ยูฟ่าซูเปอร์คัพ

(เปลี่ยนทางจาก ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ)

ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (อังกฤษ: UEFA Super Cup; ชื่อเดิม: ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ อังกฤษ: European Super Cup) [1] เป็นเกมการแข่งขันฟุตบอลสโมสรของทวีปยุโรป ในเดือนสิงหาคม ก่อนหน้าที่ฟุตบอลสโมสรยุโรปฤดูกาลใหม่จะเริ่มต้นขึ้น โดยจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างทีมชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกหรือยูโรเปียนคัพเดิม กับทีมชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีกหรือยูฟ่าคัพเดิม (เมื่อก่อนจะเป็นทีมชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ แต่เมื่อถ้วยยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ถูกยกเลิกในปี ค.ศ. 1999 จึงให้สิทธิ์นี้แก่ทีมชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีกแทน) ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น ทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของรายการนี้คือเอซี มิลานจากอิตาลี และบาร์เซโลนาจากสเปน ที่เป็นผู้ชนะเลิศถึง 5 สมัย

ยูฟ่าซูเปอร์คัพ
ก่อตั้งค.ศ. 1972
(ในชื่อ ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ)
ค.ศ. 1995
(ในชื่อ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ)
ภูมิภาคยุโรป (ยูฟ่า)
จำนวนทีม2
ทีมชนะเลิศปัจจุบันอังกฤษ แมนเชสเตอร์ซิตี
(สมัยที่ 1)
ทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดสเปน บาร์เซโลนา
อิตาลี เอซี มิลาน
สเปน เรอัลมาดริด
(5 สมัย)
เว็บไซต์www.uefa.com/uefasupercup/index.html
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2023

ประวัติ แก้

ยูฟ่าซูเปอร์คัพ หรือยูโรเปียนซูเปอร์คัพ เริ่มทำการแข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1972 ผู้ริเริ่มคือ แอนตั้น วิทแคมป์ นักข่าวและผู้อำนวยการด้านกีฬาของหนังสือพิมพ์เดอ เทเลกราฟ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ความคิดนี้เริ่มขึ้นเมื่อดัตช์โททัลฟุตบอลกำลังเป็นที่นิยมมากในยุโรป และกำลังอยู่ในยุคทองของสโมสรจากเนเธอร์แลนด์ โดยวิทแคมป์เสนอให้นำเอาทีมชนะเลิศยูโรเปียนคัพ มาพบกับทีมชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ [2]

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม การแข่งขันรายการใหม่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ความคิดที่จะเห็นการแข่งขันรายการนี้ เป็นการแข่งขันแบบเป็นทางการของวิทแคมป์ ได้ถูกปฏิเสธโดยประธานของยูฟ่า

แต่ถึงกระนั้น ถ้วยใบนี้ก็ยังยืนยันที่จะเดินหน้าจัดการแข่งขันต่อไป โดยเป็นการแข่งขันแบบเหย้า-เยือน สนับสนุนการเงินโดยหนังสือพิมพ์เดอ เทเลกราฟนั่นเอง ซึ่งอายักซ์ เอาชนะเรนเจอร์ส คว้าแชมป์สมัยแรกมาครองได้สำเร็จ หลังจากนั้น การแข่งขันรายการนี้จึงได้รับการรับรองจากยูฟ่า

แม้ว่าระบบการแข่งขันแบบเหย้า-เยือนจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ในบางปี ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ ก็ต้องทำการแข่งขันแบบนัดเดียว ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับตารางเวลาในการแข่งขันและเหตุผลทางด้านการเมือง และในปี ค.ศ. 1974, 1981 และ 1985 ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ ไม่มีการแข่งขัน

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 เป็นต้นมา ยูโรเปียนซูเปอร์คัพได้ทำการแข่งขันแบบนัดเดียวรู้ผล ที่สนามสต๊าด หลุยส์ เดอซ์ ในโมนาโก

เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1998-99 ยูฟ่าได้ยกเลิกการแข่งขันรายการยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ และตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 1999-2000 ยูโรเปียนซูเปอร์คัพจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างทีมชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (หรือยูโรเปียนคัพเดิม) กับทีมชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก (หรือยูฟ่าคัพเดิม)

ถ้วยรางวัลเปลี่ยนแปลง แก้

ถ้วยรางวัลของยูฟ่าซูเปอร์คัพ ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมค่อนข้างมาก ถ้วยใบแรกที่มอบให้กับอายักซ์นั้น มีขนาดใหญ่กว่าถ้วยของยูโรเปียนคัพถ้วยรางวัลรุ่นต่อมามีลักษณะเล็กที่สุดในบรรดาถ้วยรางวัลของฟุตบอลสโมสรยุโรป โดยมีน้ำหนักเพียง 5 ก.ก. และสูง 42.5 ซ.ม. (ถ้วยรางวัลของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หนัก 8 ก.ก. และถ้วยรางวัลของยูฟ่าคัพ หนัก 15 ก.ก.) และในปัจจุบัน ถ้วยรางวัลใหม่ของยูฟ่าซูเปอร์คัพ มีน้ำหนักอยู่ที่ 12.2 ก.ก.

เช่นเดียวกับถ้วยรางวัลอื่น ๆ ของยูฟ่า สโมสรที่ชนะเลิศ 3 สมัยซ้อนหรือชนะเลิศครบ 5 สมัย จะได้รับถ้วยรางวัลยูฟ่าซูเปอร์คัพ ไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสรนั้นโดยถาวร เช่นเดียวกับมิลาน ที่ได้ไปเมื่อปี 2007

การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ แก้

รอบชิงชนะเลิศ (นัดเดียว) แก้

ฤดูกาล ทีมชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ผลประตู ทีมชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก สนาม
2023   แมนเชสเตอร์ซิตี 1 – 1
(ชนะดวลจุดโทษ 5–4)
  เซบิยา สนามกีฬาคาไรสคาคิส,
ไพรีอัส  
2022   เรอัลมาดริด 2 – 0   ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท สนามกีฬาโอลิมปิกเฮลซิงกิ,
เฮลซิงกิ  
2021   เชลซี 1 – 1
(ชนะดวลจุดโทษ 6–5)
  บิยาร์เรอัล วินด์เซอร์พาร์ก,
เบลฟาสต์  
2020   ไบเอิร์นมิวนิก 2 – 1
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  เซบิยา ปุชกาชออเรนอ,
บูดาเปสต์  
2019   ลิเวอร์พูล 2 – 2
(ชนะดวลจุดโทษ 5–4)
  เชลซี โวดาโฟน พาร์ค,
อิสตันบูล  
2018   เรอัลมาดริด 2 – 4
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  อัตเลติโกเดมาดริด อ. เลอ ค็อค อาเรนา,
ทาลลินน์  
2017   เรอัลมาดริด 2 – 1   แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟิลิป ทู อาเรนา,
สโกเปีย  
2016   เรอัลมาดริด 3 – 2
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  เซบิยา แลร์คันดัลสตาดีโอน,
ทรอนด์เฮม  
2015   บาร์เซโลนา 5 – 4
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  เซบิยา บอริส ไพแชดซ์ ดีนาโม อาเรนา,
ทบิลีซี  
2014   เรอัลมาดริด 2 – 0   เซบิยา คาร์ดิฟฟ์ซิตีสเตเดียม,
คาร์ดิฟฟ์  
2013   ไบเอิร์นมิวนิก 2 – 2
(ชนะดวลจุดโทษ 5–4)
  เชลซี ซิโนโบสเตเดียม,
ปราก  
2012   เชลซี 1 – 4   อัตเลติโกเดมาดริด สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2011   บาร์เซโลนา 2 – 0   โปร์ตู สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2010   อินเตอร์มิลาน 0 – 2   อัตเลติโกเดมาดริด สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2009   บาร์เซโลนา 1 – 0
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  ชัคตาร์โดเนตสค์ สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2008   แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1 – 2   เซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2007   มิลาน 3 – 1   เซบิยา สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2006   บาร์เซโลนา 0 – 3   เซบิยา สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2005   ลิเวอร์พูล 3 – 1
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  ซีเอสเคเอ มอสโก สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2004   โปร์ตู 1 – 2   บาเลนเซีย สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2003   มิลาน 1 – 0   โปร์ตู สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2002   เรอัลมาดริด 3 – 1   ไฟเยอโนร์ด สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2001   ไบเอิร์นมิวนิก 2 – 3   ลิเวอร์พูล สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
2000   เรอัลมาดริด 1 – 2
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  กาลาทาซาไร สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
ฤดูกาล ชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ผลคะแนน ชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ สนาม
1999   แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 0 – 1   ลาซิโอ สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
1998   เรอัลมาดริด 0 – 1   เชลซี สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  

รอบชิงชนะเลิศ (สองนัดเหย้า-เยือน) แก้

ฤดูกาล ทีมเหย้า ผลคะแนน ทีมเยือน สนาม
1997   บาร์เซโลนา (C2) 2 – 0   ดอร์ทมุนท์ (C1) กัมนอว์,
บาร์เซโลนา  
  ดอร์ทมุนท์ 1 – 1   บาร์เซโลนา ซิกนัล อีดูน่า ปาร์ค,
ดอร์ทมุนท์  
รวมผลสองนัด บาร์เซโลนา คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 3-1
1996   ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง (C2) 1 – 6   ยูเวนตุส (C1) ปาร์กเดแพร็งส์,
ปารีส  
  ยูเวนตุส 3 – 1   ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง สตาดิโอ้ ลา ฟาวอริต้า,
ปาแลร์โม่  
รวมผลสองนัด ยูเวนตุส คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 9-2
1995   เรอัลซาราโกซา (C2) 1 – 1   อายักซ์ (C1) ลา โรมาเรด้า,
ซาราโกซา  
  อายักซ์ 4 – 0   เรอัลซาราโกซา สนามกีฬาโอลิมปิก (อัมสเตอร์ดัม),
อัมสเตอร์ดัม  
รวมผลสองนัด อายักซ์ คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 5-1
1994   อาร์เซนอล (C2) 0 – 0   มิลาน (C1) ไฮก์บิวรี่,
ลอนดอน  
  มิลาน 2 – 0   อาร์เซนอล ซานซีโร,
มิลาน  
รวมผลสองนัด มิลาน คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 2-0
1993   ปาร์มา (C2) 0 – 1   มิลาน (C1) เอ็นนิโอ้ ตาร์ดินี่,
ปาร์มา  
  มิลาน 0 – 2
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  ปาร์มา ซานซีโร,
มิลาน  
รวมผลสองนัด ปาร์มา คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 2-1
หมายเหตุ: ทีมชนะเลิศ มาร์แซย์ โดนตัดสิทธิ์ จากกรณีล้มบอลภายในประเทศ มิลาน รองชนะเลิศ จึงได้สิทธิ์แข่งแทน
1992   แวร์เดอร์เบรเมิน (C2) 1 – 1   บาร์เซโลนา (C1) เวเซอร์ สตาดิโอน,
เบรเมน  
  บาร์เซโลนา 2 – 1   แวร์เดอร์เบรเมิน กัมนอว์,
บาร์เซโลนา  
รวมผลสองนัด บาร์เซโลนา คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 3-2
1991   แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (C2) 1 – 0   เรดสตาร์ เบลเกรด (C1) โอลด์แทรฟฟอร์ด,
แมนเชสเตอร์  
หมายเหตุ: แข่งขันกันนัดเดียว เพราะไม่สามารถแข่งขันนัดที่สองได้ เนื่องจากปัญหาทางด้านการเมืองในยูโกสลาเวีย แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คว้าแชมป์
1990   ซามพ์โดเรีย (C2) 1 – 1   มิลาน (C1) ลุยจิ แฟร์ราริส,
เจนัว  
  มิลาน 2 – 0   ซามพ์โดเรีย ซานซีโร,
มิลาน  
รวมผลสองนัด มิลาน คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 3-1
1989   บาร์เซโลนา (C2) 1 – 1   มิลาน (C1) กัมนอว์,
บาร์เซโลนา  
  มิลาน 1 – 0   บาร์เซโลนา ซานซีโร,
มิลาน  
รวมผลสองนัด มิลาน คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 2-1
1988   เมเชเลน (C2) 3 – 0   ไอน์โฮเฟ่น (C1) อาคเตอร์ เดอ คาเซอร์เน่,
เมเชเลน  
  ไอน์โฮเฟ่น 1 – 0   เมเชเลน ฟิลิปส์ สตาดิโอน,
ไอนด์โฮเฟิน  
รวมผลสองนัด เมเชเลน คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 3-1
1987   อายักซ์ (C2) 0 – 1   โปร์ตู (C1) เดอ เมียร์ สเตเดี้ยม,
อัมสเตอร์ดัม  
  โปร์ตู 1 – 0   อายักซ์ เอสตาดิโอ้ ดาส อันตาส,
โปร์ตู  
รวมผลสองนัด โปร์ตู คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 2-0
1986   สเตอัวบูคูเรสตี (C1) 1 – 0   ดีนาโมคียิว (C2) สต๊าด หลุยส์ เดอซ์,
โมนาโก  
หมายเหตุ: แข่งขันกันนัดเดียว เพราะไม่สามารถแข่งขันนัดที่สองได้ เนื่องจากปัญหาทางด้านการเมืองในสหภาพโซเวียต สเตอัวบูคูเรสตี คว้าแชมป์
1985 ไม่มีการแข่งขัน
  ยูเวนตุส (C1) กับ   เอฟเวอร์ตัน (C2)
หมายเหตุ: เนื่องจากโศกนาฏกรรมอัฒจรรย์ถล่ม ในนัดชิงยูโรเปียนคัพระหว่าง ยูเวนตุส กับ ลิเวอร์พูล ที่เฮย์เซล สเตเดี้ยม
1984   ยูเวนตุส (C2) 2 – 0   ลิเวอร์พูล (C1) โอลิมปิค สเตเดี้ยม,
ตูริน  
หมายเหตุ: แข่งขันกันนัดเดียว เพราะลิเวอร์พูลไม่สามารถหาวันแข่งขันในนัดที่สองได้ ยูเวนตุส คว้าแชมป์
1983   ฮัมบวร์ค (C1) 0 – 0   อเบอร์ดีน (C2) โฟล์คสปาร์ค สตาดิโอน,
ฮัมบวร์ค  
  อเบอร์ดีน 2 – 0   ฮัมบวร์ค ปิตโตดรี้ สเตเดี้ยม,
อเบอร์ดีน  
รวมผลสองนัด อเบอร์ดีน คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 2-0
1982   บาร์เซโลนา (C2) 1 – 0   แอสตันวิลลา (C1) กัมนอว์,
บาร์เซโลนา  
  แอสตันวิลลา 3 – 0
(หลังต่อเวลาพิเศษ)
  บาร์เซโลนา วิลลา ปาร์ค,
เบอร์มิงแฮม  
รวมผลสองนัด แอสตันวิลลา คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 3-1
1981 ไม่มีการแข่งขัน
  ลิเวอร์พูล (C1) กับ   ดินาโม ทบิลิซี่ (C2)
หมายเหตุ: เนื่องจากลิเวอร์พูล ไม่สามารถหาวันแข่งขันกับดินาโม ทบิลิซี่ได้
1980   ฟอเรสต์ (C1) 2 – 1   บาเลนเซีย (C2) ซิตี้ กราวน์,
น็อตติงแฮม  
  บาเลนเซีย 1 – 0   ฟอเรสต์ หลุยส์ คาซาโนบ้า สเตเดี้ยม,
บาเลนเซีย  
รวมผลสองนัด บาเลนเซีย คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 2-2 (กฎประตูทีมเยือน)
1979   ฟอเรสต์ (C1) 1 – 0   บาร์เซโลนา (C2) ซิตี้ กราวน์,
น็อตติงแฮม  
  บาร์เซโลนา 1 – 1   ฟอเรสต์ กัมนอว์,
บาร์เซโลนา  
รวมผลสองนัด ฟอเรสต์ คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 2-1
1978   อันเดอร์เลชท์ (C2) 3 – 1   ลิเวอร์พูล (C1) ปาร์ค อัสไทรด์,
บรัสเซลส์  
  ลิเวอร์พูล 2 – 1   อันเดอร์เลชท์ แอนฟิลด์,
ลิเวอร์พูล  
รวมผลสองนัด อันเดอร์เลชท์ คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 4-3
1977   ฮัมบวร์ค (C2) 1 – 1   ลิเวอร์พูล (C1) โฟล์คสปาร์ค สตาดิโอน,
ฮัมบวร์ค  
  ลิเวอร์พูล 6 – 0   ฮัมบวร์ค แอนฟิลด์,
ลิเวอร์พูล  
รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 7-1
1976   ไบเอิร์นมิวนิก (C1) 2 – 1   อันเดอร์เลชท์ (C2) โอลิมเปีย สตาดิโอน,
มิวนิก  
  อันเดอร์เลชท์ 4 – 1   ไบเอิร์นมิวนิก ปาร์ค อัสไทรด์,
บรัสเซลส์  
รวมผลสองนัด อันเดอร์เลชท์ คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 5-3
1975   ไบเอิร์นมิวนิก (C1) 0 – 1   ดีนาโมคียิว (C2) โอลิมปิค สเตเดียม มิวนิก,
มิวนิก  
  ดีนาโมคียิว 2 – 0   ไบเอิร์นมิวนิก รีพับลิกัน สเตเดี้ยม,
เคียฟ  
รวมผลสองนัด ดีนาโมคียิว คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 3-0
1974 ไม่มีการแข่งขัน
  ไบเอิร์นมิวนิก (C1) กับ   มักเดบวร์ก (C2)
หมายเหตุ: เนื่องจากเหตุผลทางด้านการเมือง ระหว่างเยอรมันตะวันตก กับเยอรมันตะวันออก
1973   มิลาน (C2) 1 – 0   อายักซ์ (C1) ซานซีโร,
มิลาน  
  อายักซ์ 6 – 0   มิลาน สนามกีฬาโอลิมปิก (อัมสเตอร์ดัม),
อัมสเตอร์ดัม  
รวมผลสองนัด อายักซ์ คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 6-1
1972   เรนเจอร์ส (C2) 1 – 3   อายักซ์ (C1) ไอบร็อกซ์ ปาร์ค,
กลาสโกว์  
  อายักซ์ 3 – 2   เรนเจอร์ส เดอ เมียร์ สเตเดี้ยม,
อัมสเตอร์ดัม  
รวมผลสองนัด อายักซ์ คว้าแชมป์ด้วยประตูรวม 6-3

ทำเนียบผู้ชนะเลิศ แก้

ชนะเลิศ (จำแนกตามสโมสร) แก้

สโมสร ชนะเลิศ รองชนะเลิศ ปีที่ชนะเลิศ ปีที่ได้รองชนะเลิศ
  บาร์เซโลนา 5 4 1992, 1997, 2009, 2011, 2015 1979, 1982, 1989, 2006
  เรอัลมาดริด 5 3 2002, 2014, 2016, 2017, 2022 1998, 2000, 2018
  มิลาน 5 2 1989, 1990, 1994, 2003, 2007 1973, 1993
  ลิเวอร์พูล 4 2 1977, 2001, 2005, 2019 1978, 1984
  อัตเลติโกเดมาดริด 3 0 2010, 2012, 2018
  เชลซี 2 3 1998, 2021 2012, 2013, 2019
  ไบเอิร์นมิวนิก 2 3 2013, 2020 1975, 1976, 2001
  อายักซ์ 2 1 1973, 1995 1987
  อันเดอร์เลชท์ 2 0 1976, 1978
  บาเลนเซีย 2 0 1980, 2004
  ยูเวนตุส 2 0 1984, 1996
  เซบิยา 1 5 2006 2007, 2014, 2015, 2016, 2020
  โปร์ตู 1 3 1987 2003, 2004, 2011
  แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 1 3 1991 1999, 2008, 2017
  ดีนาโมคียิว 1 1 1975 1986
  นอตทิงแฮมฟอเรสต์ 1 1 1979 1980
  แอสตันวิลลา 1 0 1982
  อเบอร์ดีน 1 0 1983
  สเตอัวบูคูเรสตี 1 0 1986
  เมเชเลน 1 0 1988
  ปาร์มา 1 0 1993
  ลาซิโอ 1 0 1999
  กาลาทาซาไร 1 0 2000
  เซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 1 0 2008
  แมนเชสเตอร์ซิตี 1 0 2023
  ฮัมบวร์ค 0 2 1977, 1983
  เรนเจอส์ 0 1 1972
  ไอน์โฮเฟ่น 0 1 1988
  ซามพ์โดเรีย 0 1 1990
  เรดสตาร์ เบลเกรด 0 1 1991
  แวร์เดอร์เบรเมิน 0 1 1992
  อาร์เซนอล 0 1 1994
  เรอัลซาราโกซา 0 1 1995
  ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง 0 1 1996
  ดอร์ทมุนท์ 0 1 1997
  ไฟเยอโนร์ด 0 1 2002
  ซีเอสเคเอ มอสโก 0 1 2005
  ชัคตาร์โดเนตสค์ 0 1 2009
  อินเตอร์มิลาน 0 1 2010
  บิยาร์เรอัล 0 1 2021
  ไอน์ทรัคท์ฟรังค์ฟวร์ท 0 1 2022

ชนะเลิศ (จำแนกตามชาติ) แก้

ประเทศ ชนะเลิศ รองชนะเลิศ จำนวน
  สเปน 16 15 31
  อังกฤษ 10 10 20
  อิตาลี 9 4 13
  เบลเยียม 3 0 3
  เยอรมนี 2 8 10
  เนเธอร์แลนด์ 2 3 5
  โปรตุเกส 1 3 4
  รัสเซีย 1 1 2
  สหภาพโซเวียต 1 1 2
  โรมาเนีย 1 0 1
  สกอตแลนด์ 1 0 1
  ตุรกี 1 0 1
  ฝรั่งเศส 0 1 1
  ยูเครน 0 1 1
  ยูโกสลาเวีย 0 1 1
รวม 48 48 96

อ้างอิง แก้

  1. "Club competition winners do battle". UEFA. สืบค้นเมื่อ 2018-05-03.
  2. "Dynamo bring happy memories". BBC Sport. 2001-10-16. สืบค้นเมื่อ 2008-03-11.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้