สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารของประเทศไทย ซึ่งเป็นพระอิสริยยศของผู้ที่จะสืบราชสมบัติต่อจากพระมหากษัตริย์ไทย โดยสยามมกุฎราชกุมารจะดำรงพระยศนี้ไปจนกว่าพระมหากษัตริย์จะสวรรคตหรือสละราชสมบัติ

สยามมกุฎราชกุมาร
ธงประจำพระอิสริยยศ
ผู้ดำรงตำแหน่งคนปัจจุบัน
ตำแหน่งว่าง

ตั้งแต่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
การเรียกขานใต้ฝ่าละอองพระบาท
สมาชิกของราชวงศ์จักรี
ผู้แต่งตั้งพระมหากษัตริย์ไทย
วาระตลอดพระชนม์ชีพหรือจนกว่าจะสืบราชสมบัติ
ผู้ประเดิมตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
สถาปนา14 มกราคม พ.ศ. 2430

พระอิสริยยศนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ทรงกำหนดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2429 เพื่อเป็นรัชทายาทแทนตำแหน่งพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคลซึ่งใช้สืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาทรงแต่งตั้งไว้แล้ว

ประวัติ

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงตรากฎมนเทียรบาลซึ่งมีการลำดับยศของพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทั่วไป ในกฎมณเฑียรบาลนั้นลำดับพระยศของพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ที่ประสูติแต่พระอัครมเหสีเป็น "สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า" มีพระเกียรติยศเหนือกว่าพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวง แต่ก็ไม่ได้กำหนดชัดเจนว่า ตำแหน่งสมเด็จหน่อพระพุทธเจ้าเป็นรัชทายาท จนกระทั่ง ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงตราพระราชกำหนดศักดินาพลเรือนขึ้น จึงทรงกำหนดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอซึ่งได้เฉลิมพระราชมณเฑียรแล้วทรงศักดินาหนึ่งแสนดำรงพระราชอิสริยยศเป็นพระมหาอุปราช แต่ตำแหน่งพระมหาอุปราชก็หาได้แต่งตั้งในทุกแผ่นดินไม่[1]

ส่วนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งพระมหาอุปราช (กรมพระราชวังบวรสถานมงคล) ในทุกรัชกาล โดยเป็นตำแหน่งสำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ผู้มีความดีความชอบยิ่งใหญ่เฉพาะพระองค์ เมื่อพระมหาอุปราชพระองค์นั้นเสด็จสวรรคตแล้ว แต่ถ้ายังไม่มีพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดที่มีความชอบเสมอเหมือน พระมหากษัตริย์ก็มิทรงแต่งตั้งพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดที่พระมหาอุปราช จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากที่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเสด็จทิวงคต พระองค์มีพระราชดำริว่า ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่เหมาะสมกับกาลสมัยและอาจทำให้ชาวต่างประเทศเข้าใจสับสน และมีพระราชดำริว่า พระราชอิสริยยศ "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช" ซึ่งเรียกว่า สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า ที่ได้ตั้งขึ้นไว้ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เป็นตำแหน่งที่สอดคล้องตามแบบอย่างการสืบสันตติวงศ์ของพระมหากษัตริย์ในนานาอารยประเทศ ที่มีราชประเพณีแต่งตั้งพระราชโอรสองค์ใหญ่เป็นมกุฎราชกุมารดำรงตำแหน่งรัชทายาท[2] จึงมีพระบรมราชโองการประกาศยกเลิกตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2428 และโปรดให้มีตำแหน่ง "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร" ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะทรงเป็นรัชทายาทสืบราชสันตติวงศ์สืบไป

ธงประจำพระอิสริยยศ

ธงประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เรียกว่า ธงเยาวราช มีขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2440 ธงมีพื้นสีขาบ ขนาดกว้าง 5 ส่วน ยาว 6 ส่วน รูปเครื่องหมายกลางธงเหมือนอย่างธงมหาราช กล่าวคือ ตรงกลางเป็นรูปโล่ ในโล่แบ่งออกเป็น 3 ช่อง ช่องบนเป็นรูปช้างไอยราพตอยู่บนพื้นสีเหลืองบอกนามสยามเหนือ สยามใต้ และสยามกลาง ช่องล่างข้างขวาเป็นรูปช้างเผือกอยู่บนพื้นชมพูหันออกไปข้างเสา เป็นนามสัญญาแห่งลาวประเทศ ช่องล่างซ้ายเป็นรูปกฤชคดและตรง สองอันไขว้กันอยู่บนพื้นแดงบอกนามสัญญามลายูประเทศ เบื้องบนแห่งโล่มีจักรีไขว้กันและมีพระมหาพิชัยมงกุฎสวมอยู่บนจักรี แต่เครื่องสูงข้างโล่ของธงเยาวราชนั้นเป็น 5 ชั้น ธงเยาวราชนี้สำหรับชักขึ้นบนเสาใหญ่ในเรือพระที่นั่งหรือเรือลำหนึ่งลำใด ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารเสด็จโดยอิสริยยศเป็นที่หมายให้ปรากฏว่าได้เสด็จอยู่ในเรือลำนั้น [3]

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้ยกเลิกธงเยาวราชแล้วเปลี่ยนเป็น ธงเยาวราชใหญ่ และ ธงเยาวราชน้อย[4] ปัจจุบัน ธงเยาวราชใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นธงมี 2 สี พื้นรอบนอกสีขาบ พื้นรอบในสีเหลืองกว้างยาวครึ่งส่วนของพื้นรอบนอก ตรงกลางรอบในมีรูปครุฑพ่าห์สีแดง ส่วนธงเยาวราชน้อยแบ่งความยาวออกเป็น 2 ตอน ตอนต้นมีลักษณะและสัณฐานเหมือนกับธงเยาวราชใหญ่แต่กว้างไม่เกินกว่า 60 เซนติเมตร ตอนปลายมีลักษณะเป็นชายต่อสีขาวแปลงเป็นรูปธงยาวเรียว โดยให้ปลายสุดกว้างครึ่งหนึ่งของต้น ปลายธงตัดเป็นแฉกรูปหางนกแซงแซวลึก 3 ใน 8 ส่วนของความยาวของผืนธง ความยาวของผืนธงเป็น 8 เท่าของความกว้างของตอนต้น ธงนี้ถ้าชักขึ้นแทนธงเยาวราชใหญ่ หมายความว่า โปรดเกล้าฯ ให้งดการยิงสลุตถวายคำนับ[5]

เครื่องราชอิสริยยศ

 
เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (บางส่วน)

เครื่องประกอบพระราชอิสริยยศประจำตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในปัจจุบัน ประกอบด้วย[6]

  • พระสุพรรณบัฏ พร้อมหีบทองคำลงยา ภปร. ประดับเพชร และพระราชลัญจกร
  • หมวดเครื่องศิราภรณ์
    • พระอนุราชมงกุฎ
    • พระมาลาเส้าสูงเครื่องทองคำลงยา
  • หมวดเครื่องศัสตราวุธ
    • พระแสงฝักทองเกลี้ยง
    • พระแสงกระบี่สันปรุทองคำลงยาศีรษะนาคสามเศียร
  • หมวดเครื่องราชภรณ์อันเป็นมงคล
    • พระสังวาลพระนพน้อย พระประคำทองคำ พระดิ่งทองคำสายทอง พระตะกรุดทองคำลงยาประดับเพชรสายทอง พระธำมรงค์นพรัตน์
  • หมวดเครื่องราชูปโภค
    • พานพระศรีทองคำลงยาเครื่องพร้อม พระคนโททองคำลงยาพร้อมพานรอง พระสุวรรณศรีทองคำลงยา หีบพระศรีไม้แดงหุ้มทองคำลงยาพร้อมพานรอง ที่ชงทองคำเครื่องพร้อม กากระบอกทองคำ

รายพระนามสยามมกุฎราชกุมาร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 3 พระองค์ ได้แก่

พระบรมฉายาลักษณ์ รายพระนาม ความสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์ สถาปนา สิ้นสุดตำแหน่ง
  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อดิศวรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรสมมติเทพยวรางกูร บรมมกุฎนเรนทรสูริย์ขัตติยสันตติวงศ์ อุกฤษฐพงศ์วโรภโตสุชาต ธัญญลักษณวิลาศวิบุลยสวัสดิ์ ศิริวัฒนวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชโอรส (ชั้นเจ้าฟ้า) พระองค์ใหญ่
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประสูติแต่
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
14 มกราคม พ.ศ. 2430[1] 4 มกราคม พ.ศ. 2438
(สวรรคต)
  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ
สยามมกุฎราชกุมาร
พระราชโอรส (ชั้นเจ้าฟ้า) พระองค์รอง
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประสูติแต่
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
4 มกราคม พ.ศ. 2438[7] 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453
(สืบราชสมบัติ)
  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชโอรส
ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ประสูติแต่
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ บรมราชชนนีพันปีหลวง
28 ธันวาคม พ.ศ. 2515[8] 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559
(สืบราชสมบัติ)

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธย สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าราชกุมารพระองค์ใหญ่ เป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เก็บถาวร 2012-06-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓, ตอน ๔๔, วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๒๙, หน้า ๓๖๘
  2. "พระราชพิธีสถาปนา เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-09. สืบค้นเมื่อ 2010-08-07.
  3. พระราชบัญญัติธง รัตนโกสินทร์ ศก ๑๑๖
  4. พระราชบัญญัติธง รัตนโกสินทร์ ศก ๑๒๙
  5. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติธง พ.ศ. ๒๕๒๒ เก็บถาวร 2007-09-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๙๖, ตอน ๑๑ ก ฉบับพิเศษ, ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒, หน้า ๑
  6. "ภาพเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-26. สืบค้นเมื่อ 2010-08-10.
  7. ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสถาปนา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธสยามมกุฎราชกุมาร เก็บถาวร 2011-11-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑, ตอน ๔๓, ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๗, หน้า ๓๔๖
  8. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เก็บถาวร 2009-08-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๘๙, ตอน ๒๐๐ ก, ฉบับพิเศษ, ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕, หน้า ๑