อินโดจีนของฝรั่งเศส
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
อินโดจีนของฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: Indochine française, อังกฤษ: French Indochina) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น สหภาพอินโดจีน (Union Indochinoise) เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2430 โดยประกอบด้วยตังเกี๋ย อันนัม โคชินไชนา (ทั้งสามแห่งรวมกันเป็นประเทศเวียดนามในปัจจุบัน) และกัมพูชา ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 จึงได้รวมเอาลาวเข้ามา อินโดจีนมีไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงจนถึงปี พ.ศ. 2445 จึงได้ย้ายเมืองหลวงมาที่ฮานอย ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง อินโดจีนถูกปกครองโดยฝรั่งเศสเขตวีชีและยังถูกญี่ปุ่นรุกรานด้วย ในต้นปี พ.ศ. 2489 เวียดมินห์ได้เริ่มต่อต้านการปกครองของฝรั่งเศส ซึ่งในภายหลังเรียกว่าสงครามอินโดจีน ส่วนทางใต้ได้มีการก่อตั้งรัฐเวียดนามซึ่งนำโดยจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย แห่งเวียดนาม และได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2492 แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2498 เวียดมินห์ก็ได้กลายเป็นรัฐบาลของเวียดนามเหนือตามอนุสัญญาเจนีวา โดยที่รัฐบาลของจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย ยังคงปกครองเวียดนามใต้อยู่
สหภาพอินโดจีน | |
---|---|
ค.ศ. 1887–1945 ค.ศ. 1945–1954 | |
มหาลัญจกร[a]
| |
แผนที่อินโดจีนของฝรั่งเศส ไม่รวมGuangzhouwan | |
สถานะ | สหพันธรัฐอาณานิคมฝรั่งเศส |
เมืองหลวง | |
ภาษาทั่วไป | ฝรั่งเศส (ทางการ) |
ศาสนา | |
การปกครอง | สหพันธรัฐฝรั่งเศส |
ผู้ว่าราชการ | |
• 1887–1888 (คนแรก) | Ernest Constans |
• 1955–1956 (คนสุดท้าย) | Henri Hoppenot[d] |
ยุคประวัติศาสตร์ | จักรวรรดินิยมใหม่ |
ค.ศ. 1858–85 | |
• ก่อตั้ง | 17 ตุลาคม ค.ศ. 1887 |
19 เมษายน ค.ศ. 1899 | |
• ได้พื้นที่Guangzhouwan | 5 มกราคม ค.ศ. 1900 |
22 กันยายน ค.ศ. 1940 | |
ตุลาคม ค.ศ. 1940 – พฤษภาคม ค.ศ. 1941 | |
9 มีนาคม ค.ศ. 1945 | |
13 กันยายน ค.ศ. 1945 | |
19 ธันวาคม ค.ศ. 1946 | |
21 กรกฎาคม ค.ศ. 1954 | |
สกุลเงิน | ปียัสทร์อินโดจีนของฝรั่งเศส |
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | เวียดนาม ลาว กัมพูชา จีน |
|
การแทรกแซงครั้งแรกของฝรั่งเศส
แก้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและฝรั่งเศสเริ่มต้นขึ้นเมื่อราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยมีมิชชันนารีคณะเยสุอิตนำโดยบาทหลวงอาแล็กซ็องดร์ เดอ รอด เข้ามาเผยแผ่คริสต์ศาสนาในช่วงเวลาดังกล่าว เวียดนามเพิ่งจะเข้าครอบครองดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ซึ่งเคยเป็นดินแดนของอาณาจักรจามปามาได้ไม่นานนัก[2] ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับยุโรปจำกัดอยู่แค่เรื่องการค้าเท่านั้น ในปี พ.ศ. 2330 ปีโญ เดอ เบแอนได้ร้องเรียนรัฐบาลฝรั่งเศสและจัดตั้งอาสาสมัครทหารฝรั่งเศสเพื่อช่วยเหลือเหงียน อั๊ญ (ซึ่งภายหลังคือจักรพรรดิยา ลอง) ให้ได้ดินแดนที่สูญเสียให้กับราชวงศ์เต็ยเซินกลับคืนมา ปีโญเสียชีวิตในเวียดนาม แต่กองทหารของเขายังคงต่อสู้จนถึงปี พ.ศ. 2345 ฝรั่งเศสเข้าไปเกี่ยวของกับเวียดนามอย่างมากในคริสต์ศตวรรษที่ 19 อาทิเช่น การปกป้องกิจการของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ซึ่งเข้ามาเผยแผ่นิกายโรมันคาทอลิก การกระทำดังกล่าวทำให้ราชวงศ์เหงียนรู้สึกว่าคณะมิชชันนารีที่เข้ามานั้นเป็นการคุกคามทางการเมือง
ในปี พ.ศ. 2401 ราชวงศ์เหงียนได้รวบรวมดินแดนทั้งหมดไว้ได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งทำได้สำเร็จโดยการบุกโจมตีดานังของพลเรือเอกชาร์ล รีโกล เดอ เฌอนูยี ซึ่งทำให้คณะมิชชินนารีไม่ถูกขับไล่ ในเดือนกันยายนกองทัพผสมระหว่างฝรั่งเศสและชาวพื้นเมืองในอาณานิคมของสเปน[3]ได้เข้าโจมตีท่าเรือตูรานที่ดานังและยึดเมืองสำเร็จในที่สุด
เดอ เฌอนูยีได้ล่องเรือลงไปทางใต้ และได้เข้าครอบครองไซ่ง่อนเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2402 ต่อมารัฐบาลเวียดนามถูกบังคับให้ยกเบียนหฮว่า ซาดิ่ญ และดิ่ญเตื่องให้กับฝรั่งเศส เดอ เฌอนูยีถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกถอดออกจากหน้าที่ในเดือนพศจิกายน พ.ศ. 2402 เพราะว่าเขาได้รับคำสั่งให้ปกป้องศาสนาคริสต์ ไม่ใช่เพื่อขยายอาณาเขต อย่างไรก็ดี นโยบายของฝรั่งเศสในช่วงเวลาสี่ปีถัดมากลับเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม ดินแดนของฝรั่งเศสในเวียดนามค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในปี พ.ศ. 2405 ฝรั่งเศสได้รับสัมปทานท่าเรือสามแห่งในอันนัม ตังเกี๋ย และโคชินไชนาจากจักรพรรดิตึ ดึ๊ก และต่อมาในปี พ.ศ. 2407 ฝรั่งเศสก็ประกาศดินแดนของฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2410 จังหวัดเจิวด๊ก (โชฎก) ห่าเตียน และหวิญล็องก็ตกเป็นของฝรั่งเศส
ในปี พ.ศ. 2406 สมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ได้ขอให้กัมพูชาเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส และในปี พ.ศ. 2410 สยามได้ประกาศยกเลิกอำนาจเหนือกัมพูชาและยอมรับสถานะกัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส โดยแลกกับจังหวัดพระตะบองและเสียมราฐ
การสถาปนาอินโดจีนของฝรั่งเศส
แก้ฝรั่งเศสได้เข้าควบคุมเวียดนามเหนือหลังจากได้รับชัยชนะในสงครามจีน-ฝรั่งเศสระหว่างปี พ.ศ. 2427 - 2428 ฝรั่งเศสได้รวมเอาดินแดนทั้งสี่แห่งเข้าไว้ด้วยกันเป็นอินโดจีนของฝรั่งเศสเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2430 ส่วนลาวนั้นถูกผนวกเข้าภายหลังสงครามฝรั่งเศส-สยาม
โดยนิตินัย ฝรั่งเศสได้มอบอำนาจให้กับผู้ปกครองท้องถิ่นในรัฐในอารักขาทั้งสี่ ได้แก่ จักรพรรดิเวียดนาม กษัตริย์กัมพูชา และเจ้ามหาชีวิตลาว แต่ในความเป็นจริงแล้ว อำนาจอยู่กับข้าหลวงใหญ่มากกว่าบรรดาผู้ปกครองท้องถิ่น โดยผู้ปกครองท้องถิ่นเป็นเหมือนหุ่นเชิดเท่านั้น ฝรั่งเศสปกครองอินโดจีนอยู่จนถึงปี พ.ศ. 2497
การก่อจลาจลในเวียดนาม
แก้กองทหารฝรั่งเศสขึ้นฝั่งเวียดนามในปี พ.ศ. 2401 และในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1880 ก็ได้แผ่ขยายเข้าไปในภาคเหนือของเวียดนาม ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2428 -2438ฟาน ดิ่ญ ฝุ่งได้นำการก่อจลาจลต่อต้านฝรั่งเศส แนวคิดชาตินิยมได้รุนแรงขึ้นในเวียดนาม โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและหลังจากนั้นเป็นต้นมา แต่การลุกฮือและความพยายามทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้เกิดอะไรขึ้น
สงครามฝรั่งเศส-สยาม
แก้ข้อพิพาทดินแดนในคาบสมุทรอินโดจีนจากการขยายอาณาเขตของอินโดจีน นำไปสู่สงครามระหว่างสยามและฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2436 ทางฝรั่งเศสได้ใช้ข้อขัดแย้งในเรื่องเขตแดนในการกระตุ้นวิกฤตขึ้นมา เรือปืนของฝรั่งเศสได้บุกเข้ามาถึงกรุงเทพมหานครและเรียกร้องให้สยามส่งมอบดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ขอความช่วยเหลือจากอังกฤษ แต่ทูตอังกฤษได้แนะนำให้ยอมทำตามคำร้องขอของฝรั่งเศส อังกฤษได้ทำข้อตกลงร่วมกับฝรั่งเศสว่าจะรับรองบูรณภาพของดินแดนส่วนที่เหลือสยาม โดยสยามจะต้องยอมยกดินแดนในรัฐฉานให้กับอังกฤษ และยกลาวให้กับฝรั่งเศส
การรุกล้ำมากขึ้นในสยาม (พ.ศ. 2447-2450)
แก้ฝรั่งเศสได้กดดันสยามอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2449-2450 ได้เกิดวิกฤตขึ้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้ สยามต้องยอมรับว่าดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงฝั่งตรงข้ามเมืองหลวงพระบางและพื้นที่ทางตะวันตกของแขวงจำปาศักดิ์ในปัจจุบันเป็นของฝรั่งเศส ฝรั่งเศสยังยึดจันทบุรีไว้เป็นประกัน และเพื่อที่จะได้จันทบุรีกลับมา สยามต้องยอมยกตราดให้เป็นส่วนหนึ่งของอินโดจีน ตราดกลับมาเป็นของไทยอีกครั้งในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 โดยต้องแลกกับดินแดนมณฑลบูรพา ได้แก่ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และ ปัจจันตคีรีเขตร์
ในคริสต์ทศวรรษ 1930 สยามได้เรียกร้องให้ฝรั่งเศสส่งมอบดินแดนที่เคยเป็นของสยามกลับคืน และในปี พ.ศ. 2481 ฝรั่งเศสก็ได้ตกลงที่จะส่งมอบนครวัด นครธม เสียมราฐ แสนปาง และบริเวณเกี่ยวเนื่องแก่สยาม ในขณะนั้น สยามก็เข้าครอบครองดินแดนที่ได้รับคืน โดยคาดหวังในสนธิสัญญาที่กำลังจะมีขึ้น ผู้ลงนามของทั้งสองประเทศได้เดินทางไปยังโตเกียวเพื่อลงนามในสนธิสัญญาส่งมอบดินแดนคืน
พรรคชาตินิยมเวียดนาม
แก้เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 ทหารเวียดนามได้ลุกฮือขึ้นในกองทหารรักษาการแห่งเอียนบ๊าย การจลาจลแห่งเอียนบ๊ายได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาตินิยมเวียดนาม (Việt Nam Quốc Dân Đảng) การปะทะกันครั้งนี้เป็นการก่อความไม่สงบครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่การก่อจลาจลของฟาน ดิ่ญ ฝุ่ง และ ขบวนการจักรพรรดินิยมเกิ่นเวืองในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จุดประสงค์ของการปฏิวัติคือเพื่อจะกระตุ้นให้การลุกฮือแผ่ขยายขึ้นในหมู่ประชาชนทั่วไปที่มีเป้าหมายที่จะล้มอำนาจเจ้าอาณานิคม ก่อนหน้านี้ พรรคชาตินิยมเวียดนามได้พยายามที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมลับที่จะบ่อนทำลายอำนาจการปกครองของฝรั่งเศส แต่ก็ทำให้ฝรั่งเศสจับตามองการกระทำดังกล่าวและทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการปะทะกับในพื้นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดงในเวียดนามเหนือ
สงครามฝรั่งเศส-ไทย (พ.ศ. 2483-2484)
แก้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยได้โอกาสอ้างสิทธิในดินแดนที่เคยเป็นของตนขณะที่ฝรั่งเศสกำลังอ่อนแอ จึงเปิดสงครามระหว่างไทยและฝรั่งเศสขึ้นในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2483 - 28 มกราคม พ.ศ. 2484 ในเดือนมกราคมกองทัพเรือฝรั่งเศสสามารถเอาชนะกองทัพเรือไทยได้ในการรบที่เกาะช้าง สงครามจบลงตามโดยมีญี่ปุ่นเป็นตัวกลางในการเจรจา โดยที่ไทยได้รับดินแดนกลับคืนมาบางส่วน
สงครามโลกครั้งที่สอง
แก้ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2483 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ฝรั่งเศสเขตวีชีซึ่งเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของนาซีเยอรมนี ได้อนุญาตให้ญี่ปุ่นเข้ามาในตังเกี๋ย เพื่อให้ญี่ปุ่นสามารถยกทัพเข้าไปในจีนได้สะดวกขึ้น เหตุการณ์นี้ทำให้ไทยถือโอกาสอ้างสิทธิ์ในดินแดนที่เคยเสียไป ทำให้เกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสและไทยระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2483 - 28 มกราคม พ.ศ. 2484 ในเวลาต่อมา
อ้างอิง
แก้- ↑ Lecompte, Jean. Monnaies et jetons de l'Indochine Française. (Principality of Monaco, 2013) Quote: "Les légendes sont bien sûr modifiées. A gauche, les attributs de l'agriculture et des beaux-arts sont remplacés par des épis de riz et à droite figure une ancre symbolisant le ministère de la Marine et des Colonies. Hélas, Albert-Désiré Barre décède le 29 décembre 1878 et c'est alors son frère aîné Auguste-Jean Barre qui lui succède et mène à terme le projet. Les premières frappes sortent en 1879." (ในภาษาฝรั่งเศส))
- ↑
Kahin, George McTurnin (1967). The United States in Vietnam: An analysis in depth of the history of America's involvement in Vietnam. Delta Books.
{{cite book}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ Chapuis, Oscar (1995). A History of Vietnam: From Hong Bang to Tu Duc (Google Book Search). Greenwood Publishing Group. p. 195. ISBN 0313296227.
บรรณานุกรม
แก้- Addington, Larry H. (2000). America's War in Vietnam: A Short Narrative History. Indiana University Press. p. 30. ISBN 0-253-21360-6. สืบค้นเมื่อ 28 November 2010.
- Bailey, Gauvin Alexander (2018). "Photos of European Colonial Architecture Around the World". Colonial Architecture Project. Queen's University at Kingston, Canada. สืบค้นเมื่อ 4 August 2019.
- Brocheux, Pierre, and Daniel Hemery. Indochina: An Ambiguous Colonization, 1858–1954 (University of California Press; 2010) 490 pages; a history of French Indochina.
- Chandler, David (2007). A History of Cambodia (4th ed.). Boulder, Colorado: Westview Press. ISBN 978-0-8133-4363-1.
- Chapuis, Oscar (1995). A History of Vietnam: From Hong Bang to Tu Duc. Greenwood Publishing Group. ISBN 0-313-29622-7.
- Chapuis, Oscar (2000). The Last Emperors of Vietnam: From Tu Duc to Bao Dai. Greenwood Publishing Group. ISBN 978-0-313-31170-3.
- "The Country's Cultural and Tourist Center". Hochiminh City. HCM City Web. 2005. สืบค้นเมื่อ 4 August 2019.
- Duiker, William (1976). The Rise of Nationalism in Vietnam, 1900–1941. Ithaca, New York: Cornell University Press. ISBN 0-8014-0951-9.
- Duong, Van Nguyen (2008). The Tragedy of the Vietnam War: a South Vietnamese Officer's Analysis. McFarland. ISBN 978-0-7864-3285-1.
- Edwards, Penny (2007). Cambodge: The Cultivation of a Nation, 1860–1945. Honolulu: U of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-2923-0.
- Errington, Elizabeth Jane (1990). The Vietnam War as history: edited by Elizabeth Jane Errington and B.J.C. McKercher. Greenwood Publishing Group. ISBN 0-275-93560-4. สืบค้นเมื่อ 28 November 2010.
- Evans, Grant (2002). A Short History of Laos. Crow's Nest, Australia: Allen and Unwin. ASIN B000MBU21O.
- Forbes, Andrew; Henley, David (2012). Vietnam Past and Present: The North (History of French colonialism in Tonkin). Chiang Mai: Cognoscenti Books. ASIN B006DCCM9Q.
- Harris, Richard. "Indochina and the French" History Today (Feb 1955) 5#3 pp 84–94.
- Kahin, George McTurnin; John W. Lewis (1967). The United States in Vietnam: An analysis in depth of the history of America's involvement in Vietnam. Delta Books.
- Llewellyn, Jennifer; Jim Southey; Steve Thompson (2018). "Conquest and Colonisation of Vietnam". Alpha History. Alpha History. สืบค้นเมื่อ 4 August 2019.
- Logevall, Fredrik. Embers of War: The Fall of an Empire and the Making of America's Vietnam (2014). Pulitzer Prize
- Marr, David (1971). Vietnamese Anticolonialism, 1885–1925. Berkeley: University of California Press. ISBN 0-520-01813-3.
- Marr, David (1982). Vietnamese Tradition on Trial, 1920–1945. Berkeley: University of California Press. ISBN 0-520-04180-1.
- Marr, David (1995). Vietnam 1945: The Quest for Power. Berkeley: University of California Press. ISBN 0-520-07833-0.
- McLeod, Mark (1991). The Vietnamese Response to French Intervention, 1862–1874. New York: Praeger. ISBN 0-275-93562-0.
- Murray, Martin J. (1980). The Development of Capitalism in Colonial Indochina (1870–1940). Berkeley: University of California Press. ISBN 0-520-04000-7.
- Neville, Peter (2007). Britain in Vietnam: Prelude to Disaster, 1945–6. Psychology Press. ISBN 978-0-415-35848-4.
- Osborne, Milton (1969). The French Presence in Cochinchina and Cambodia: Rule and Response (1859–1905). Ithaca, New York: Cornell University Press. ASIN B000K13QGO.
- Owen, Norman G. (2005). The Emergence Of Modern Southeast Asia: A New History – Vietnam 1700 – 1885. U of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-2890-5.
- Perkins, Mandaley (2006). Hanoi, Adieu: A bittersweet memoir of French Indochina. Sydney: Harper Perennial. ISBN 978-0-7322-8197-7.
- Peters, Erica (2012). Appetites and Aspirations in Vietnam. AltaMira Press.
- Stuart-Fox, Martin (1997). A History of Laos. Cambridge, UK: Cambridge University Press. ISBN 0-521-59235-6.
- Tarling, Nicholas (2001). Imperialism in Southeast Asia: "A Fleeting, Passing Phase". London and New York: Routledge. ISBN 0-415-23289-9.
- Thomazi, Auguste (1934). La Conquête de l'Indochine. Paris: Payot.
- Tønnesson, Stein (2010). Vietnam 1946: How the War Began. University of California Press. ISBN 978-0-520-25602-6. สืบค้นเมื่อ 28 November 2010.
- Tuchman, Barbara Werheim (1985). The March of Folly: From Troy to Vietnam. Random House. ISBN 0-345-30823-9. สืบค้นเมื่อ 28 November 2010.
- Tucker, Spencer C. (1999). Vietnam. University Press of Kentucky. p. 29. ISBN 0-8131-0966-3 – โดยทาง Internet Archive.
- Tully, John (2003). France on the Mekong: A History of the Protectorate in Cambodia, 1863–1953. Lanham, Maryland: University Press of America. ISBN 0-7618-2431-6.
- "Vietnam". L'aménagement linguistique dans le monde (ภาษาฝรั่งเศส).
- "The Vietnam War Seeds of Conflict 1945–1960". The History Place. 1999. สืบค้นเมื่อ 28 December 2010.
- Watson, D. R. (1970) "The French and Indo-China" History Today (Aug 1970, Vol. 20 Issue 8, pp 534–542; online survey
- Woodside, Alexander (1976). Community and Revolution in Modern Vietnam. Boston: Houghton Mifflin. ISBN 0-395-20367-8.
- Zinoman, Peter (2001). The Colonial Bastille: A History of Imprisonment in Vietnam, 1862–1940. Berkeley: University of California Press. ISBN 0-520-22412-4.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- (ในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส) The Colonization of Indochina, from around 1892
- (ในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส) Indochina, a tourism book published in 1910
- Pierre Brocheux: Colonial Society (Indochina), in: 1914-1918-online. International Encyclopedia of the First World War.
- Annuaire général de l'Indo-Chine française – BnF แม่แบบ:Inlang