคร 15 นัดของแมนเชสเตอร์ซิตี[39] ต่อมา ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เคนทำได้หนึ่งประตูในนัดที่พบลีดส์ยูไนเต็ด และส่งบอลให้ ซน ฮึง-มิน ทำอีกหนึ่งประตู สร้างสถิติใหม่ในการเป็นผู้เล่นสองคนที่มีส่วนกับประตู (ทำประตูและส่งบอลให้เพื่อนทำประตู) มากที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก[40]
ในวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 2022 เคนทำประตูได้ในนัดที่สเปอร์บุกไปชนะไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน 2–0 สร้างสถิติใหม่ในการเป็นผู้เล่นที่ทำประตูในนัดเยือนของพรีเมียร์ลีกเป็นประตูที่ 95 ทำลายสถิติของ เวย์น รูนีย์
ทีมชาติ
แก้ในระดับทีมชาติ จากผลงานอันโดดเด่นในฤดูกาล 2014–15 ส่งผลให้ แฮร์รี เคน ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก ในรายการคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ในนัดที่อังกฤษพบกับ ลิทัวเนีย และ อิตาลี ในปลายเดือนมีนาคม ค.ศ. 2015[41] และสามารถทำประตูได้ทันทีในนัดแรกที่พบกับลิทัวเนีย โดยเคนเป็นตัวสำรองถูกเปลี่ยนไปแทนเวย์น รูนีย์ และทำประตูได้โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งนาที ในนาทีที่ 71 จากการโหม่ง โดยผลการแข่งขันอังกฤษสามารถเอาชนะไปได้ 4-0[42]
แฮร์รี เคน ยิงประตูให้กับทีมชาติได้อีกครั้ง ในรายการคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 เมื่อถูกเปลี่ยนตัวมาในครึ่งหลังในนัดที่อังกฤษพบกับ ซานมาริโน ในนาทีที่ 77 จากการเปิดผ่านของจอนโจ เชลวีย์ นับเป็นลูกที่ 5 ในนัดดังกล่าว ซึ่งผลการแข่งขันอังกฤษเป็นฝ่ายเอาชนะไปถึง 6–0 ซึ่งทำให้อังกฤษกลายเป็นชาติแรกที่ผ่านเข้าไปแข่งขันในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบสุดท้ายเป็นชาติแรก[43]
แต่ผลงานของเคนและทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปครั้งนี้ ไม่สู้ดีนัก โดยเคนไม่สามารถทำประตูได้เลย[44] แม้อังกฤษจะผ่านเข้าสู่รอบสอง หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ แต่อังกฤษก็ไปพ่ายให้กับทีมชาติไอซ์แลนด์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นรองเนื่องจากเป็นทีมที่เพิ่งเข้าร่วมรายการแข่งขันระดับโลกเป็นครั้งแรกไป 1–2
เคนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 2018 ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซียจะเริ่มขึ้น โดยในรายการดังกล่าวเคนสามารถพาอังกฤษผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้ ซึ่งถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1990 นอกจากนี้เคนยังคว้าตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุดประจำการแข่งขันและได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ (Golden Boot) ไปครองจากการทำไปทั้งสิ้น 6 ประตูตลอดการแข่งขัน และถือเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าวนับตั้งแต่ แกรี่ ลินิเกอร์ ทำได้ในฟุตบอลโลก 1986[45]
เคนได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมในการแข่งขันอย่างเป็นทางการนัดที่ 1,000 ของทีมชาติอังกฤษ ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือกในนัดที่พบกับทีมชาติ มอนเตรเนโกร ซึ่งเคนสามารถทำแฮตทริกในนัดดังกล่าวได้อีกด้วย ส่งผลให้เคนได้กลายเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ตลอดกาลให้กับทีมชาติอังกฤษ และเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดในฐานะกัปตันทีม และจากผลการแข่งขันซึ่งอังกฤษสามารถเอาชนะไปได้ 7–0 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้เคนยังทำสถิติเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่สามารถทำประตูในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบคัดเลือกได้ครบทุกนัดอีกด้วย
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบสุดท้าย อังกฤษสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศก่อนจะแพ้อิตาลีจากการดวลจุดโทษ โดยเคนมีผลงานคือการทำ 4 ประตู ในรายการนี้ (1 ประตูในนัดที่พบกับเยอรมนีรอบ 16 ทีมสุดท้าย[46], 2 ประตูในนัดที่พบกับยูเครนรอบ 8 ทีมสุดท้าย[47] และ 1 ประตูในนัดที่พบกับเดนมาร์กในรอบรองชนะเลิศ[48])
รูปแบบการเล่น
แก้ในช่วงแรกของการลงเล่นให้ทีมเยาวชน เคนประสบปัญหาทางด้านสภาพร่างกายบ่อยครั้งเนื่องจากเขามีพัฒนาการทางร่างกายที่ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและความปรารถนาที่จะลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ ทำให้เคนได้รับโอกาสจากผู้จัดการทีม[49]
ใน ค.ศ. 2013 สถานีวิทยุทอล์คสปอร์ตได้ทำการวิเคราะห์ถึงศักยภาพของเคนและกล่าวยกย่องว่าเขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าต่ำ (Second Striker) ที่เก่งที่สุด แม้เขาจะมีศักยภาพในการเล่นตำแหน่งกองหน้าตัวเป้ารวมทั้งการถ่างออกไปเล่นด้านข้างหรือเป็นตัวริมเส้น[50] เคนมีความสามารถในการวางบอลที่แม่นยำและสามารถทำประตูได้จากทั้งระยะใกล้และไกล[51] เคนยังได้รับการยกย่องในแง่ของการเป็นผู้เล่นที่มีฝีเท้ายอดเยี่ยมแต่ไม่โดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ (จากการวิเคราะห์ ณ ช่วงเวลาดังกล่าว) ภายหลังจากที่โรเบร์โต โซลดาโด กองหน้าชาวเปนได้ย้ายเข้าสู่ทีมในปี 2013 ด้วยราคาสูงถึง 26 ล้านปอนด์ แต่กลับมีผลงานที่ย่ำแย่ ทำให้เคนได้รับโอกาสลงเล่นในฐานะศูนย์หน้าตัวหลักของทีมภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเชติโน่ ในช่วงเวลาดังกล่าวเคนยอมรับว่าเขาสามารถพัฒนาศักยภาพได้อย่างต่อเนื่องด้วยการฝึกซ้อมอย่างหนักและการปรับโภชนาการ
เดวิด พลีท อดีตผู้จัดการทีมของทอตนัมฮอตสเปอร์ได้แสดงทรรศนะว่าเคนถือเป็นกองหน้าที่มีรูปแบบและวิธีการเล่นที่เหมาะกับฟุตบอลสมัยเก่ามากกว่า ในขณะที่ ไคลฟ์ อัลเลน อดีตผู้เล่นทีมชาติอังกฤษยกย่องเคนว่าเป็นผู้เล่นที่เกิดมาเพื่อทำประตูอย่างแท้จริงและมีอารมณ์ร่วมกับการแข่งขันอยู่เสมอ และ เลส เฟอร์ดินานด์ อดีตผู้จัดการทีมของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ได้กล่าวยกย่องศักยภาพของเคนว่ามีรูปแบบการเคลื่อนที่และทักษะที่คล้าย เท็ดดี้ เชอริงแฮม และมีเทคนิคการทำประตูที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับ อลัน เชียเรอร์ และ ด้วยรูปร่างอันสูงใหญ่และมีความแข็งแกร่ง เคนมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับอดีตศูนย์หน้ารุ่นพี่ในทีมทอตนัมฮอตสเปอร์อย่าง เยือร์เกิน คลีนส์มัน
ชีวิตส่วนตัว
แก้ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 เคนยอมรับว่าเขามีแฟนสาวนามว่า เคธี กู้ดแลนด์[52] ซึ่งทั้งคู่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2017 เคนได้ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่าได้ทำการหมั้นกับกู้ดแลนด์และทั้งคู่ได้สมรสกันในเดือนมิถุนายน ปี 2019 ทั้งคู่มีบุตรสาวคนแรกในเดือนมกราคม 2017 โดยมีนามว่า "ไอวี เจน เคน" ตามมาด้วยบุตรสาวคนที่สองได้แก่ "วิเวียน เจน เคน" ในเดือนสิงหาคมปี 2018 และบุตรคนที่สามของทั้งคู่ซึ่งเป็นบุตรชายนามว่า "หลุยส์ แฮร์รี เคน" ได้ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 2020
เคนมีสุนัขพันธ์ลาบราดอร์ 2 ตัว[53] ชื่อ "เบรดี" และ "วิลสัน" ตั้งชื่อตาม ทอม เบรดี้ และ รัสเซล วิลสัน สองผู้เล่นในตำแหน่งควอร์เตอร์แบ็ก (quarterback) ในการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล NFL ซึ่งทั้งสองเป็นผู้เล่นที่เคนชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยในปี 2019 เคนให้สัมภาษณ์ว่าตนเองมีความสนในที่จะเล่นอเมริกันฟุตบอล เคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่มีการแข่งขันสำคัญและเข้มงวดเรื่องโภชนาการ โดยเคนได้จ้างพ่อครัวส่วนตัวเข้ามาดูแลเรื่องเมนูอาหารตั้งแต่ปี 2017 เคนมีงานอดิเรกที่ชื่นชอบคือการเล่นกอล์ฟ[54][55][56]
สถิติอาชีพ
แก้สโมสร
แก้ข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 2021
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ระดับยุโรป | การแข่งขันอื่นๆ | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
ทอตนัมฮอตสเปอร์ | 2009–10[57] | พรีเมียร์ลีก | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | — | — | 0 | 0 | ||
2010–11[58] | พรีเมียร์ลีก | 0 | 0 | — | 0 | 0 | 0 | 0 | — | 0 | 0 | |||
2011–12[59] | พรีเมียร์ลีก | 0 | 0 | — | 0 | 0 | 6[a] | 1 | — | 6 | 1 | |||
2012–13[60] | พรีเมียร์ลีก | 1 | 0 | — | — | 0 | 0 | — | 1 | 0 | ||||
2013–14[61] | พรีเมียร์ลีก | 10 | 3 | 0 | 0 | 2 | 1 | 7[a] | 0 | — | 19 | 4 | ||
2014–15[62] | พรีเมียร์ลีก | 34 | 21 | 2 | 0 | 6 | 3 | 9[a] | 7 | — | 51 | 31 | ||
2015–16[63] | พรีเมียร์ลีก | 38 | 25 | 4 | 1 | 1 | 0 | 7[a] | 2 | — | 50 | 28 | ||
2016–17[64] | พรีเมียร์ลีก | 30 | 29 | 3 | 4 | 0 | 0 | 5[b] | 2 | — | 38 | 35 | ||
2017–18[65] | พรีเมียร์ลีก | 37 | 30 | 4 | 4 | 0 | 0 | 7[c] | 7 | — | 48 | 41 | ||
2018–19[66] | พรีเมียร์ลีก | 28 | 17 | 1 | 1 | 2 | 1 | 9[c] | 5 | — | 40 | 24 | ||
2019–20[67] | พรีเมียร์ลีก | 29 | 18 | 0 | 0 | 0 | 0 | 5[c] | 6 | — | 34 | 24 | ||
2019–20[67] | พรีเมียร์ลีก | 33 | 22 | 2 | 1 | 4 | 1 | 8[c] | 8 | — | 47 | 32 | ||
เลย์ตัน โอเรียนท์ (สัญญายืมตัว) | 2010–11[58] | อีเอฟแอลลีกวัน | 18 | 5 | 0 | 0 | — | — | — | 18 | 5 | |||
มิลล์วอลล์ (สัญญายืมตัว) | 2011–12[59] | อีเอฟแอลแชมเปียนชิป | 22 | 7 | 5 | 2 | — | — | — | 27 | 9 | |||
นอริชซิตี (สัญญายืมตัว) | 2012–13[60] | พรีเมียร์ลีก | 3 | 0 | 1 | 0 | 1 | 0 | — | — | 5 | 0 | ||
เลสเตอร์ซิตี (สัญญายืมตัว) | 2012–13[60] | อีเอฟแอลแชมเปียนชิป | 13 | 2 | — | — | — | 2[d] | 0 | 15 | 2 | |||
รวมทั้งหมด | 286 | 179 | 22 | 13 | 16 | 6 | 63 | 38 | 2 | 0 | 399 | 236 |
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 ลงเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีก
- ↑ ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 นัด ทำได้ 2 ประตู, ลงเล่นในยูฟ่ายูโรปาลีก 2 นัด
- ↑ 3.0 3.1 3.2 3.3 ลงเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- ↑ ลงเล่นในแชมเปียนชิปเพลย์ออฟ
ทีมชาติ
แก้ทีมชาติ | ปี | จำนวนนัด | ประตู |
---|---|---|---|
อังกฤษ | 2015 | 8 | 3 |
2016 | 9 | 2 | |
2017 | 6 | 7 | |
2018 | 12 | 8 | |
2019 | 10 | 12 | |
2020 | 6 | 0 | |
2020 | 6 | 0 | |
2021 | 10 | 6 | |
รวม | 61 | 38 |
ประตูในนามทีมชาติ
แก้- As of match played 17 November 2019. England score listed first, score column indicates score after each Kane goal.[68]
ประตูที่ | วันที่ | สนาม | ลงเล่น | คู่แข่ง | คะแนน | ผล | รายการ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 27 มีนาคม 2015 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 1 | ลิทัวเนีย | 4–0 | 4–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 รอบคัดเลือก | [70] |
2 | 5 กันยายน 2015 | สนามกีฬาซานมารีโน, แซร์ราวัลเล ซานมารีโน | 3 | ซานมารีโน | 5–0 | 6–0 | [71] | |
3 | 8 กันยายน 2015 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 4 | สวิตเซอร์แลนด์ | 1–0 | 2–0 | [72] | |
4 | 26 มีนาคม 2016 | โอลึมพีอาชตาดีอ็อน, เบอร์ลิน เยอรมนี | 9 | เยอรมนี | 1–2 | 3–2 | กระชับมิตร | [73] |
5 | 22 พฤษภาคม 2016 | สนามกีฬาซิตีออฟแมนเชสเตอร์, แมนเชสเตอร์ อังกฤษ | 11 | ตุรกี | 1–0 | 2–1 | กระชับมิตร | [74] |
6 | 10 มิถุนายน 2017 | แฮมป์เดนพาร์ก, กลาสโกว์ สกอตแลนด์ | 18 | สกอตแลนด์ | 2–2 | 2–2 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก | [75] |
7 | 13 มิถุนายน 2017 | สตาดเดอฟร็องส์, แซ็ง-เดอนี ฝรั่งเศส | 19 | ฝรั่งเศส | 1–0 | 2–3 | กระชับมิตร | [76] |
8 | 2–2 | |||||||
9 | 1 กันยายน 2017 | สนามกีฬาแห่งชาติตาอาลี, ตาอาลี มอลตา | 20 | มอลตา | 1–0 | 4–0 | ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก | [77] |
10 | 4–0 | |||||||
11 | 5 ตุลาคม 2017 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 22 | สโลวีเนีย | 1–0 | 1–0 | [78] | |
12 | 8 ตุลาคม 2017 | สนามกีฬาแอลเอฟเอฟ, วีลนีอัส ลิทัวเนีย | 23 | ลิทัวเนีย | 1–0 | 1–0 | [79] | |
13 | 2 มิถุนายน 2018 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 24 | ไนจีเรีย | 2–0 | 2–1 | กระชับมิตร | [80] |
14 | 18 มิถุนายน 2018 | วอลโกกราดอะเรนา, วอลโกกราด รัสเซีย | 25 | ตูนิเซีย | 1–0 | 2–1 | ฟุตบอลโลก 2018 | [81] |
15 | 2–1 | |||||||
16 | 24 มิถุนายน 2018 | สนามกีฬานิจนีนอฟโกรอด, นิจนีนอฟโกรอด รัสเซีย | 26 | ปานามา | 2–0 | 6–1 | [82] | |
17 | 5–0 | |||||||
18 | 6–0 | |||||||
19 | 3 กรกฎาคม 2018 | ออตครืยตีเย-อะเรนา, มอสโก รัสเซีย | 27 | โคลอมเบีย | 1–0 | 1–1 | [83] | |
20 | 18 พฤศจิกายน 2018 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 35 | โครเอเชีย | 2–1 | 2–1 | ยูฟ่าเนชันส์ลีก ฤดูกาล 2018–19 ลีกเอ | [84] |
21 | 22 มีนาคม 2019 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 36 | เช็กเกีย | 2–0 | 5–0 | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบคัดเลือก | [85] |
22 | 25 มีนาคม 2019 | สนามกีฬานครพอดกอรีตซา, พอดกอรีตซา มอนเตเนโกร | 37 | มอนเตเนโกร | 4–1 | 5–1 | [86] | |
23 | 7 กันยายน 2019 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 40 | บัลแกเรีย | 1–0 | 4–0 | [87] | |
24 | 2–0 | |||||||
25 | 4–0 | |||||||
26 | 10 กันยายน 2019 | เซนต์แมรีส์สเตเดียม, เซาแทมป์ตัน อังกฤษ | 41 | คอซอวอ | 2–1 | 5–3 | [88] | |
27 | 11 ตุลาคม 2019 | ฟอร์ทูนาอะเรนา, ปราก สาธารณรัฐเช็ก | 42 | เช็กเกีย | 1–0 | 1–2 | [89] | |
28 | 14 ตุลาคม 2019 | สนามกีฬาแห่งชาติวาซิล เลฟสกี, โซเฟีย บัลแกเรีย | 43 | บัลแกเรีย | 6–0 | 6–0 | [90] | |
29 | 14 พฤศจิกายน 2019 | สนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน อังกฤษ | 44 | มอนเตเนโกร | 2–0 | 7–0 | [91] | |
30 | 3–0 | |||||||
31 | 5–0 | |||||||
32 | 17 พฤศจิกายน 2019 | สนามกีฬานครพริสตีนา, พริสตีนา คอซอวอ | 45 | คอซอวอ | 2–0 | 4–0 | [92] |
เกียรติประวัติ
แก้ทอตนัมฮอตสเปอร์
- อีเอฟแอลคัพ ชนะเลิศ: 2014–15,[93] 2020–21[94]
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ชนะเลิศ: 2018–19[95]
ทีมชาติอังกฤษ
- UEFA European Championship
- UEFA Nations League third place: 2018–19[96]
- ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปแห่งชาติ รองชนะเลิศ 2020-2024
อ้างอิง
แก้- ↑ 1.0 1.1 "Hary Kane". Barry Hugman's Footballers. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ "Harry Kane: Overview". Premier League. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 December 2017. สืบค้นเมื่อ 17 June 2023.
- ↑ https://www.sportsmole.co.uk/football/spurs/news/paul-merson-kane-is-worlds-best-striker_440316.html
- ↑ https://www.transfermarkt.com/tottenham-hotspur/topTorschuetzen/verein/148
- ↑ George-Miller, Dustin (2019-03-28). "Harry Kane receives his MBE from Prince William". Cartilage Free Captain (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Harry Kane awarded MBE from Prince William at Buckingham Palace after England World Cup heroics". The Sun (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2019-03-28.
- ↑ Merrifield, Ryan (2021-07-11). "Prince William wishes England luck in video message hours before Euro 2020 final". mirror (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/harry-kane-receives-mbe-after-14197517
- ↑ "How England reached their first final in 55 years". www.telegraph.co.uk.
- ↑ "Harry Kane". IMDb.
- ↑ "Harry Kane Bio, Facts, Childhood, Career, Net Worth, Life". SportyTell (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2019-10-20.
- ↑ "Who is Harry Kane? Everything You Need to Know". www.thefamouspeople.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ หน้า 20 กีฬา, แฮร์รี เคน ความหวังใหม่ 'ไก่เดือยทอง' โดย "หมึกบอล". เดลินิวส์ฉบับที่ 23,770: วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 แรม 5 ค่ำ เดือน 12 ปีมะเมีย
- ↑ "คลิปไฮไลท์พรีเมียร์ลีก สเปอร์ส 5-3 เชลซี TOTTENHAM HOTSPUR 5-3 CHELSEA". football-fun.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-08. สืบค้นเมื่อ 2 January 2015.
- ↑ "ไฮไลท์ฟุตบอล". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-11. สืบค้นเมื่อ 2017-02-24.
- ↑ หน้า 16 ต่อ 14 กีฬา, เคนเหมายิง ไก่จิกปืนดับ แซงชนะ2-1. เดลินิวส์ฉบับที่ 23,856: วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 แรม 5 ค่ำ เดือน 3 ปีมะเมีย
- ↑ "'เรือใบ'เปิดบ้านถล่มเวสต์บรอมวิช10-'เคน'ซัดแฮตทริกแรก-นำดาวซัลโวพา'ไก่'เฮ-'ปืน'เฉือนนิวคาสเซิล". สืบค้นเมื่อ 22 March 2015.
- ↑ "อันดับดาวซัลโว ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : ฤดูกาล 2014-2015". สืบค้นเมื่อ 25 May 2015.
- ↑ หน้า 20 บทความการศึกษา-กีฬา, เกิดอะไรขึ้น. "คิดทันเกม" โดย หมึกบอล. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,064: วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 แรม 3 ค่ำ เดือน 9 ปีมะแม
- ↑ หน้า 19 ต่อจากหน้า 17 กีฬา, ไก่เดือยทองฝืดเฉือนซันเดอร์แลนด์. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,077: วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม
- ↑ "'เคน' สุดปลื้ม! ยิงลูกแรกในฤดูกาลนี้ได้แล้ว". ไทยรัฐ. 26 September 2015. สืบค้นเมื่อ 27 September 2015.
- ↑ "คมกว่าใคร ! แฮร์รี เคน คว้ารางวัล "ดาวซัลโว" พรีเมียร์ลีก 2015-16". 90min.com. 16 May 2016. สืบค้นเมื่อ 18 May 2016.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "สโต๊คซิตี้04สเปอร์ส". thlivescore. 2016-09-10. สืบค้นเมื่อ 2016-09-10.[ลิงก์เสีย]
- ↑ หน้า 19, 'เคน'เจ็บพักนาน 10 วีก-คลอปป์รับไม่มีประตูมือ 1. ไทยรัฐปีที่ 67 ฉบับที่ 21428: วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559 แรม 5 ค่ำ เดือน 10 ปีวอก
- ↑ เหลืองอ่อน, สันติภพ (2017-01-15). "เทียบชั้น 2 ตำนาน! เคน ขึ้นแท่นแฮตทริคมากสุดของสเปอร์ส-goal.com". เฟซบุก. สืบค้นเมื่อ 2017-01-15.
- ↑ "Harry Kane Profile, News & Stats | Premier League". www.premierleague.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ https://www.standard.co.uk/topic/north-london-derby
- ↑ Kilpatrick, Dan (2021-05-18). "Kane hoping 'gentleman's agreement' will pave way for summer move". Evening Standard (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Burt, Jason (2021-08-19). "Daniel Levy playing hardball leaves Harry Kane stuck but he should not be vilified". The Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0307-1235. สืบค้นเมื่อ 2022-05-31.
- ↑ "Harry Kane finds out the hard way Daniel Levy is not for turning | Ed Aarons". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2021-08-25.
- ↑ "Pep Guardiola has no complaints over City's failure to sign Harry Kane". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2022-02-18.
- ↑ "Harry Kane: Tottenham striker fails to show up for pre-season training again amid Man City transfer interest". Sky Sports (ภาษาอังกฤษ).[ลิงก์เสีย]
- ↑ Eccleshare, Charlie. "Harry Kane transfer: Tottenham striker not involved against Pacos de Ferreira". The Athletic (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Nuno Espírito Santo praises Harry Kane for helping Tottenham to win at Wolves". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2021-08-22.
- ↑ Burt, Jason; McGrath, Mike; Dean, Sam (2021-08-25). "'Upset' Harry Kane staying at Spurs – for now – with Manchester City to be offered Cristiano Ronaldo". The Telegraph (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). ISSN 0307-1235. สืบค้นเมื่อ 2022-05-31.
- ↑ "Harry Kane's 20-minute hat-trick sinks Mura and drags Spurs from their rut". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2021-09-30.
- ↑ Ouzia, Malik (2021-10-17). "Newcastle 2-3 Tottenham: Kane breaks league duck to spoil party". Evening Standard (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Son earns Tottenham point in thrilling draw with 10-man Liverpool". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2021-12-19.
- ↑ "Harry Kane: Jamie Carragher says striker's performance was 'pure class' in stunning Spurs win at Manchester City". Sky Sports (ภาษาอังกฤษ).[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Kane and Son become Premier League's all-time top scoring partnership". ESPN.com (ภาษาอังกฤษ). 2022-02-26.
- ↑ "โอกาสมา "แฮร์รี่ เคน" ถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษหนแรก ในเกมฟาดแข้งกับลิทัวเนีย-อิตาลี". มติชน. สืบค้นเมื่อ 22 March 2015.
- ↑ ""เคน" เปิดซิงโขกพาสิงโตเฮ 4-0 กระทิงหืด 1-0". ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 28 March 2015.[ลิงก์เสีย]
- ↑ ""รูน" นำสิงโตฝัง ซาน มาริโน 6-0 ลิ่วยูโรทีมแรก". ผู้จัดการออนไลน์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-10. สืบค้นเมื่อ 6 September 2015.
- ↑ "11 แข้งยอดแย่ยูโร 2016 รอบแบ่งกลุ่ม : เคน, อิบราฮิโมวิช,เลวานดอฟสกี้ มาครบ". fourfourtwo. 24 June 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-02. สืบค้นเมื่อ 28 June 2016.
- ↑ www.whoscored.com https://www.whoscored.com/Players/83532/Show/Harry-Kane.
{{cite web}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า (help) - ↑ "England end 55-year wait for knockout win over Germany". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ "England thrash Ukraine to make last four". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ "England reach Euro 2020 final". BBC Sport (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ "Harry Kane Stats, News, Bio". ESPN (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Harry Kane Statistics | Premier League". www.premierleague.com (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-21. สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- ↑ Nast, Condé (2021-07-08). "Harry Kane's rules for goal-scoring style on and off the pitch". British GQ (ภาษาอังกฤษแบบบริติช).
- ↑ "Harry Kane's family: Meet England captain's wife Katie and their children". HELLO! (ภาษาอังกฤษ). 2021-07-13.
- ↑ McCloskey, Jimmy (2015-03-02). "Pooch pals! Spurs ace Harry Kane talks to his dogs on the phone". Dailystar.co.uk (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Harry Kane plays golf with Gary Neville: "De Bruyne is a special player" | GolfMagic". www.golfmagic.com.
- ↑ Monthly, Golf (2018-11-12). "Harry Kane Shoots Under Par Round For First Time". Golf Monthly (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ bunkered.co.uk (2018-06-19). "England striker Harry Kane is probably a better…". bunkered.co.uk (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2009/2010". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ 58.0 58.1 "Games played by แฮร์รี เคน in 2010/2011". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ 59.0 59.1 "Games played by แฮร์รี เคน in 2011/2012". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 23 August 2014.
- ↑ 60.0 60.1 60.2 "Games played by แฮร์รี เคน in 2012/2013". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 23 August 2014.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2013/2014". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 23 August 2014.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2014/2015". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 31 March 2016.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2015/2016". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 29 May 2016.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2016/2017". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 16 July 2017.
- ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2017/2018". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 2 June 2018.
"Premier League: Tottenham goal at Stoke awarded to Harry Kane". BBC Sport. 11 April 2018. สืบค้นเมื่อ 11 April 2018. - ↑ "Games played by แฮร์รี เคน in 2018/2019". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 9 June 2019.
- ↑ 67.0 67.1 "Games played by แฮร์รี เคน in 2019/2020". Soccerbase. Centurycomm. สืบค้นเมื่อ 26 December 2019.
- ↑ 68.0 68.1 "Kane, Harry". National Football Teams. Benjamin Strack-Zimmermann. สืบค้นเมื่อ 2 June 2018.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อNigeria
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEngland 4–0 Lithuania
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSan Marino 0–6 England
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEngland 2–0 Switzerland
- ↑ McNulty, Phil (26 March 2016). "Germany 2–3 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 29 May 2016.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อEngland 2–1 Turkey
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อScotland 2–2 England
- ↑ McNulty, Phil (13 June 2017). "France 3–2 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 13 June 2017.
- ↑ McNulty, Phil (1 September 2017). "Malta 0–4 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2 September 2017.
- ↑ McNulty, Phil (5 October 2017). "England 1–0 Slovenia". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 5 October 2017.
- ↑ McNulty, Phil (8 October 2017). "Lithuania 0–1 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 8 October 2017.
- ↑ McNulty, Phil (2 June 2018). "England 2–1 Nigeria". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2 June 2018.
- ↑ McNulty, Phil (18 June 2018). "Tunisia 1–2 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 19 June 2018.
- ↑ McNulty, Phil (24 June 2018). "England 6–1 Panama". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 24 June 2018.
- ↑ McNulty, Phil (3 July 2018). "Colombia 1–1 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 4 July 2018.
- ↑ McNulty, Phil (18 November 2018). "England 2–1 Croatia". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 18 November 2018.
- ↑ McNulty, Phil (22 March 2019). "England 5–0 Czech Republic". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 23 March 2019.
- ↑ McNulty, Phil (25 March 2019). "Montenegro 1–5 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 25 March 2019.
- ↑ McNulty, Phil (7 September 2019). "England 4–0 Bulgaria". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 7 September 2019.
- ↑ McNulty, Phil (10 September 2019). "England 5–3 Kosovo". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 10 September 2019.
- ↑ McNulty, Phil (11 October 2019). "Czech Republic 2–1 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 11 October 2019.
- ↑ McNulty, Phil (14 October 2019). "Bulgaria 0–6 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 14 October 2019.
- ↑ McNulty, Phil (14 November 2019). "England 7–0 Montenegro". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 14 November 2019.
- ↑ McNulty, Phil (17 November 2019). "Kosovo 0–4 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 17 November 2019.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ2015LC
- ↑ McNulty, Phil (25 April 2021). "Manchester City 1–0 Tottenham Hotspur". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 25 April 2021.
- ↑ McNulty, Phil (1 June 2019). "Tottenham Hotspur 0–2 Liverpool". BBC Sport. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 August 2019. สืบค้นเมื่อ 1 June 2019.
- ↑ McNulty, Phil (9 June 2019). "Switzerland 0–0 England". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 12 June 2019.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Profile at the Tottenham Hotspur F.C. website
- Profile at the Football Association website
- แฮร์รี เคน – สถิติการลงแข่งจากสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (UEFA) (อังกฤษ)
- แฮร์รี เคน – สถิติการลงแข่งจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (FIFA) (ในภาษาอังกฤษ)