เอเชียนเกมส์ 1998
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เอเชียนเกมส์ 1998 เป็นการแข่งขัน เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 จัดขึ้นที่ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม ถึง 20 ธันวาคม พ.ศ. 2541 มีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 41 ประเทศ และมีกีฬาแข่งขันทั้งหมด 36 ชนิด โดยสนามแข่งขันที่ใช้เป็นหลัก คือ ศูนย์กีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต ศูนย์กีฬาหัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย และ ศูนย์กีฬาเมืองทองธานี
![]() | |
คำขวัญ | Friendship beyond Frontiers มิตรภาพไร้พรมแดน |
---|---|
จำนวนประเทศ | 41 |
จำนวนนักกีฬา | 6,554 |
ชนิดกีฬา | 36 ชนิด |
พิธีเปิด | 6 ธันวาคม พ.ศ. 2541 |
พิธีปิด | 20 ธันวาคม พ.ศ. 2541 |
ประธานพิธี | พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร |
นักกีฬาปฏิญาณ | ปรีดา จุลละมณฑล |
ผู้ตัดสินปฏิญาณ | ทรงศักดิ์ เจริญพงษ์ |
ผู้จุดคบเพลิง | สมรักษ์ คำสิงห์ |
สนามกีฬาหลัก | สนามราชมังคลากีฬาสถาน (สร้างใหม่) |
มาสคอตของการแข่งขันครั้งนี้ คือ ช้าง ไชโย และมีคำขวัญว่า Friendship beyond Frontiers หรือ มิตรภาพไร้พรมแดน[1][2]
ประวัติแก้ไข
คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 23 และ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 มีมติอนุมัติในหลักการให้กำหนดเป็นนโยบายบันได 3 ขั้น สู่การพัฒนากีฬาของชาติ โดยให้ประเทศไทยรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา 3 ระดับ ได้แก่ ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ และมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทย เสนอตัวรับเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ. 2541 ต่อสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ)
หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในการที่ประเทศไทยขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 แล้ว คณะทำงานทุกท่านช่วยกันอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประแทศไทยฯ การกีฬาแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมวางแผนมาเป็นระยะ ๆ และได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ เพื่อนำไปมอบให้ผู้แทนชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุมและที่สำคัญคณะทำงานได้จัดทำวีดิทัศน์ที่แสดงถึงความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อประกอบการบรรยายเสนอขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13
คณะกรรมการบริหารสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ได้ประชุมเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2533 ณ โรงแรมปักกิ่ง พาเลซทาวเวอร์ และมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้บรรจุวาระการประชุมเลือกประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ. 2541 ในการประชุมใหญ่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียในวันรุ่งขึ้น โดยมีประเทศที่เสนอขอสมัครเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้รวม 3 ประเทศ คือ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย, กรุงไทเป ไต้หวัน
การประชุมใหญ่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ที่ประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งสิ้น 37 ประเทศ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2533 ณ โรงแรมปักกิ่ง โดยให้ผู้แทนของประเทศที่เสนอขอรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันบรรยายเสนอผลงานการเตรียมตัวรับเป็นเจ้าภาพ (Presentation) ตามลำดับพร้อมทั้งตอบข้อซักถามของผู้แทนประเทศสมาชิกต่าง ๆ จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้มีการลงคะแนนลับเพื่อเลือกประเทศเจ้าภาพต่อไป
ผลการลงคะแนนเลือกประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ปรากฏดังนี้ [3]
- กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ได้ 20 คะแนน
- กรุงไทเป ไต้หวัน ได้ 10 คะแนน
- กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้ 7 คะแนน
ที่ประชุมจึงมีมติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในปี พ.ศ. 2541 ต่อจากเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ได้จัดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์มากที่สุดถึง 4 ครั้ง คือ เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 5 ,เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 6 ,เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 8 และเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13
รัฐบาลไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการอำนวยการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 อย่างเป็นทางการเพื่อเตรียมการรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ขึ้นในปี พ.ศ. 2541 โดยมี นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมกับได้แต่งตั้งคณะกรรมการออกเป็น 6 สาขา เพื่อดำเนินงานเร่งด่วนในการก่อสร้างสนามรวมทั้งหมู่บ้านนักกีฬาเพื่อรองรับการจัดการแข่งขัน ได้แก่
|
|
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของคณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ขึ้นใหม่ เพื่อให้ดำเนินงานเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยมี นายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขันฯ และได้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ เป็น 9 ฝ่าย ภายใต้การดูแลของสำนักเลขาธิการ ได้แก่
|
|
|
สนามแข่งขันแก้ไข
สัญลักษณ์ คำขวัญและเพลงประจำการแข่งขันแก้ไข
สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการแก้ไข
สัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ได้มาจากการประกวดที่จัดโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมาธิการอำนวยการแข่งขันฯ ซึ่งมีภาพส่งเข้าประกวดจากทั่วประเทศทั้งหมด 181 ภาพ ภาพที่ได้รับคัดเลือกเป็นผลงานของ นางสาวตรึงใจ ตั้งสกุล นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยนำเอาตัวอักษร "A" ในภาษาอังกฤษ ที่หมายถึงทวีปเอเชียมาประยุกต์เป็นรูปองค์พระมหาเจย์ดีสีทองที่ใช้เก็บพระบรมสารีริกธาตุ สิ่งสำคัญสูงสุดของศาสนาพุทธ ซึ่งอักษรตัว "A" อยู่ภายใต้หลังคาทรงไทย มีความบ่งบอกถึงชาวเอเชีย (Asia) และนักกีฬา (Athlete) ที่มาร่วมการแข่งขันทุกชาติ จะได้รับความอบอุ่นด้วยมิตรไมตรีของประเทศไทยในฐานะเจ้าบ้าน สำหรับรูปดวงอาทิตย์สีแดงเปล่งรัศมีเป็นเปลว 16 แฉก ที่อยู่เหนือสัญลักษณ์ฯ นั้น คือ สัญลักษณ์ของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ที่หมายถึง ความรอบรู้ พลังของนักกีฬาที่สืบทอดต่อเนื่องกันมาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
สัญลักษณ์ Bangkok 1998แก้ไข
สัญลักษณ์ Bangkok 1998 เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักทางกราฟิกที่มีบทบาทอย่างสูงต่อการกำหนดเอกลักษณ์ของการแข่งขันที่สาขาศิลปกรรมและการออกแบบเพิ่มเติมขึ้นมาในระบบ เพื่อช่วยให้การสร้างภาพลักษณ์ของการแข่งขัน มีความเด่นชัด เป็นสากล มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและเพิ่มสุนทรียภาพ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประโยชน์ใช้สอยในด้านของการประชาสัมพันธ์ชื่อของเมืองที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันให้เป็นที่ปรากฏ
สัญลักษณ์นี้มีการนำไปใช้ในลักษณะต่างๆ ค่อนข้างมาก เช่น การตกแต่งศูนย์กีฬาและสนามแข่งขัน การจัดทำวัสดุสิ่งพิมพ์เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ เอกสารที่ใช้ในการแข่งขัน เป็นต้น
มิตรภาพไร้พรมแดนแก้ไข
"มิตรภาพไร้พรมแดน" หรือ "Friendship Beyond Frontiers" คำขวัญประจำการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 เป็นวลีที่สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ที่สนับสนุนและส่งเสริม "ปรัชญาของการแข่งขันกีฬา" อย่างชัดเจนที่สุด หัวใจของปรัชญากีฬา คือ การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย รู้รักสามัคคี มีน้ำใจ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดภาพรวมของมิตรภาพ ซึ่งจเไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขวางกั้น ไม่ว่าจะเป็น เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ต่างกัน ฯลฯ เมื่อทุกคนเข้าสู่เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ทุกคนจะถูกหล่อหลอมให้เข้าสู่แนวร่วมเดียวกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในที่สุด โดยคำขวัญนี้เป็นแนวความคิดของ สุขวิช รังสิตพล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13
ช้างไชโยแก้ไข
หลังจากประเทศสมาชิกสภาโอลิมปิกแห่งเอเซีย 43 ชาติ มีมติให้เกียรติประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ จึงมีมติเห็นชอบให้ใช้ช้าง เป็นมาสคอต หรือ สัตว์นำโชคของการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 เนื่องจากช้างเป็นสัญลักษณ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของไทยมาแต่โบราณ ทั้งยังเป็นสัตว์ที่แข็งแรง มีความเฉลียวฉลาด
สำหรับผู้ออกแบบนั้น สำนักเลขาธิการได้มอบหมายให้นายอรรณพ กิตติชัยวรรณ หรือ แอ้ด มติชน นักวาดการ์ตูนชื่อดังของหนังสือพิมพ์มติชน เป็นผู้วาดภาพช้าง และเพื่อให้เกิดภาพสัญลักษณ์ที่สมบูรณ์พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น จึงได้จัดให้มีการประกวดตั้งชื่อช้างนำโชคดังกล่าว ปรากฏว่ามีผู้สนใจจากทั่วประเทศ 538 คน ตั้งชื่ส่งเข้าประกวด และมีการตัดสินในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 โดยมี นายปัจจัย บุนนาค เป็นประธานผู้ตัดสิน ผลการตัดสินให้ใช้ชื่อช้างนำโชคว่า "ช้างไชโย" ซึงเมื่อรวมกันแล้วจึงมีความหมายถึงความแข็งแรง ความฉลาด ความสุขและความสนุกสนาน
ลายจักสานแก้ไข
ลายจักสาน เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยกำหนดให้ใช้ประกอบในการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ หรือโฆษณาการแข่งขัน โดยสื่อความหมายถึงความเป็นเอกภาพในดินแดนเอเชียและสะท้อนคุณค่าถึงมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ โดยไม่เจาะจงว่าเป็นประเทศใดเพราะลายจักสานเป็นศิลปะทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของประเทศส่วนใหญ่ในทวีปเอเชีย นอกจากนี้ ลายจักสานยังถือเป็นสัญลักษณ์ของงานหัตถศิลป์ของชนชาติตะวันออกที่สืบสานกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนานนับแต่อดีตกาล ลวดลายของเส้นสายที่สอดประสานกันนั้น เป็นวิถีที่คุ้นเคยและอบอุ่นของชาวเอเชีย สื่อความหมายถึงคำกล่าวต้อนรับชนทุกชาติ และพลังแห่งเอเชียในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ทั้งยังมีนัยสำคัญ คือ เป็นการสอดประสาน ถักทอหรือรวมเข้าด้วยกัน สื่อความหมายถึงความร่วมมือกัน ความสมัครสมาน ความสามัคคี
สัญลักษณ์กีฬาแก้ไข
สัญลักษณ์กีฬา เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักทางกราฟิกที่มีบทบาทอย่างสูงต่อการกำหนดเอกลักษณ์ของการแข่งขันที่สาขาศิลปกรรมและการออกแบบเพิ่มเติมขึ้นมาในระบบ เพื่อช่วยให้การสร้างภาพลักษณ์ของการแข่งขันมีความเด่นชัด เป็นสากล มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน และเพิ่มสุนทรียภาพแก่การแข่งขัน สัญลักษณ์ที่ออกแบบในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 42 ชนิดกีฬา โดยแบ่งเป็นกลุ่มได้ 3 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มชนิดกีฬาหลักจำนวน 36 ชนิด
- กลุ่มประเภทกีฬาในกลุ่มชนิดกีฬาหลักจำนวน 4 ประเภทกีฬา
- กลุ่มชนิดกีฬาสาธิตจำนวน 2 ชนิดกีฬา
เพลงประจำการแข่งขันแก้ไข
เพลงหลักประจำการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 มีทั้งสิ้น 4 เพลง ได้แก่
- เพลง บิน เพลงนี้จัดทำขึ้น 2 ภาษา คือ รูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รูปแบบภาษาไทย ประพันธ์คำร้องและทำนองโดยชัยรัตน์ วงศ์เกียรติขจร เรียบเรียงเสียงประสานโดยอุกฤษณ์ พลางกูร ขับร้องโดยชัชชัย สุขาวดี รูปแแบบภาษาอังกฤษ ใช้ชื่อว่า เพลง FLY ขับร้องโดยฉันทนา กิติยาพันธ์
- เพลง ช้างไชโย ประพันธ์คำร้องโดยอภิชาติ ดำดี เรียบเรียงเสียงประสานโดยบรูซ แกสตัน และสุริยา เดชบุญพบ ขับร้องโดยอาภาพร นครสวรรค์
- เพลง แชมเปี้ยนเอเชี่ยนเกมส์ เพลงนี้จัดทำขึ้น 2 ภาษา คือ รูปแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รูปแบบภาษาไทย ประพันธ์คำร้องและทำนองและเรียบเรียงโดยยืนยง โอภากุล เรียบเรียงดนตรีไทยโดยบรูซ แกสตัน ขับร้องโดยยืนยง โอภากุล
- เพลง Asian Games In 98 ประพันธ์คำร้องและทำนองโดยบรูซ แกสตัน
พิธีเปิด - ปิดการแข่งขันแก้ไข
การจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 คณะกรรมการได้กำหนดกรอบแนวคิดในการดำเนินการจัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน โดยต้องแสดงออกถึงการถ่ายทอดปรัชญา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเป็นไทย การดำเนินวิถีชีวิตของชนชาติไทย วิวัฒนาการสู่อนาคตของคนไทย โดยบ่งบอกถึงการแสดงออกซึ่งความเป็นชาวเอเชีย ความเป็นสากลทางการกีฬา โดยให้สอดคล้องกับคำขวัญของการแข่งขันครั้งนี้ คือ "มิตรภาพไร้พรมแดน Friendship Beyond Frontiers" อีกทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามธรรมนูญของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (OCA) ภายในเวลาที่กำหนดไว้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง
คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้คัดเลือก บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน โดยพิจารณาจากการนำเสนอความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ ความเป็นสากลในรูปแบบการแสดง การใช้เทคนิคพิเศษ แสง สี เสียง ศักยภาพของบริษัท ตลอดจนแม่บทในการดำเนินงาน
จุดประสงค์และประเด็นหลักของการจัดพิธีเปิด-ปิดครั้งนี้ คือ แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของเอเชีย ถ่ายทอดความเป็นไทย ความเป็นสากลทางการกีฬา ศักยภาพและมาตรฐานในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติของประเทศไทย โดยจัดให้มีความยิ่งใหญ่ตระการตา โดยเน้นความประหยัด และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้สอดคล้องต่อปีแห่งการท่องเที่ยว Amazing Thailand
ต่อมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันได้มีมติให้ บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ปรับลดเวลาในการจัดแสดงพิธีเปิดและพิธีปิดให้กระชับลงกว่าเดิม พิธีเปิดจากเดิมใช้เวลา 3 ชั่วโมงให้คงเหลือ 2 ชั่วโมงครึ่ง และพิธีปิดจากเดิมใช้เวลา 3 ชัวโมงครึ่ง ให้คงเหลือ 2 ชั่วโมง เพื่อให้มีช่วงเวลาเหมาะสมเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดและทอดพระเนตรการแสดง ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ในครั้งนี้ ประเทศไทยในฐานะประเทศเจ้าภาพได้ประมวลภาพหมู่ประเทศสมาชิกมาเป็นสัญลักษณ์ อันจะเสนอให้โลกรับรู้ได้ถึง "SPIRIT OF ASIA" หรือ "จิตวิญญาณแห่งบูรพา" โดยทำให้ภาพกระจ่างชัด ด้วยการแบ่งออกเป็น 4 ช่วง และมีความหมายโดยนัยอีกหนึ่งระดับ คือ
- "ดวงตะวัน" (สีแดง) แทนกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออก มีความหมายโดยนัย คือ ความเข้มแข็งและยังอาจหมายถึงเพศชาย
- "จันทรา" (สีเหลือง) แทนกลุ่มประเทศแถบเอเชียใต้ตอนกลาง มีความหมายโดยนัย คือ ความนุ่มนวลอ่อนโยนและยังอาจหมายถึงเพศหญิง
- "ดารา" (สีฟ้า) แทนกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันตก มีความหมายโดยนัย คือ ประชาคมหรือการอยู่ร่วมกันเป็นสัมพันธ์บริสุทธิ์ของทารก เด็กและเยาวชน
- "มหากุมุท" (สีขาว) แทนกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความหมายโดยนัย คือ สันติสุข หรือความรู้แจ้ง
พิธีเปิดแก้ไข
พิธีเปิดราชมังคลากีฬาสถานและพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 จัดขึ้นในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน โดย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธี ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล โดยเสด็จด้วย การจุดไฟในกระถางคบเพลิงเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2541 นักวิ่งคบเพลิงมอบให้ สมรักษ์ คำสิงห์นำไปจุดไฟที่บุษบก ก่อนที่ไฟในบุษบกจะพุ่งไฟไฟใส่กระถางคบเพลิง ระหว่างนั้นชาวพนักงานรัวเปิงและประโครมสังข์คั่นไปด้วย
การแสดงพิธีเปิดแก้ไข
ด้วยความคิดรวบยอดและสัญลักษณ์สำคัญดังกล่าว จึงจัดการแสดงพิธีเปิดและพิธีปิดร่วมกันด้วยเรื่องราวของจิตวิญญาณแห่งบูรพาอันเป็นเอกภาพ โดยแบ่งการแสดงพิธี้ปิดออกเป็น 2 องก์ และการแสดงพิธีปิดอีก 2 องก์ ในระหว่างแต่ละองก์นั้น จะประกอบด้วยหัวใจของงาน คือ พิธีการ OCA ซึ่งถือเอาพิธีการจุดและดับคบเพลิงเป็นจุดเด่น สำหรับพิธีเปิดนั้น แม้พิธีการ OCA และการจุดคบเพลิงจะเป็นทางการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว บรรยากาศของการแสดงทุกชุดก็จะจัดออกมาเสริมสร้างให้เกิดความสง่างามยิ่งขึ้น เป็นความตระการตาที่สมบูรณ์ด้วยเนื้อหา ที่ต้องจารึกอยู่ในความทรงจำอันประกอบด้วย 2 องก์ คือ
องก์ที่ 1 สวัสดีบูรพา เป็นการแสดงภาคกลางวัน มีการแสดง 3 ชุด คือ รุ่งอรุโณทัย สหพันธไมตรี สวัสดีไชโย เมื่อเข้าสู่พิธีการ OCA จนกระทั่งเสร็จสิ้น
องก์ที่ 2 คีตบูรพา เป็นการแสดงภาคกลางคืน มีการแสดง 3 ชุด คือ ทวยเทพปิติอำนวยชัย จิตวิญญาณบูรพา คีตภารดร
เริ่มด้วยด้วยการโหมโรง ชุด THE COLLECTION OF HIS MAJESTY KING BHUMIBOL ADULYADEJ การแสดงชุดแรกขององก์ที่ 1 รุ่งอรุโณทัย ด้วยเหตุที่ภุมิภาคตะวันออกเป็นหมู่มวลประชาชาติที่เห็นดวงตะวันก่อน จึงเริ่มด้วยภาพพระอาทิตย์ฉายแสง เมื่อพระอาทิตย์ฉายแสง ย่อมก่อให้เกิด ชีวิตบุปผชาติ เบ่งบายสะพรั่งหลายสีหลากพันธุ์ทั่วพื้นภูมิภาค จากนั้นจึงกำเนิดอารยธรรมอันรุ่งเรือง ผิดแผกแตกต่างกันไปผูกเป็นสายสัมพันธ์อันปีติปราดมทย์ในการแสดงชุด สหพันธไมตรี ด้วยการแสดงชุด สวัสดีไชโย เปฌนการต้อนรับเข้าสู่พิธีการ OCA และการจุดคบเพลิง จากนั้นจึงเริ่มภาคกลางคืนด้วยการแสดงขององก์ที่ 2 คือ ทวยเทพปีติอำนวยชัย เป็นยามราตรีอันบรรเจิดพิสดาร เมื่อเหล่าทวยเทพทั้งหลายทุกถ้วนเทวฤทธิ์ร่วมฉลองชัย ทำให้มนุษย์โลกหรรษาต่างยินดีปรีดาด้วยศรัทธาในการอยู่ร่วมกันโดยไมตรีจิตมิตรภาพในการแสดงชุด จิตวิญญาณแห่งบูรพา ทั้งนี้ด้วยการร้องรำทำเพลงเฉลิมฉลองอย่างมโหฬาร ต่อด้วยความมุ่งหวังในสายสัมพันธ์อันสันติสุขที่มีกีฬาเป็นสื่อนั้น โดยการแสดงชุด คีตภารดร
กำหนดการแก้ไข
ชุดการแสดงในพิธีเปิด | เวลา |
รุ่งอรุโณทัย | 7 นาที |
สหพันธ์ไมตรี | 8 นาที |
สวัสดีไชโย | 9 นาที |
เฉลิมพระเกียรติกษัตริย์ตราธิราชเจ้า | 5 นาที |
พิธีการ OCA | 1 ชั่วโมง 20 นาที |
ทวยเทพปิติอำนวยชัย | 13 นาที |
จิตวิญญาณบูรพา | 11 นาที |
คีตภราดร | 12 นาที |
พลุและดอกไม้ไฟ | 5 นาที |
รวมเวลาการแสดง | 2 ชั่วโมง 30 นาที |
การแสดงก่อนพิธีเปิดแก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
รุ่งอรุโณทัย-ไมตรี -สวัสดีไชโยแก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พิธีการแก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ทวยเทพอำนวยชัย-จิตบูรพา-ภราดรแก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พิธีปิดแก้ไข
พิธีปิดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 จัดขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร(พระยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เป็นองค์ประธานในพิธี ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และ หม่อมเจ้าสิริวัณวรี มหิดล(พระยศในขณะนั้น) โดยเสด็จด้วย[4]
ประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันแก้ไข
|
|
|
การแข่งขันแก้ไข
ชนิดกีฬาแก้ไข
ตารางการแข่งขันแก้ไข
สรุปเหรียญการแข่งขันแก้ไข
ประเทศที่ได้รับเหรียญทองมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่
อันดับที่ | ประเทศ | ทอง | เงิน | ทองแดง | รวม |
---|---|---|---|---|---|
1 | จีน | 129 | 78 | 67 | 274 |
2 | เกาหลีใต้ | 65 | 46 | 53 | 164 |
3 | ญี่ปุ่น | 52 | 61 | 68 | 181 |
4 | ไทย | 24 | 26 | 40 | 90 |
5 | คาซัคสถาน | 24 | 25 | 30 | 79 |
6 | จีนไทเป | 19 | 17 | 41 | 77 |
7 | อิหร่าน | 10 | 11 | 13 | 34 |
8 | เกาหลีเหนือ | 7 | 14 | 12 | 33 |
9 | อินเดีย | 7 | 11 | 17 | 35 |
10 | อุซเบกิสถาน | 6 | 22 | 12 | 40 |
รวม | 432 | 432 | 562 | 1426 |
ประเทศเจ้าภาพ ; ราชอาณาจักรไทย
สรุปเหรียญที่นักกีฬาไทยได้รับในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13แก้ไข
ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ นักกีฬาไทยสามารถทำผลงานได้ทั้งหมด 90 เหรียญ แบ่งเป็น
- เหรียญทอง จำนวน 24 เหรียญ จาก 12 ชนิดกีฬา ได้แก่ โบว์ลิ่ง มวยสากล จักรยาน ขี่ม้า ยิมนาสติก เซปักตะกร้อ ตะกร้อวง ยิงปืน ว่ายน้ำ เทนนิส วอลเลย์บอล และเรือใบ
- เหรียญเงิน จำนวน 26 เหรียญ จาก 14 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา แบดมินตัน สนุกเกอร์ บิลเลียด โบว์ลิ่ง จักรยาน ขี่ม้า คาราเต้โด ยิงปืน ว่ายน้ำ เทนนิส เทควันโด วูซู และเรือใบ
- เหรียญทองแดง จำนวน 40 เหรียญ จาก 20 ชนิดกีฬา ได้แก่ กรีฑา แบดมินตัน สนุกเกอร์ บิลเลียด มวยสากล จักรยาน กระโดดน้ำ ขี่ม้า ยูโด คาราเต้โด เรือพาย รักบี้ฟุตบอล เซปักตะกร้อ ยิงปืน ยิงเป้าบิน ว่ายน้ำ เทควันโด ยกน้ำหนัก วูซู และเรือใบ
เกร็ดการแข่งขันแก้ไข
- พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิดการแข่งขัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันครั้งนี้
- การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541
- สมรักษ์ คำสิงห์ เป็นผู้จุดไฟในกระถางคบเพลิงทรงดอกบัว
- อมิตา ทาทา ยัง ร่วมแสดงและขับร้องเพลง "Reach for the star" ในการแสดงชุดสุดท้ายของพิธีเปิด นอกจากนี้ แอ๊ด คาราบาว ยังเป็นผู้ขับร้องเพลง "มิตรภาพไร้พรมแดน" ซึ่งเป็นเพลงประจำการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย[5]
- บริษัทที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้จัดพิธีเปิดการแข่งขัน และปิดการแข่งขัน คือ เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย [6]
- โรงเรียนและสถานศึกษาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลปิดการเรียน 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันปัญหาการจราจร
- การแข่งขันฟุตบอล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยเอาชนะเกาหลีใต้ไปได้ 2-1 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ อย่างน่าประทับใจ โดยครบ 90 นาทีเสมอที่ 1-1 ไทยเหลือผู้เล่นแค่ 9 คน ครั้นในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 95 ดุสิต เฉลิมแสน เขี่ยฟรีคิกสั้นๆ ให้ ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ยิงไกลแบบเต็มข้อเข้าไปเป็นโกลเดนโกลให้ไทยผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ และเป็นการคุมทีมเป็นครั้งแรกของ ปีเตอร์ วิธ โค้ชชาวอังกฤษ ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลครั้งนั้น ไทยได้ที่ 4 ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดที่ทีมชาติไทยสามารถทำได้จนปัจจุบัน
- เหรียญทองเหรียญสุดท้ายที่ทำการแข่งขัน คือ มวยสากลสมัครเล่นในรุ่นเฟเธอร์เวท โดย สมรักษ์ คำสิงห์ สามารถคว้าไปได้ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร อิสริยยศในขณะนั้น เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการแข่งขัน และทรงเป็นองค์ประธานในพิธีปิดอีกด้วย
- ประเทศซาอุดิอาระเบีย ไม่ได้ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขัน แต่เข้าร่วมเดินขบวนในพิธีการแข่งขันอีกด้วย[4]
ผู้สนับสนุนแก้ไข
- ภาครัฐ
- แคท เทเลคอม (CAT Telecom)
- ทีโอที (TOT)
- การบินไทย
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
- ภาคเอกชน
- เอเซอร์คอมพิวเตอร์ (Acer)
- ฟูจิ ซีรอกซ์ (เครื่องถ่ายเอกสารฟูจิซีรอกซ์)
- ซัมซุง
- ธนาคารรัตนสิน
- เชฟรอน (น้ำมันคาลเท็กซ์)
- โตโยต้า (Toyota)
- โปการี่ เสวท
- เครื่องดื่มโค๊ก โคคา-โคล่า (Coca-Cola)
- ไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตเบียร์ช้าง และ คาร์ลสเบิร์ก
ดูเพิ่มแก้ไข
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ "Past Asian Games - Bangkok 1998 Asian Games". OCA. beijing2008.cn (official website of 2008 Beijing Olympics). November 22, 2006. สืบค้นเมื่อ May 26, 2011.
- ↑ "13th Asian Games Bangkok 1998 - Chai-Yo". GAGOC. gz2010.cn (official website of 2010 Asian Games). April 27, 2008. สืบค้นเมื่อ May 26, 2011.
- ↑ คณะกรรมการดำเนินการจัดการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13. รายงานการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13. กรุงเทพมหานคร:
- ↑ 4.0 4.1 "part 8 Opening Ceremony Asian Game 1998(bangkok)". YouTube.
- ↑ "part 18 Opening Ceremony Asian Game 1998(bangkok)". YouTube.
- ↑ "เจเอสแอล งานนี้มีแต่กล่อง-เงินไม่เกี่ยว". นิตยสารผู้จัดการ. December 1998. สืบค้นเมื่อ 20 June 2015.
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
- เอเชียนเกมส์ 1998 จากเว็บสยามกีฬา
- เพลงประกอบการแข่งขัน
- วิดีโอคลิปพิธีเปิดการแข่งขัน
ก่อนหน้า | เอเชียนเกมส์ 1998 | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เอเชียนเกมส์ 1994 (ฮิโรชิมา, ประเทศญี่ปุ่น) |
การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ (6 - 20 ธันวาคม ค.ศ. 1998) |
เอเชียนเกมส์ 2002 (ปูซาน, ประเทศเกาหลีใต้) |