มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทย มีความโดดเด่นด้านเทคนิคการกอดคอต่อสู้[1][2][3][4] ซึ่งเป็นการใช้ทั้งกายและใจ สำหรับการต่อสู้ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ โดยเป็นที่รู้จักว่าเป็น "นวอาวุธ" ซึ่งประกอบด้วยการโจมตีจากร่างกายทั้ง หมัด, ศอก, เข่า และเท้า หากมีการเตรียมพร้อมด้านร่างกายดี จะก่อให้เกิดอาวุธที่มีอานุภาพ[5] มวยไทยได้เป็นที่แพร่หลายในระดับนานาชาติในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบ เมื่อเหล่านักมวยไทยสามารถเป็นฝ่ายชนะนักต่อสู้ที่มีชื่อเสียงในแขนงอื่น[6] ซึ่งการแข่งขันมวยไทยในระดับอาชีพ ได้รับการดูแลโดยสภามวยไทยโลก[7][8]

มวยไทย
มุ่งเน้นการชก, การโจมตี
ประเทศต้นกำเนิดไทย
ผู้มีชื่อเสียงรายชื่อผู้ฝึกมวยไทย
ต้นตำรับมวยโบราณ
มวยไทย
เล่นครั้งแรกประเทศไทย กลางคริสต์ศตวรรษที่ 18
ลักษณะเฉพาะ
การปะทะทั้งตัว
แข่งรวมชายหญิงไม่
หมวดหมู่ศิลปะการต่อสู้
จัดแข่งขัน
ประเทศ ภูมิภาคทั่วโลก
โอลิมปิกไม่ แต่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลยอมรับ
เวิลด์เกมส์2017

ปัจจุบัน ทางสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (IFMA) มีแผนที่จะผลักดันกีฬามวยไทยเข้าสู่กีฬาโอลิมปิก[9][10] และใน พ.ศ. 2557 ทางองค์การสหประชาชาติได้ให้การยอมรับมวยไทยเป็นกีฬาแห่งประชาคมโลก โดยได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับสภามวยไทยโลก และสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ[11][12]

ประวัติศาสตร์มวยไทย แก้

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของมวยไทยเริ่มมีและใช้กันในการสงครามในสมัยก่อน ซึ่งแตกต่างจากมวยไทยในปัจจุบันที่ใช้เป็นการกีฬา โดยมีการใช้นวมขึ้นเพื่อป้องกันการอันตรายที่เกิดขึ้น มวยไทยยังคงได้ชื่อว่า ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด ซึ่งรวม สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า (บางตำราอาจเป็น นวอาวุธ ซึ่งรวมการใช้ศีรษะโจมตี หรือ ทศอาวุธ ซึ่งรวมการใช้บั้นท้ายกระแทกโจมตี)

มวยไทยสืบทอดมาจากมวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็นแต่ละสายตามท้องที่นั้น ๆ โดยมีสายสำคัญหลัก เช่น มวยท่าเสา (ภาคเหนือ) มวยโคราช (ภาคอีสาน) มวยไชยา (ภาคใต้) มวยลพบุรีและมวยพระนคร (ภาคกลาง) มีคำกล่าวไว้ว่า "หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา"

ในสมัยโบราณจะมี สำนักเรียน (สำนักเรียนมวย แตกต่างจาก ค่ายมวย คือ สำนักเรียนจะมีเจ้าสำนัก หรือ ครูมวย ซึ่งมีฝีมือและชื่อเสียงเป็นที่เคารพรู้จัก มีความประสงค์ที่จะถ่ายทอดวิชาไม่ให้สูญหาย โดยมุ่งเน้นถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์ที่มีความเหมาะสม ส่วน ค่ายมวย เป็นที่รวมของผู้ที่ชื่นชอบในการชกมวย มีจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน-ประลอง) โดยแยกเป็น สำนักหลวง และ สำนักราษฎร์ บ้างก็ฝึกเรียนร่วมกับเพลงดาบ กระบี่ กระบอง พลอง ทวน ง้าวและมีดหรือการต่อสู้อื่น ๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและใช้ในการสงคราม มีทั้งพระมหากษัตริย์และขุนนางแม่ทัพนายกองและชาวบ้านทั่วไป (ส่วนใหญ่เป็นชาย) และจะมีการแข่งขันต่อสู้-ประลองกันในงานวัด และงานเทศกาลโดยมีค่ายมวยและสำนักมวยต่างๆ ส่งนักมวยและครูมวยเข้าแข่งขันชิงรางวัล-เดิมพัน โดยยึดความเสมอภาค

 
รูปปั้นจำลองของนายขนมต้ม นักมวยคาดเชือกชาวกรุงศรีอยุธยา ในงานรำลึกนายขนมต้ม ในวันที่ 17 มีนาคมของทุกปี

บางครั้งจึงมีตำนานพระมหากษัตริย์หรือขุนนางที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ปลอมตนเข้าร่วมแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือที่เป็นที่ปรากฏได้แก่ พระเจ้าเสือ (ขุนหลวงสรศักดิ์) พระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพิชัยดาบหัก ครูดอก แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ จนเมื่อไทยเสียกรุงแก่พม่า ปรากฏชื่อนายขนมต้ม ครูมวยชาวอยุธยา ซึ่งถูกกวาดต้อนเป็นเชลยศึกได้ชกมวยกับชาวพม่า ชนะหลายครั้งเป็นที่ปรากฏถึงความเก่งกาจเหี้ยมหาญของวิชามวยไทย ในสมัยอยุธยา ตอนปลายได้มีการจัดตั้งกรมทนายเลือกและกรมตำรวจหลวงขึ้นมีหน้าที่ในการให้การคุ้มครองกษัตริย์และราชวงศ์ ได้มีการฝึกหัดวิชาการต่อสู้ทั้งมวยไทยและมวยปล้ำตามแบบอย่างแขกเปอร์เซีย (อิหร่าน) จึงมีครูมวยไทยและนักมวยที่มีฝีมือเข้ารับราชการจำนวนมากและได้แสดงฝีมือในการต่อสู้ในราชสำนักและหน้าพระที่นั่งในงานเทศกาลต่างๆสืบต่อกันมาเป็นประจำ และเป็นที่น่าสังเกตว่า กองทัพกู้ชาติของพระเจ้าตาก ล้วนประกอบด้วยนักมวยและครูมวยที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นจำนวนมาก ถึงกับได้มีการจัดตั้งเป็นหน่วยรบพิเศษ 3 กอง คือ กองทนายเลือก กองพระอาจารย์ และกองแก้วจินดา ซึ่งได้ปฏิบัติภารกิจที่สำคัญที่ทำให้คนไทยสิ้นความหวาดกลัวต่อทัพพม่า ในการรบที่บ้านนางแก้ว ราชบุรี จนอาจเรียกได้ว่า มวยไทยกู้ชาติ[ต้องการอ้างอิง]

มวยไทยสมัยรัตนโกสินทร์ แก้

กีฬามวยไทยได้รับความนิยมมากในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยุคที่นับว่าเฟื่องฟูที่สุดคือ รัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ศึกษาฝึกฝนการชกมวยไทยและโปรดให้จัดการแข่งขันชกมวยหน้าพระที่นั่งโดยคัดเลือกนักมวยฝีมือดีจากภาคต่างๆ มาประลองแข่งขัน และพระราชทานแต่งตั้งให้มีบรรดาศักดิ์ ทั้งยังโปรดให้กรมศึกษาธิการ บรรจุการสอนมวยไทยเป็นวิชาบังคับ ในโรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา มีการชกมวยถวายหน้าพระที่นั่งเป็นประจำจนถึงสมัย รัชกาลที่ 6 ที่วังสวนกุหลาบ ทั้งการต่อสู้ประลองระหว่างนักมวย กับครูมวยชาวไทยด้วยกัน และการต่อสู้ระหว่างนักมวย กับครูมวยต่างชาติ ในการแข่งขันชกมวยในสมัยรัชกาลที่ 6 ระหว่างมวยเลี่ยะผะ (กังฟู) ชาวจีนโพ้นทะเล ชื่อนายจี่ฉ่าง กับ นายยัง หาญทะเล ศิษย์เอกของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีท่าจรดมวยแบบมวยโคราช ซึ่งเน้นการยืดตัวตั้งตระหง่านพร้อมที่จะรุกและรับโดยเน้นการใช้เท้าและหมัดเหวี่ยง และต่อมาได้เป็นแบบอย่างในการฝึกหัดมวยไทยในสถาบันพลศึกษาส่วนใหญ่ สมัย รัชกาลที่ 7 ในยุคแรกการแข่งขันมวยไทยใช้การพันมือด้วยเชือก จนกระทั่งนายแพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยจากท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อยนายเจียร์ นักมวยเขมร ด้วยหมัดเหวี่ยงควายถึงแก่ความตาย จึงเปลี่ยนมาสวมนวมแทน ต่อมาเริ่มมีการกำหนดกติกาในการชก และมีเวทีมาตรฐานขึ้นแห่งแรกคือเวทีมวยลุมพินีและเวทีมวยราชดำเนินจัดแข่งขันมวยไทยมาจนปัจจุบัน

แต่คำว่า มวยไทย มีมาใช้ในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายชาตินิยม ในยุคที่มี น.ต.หลวงศุภชลาศัย ร.น. เป็นอธิบดีกรมพลศึกษา มีการออกพระราชบัญญัติมวยไทย ซึ่งแต่เดิมมวยไทยจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่น เช่น มวยโคราช, มวยไชยา และรวมถึงการก่อสร้างเวทีมวยมาตรฐานจวบจนปัจจุบัน คือ เวทีมวยลุมพินี และเวทีมวยราชดำเนิน[13]

ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียงในแต่ละยุค แก้

ยุคอดีต แก้

ยุคปัจจุบัน แก้

นักมวยไทยมีชื่อเสียง แก้

หลักการชกมวยไทย แก้

วิดีโอมวยไทย

การชกมวยไทยที่ดี มีหลักสำคัญ คือ มีการป้องกัน ด้วยการยืน มั่นคง เข้มแข็ง สูงเด่น การตั้งแขนป้องกัน (การการ์ดมวย) และการเก็บคาง เปรียบเสมือนป้อมปราการ เท้าหน้า จรดชี้ไปข้างหน้าวางน้ำหนักครึ่งฝ่าเท้า เท้าหลัง วางทแยงเฉียงกว้างกว่าหัวไหล่วางน้ำหนักเศษหนึ่งส่วนสี่ไว้ที่อุ้งนิ้วหัวแม่โป้ง ขยับก้าวด้วยการลากเท้าหลังตามพร้อมที่จะหลอกล่อ ขยับเข้า ออก ตั้งรับและโจมตีตอบโต้ แขนหน้ายกกำขึ้นอย่างน้อยเสมอไหล่ หรือจรดสันแก้ม แขนหลังยกกำขึ้นจรดแก้ม ศอกทั้งสองข้างไม่กางออกและไม่แนบชิด ก้มหน้าเก็บคาง ตาเขม็งมองไปตรงหว่างอกของคู่ต้อสู้ พร้อมที่จะเห็นการเคลื่อนไหวทุกส่วน เพื่อที่จะรุก รับ หรือตอบโต้ด้วยแม่ไม้ ลูกไม้และการแจกลูกต่างๆ มีการเคลื่อนไหวที่องอาจมีจังหวะ มีการล่อหลอกและขู่ขวัญที่มีการเปรียบเทียบว่า "ประดุจพญาราชสีห์ และพญาคชสีห์" อาวุธมวยที่ออกไป ต้องมีเป้าหมายและจุดประสงค์แน่นอน (แต่มักซ้อนกลลวงไว้) มีการต่อสู้ระยะไกล (วงนอก) และระยะประชิด (วงใน) และมีทีเด็ดทีขาดในการพิชิตคู่ต่อสู้[ต้องการอ้างอิง]

และแม่ไม้มวยไทย เป็นท่าต่อสู้ของวิชามวยไทยที่สำคัญที่สุด[17]

มวยไทยกับเยาวชน แก้

 
การสาธิตศิลปะแม่ไม้มวยไทยของนักเรียนโรงเรียนบ้านโป่งวัวแดง จังหวัดจันทบุรี

ในปี พ.ศ. 2552 นั้นประเทศไทยมีนักมวยเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นจำนวนมากกว่า 20,000 คน[18] นักมวยไทยเยาวชนส่วนมากนั้นอยู่ในพื้นที่ชนบท แม้จะมีความรักและชื่นชอบในมวยไทยอยู่บ้างแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ส่วนใหญ่มีความจำเป็นในการเรียนรู้ศิลปะแม้ไม้มวยไทยเพื่อความอยู่รอด หรือใช้สร้างรายได้แบ่งเบาภาระให้กับครอบครัว[19] การเรียนรู้ศิลปะมวยไทยนั้นได้ให้อะไรหลายๆอย่างที่เป็นผลดีแก่เด็ก อาทิ ปลูกฝังวินัยในการใช้ชีวิตจากการฝึกซ้อม ปลูกฝังความรู้ในการใช้มวยไทยเพื่อป้องกันตัวในยามคับขันโดยนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ หรือมีความรู้สึกรักและหวงแหนศิลปะการต่อสู้อันเป็นสมบัติของชาติ[20] แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้นการเรียนรู้ศิลปะแม้ไม้มวยไทยแบบเก่าก็ได้ให้ผลเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่เด็กด้วยเช่นกัน[21] อาทิ ผลกระทบทางสมองของเด็ก อาการบาดเจ็บจากการขึ้นชกบนเวที ต่อมาทางหน่วยงานรัฐบาลจึงมีกฎหมาย[22] ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากอาการบาดเจ็บทางด้านร่างกาย และสมองต่อเด็กเยาวชนโดยที่ไม่เป็นการยกเลิกมวยไทยในเยาวชนเนื่องจากยังเล็งเห็นประโยชน์ของการอนุรักษ์ศิลปะมวยไทยในเด็กเยาวชนให้สืบสานต่อไปได้ จึงทำให้เกิดการร่างกติกาสำหรับมวยเยาวชนขึ้นมาใหม่ อาทิ มีเครื่องป้องกันที่มากขึ้น กติกาห้ามชกแบบรุนแรงบนใบหน้า เน้นการเรียนรู้ในเรื่องการใช้ท่าทางต่างๆเป็นหลักมากกว่าการขึ้นชกมวยบนเวทีแบบเอาเป็นเอาตายของเด็กเยาวชน

ภาคส่วนต่างๆในสังคมไทย ทั้งหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชนยังช่วยปลูกฝังความรักและหวงแหนในศิลปะมวยไทยไปสู่เด็กเยาวชนมาโดยตลอด[23] อาทิ การบรรจุวิชามวยไทยลงในชุดการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาเป็นหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมในทุกโรงเรียนทั่วประเทศ มีการอบรมเชิงปฏิบัติการศิลปะมวยไทยเพื่อการป้องกันตัวให้แก่ครูผู้สอนพลศึกษา[24] ตลอดจนถึงการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นแฟนตาซีผสมผสานกับมวยไทยของเอกชน เรื่อง 9 ศาสตรา[25]

มวยไทยกับการออกกำลังกาย แก้

การออกกำลังกายด้วยวิธีการใช้หมัด เข่า ศอก และเท้า ตามแบบฉบับของมวยไทย ทำให้อวัยวะหลายๆส่วนของร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วน อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย[26] กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้มีพละกำลังมากขึ้น การชกมวยไทยเพียงหนึ่งชั่วโมงสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 1,000 แคลอรี[27] จากงานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายด้วยมวยไทยในกลุ่มผู้สูงอายุมีส่วนช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจดีขึ้น รวมทั้งช่วยในการทรงตัวของร่างกาย[28]

การนำมวยไทยไปประยุกต์ใช้ในการออกกำลังกาย เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆในสังคมไทย ทั้งในดารา นักแสดง ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันอาทิ ยิปซี คีรติ เบเบ้ ธันย์ชนก เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ศุกลวัฒน์ คณารศและ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์[29] เป็นต้น ความนิยมนั้นยังมีตลอดไปจนถึงผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ทั้งเพศหญิงและเพศชาย สอดคล้องกับจำนวนยิมฝึกมวยไทยที่มีมากขึ้นในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 21 เหตุผลอันสำคัญหนึ่งที่ทำให้การออกกำลังกายด้วยมวยไทยเป็นที่นิยมนั่นคือความสนุกสนานและท้าทาย[30]

ความนิยมของมวยไทยในชาวต่างชาติ แก้

มวยไทยเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีชื่อเสียงอย่างมากในต่างประเทศในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ผ่านการถ่ายทอดทางสื่อต่างๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อันช่วยส่งเสริมมวยไทยในวัฒนธรรมสมัยนิยม อาทิ ภาพยนตร์ และวีดีโอเกม เป็นต้น [31][32]

 
ชาวต่างชาติที่กำลังฝึกชกกระสอบทรายที่ค่ายมวยในประเทศไทย

ความนิยมของมวยไทยในชาวต่างชาตินั้นสูงขึ้นกว่าในอดีต วัดได้จากการเก็บสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2559 โดยพบว่ามีชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเรียนมวยไทยจำนวนมากกว่า 50,000 คน ซึ่ง 10 อันดับแรก มีดังต่อไปนี้ สหราชอาณาจักร จำนวน 11,219 คน ออสเตรเลีย 6,800 คน ฝรั่งเศส 5,852 คน เยอรมัน 4,688 คน สวีเดน 4,253 คน รัสเซีย 2,183 คน เดนมาร์ก 1,855 คน ญี่ปุ่น 1,841 คน นิวซีแลนด์ 1,781 คน และสเปน 1,633 คน[33] ซึ่งความนิยมดังกล่าวยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอีกด้วย โดยที่ในปี พ.ศ. 2561 มวยไทยได้สร้างรายได้เข้าประเทศกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ส่งผลให้ในเวลาต่อมาทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เล็งเห็นความสำคัญของมวยไทย ทำการส่งเสริมโดยจัดทำหนังสือคู่มือมวยไทยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ "AWESOME MUAY THAI" [34]ทั้งแบบเป็นหนังสือกระดาษทั่วไปและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์[35]

จากความนิยมของมวยไทยดังกล่าวในชาวต่างชาติ ทำให้ในปี พ.ศ. 2556 มีค่ายมวยไทยในต่างประเทศเป็นจำนวนถึง 3,869 แห่ง[36] และมีค่ายมวยไทยในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2561 เป็นจำนวนถึง 5,100 แห่ง โดย 5 ประเทศที่มีค่ายสอนมวยไทยมากที่สุด มีดังต่อไปนี้ บราซิล 1,631 แห่ง อิหร่าน 650 แห่ง อินเดีย 256 แห่ง โมร็อกโก 220 แห่ง และสหรัฐ 190 แห่ง[37]

การถ่ายทอดการแข่งขัน แก้

การถ่ายทอดสดการแข่งขันที่จัดประจำสัปดาห์ ส่วนมากจะออกอากาศในวันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์ มีการพนันอย่างกว้างขวางเพราะมีกฎหมายรองรับ ยกตัวอย่างประเทศที่มีการถ่ายทอดประจำทางโทรทัศน์ดังนี้

ดูเพิ่ม แก้

อ้างอิง แก้

  1. "Fighting into the night". Malaysia Star. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-22. สืบค้นเมื่อ 2010-12-07.
  2. Colman, David (2005-01-09). "It's Hand-to-Hand for a Keeper of Faces". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2010-08-10.
  3. Fuller, Thomas (2007-09-16). "Sugar and Spice and a Vicious Right: Thai Boxing Discovers Its Feminine Side". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2010-08-10.
  4. Perry, Alex (2001-06-11). "Fighting for Their Lives". Time. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-30. สืบค้นเมื่อ 2010-12-07.
  5. Get fit the Muaythai way
  6. "The History of Muay Thai Boxing". www.horizonmuaythai.com. July 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-22. สืบค้นเมื่อ 2011-08-28.
  7. "IFMA Governing body of Muay Thai". www.ifmamuaythai.org. January 2013. สืบค้นเมื่อ 2013-01-15.
  8. "World Muaythai Council for Professional Muaythai". www.wmcmuaythai.org. January 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-02-10. สืบค้นเมื่อ 2013-01-15.
  9. ผลักดันมวยไทยเข้าโอลิมปิก
  10. หนุนมวยไทยสู่โอลิมปิก
  11. ไทยรัฐ. ปีที่ 65 ฉบับที่ 20551. วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557. ISSN 1686-4921. หน้า 21, 29
  12. "ยูเอ็น รับ มวยไทย เป็นกีฬาแห่งประชาคมโลก‏ - Mthai". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-10-20. สืบค้นเมื่อ 2016-03-07.
  13. หน้า 114-115, รศ.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เหตุแห่งการปฏิวัติสยาม ๒๔๗๕. สัมภาษณ์. นิตยสารสารคดี "๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕" ฉบับที่ ๑๗๒: มิถุนายน ๒๕๔๒
  14. "ครูสุนทร (กิมเส็ง) ทวีสิทธิ์ ค่ายทวีสิทธิ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-18. สืบค้นเมื่อ 2007-09-05.
  15. มวยไทยไชยา
  16. ครูแปรง มวยไชยา
  17. "แม่ไม้มวยไทย - สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-10. สืบค้นเมื่อ 2016-04-05.
  18. เปิดมุมมองต่างชาติ ว่าด้วยชีวิตบนสังเวียนเลือด 'นักมวยเด็ก' กับผลปย.ในวงการมวยไทย
  19. หัวใจไม่ยอมแพ้ "แชมป์โลก" มวยไทยเยาวชน
  20. "๒.คุณค่าและประโยชน์ของกีฬามวยไทย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-10-13. สืบค้นเมื่อ 2020-06-29.
  21. "เน้นสวยงาม-จำกัดอายุ-แก้กฎกติกา"...ถึงเวลาปฏิรูปนักมวยเด็ก
  22. มวยเด็ก การพบกันครึ่งทางระหว่างกีฬากับกฎหมาย : โดย อุดมศักดิ์ โหมดม่วง
  23. กลุ่มไทอชิร ปรัชญามวยไทยใส่วิถีเยาวชน
  24. "สวธ.ติวเข้มศิลปะมวยไทยให้ครูพละ-แก้ขาดแคลน". bangkokbiznews.com.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  25. 9 ศาสตรา: อ๊อด และภาพสะท้อนของรามเกียรติ์
  26. "มาต่อยกันไหม!?! 8 ประโยชน์เริ่ดๆจากการชกมวย". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-07-24. สืบค้นเมื่อ 2021-02-06.
  27. เปรียบเทียบ 10 วิธีออกกำลังกาย แบบไหนผอมเร็วสุด
  28. ออกกำลังด้วย “มวยไทย” ฝึกทรงตัว-ช่วยระบบหายใจ
  29. Wanwisa (2019-01-11). "หลงเสน่ห์มวยไทย ส่องยิม 4 ค่ายมวยดาราคนดัง น่าไปเตะขารีดน้ำหนัก ปั๊วะ! ปั๊วะ!". UndubZapp (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
  30. www.mainstand.co.th. "มวยไทย กิจกรรมออกกำลังกายยอดฮิตของมนุษย์เงินเดือน มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?". www.mainstand.co.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-13. สืบค้นเมื่อ 2021-02-06.
  31. Tony Jaa Kicks Open Cultural Doors
  32. "10 ปี องค์บาก เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-01. สืบค้นเมื่อ 2020-06-30.
  33. Who is a BIG Fan of Thai Boxing
  34. TAT pushes sports tourism with ‘Awesome Muay Thai’ guidebook
  35. "หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ "AWESOME MUAY THAI". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-24. สืบค้นเมื่อ 2021-07-24.
  36. ‘ธุรกิจ มวยไทย 4.0’ ต้นแบบธุรกิจกีฬาเกื้อหนุนธุรกิจท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ไปไกลกว่าเดิม
  37. "มวยไทย KEEP FIGHTING". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-01. สืบค้นเมื่อ 2020-06-30.

อ่านเพิ่ม แก้

  • Kraitus, Panya (1992), Muay Thai The Most Distinguished Art of Fighting, Phuket: Transit Press, ISBN 974-86841-9-9
  • Muay Thai The Essential Guide To The Art of Thai Boxing. Tony Moore. New Holland. ISBN 1 84330 596 8.
  • Boykin, Chad (2002), Muay Thai Kickboxing – The Ultimate Guide to Conditioning, Training and Fighting, Boulder, CO: Paladin Press, ISBN 1-58160-320-7
  • Prayukvong, Kat (2006), Muay Thai: A Living Legacy, Bangkok, Thailand: Spry Publishing Co., Ltd, ISBN 974-92937-0-3
  • Hartig, Bastian (2018-12-04). Thai boxing: The dangerous fight against poverty (Video). Deutsche Welle. สืบค้นเมื่อ 2018-12-06.
  • Nusch, Florian (2017-12-09). Child Thai boxers: A fighting chance (Video). Deutsche Welle. สืบค้นเมื่อ 2018-12-06.
  • Wei, Lindsey (2020) Path of the Spiritual Warrior: Life and Teachings of Muay Thai Fighter Pedro Solana. Auckland: Purple Cloud Press, ISBN 979-8651807901