อำเภอเขมราฐ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
เขมราฐ หมายถึง ดินแดนแห่งความเกษมสุข[1] เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด มีแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านบริเวณอำเภอ อำเภอเขมราฐเป็นอำเภอที่มีอาณาเขตติดกับแม่น้ำโขงเป็นระยะทางยาวกว่า 40 กิโลเมตร ลักษณะสำคัญของแม่น้ำโขงคือเป็นพรมแดนทางธรรมชาติที่สำคัญ โดยฝั่งตรงข้ามคือ เมืองสองคอน แขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว เขมราฐเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพแม่น้ำโขงที่สวยงาม หาดทรายที่มีชื่อเสียงคือ หาดทรายสูง ประเพณีที่สำคัญของอำเภอคือประเพณีแข่งเรือยาวซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในฤดูน้ำหลาก
อำเภอเขมราฐ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Khemarat |
คำขวัญ: ต้นตำรับรำตังหวาย ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์น้ำใจงาม สุดเขตแดนสยาม มะขามหวานหลายหลาก กล้วยตากรสดี ประเพณีแห่เทียนพรรษา แข่งนาวาสองฝั่งโขง | |
แผนที่จังหวัดอุบลราชธานี เน้นอำเภอเขมราฐ | |
พิกัด: 16°2′24″N 105°12′24″E / 16.04000°N 105.20667°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | อุบลราชธานี |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 526.75 ตร.กม. (203.38 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2564) | |
• ทั้งหมด | 82,826 คน |
• ความหนาแน่น | 157.24 คน/ตร.กม. (407.2 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 34170 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 3405 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอเขมราฐ ถนนอรุณประเสริฐ ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี 34170 |
เว็บไซต์ | http://www.khemarat.net |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
ประวัติศาสตร์
แก้เมื่อปี พ.ศ. 2357 อุปฮาด (ก่ำ) แห่งเมืองอุบลราชธานี ขอแยกออกมาตั้งบ้านเมืองใหม่ที่บ้านโคกก่งดงพะเนียง ต่อมาพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวทิดพรหม) พระประเทศราชผู้ครองเมืองอุบลราชธานี พระองค์ที่ 2 (ต้นสกุลพรหมวงศานนท์) จึงมีใบบอกลงไปกราบบังคมทูลทรงพระกรุณาทราบพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านโคกก่งดงพะเนียง ขึ้นเป็นเมือง พระราชทานนามว่า เขมราษฎร์ธานี ดำรงสถานะเทียบเท่าหัวเมืองชั้นเอกขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร ตามที่พระพรหมวรราชสุริยวงศ์กราบบังคมทูล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้อุปฮาด (ก่ำ) ซึ่งเป็นบุตรของ พระวอ หรือ พระวรราชภักดี เป็น พระเทพวงศา (ท้าวก่ำ) ผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานีพระองค์แรก (พ.ศ. 2357-2369) ปกครองเมืองเขมราษฎร์ธานีโดยร่มเย็นสืบมา
ชื่อบ้านนามเมือง เขมราษฎร์ธานี หรือ เขมราฐ แต่ก็มีความหมายเดียวกันคือ
- เขม เป็นคำมาจากภาษาบาลี หมายถึง ความเกษมสุข โดยคำที่เทียบเคียงคือคำว่า "เกษม" ที่มาจากภาษาสันสกฤต
- ราษฎร เป็นคำที่มาจากภาษาลีสันสกฤตมีความหมายตรงกับ “รัฐ” หรือ “รัฏฐ” ซึ่งมาจากภาษาบาลี หมายถึง แว่นแคว้น หรือดินแดนนั้นเอง
ดังนั้น คำว่า "เขมราษฎร์ธานี" หรือ "เขมราฐ" จึงมีความหมายรวมว่า ดินแดนแห่งความเกษมสุข
ระหว่างปี พ.ศ. 2369 เกิดศึกระหว่างกรุงเทพมหานครกับนครเวียงจันทน์ เจ้าอนุวงศ์ ได้บัญชาการให้เจ้าราชบุตรแห่งนครจำปาศักดิ์ ยกทัพมายึดเมืองเขมราษฎร์ธานี แลขอให้ พระเทพวงศา (ท้าวก่ำ) เข้าร่วมตีกรุงเทพฯ ด้วย แต่ทว่าพระเทพวงศา นั้นไม่ยินยอมจะเข้าด้วยกับแผนการ และการศึกครั้งนี้ จึงเป็นเหตุให้พระเทพวงศาถูกจับประหารชีวิต พระเทพวงศา (ท้าวก่ำ) มีบุตร และบุตรี 4 คน คือ
- ท้าวบุญจันทร์
- ท้าวบุญเฮ้า
- หลวงชำนาญไพรสณฑ์ (แดง) ต่อมาเป็นที่พระกำจรจาตุรงค์ (แดง) เจ้าเมืองวารินทร์ชำราบ คนที่ 1
- นางหมาแพง
ปี พ.ศ. 2371 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวบุญจันทร์ บุตรพระเทพวงศา (ท้าวก่ำ) เป็นที่พระเทพวงศา (บุญจันทร์) ครอง เมืองเขมราษฎร์ธานี คนที่ 2 (พ.ศ. 2371-2395) พระเทพวงศา (บุญจันทร์) ท่านมีบุตรชาย 2 คน คือ ท้าวบุญสิงห์ และท้าวบุญชัย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองโขงเจียม และเมืองเสมี๊ยะ ขึ้นตรงต่อเจ้าเมืองจำปาสัก มาขึ้นตรงต่อเมืองเขมราษฎร์ธานี
ปี พ.ศ. 2396 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวบุญเฮ้า บุตรพระเทพวงศา (ท้าวก่ำ) เป็น พระเทพวงศา (บุญเฮ้า) เจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี คนที่ 3 (พ.ศ. 2396-2408)
ปี พ.ศ. 2408 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวบุญสิงห์ บุตรพระเทพวงศา (บุญจันทร์) เป็นที่พระเทพวงศา (บุญสิงห์) เจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี คนที่ 4 (พ.ศ. 2408-2428) ได้ลาออกด้วย โรคชรา ในปี พ.ศ. 2428 และถือเป็นต้น สกุล อมรสิน และอมรสิงห์) มีบุตร 2 คน คือ ท้าวจันทบรม (เสือ) และท้าวขัตติยะ (พ่วย)
ปี พ.ศ. 2388 พระสีหนาท และพระไชยเชษฐา นายครัวชาวผู้ไท เมืองตะโปน ได้อพยพข้ามแม่น้ำโขง มาขอ โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านคำเมืองแก้วขึ้นเป็นเมืองคำเขื่อนแก้ว (ปัจจุบัน คือ พื้นที่ อ.ชานุมาน) ขึ้นสังกัด เมืองเขมราษฎร์ธานี
พ.ศ. 2401 ท้าวจันทบรม (เสือ อมรสิน) บุตรพระเทพวงศา ได้ขอยกบ้านค้อใหญ่ ขึ้นเป็น เมืองอำนาจเจริญ (ปัจจุบันคือ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ) ให้ ท้าวจันทบรม (เสือ อมรสิน) เป็นที่ พระอมรอำนาจ เจ้าเมืองอำนาจเจริญ คนแรก โดยให้ ขึ้นตรงต่อเมืองเขมราษฎร์ธานี
พ.ศ. 2422 เพียเมืองจัน กรมการเมืองเขมราษฎร์ธานี ได้ขอนำไพร่พล แยกออกไปตั้ง บ้านผะเหลา ขึ้นเป็นเมือง พนานิคม (ปัจจุบัน อ.พนานิคม จ.อำนาจเจริญ) โปรดเกล้าฯ ตั้ง เพียเมืองจัน เป็น พระจันทวงษา เจ้าเมืองคนแรก ขึ้นสังกัดเมืองอุบลราชธานี
พ.ศ. 2423 หลวงชำนาญไพรสณฑ์ (แดง) บุตรพระเทพวงศา (ก่ำ) ได้ขอแยกออกไปตั้ง บ้านนากอนจอ ขึ้นเป็นเมือง วารินทร์ชำราบ โปรดเกล้าฯ ตั้ง หลวงชำนาญไพรสณฑ์ (แดง) เป็น พระกำจรจาตุรงค์ เจ้าเมืองคนแรก ขึ้นสังกัดเมืองจำปาศักดฺ์ ภายหลังจึงได้ย้ายมาขึ้นสังกัด เมืองเขมราษฎร์ธานี
พ.ศ. 2425 พระไชยจันดี กรมการเมืองเขมราษฎร์ธานี ได้ขอนำไพร่พล แยกออกไปตั้ง บ้านที ขึ้นเป็นเมือง เกษมสีมา (ปัจจุบัน ตำบลเกษม อ.ตระการพืชผล) โปรดเกล้าฯ ตั้ง พระไชยจันดี เป็น พระพิไชยชาญณรงค์ เจ้าเมืองคนแรก ขึ้นสังกัดเมืองอุบลราชธานี
ปี พ.ศ. 2428 โปรดเกล้าฯ ให้ท้าวขัตติยะ (พ่วย) บุตรพระเทพวงศา (บุญสิงห์) รักษาราชการ เจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี ลำดับที่ 5 (พ.ศ. 2428-2435) และได้ป่วยเสียชีวิต ด้วยโรคท้องร่วง ในปี พ.ศ. 2435
พ.ศ. 2436 เจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ได้เข้าครอบครองฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เมืองเขมราฐ อยู่ในระยะ 25 กิโลเมตร จากฝั่งแม่น้ำโขง เป็นเขตปลอดทหาร
ปี พ.ศ. 2440-2442 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวโพธิสาร (คำบุ) เป็นที่พระเขมรัฐเดชชนารักษ์ ผู้ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองเขมราฐ ให้ท้าวโพธิราช (หล้า) เป็นที่พระเขมรัฐศักดิ์ชนาบาล ตำแหน่งปลัดเมือง ให้ท้าวโพธิสารราช (ห้อ) เป็นที่พระเขมรัฐกิจบริหาร ตำแหน่งยกกระบัตรเมือง และหลวงจำนงค์ (แสง) เป็นที่หลวงเขมรัฐการอุตส่าห์ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าราชการเมือง
ปี พ.ศ. 2444 ได้เกิดเหตุการณ์ ขบวนการผู้มีบุญ หรือ ขบถผีบุญ หลายพื้นที่ในภาคอีสาน และมี องค์มั่น นำพวกเมืองโขงเจียม ราว 1,000 คน เข้าปล้น เมืองเขมราฐ ฆ่ากรมการเมือง ปล่อยนักโทษ จับตัวบังคับ พระเขมรัฐเดชชนารักษ์ (คำบุ) ผู้ว่าราชการเมืองเขมราฐ ให้เข้าร่วมขบวนการ โดยมีประชาชน เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ยกพวกเข้ายึด เมืองเกษมสีมา แล้วไปตั้งค่าย อยู่บ้านสะพือ เพื่อมุ่งหน้าจะเข้าตีเมืองตระการพืชผล และจะเข้ายึด เมืองอุบลราชธานี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ ซึ่งกำกับ มณฑลลาวกาว จึงได้ส่งกองทหาร ออกมาปราบ จนเกิดการสู้รบ กันที่บ้านสะพือ ทำให้ขบวนการผู้มีบุญแตกพ่าย
ปี พ.ศ. 2445 ทางราชการได้ปรับลดฐานะเมืองโขงเจียม เมืองคำเขื่อนแก้ว เมืองอำนาจเจริญ และเมืองวารินทร์ชำราบ ที่เคยขึ้นตรงต่อเมืองเขมราฐ ให้เป็นอำเภอแต่คงให้ขึ้นตรงต่อเมืองเขมราฐเช่นเดิม ส่วนเมืองเขมราฐให้แบ่งออกเป็น 2 อำเภอคือ อำเภออุไทยเขมราฐ และอำเภอปจิมเขมราฐ มี * พระเขมรัฐเดชชนารักษ์ (คำบุ) เป็นผู้ว่าราชการเมืองเขมราฐ
- พระเขมรัฐศักดิ์ชนาบาล (หล้า) เป็นปลัดเมือง
- พระเขมรัฐกิจบริหาร (ห้อ) เป็นยกระบัตรเมือง
- ท้าวสิทธิกุมาร รักษาการแทนนายอำเภออุไทยเขมราฐ
- ท้าวมหามนตรี รักษาการแทนนายอำเภอปจิมเขมราฐ
- หลวงธรรโมภาสพัฒนเดช (ทอง) รักษาการแทนนายอำเภออำนาจเจริญ
- ท้าวจารจำปา รักษาการแทนนายอำเภอคำเขื่อนแก้ว
- ท้าวสน รักษาการแทนนายอำเภอโขงเจียม
- ราชวงศ์ (บุญ) รักษาการแทนนายอำเภอวารินทร์ชำราบ
อันมีอำนาจปกครอง 6 อำเภอ แสดงให้เห็นว่าเมืองเขมราฐยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก
ครั้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ ปรับปรุงการปกครองส่วนภูมิภาคครั้งใหญ่ เพื่อให้บังเกิดผลตามที่กำหนดใน “พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 116” มณฑลอีสานถูกแบ่งออกเป็น 8 บริเวณ สำหรับเมืองอุบลราชธานี มีอยู่ 3 เมือง คือ เมืองอุบลราชธานี เมืองยโสธร และเมืองเขมราฐ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ทางราชการได้ยุบอำเภอปจิมเขมราฐ และอำเภอคำเขื่อนแก้ว โดยให้ไปรวมกับอำเภออุไทยเขมราฐ และในปลายปี พ.ศ. 2452 ทางราชการได้ถูกลดฐานะเมืองเขมราฐลงเป็นอำเภอเขมราฐ ส่วนอำเภอที่เคยขึ้นตรงต่อก็ให้โอนไปอยู่ในเขตการปกครองของเมืองยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี
ปี พ.ศ. พ.ศ. 2455 อำเภอเขมราฐจึงถูกโอนย้ายมาขึ้นกับจังหวัดอุบลราชธานีจนถึงกระทั่งปัจจุบัน โดยมีพระเกษมสำราญรัฐ (แสง จารุเกษม) เป็นนายอำเภอคนแรก[2]
ปี พ.ศ. 2511 แบ่งพื้นที่อำเภอเขมราฐจัดตั้งเป็นอำเภอชานุมาน
พ.ศ. 2525 แบ่งพื้นที่อำเภอเขมราฐจัดตั้งเป็นอำเภอโพธิ์ไทร
พ.ศ. 2537 แบ่งพื้นที่อำเภอเขมราฐจัดตั้งเป็นอำเภอนาตาล
กรณีจัดตั้งจังหวัดเขมราษฎร์ธานี
แก้การยกฐานะอำเภอเขมราฐขึ้นเป็นจังหวัดเขมราษฏร์ธานี โดยอ้างอิงถึงหนังสือของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 ถึงนายอำเภอตระการพืชผล อำเภอศรีเมืองใหม่ อำเภอโขงเจียม อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอกุดข้าวปุ้น และนายอำเภอนาตาล โดยข้อความในหนังสือ มีดังนี้ ด้วยจังหวัดอุบลราชธานี ได้รับรายงานจากอำเภอเขมราฐว่า มีความประสงค์จะจัดตั้งจังหวัดขึ้นใหม่ เป็นจังหวัดเขมราษฎร์ธานี โดยมีอำเภอในเขตการปกครอง จำนวน 7 อำเภอ ประกอบด้วย เขมราฐ ตระการพืชผล ศรีเมืองใหม่ โขงเจียม โพธิ์ไทร กุดข้าวปุ้น และนาตาล แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดในทุกๆ ด้าน
รายพระนามเจ้าผู้ครองเมือง
แก้รายพระนามเจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี
แก้รายนามเจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี | |
รายนาม | วาระการดำรงตำแหน่ง |
---|---|
พระเทพวงศา (เจ้าก่ำ) | พ.ศ. 2357-2369 |
พระเทพวงศา (บุญจันทร์) | พ.ศ. 2371-2395 |
พระเทพวงศา (บุญเฮ้า) | พ.ศ. 2396-2408 |
พระเทพวงศา (บุญสิงห์) | พ.ศ. 2408-2428 |
พระเทพวงศา (พ่วย) | พ.ศ. 2428-2435 |
พระเขมรัฐเดชนารักษ์ | พ.ศ. 2435-2442 |
พ.ศ. 2442-2453 | |
อ้างอิง:[3] |
ที่ตั้งและอาณาเขต
แก้อำเภอเขมราฐตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากตัวจังหวัด 105 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานคร 750 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่การปกครองข้างเคียงดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงสุวรรณเขต (ประเทศลาว)
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงสาละวัน (ประเทศลาว) และอำเภอนาตาล
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอโพธิ์ไทรและอำเภอกุดข้าวปุ้น
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอปทุมราชวงศาและอำเภอชานุมาน (จังหวัดอำนาจเจริญ)
ภูมิประเทศ
แก้อำเภอเขมราฐมีสภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงสลับเนินเขา ลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย และมีสภาพเป็นดินเหนียวตาไหล่เขา มีป่าไม้เบญจพรรณอยู่ทั่วไปเป็นลักษณะป่าโปร่ง มีแม่น้ำโขงไหลผ่านตามแนวชายแดนด้านทางทิศเหนือ และทิศตะวันออกตลอดแนวประมาณ 43 กิโลเมตร และมีห้วยบังโกย ไหลผ่านตัวเมืองเขมราฐอีกด้วย ส่วนฤดูกาล โดยทั่วไป มี 3 ฤดูคือ
- ฤดูร้อน
ช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนพฤษภาคม อากาศจะแห้ง และมีลักษณะอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป
- ฤดูฝน
ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม - ต้นเดือนตุลาคม มีฝนตกโดยทั่วไปในท้องที่และมีน้ำหลาก
- ฤดูหนาว
ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน - เดือนมีนาคม อุณหภูมิในอากาศค่อย ๆ ลดระดับลง เนื่องจากได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
การปกครองส่วนภูมิภาค
แก้อำเภอเขมราฐแบ่งการปกครองออกเป็น 9 ตำบล 123 หมู่บ้าน ได้แก่
การปกครองส่วนท้องถิ่นแก้ท้องที่อำเภอเขมราฐประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง ได้แก่
สถานศึกษาแก้โรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตเทศบาลตำบลเขมราฐ
โรงเรียนมัธยมศึกษาและประถมศึกษาอื่น ๆ
ฯลฯ วิทยาลัย มหาวิทยาลัย
การคมนาคมแก้รถยนต์แก้
อำเภอเขมราฐ มีทางหลวงแผ่นดิน 6 เส้นทาง ดังนี้
รถไฟแก้อำเภอเขมราฐไม่มีเส้นทางรถไฟผ่าน และต้องอาศัยการเดินทางมายังสถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นสามารถโดยสารรถประจำทางหรือรถขนส่งร่วมบริการมายังอำเภอเขมราฐ ด้วยระยะทาง 110 กิโลเมตร อากาศยานแก้ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินลงมาที่ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี แล้วต่อรถโดยสารประจำทางหรือรถตู้มายังอำเภอเขมราฐ ระยะทาง 106 กิโลเมตร สถานที่ราชการสำคัญแก้
สถานที่ท่องเที่ยวแก้
เทศกาลและประเพณีแก้
ธนาคารในอำเภอแก้
ผลิตภันฑ์สินค้าส่งออกแก้
แหล่งข้อมูลอื่นแก้หนังสือและบทความแก้
เว็บไซต์แก้อ้างอิงแก้
|