ฟุตบอลทีมชาติฟิลิปปินส์
ฟุตบอลทีมชาติฟิลิปปินส์ (ฟิลิปปินส์/ตากาล็อก: Pambansang koponan ng futbol ng Pilipinas) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนของประเทศฟิลิปปินส์ในการแข่งขันระหว่างประเทศ ภายใต้การควบคุมโดยสหพันธ์ฟุตบอลฟิลิปปินส์ ทีมชาติฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในทีมฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย โดยลงแข่งขันระดับนานาชาติมาตั้งแต่ ค.ศ. 1913
![]() | |||
ฉายา | Azkals[1] (สุนัขข้างถนน) ตากาล็อก (ฉายาในภาษาไทย) | ||
---|---|---|---|
สมาคม | สหพันธ์ฟุตบอลฟิลิปปิน | ||
สมาพันธ์ย่อย | เอเอฟเอฟ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) | ||
สมาพันธ์ | เอเอฟซี (เอเชีย) | ||
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | อัลเบิร์ต กาเปยาส เฮิร์มส์ | ||
กัปตัน | นีล อีเทอริดจ์ | ||
ติดทีมชาติสูงสุด | ฟิล ยังฮัสแบนด์ (108) | ||
ทำประตูสูงสุด | ฟิล ยังฮัสแบนด์ (52) | ||
สนามเหย้า | รีซัลเมโมเรียลสเตเดียม | ||
รหัสฟีฟ่า | PHI | ||
| |||
อันดับฟีฟ่า | |||
อันดับปัจจุบัน | 150 ![]() | ||
อันดับสูงสุด | 111 (พฤษภาคม ค.ศ. 2018) | ||
อันดับต่ำสุด | 195 (กันยายน – ตุลาคม ค.ศ. 2006) | ||
เกมระดับนานาชาติครั้งแรก | |||
ก่อนเป็นสมาชิกฟีฟ่า![]() ![]() (มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์; 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1913) ตอนเป็นสมาชิกฟีฟ่า ![]() ![]() (โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น; 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1930) | |||
ชนะสูงสุด | |||
ก่อนเป็นสมาชิกฟีฟ่า![]() ![]() (โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น; 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1917)[3] ตอนเป็นสมาชิกฟีฟ่า ![]() ![]() (มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์; 24 มีนาคม ค.ศ. 2013) | |||
แพ้สูงสุด | |||
![]() ![]() (โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น; 28 กันยายน ค.ศ. 1967) | |||
เอเชียนคัพ | |||
เข้าร่วม | 1 (ครั้งแรกใน 2019) | ||
ผลงานดีที่สุด | รอบแบ่งกลุ่ม, (2019) | ||
เอเอฟซีแชลเลนจ์คัพ | |||
เข้าร่วม | 3 (ครั้งแรกใน 2006) | ||
ผลงานดีที่สุด | รองชนะเลิศ (2014) | ||
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน | |||
เข้าร่วม | 14 (ครั้งแรกใน 1996) | ||
ผลงานดีที่สุด | รอบรองชนะเลิศ (2010, 2012, 2014, 2018, 2024) |
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ฟิลิปปินส์มีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาตะวันออกไกลร่วมกับญี่ปุ่นและจีน[4] ฟิลิปปินส์ไม่เคยเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และเคยเข้าร่วมเอเชียนคัพเพียงครั้งเดียวใน ค.ศ. 2019 ผลงานที่ดีที่สุดในการแข่งขันระดับนานาชาติ คือ เอเอฟซีชาเลนจ์คัพ 2014 ซึ่งพวกเขาจบด้วยอันดับรองชนะเลิศจากการแพ้ปาเลสไตน์[5]
ฟิลิปปินส์แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด โดยกีฬาที่คนฟิลิปปินส์นิยมมากที่สุดคือบาสเกตบอลและมวยสากล อันเป็นผลมาจากการปกครองของสหรัฐในอดีต ทำให้การพัฒนากีฬาฟุตบอลในประเทศขาดความต่อเนื่อง หลายครั้งที่ฟิลิปปินส์มีส่วนร่วมในรายการฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนและจบเพียงอันดับสุดท้ายของกลุ่ม อย่างไรก็ตาม พวกเขาพัฒนาทีมขึ้นนับตั้งแต่ทศวรรษ 2010 การพัฒนากีฬาฟุตบอลเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยได้รับการสนับสนุนจากแฟนฟุตบอลในประเทศ ส่งผลให้พวกเขาได้ร่วมแข่งขันรายการใหญ่ระดับทวีปเป็นครั้งแรกในเอเชียนคัพ 2019
ประวัติ
แก้ยุคแรก (1910–40)
แก้ในยุคแรก ทีมชาติฟิลิปปินส์ลงแข่งขันในรายการกีฬาตะวันออกไกล จัดแข่งขันครั้งแรกใน ค.ศ. 1913 และครั้งสุดท้ายใน ค.ศ. 1934 รายการดังกล่าวเป็นรายการระดับภูมิภาครายการแรกนับตั้งแต่บริติชโฮมแชมเปียนชิป ฟิลิปปินส์มักจะแข่งกับญี่ปุ่นและจีนเป็นส่วนมาก เอาชนะจีนด้วยผลประตู 3–1 ในการแข่งขันครั้งแรก ถัดมาในการแข่งขัน ค.ศ. 1917 พวกเขาพบกับชัยชนะด้วยผลประตูที่ขาดลอยที่สุดมาถึงปัจจุบัน โดยเอาชนะญี่ปุ่นด้วยผลประตู 15–2[6][7]
ภายหลังการแข่งขันกีฬาตะวันออกไกลยุติลง ฟิลิปปินส์ร่วมแข่งขันรายการเอเชียนส์เกมตะวันออก ใน ค.ศ. 1940 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 2600 ปีของการก่อตั้งจักรวรรดิญี่ปุ่นโดยจักรพรรดิจิมมุ พวกเขาจบอันดับสามตามหลังญี่ปุ่นซึ่งเป็นแชมป์ และจีน[8][9]
ตกต่ำ (1950–90)
แก้วงการฟุตบอลของฟิลิปปินส์เข้าสู่ยุคตกต่ำในช่วงทศวรรษ 1950 จากปัญหาการเงิน และพวกเขาแทบจะไม่ได้รับความสนใจจากสื่อเลยแม้จะเป็นเจ้าภาพรายการกระชับมิตรกับทีมต่างประเทศ แต่ในช่วงเวลานั้นทีมยังค้นพบผู้เล่นพรสวรรค์หลายคนจากการแข่งขันฟุตบอลลีกในมะนิลา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชุมชนชาวจีน-ฟิลิปปินส์ ทีมได้เข้าร่วมเอเชียนเกมส์ 1958 ที่กรุงโตเกียว มีผลงานโดดเด่นคือการชนะเจ้าภาพอย่างญี่ปุ่น 1–0 ในเกมที่ได้รับการวิจารณ์จากสื่อญี่ปุ่น[10] ทีมชาติฟิลิปปินส์ยังประสบปัญหาต่อเนื่องหลังจาก ค.ศ. 1958 ผู้เล่นคนสำคัญหลายรายได้ประกาศเกษียณตนเองจากการเล่นทีมชาติ สาเหตุหลักมาจากปัญหาเรื่องค่าตอบแทนที่ได้รับจากการรับใช้ชาติ ผู้เล่นตัวหลัก อาทิ เอ็ด โบคัมโป และ เอดูอาร์โด ปาเชโก ผันตัวไปเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพเนื่องจากค่าตอบแทนที่สูงกว่า
ต่อมา รัฐสภาฟิลิปปินส์ผ่านพระราชบัญญัติสาธารณรัฐ 3135 ที่แก้ไขกฎบัตรของสหพันธ์กรีฑาสมัครเล่นแห่งฟิลิปปินส์ซึ่งมีบทบัญญัติหรือกฎ 60-40 ที่กำหนดให้ทีมมีผู้เล่นชาวจีน และผู้เล่นอื่นที่มีเชื้อสายต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 40[11] อันนำมาซึ่งผลกระทบในแง่ลบ โดยผู้สนับสนุนหลักหลายรายได้ถอนตัวจากการสนับสนุกลีก รวมถึงการได้รับเงินทุนที่น้อยลงจากชุมชนชาวจีน-ฟิลิปปินส์ กฎ 60-40 ได้รับการต่อต้านในวงกว้างในวาระการดำรงตำแหน่งของประธานสหพันธ์ฟุตบอลฟิลิปปินส์ จอห์นนี โรมูอัลเดซ ทำให้กฎดังกล่าวถูกยกเลิกภายหลัง ค.ศ. 1982 เมื่อมีการจัดระบบสหพันธ์ใหม่กลายเป็น PFF อย่างในปัจจุบัน[12]
ทีมชาติฟิลิปปินส์ประสบกับความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดในขณะนั้นในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 1962 ที่กรุงจาการ์ตา แพ้ต่อมาเลเซียด้วยผลประตู 1–15 ก่อนที่สถิติอันย่ำแย่ดังกล่าวจะถูกทำลายในรอบคัดเลือกฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 เมื่อพวกเขาแพ้ญี่ปุ่น 0–15 บุคลากรต่างชาติหลายรายถูกว่าจ้างให้เข้ามาช่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาทีม อลัน โรเจอร์ ชาวอังกฤษ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ฝึกสอนหลังจากทีมแพ้มาเลเซีย รวมถึงการแต่งตั้ง ฆวน กูติยัส ชาวสเปน หลังจากทีมแพ้ญี่ปุ่น[13] และในช่วงต้นทศวรรษ 1960 สหพันธ์ฟุตบอลฟิลิปปินส์ได้ร่วมมือกับ ซานมิเกล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทฟิลิปปินส์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในการค้นหานักกีฬาคุณภาพดีและทีมงานผู้ฝึกสอนคุณภาพเพื่อพัฒนาวงการกีฬา รวมถึงการจ้างนักศึกษาแพทย์ชาวสเปนซึ่งเชี่ยวชาญด้านฟุตบอล ได้แก่ ฟรานซิสโก เอสคาร์เต, เอนรีเก เดอ ลา มาตา, เคลาดิโอ ซันเชซ และ ฆวน กูติยัส[14]
ใน ค.ศ. 1971 ฆวน กูติยัส ผู้ฝึกสอนได้คัดเลือกผู้เล่นต่างชาติห้าคนมาร่วมทีมชาติชุดใหญ่ ประกอบด้วยชาวสเปนสี่คนและชาวจีนหนึ่งคน ทีมชาติฟิลิปปินส์ร่วมแข่งขันรายการนานาชาติหลายรายการในขณะนั้น รวมถึง เมอร์เดกา ทัวร์นาเมนท์, จาการ์ตาทัวร์นาเมนท์ และ โคเรียคัพ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ และยังมีผลงานไม่ดีในการพบกับทีมชาติไทย, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ และทีมต้องประสบปัญหาเดิมอีกครั้ง เมื่อผู้เล่นสเปนตัวหลักจำนวนสี่คนถอนตัวจากการเล่นทีมชาติ และผันตัวไปเล่นบาสเกตบอลแทน ก่อนที่ทีมเริ่มจะกลับมาพัฒนาขึ้นโดยการคุมทีมของผู้ฝึกสอนชาวเยอรมัน เอ็คฮาร์ด เคราท์ซูน พาทีมจบอันดับ 4 ซีเกมส์ 1991 ที่มะนิลา เอาชนะมาเลเซียในรอบชิงชนะเลิศ 1–0 นอร์แมน เฟกิเดโร เป็นผู้ทำประตู[15]
ทศวรรษ 2000
แก้ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ทีมชาติฟิลิปปินส์ตกไปอยู่อันดับ 195 ตามการจัดอันดับโดยฟีฟ่า ถือเป็นอันดับที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการก่อตั้งทีม[18] ก่อนจะทำอันดับขึ้นสู่อันดับ 171 ในปลายปีนั้น จากผลงานในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2007 รอบคัดเลือก[19] พวกเขาชนะสามนัดรวดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีม ผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้าย อริสตัน แคสลิบ ผู้ฝึกสอนในขณะนั้นตั้งเป้าหมายพาทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่มเพื่อเข้าสู่รอบรองชนะเลิศให้ได้ ในขณะที่ จอห์นนี โรมูอัลเดซ ประธานสหพันธ์ไม่ต้องการตั้งความหวังสูงเกินไปโดยมองว่าพวกเขายังเปรียบเสมือนทีมรองบ่อน โดยก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งชนะในการแข่งขันรอบสุดท้ายครั้งแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ค.ศ. 2004[20]
ทีมชาติฟิลิปปนส์ตกรอบแรกในการแข่งขันรอบสุดท้ายตามที่สหพันธ์คาดการณ์ โดยทำได้เพียงเสมอหนึ่งนัดและแพ้สองนัด นำไปสู่การลาออกของแคสลิบ[21] และสหพันธ์ฟุตบอลฟิลิปปินส์ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2006 และ 2010 รอบคัดเลือก[22] โดยมีการเปิดเผยว่าสหพันธ์ต้องการมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันภายในประเทศและระดับภูมิภาคมากกว่า[23] พวกเขาไม่ได้เข้าร่วม เอเอฟซีชาเลนจ์คัพ 2008 ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่เป็นรอง รวมถึงตกรอบคัดเลือกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2008 แดน พาลามี นักธุรกิจ และผู้อุปถัมภ์กีฬาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมใน ค.ศ. 2009 โดยทีมชาติยังคงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพียงเล็กน้อยในช่วงเวลานั้น พาลามีได้ใช้เงินทุนส่วนตัวลงทุนเพื่อพัฒนาทีม นับตั้งแต่รับหน้าที่ดูแลทีมชาติ เขาได้คิดแผนชื่อว่า "โครงการ 100" ซึ่งมีแผนจะทำให้ทีมเป็นหนึ่งใน 100 ทีมชาติที่ดีที่สุดในโลกในแง่ของการจัดอันดับฟีฟ่า ชาวฟิลิปปินส์ที่เกิดในต่างประเทศหลายคนถูกเรียกมาเล่นให้กับทีมชาติ[24] มีผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในช่วงเวลานั้นคือ ฟิล ยังฮัสแบนด์ ลูกครึ่งชาวอังกฤษ-ฟิลิปปินส์ ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่ลงสนามมากที่สุด และทำประตูประตูมากที่สุดตลอดกาลของทีมชาติฟิลิปปินส์
พัฒนาทีม (2010–20)
แก้ทีมชาติฟิลิปปินส์มีขวัญกำลังใจที่ดีในการลงแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2010 ภายใต้ผู้ฝึกสอน ไซมอน แมคเมเนมี พาทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่ม เข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรก โดยมีชัยชนะที่สำคัญคือการชนะเจ้าภาพร่วมอย่างเวียดนาม 2–0 ได้รับการยกย่องเป็นนัดที่มีผลการแข่งขันเหนือความคาดหมายที่สุดนัดหนึ่งในประวัติศาสตร์รายการ[25] และสื่อในประเทศฟิลิปปินส์ยกย่องว่าเป็น "ปาฏิหาริย์แห่งฮานอย"[26] และแม้จะแพ้อินโดนีเซียในรอบรองชนะเลิศด้วยผลประตูรวมสองนัด 0–2 แต่ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก โดยรายการนี้เป็นการปลุกกระแสความสนใจกีฬาฟุตบอลภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น แม้จะมีบาสเกตบอลเป็นกีฬาประจำชาติมาหลายปี[27]
มิชชาเอล ไวส์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ฝึกสอนในปีต่อมา ทีมผ่านรอบคัดเลือก เอเอฟซีชาเลนจ์คัพ 2012 และทีมยังพบชัยชนะในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เอาชนะศรีลังกา 4–0[28] ก่อนจะแพ้คูเวตทั้งสองนัดในรอบที่สอง ฟิลิปปินส์ยังชนะการแข่งขันรายการพิเศษ พีช คัพ ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการชนะเลิศถ้วยรางวัลแรกนับตั้งแต่การชนะเลิศกีฬาตะวันออกไกล ค.ศ. 1913 ทีมยังทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่อง ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2012 ได้อีกครั้ง แต่แพ้เจ้าภาพอย่างสิงคโปร์ไปอย่างสูสีด้วยผลประตูรวมสองนัด 0–1 ตามด้วยการคว้ารองแชมป์ เอเอฟซีชาเลนจ์คัพ 2014 และผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2014 อีกครั้งก่อนจะแพ้ไทยด้วยผลประตูรวมสองนัด 0–3[29] โดยสามารถยันเสมอที่มะนิลาด้วยผลประตู 0–0
โทมัส ดูลีย์ เข้ามาเป็นผู้ฝึกสอนตั้งแต่ ค.ศ. 2014–2018 พาทีมคว้าชัยชนะเกมเยือนในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเป็นครั้งแรก โดยชนะกาตาร์ที่กรุงโดฮา ก่อนจะตกรอบที่สอง แม้จะผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบที่ 3 ของเอเชียนคัพ ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2016 ร่วมกับพม่า แต่พวกเขากลับไปมีผลงานย่ำแย่อีกครั้งโดยตกรอบแบ่งกลุ่มและไม่ชนะทีมใด เสมอสองนัด และแพ้หนึ่งนัด ตามด้วยการตกรอบฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก แต่พวกเขาได้ร่วมแข่งขันรายการใหญ่ระดับทวีปอย่างเอเชียนคัพ 2019 เป็นครั้งแรก แต่ตกรอบแรกโดยแพ้ทั้งสามนัด และสก็อตต์ คูเปอร์ เข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน
ปัจจุบัน
แก้ฟิลิปปินส์มีความคาดหวังในการพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง จากการประเดิมแข่งขันเอเชียนคัพครั้งแรก พวกเขาร่วมแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย โดยตกรอบจากการชนะได้สามนัด และตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนสองครั้งติดต่อกันในปี 2020 และ 2022 ในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2023 รอบคัดเลือก ฟิลิปปินส์บุกไปเสมอเยเมนได้ 0–0 และบุกไปเอาชนะมองโกเลียที่อูลานบาตาร์ 1–0 แต่พวกเขาแพ้แชมป์กลุ่มอย่างปาเลสไตน์ 0–4 แม้ทีมที่จบอันดับ 2 ที่มีผลงานดีที่สุด 5 ทีมจะได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายการแข่งขันเอเชียนคัพ แต่ฟิลิปปินส์ไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว เนื่องจากพวกเขาเป็นทีมอันดับ 2 ที่มีผลงานแย่ที่สุด[30]
ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย – รอบที่ 2 ฟิลิปปินส์จบอันดับสุดท้ายของกลุ่มจากผลงานเสมอ 1 และแพ้ 4 นัด ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2024 อัลเบิร์ต กาเปยาส ผู้ฝึกสอนชาวสเปนเข้ามาคุมทีมชาติฟิลิปปินส์ พวกเขาลงแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 และคว้าอันดับ 3 จากการแพ้ทีมชาติไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพ 1–3 และเอาชนะทาจิกิสถาน 3–0 ต่อมาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024 กลุ่มบี ฟิลิปปินส์เสมอพม่า, ลาว และเวียดนามในสามนัดแรก 1–1 และผ่านเข้ารอบในฐานะทีมอันดับ 2 จากการชนะอินโดนีเซีย 1–0 และเข้าไปแพ้ไทยด้วยผลประตูรวมสองนัด 3–4 แม้จะเอาชนะได้ก่อนในบ้าน 2–1 แต่พวกเขาบุกไปแพ้ในนัดที่สองในช่วงต่อเวลา 1–3 อย่างไรก็ตาม ทีมชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากผลงานในรอบนี้โดยฟิลิปปินส์เอาชนะทีมไทยได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 52 ปี
ในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก – รอบที่ 3 ฟิลิปปินส์อยู่ร่วมกับทาจิกิสถาน, มัลดีฟส์ และติมอร์-เลสเต
ภาพลักษณ์
แก้ผู้สนับสนุน
แก้แฟนฟุตบอลของฟิลิปปินส์จัดตั้งกลุ่มเชียร์อย่างเป็นทางการในนาม อุลตร้า ฟิลิปปินส์[31] รวมถึงกลุ่ม The Kaholeros ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของแฟนบอลในทวิตเตอร์ การรวมตัวกันของกลุ่มุอุลตร้า ฟิลิปปินส์ในฐานะทีมเยือนครั้งแรกนั้นไม่ใช่เกมฟุตบอล แต่เป็นการร่วมให้กำลังทีมสมาคมรักบี้ โดยรวมตัวกับ Philippine Air Force F.C. แฟนคลับทั้งสองกลุ่มผลัดกันเชียร์และร้องเพลงให้ทีมชาติในระหว่างเกม
ชุดแข่งขัน
แก้ชุดทีมเหย้า
2010–11
|
2011
|
2012
|
2012–13
|
2013
|
2013–2015
|
2015–2016
|
2016–2017
|
2018
|
2019
|
ชุดทีมเยือน
2010–11
|
2011
|
2012–13
|
2013
|
2013–2015
|
2015–2016
|
2016–2017
|
2018
|
2019
|
ชื่อเรียก
แก้รายชื่อรหัสประเทศโดยฟีฟ่า ของฟิลิปปินส์คือ PHI โดยตัวย่อดังกล่าวถูกใช้ทั้งในฟีฟ่า, สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย และสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน[32] องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน กำหนดรหัสประเทศคือ PHL อย่างไรก็ตาม ทีมชาติฟิลิปปินส์มักเป็นที่รู้ในชื่อย่อ RP ซึ่งเป็นคำย่อของชื่อทางการของประเทศคือ Republika ng Pilipinas ซึ่งสื่อท้องถิ่นมักใช้เมื่อพูดถึงทีมว่า "RP Booters" หรือ "RP สิบเอ็ด" หมายถึงผู้เล่นทั้งสิบเอ็ดคนในทีม
ในปลายเดือนตุลาคม 2010 กรมการต่างประเทศได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวย่ออย่างเป็นทางการของประเทศจาก "RP" เป็น "PH" หรือ "PHL" เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO[33] ทีมชาติฟิลิปปิส์ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "Azkals" ชื่อนี้ตั้งขึ้นเมื่อชุมชนฟุตบอลออนไลน์ของฟิลิปปินส์เสนอชื่อเล่นว่า Calle Azul (ภาษาสเปน ซึ่งหมายถึงสีของชุดแข่งของพวกเขา) ซึ่งต่อมาได้แก้ไขเป็น Azul Calle ย่อเป็น AzCal และในที่สุดก็กลายเป็น Azkal ซึ่งเป็นคำที่ คล้ายกับคำว่า Askal ในภาษาฟิลิปีโน แปลว่า สุนัขข้างถนน[34]
พวกเขายังเป็นที่รู้จักกันในนาม "ดาวสามดวง" (Tri–Stars) ซึ่งได้มาจากดาวสามดวงบนธงชาติฟิลิปปินส์ แม้ว่าชื่อเล่นนี้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยม[35]
สนามแข่ง
แก้สนามแข่งขันของทีมชาติฟิลิปปินส์ | ||||
---|---|---|---|---|
สนาม | ความจุ | ที่ตั้ง | ใช้งานล่าสุด | |
สนามกีฬาฟิลิปปิน | 20,000 | จังหวัดบูลาคัน | v ไทย (25 พฤศจิกายน 2016; ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2016) | |
รีซัลเมโมเรียลสเตเดียม | 12,873 | มะนิลา | v ไทย (27 ธันวาคม 2024; ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024) | |
ปานาอัดปาร์กแอนด์สเตเดียม | 9,825 | บาโคโลด | v จีน (15 ตุลาคม 2019; ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก) | |
สนามกีฬาเซบู | 5,500 | นครเซบู | v มาเลเซีย (27 April 2014; กระชับมิตร) | |
สนามกีฬากีริโน | 5,000 | จังหวัดอีโลโคสซูร์ | v Perth Glory FC (26 June 2016; กระชับมิตร) |
สถิติการแข่งขัน
แก้ฟุตบอลโลก
แก้สถิติของทีมชาติฟิลิปปินส์ในฟุตบอลโลก | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ปี ค.ศ. | รอบสุดท้าย | รอบคัดเลือก | |||||||||||||
รอบ | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ | ได้ | เสีย | รอบ | แข่ง | ชนะ | เสมอ | แพ | ได้ | เสีย | ||
1930 ถึง 1938 |
ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน | ||||||||||||||
1950 | ถอนตัว[36] | ||||||||||||||
1954 ถึง 1962 |
ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน | ||||||||||||||
1966 | ไม่ได้รับการยอมรับ[36] | ||||||||||||||
1970 | ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน | ||||||||||||||
1974 | ถอนตัว[36] | ||||||||||||||
1978 ถึง 1994 |
ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน | ||||||||||||||
1998 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | รอบแรก | 3 | 0 | 0 | 3 | 0 | 10 | |||||||
2002 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | รอบแรก | 6 | 0 | 1 | 5 | 2 | 29 | |||||||
2006 2010 |
ไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน | ||||||||||||||
2014 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | รอบที่ 2 | 4 | 1 | 1 | 2 | 6 | 6 | |||||||
2018 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | รอบที่ 2 | 8 | 3 | 1 | 4 | 8 | 12 | |||||||
2022 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | รอบที่ 2 | 8 | 3 | 2 | 3 | 12 | 11 | |||||||
2026 | ไม่ผ่านรอบคัดเลือก | รอบที่ 2 | 6 | 0 | 1 | 5 | 3 | 14 | |||||||
ทั้งหมด | 0/22 | - | - | - | - | - | - | 35 | 7 | 6 | 22 | 31 | 82 |
ผู้ฝึกสอน
แก้ตำแหน่ง | รายชื่อ[37] |
---|---|
ผู้จัดการทีม | แดน พาลามี |
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | โทมัส ดูลีย์ |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | สจ๊วต ฮอลล์ |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | Joey Baroja |
ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู | Marvin Realpe |
นักกายภาพบำบัด | Albert Graterol |
นักเตะชุดปัจจุบัน
แก้รายชื่อผู้เล่น 26 คน สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2024[38]
จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ทีมชาติและจำนวนประตูที่ยิงได้นับถึงวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567 หลังแข่งขันกับ อินโดนีเซีย
# | ตำแหน่ง | ผู้เล่น | วันเกิด (อายุ) | ลงเล่น | ประตู | สโมสร |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | GK | ปาทริก เดย์โต | 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1990 | 22 | 0 | คายา–อีโลอีโล |
15 | GK | Nicholas Guimarães | 9 สิงหาคม ค.ศ. 2006 | 0 | 0 | Ichiritsu Funabashi High School |
16 | GK | Quincy Kammeraad | 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001 | 1 | 0 | One Taguig |
22 | GK | Florencio Badelic | 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 | 0 | 0 | Dynamic Herb Cebu |
2 | DF | Adrian Ugelvik | 21 กันยายน ค.ศ. 2001 | 4 | 0 | Levanger |
3 | DF | Paul Tabinas | 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2002 | 14 | 0 | Vukovar 1991 |
4 | DF | กีเก ลินาเรส | 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 | 10 | 0 | ลำพูน วอร์ริเออร์ |
12 | DF | อมานี อกินัลโด | 24 เมษายน ค.ศ. 1995 | 67 | 0 | ระยอง |
20 | DF | Michael Kempter | 12 มกราคม ค.ศ. 1995 | 9 | 0 | กราสฮอปเปอร์ |
21 | DF | Santiago Rublico | 18 สิงหาคม ค.ศ. 2005 | 12 | 0 | Collado Villalba |
23 | DF | Christian Rontini | 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 | 19 | 1 | มาดูรา ยูไนเต็ด |
25 | DF | Joshua Meriño | 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 | 0 | 0 | PFF Developmental Team |
5 | MF | สก็อตต์ วูดส์ | 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2000 | 10 | 0 | เมืองทอง ยูไนเต็ด |
6 | MF | Sandro Reyes | 29 มีนาคม ค.ศ. 2003 | 21 | 2 | FC Gütersloh |
7 | MF | Pocholo Bugas | 3 ธันวาคม ค.ศ. 2001 | 13 | 0 | Angkor Tiger |
8 | MF | Michael Baldisimo | 13 เมษายน ค.ศ. 2000 | 9 | 0 | San Jose Earthquakes |
17 | MF | Zico Bailey | 27 สิงหาคม ค.ศ. 2000 | 8 | 1 | New Mexico United |
19 | MF | ออสการี เกกโกเนน | 24 กันยายน ค.ศ. 1999 | 13 | 0 | ลำพูน วอร์ริเออร์ |
24 | MF | Javier Mariona | 17 ตุลาคม ค.ศ. 2004 | 4 | 0 | Central Valley Fuego |
9 | FW | Jarvey Gayoso | 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1997 | 24 | 3 | พนมเปญ คราวน์ |
10 | FW | Bjørn Martin Kristensen | 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 | 9 | 4 | KFUM Oslo |
11 | FW | Uriel Dalapo | 8 สิงหาคม ค.ศ. 2004 | 2 | 0 | Davao Aguilas |
14 | FW | Dov Cariño | 18 ธันวาคม ค.ศ. 2003 | 1 | 0 | Ateneo de Manila University |
13 | FW | Alex Monis | 20 มีนาคม ค.ศ. 2003 | 11 | 0 | New England Revolution II |
18 | FW | แพทริค ไรเชลท์ | 5 มิถุนายน ค.ศ. 1988 | 93 | 16 | Kuala Lumpur City |
26 | FW | Leo Maquiling | 26 ตุลาคม ค.ศ. 2000 | 0 | 0 | Ateneo de Manila University |
อ้างอิง
แก้- ↑ John Duerden (5 October 2015). "'We could be the second Argentina': Tom Dooley on coaching the Philippines | Football". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 7 October 2015.
- ↑ "The FIFA/Coca-Cola World Ranking". FIFA. 19 ธันวาคม 2024. สืบค้นเมื่อ 19 ธันวาคม 2024.
- ↑ Motoaki Inukai 「日本代表公式記録集2008」 Japan Football Association p.206
- ↑ "Far Eastern Games". www.rsssf.com.
- ↑ MOORE, By ROY. "Azkals forced to settle for second place at 2014 AFC Challenge Cup". GMA News Online (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "News | Asian Cup". web.archive.org. 2014-12-25. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-12-25. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Philippine Daily Inquirer - Google ค้นคลังข่าว". news.google.com.
- ↑ Collins, Sandra (2014). 1940 TOKYO GAMES – COLLINS: Japan, the Asian Olympics and the Olympic Movement. Routledge. pp. 179–180. ISBN 978-1317999669.
- ↑ "2600th Anniversary of the Japanese Empire 1940 (Tokyo)". www.rsssf.com.
- ↑ Ochoa, Francis T. J. (2011-06-25). "PH football renaissance feeding off Azkals' rise". INQUIRER.net (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Philippine Football: Its Past, Its Future (ภาษาอังกฤษ). University of Asia and the Pacific. 2016. ISBN 978-621-8002-29-6.
- ↑ "Philippine Football Federation". web.archive.org. 2015-02-16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-02-16. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Manila Standard - Google ค้นคลังข่าว". news.google.com.
- ↑ "History of Football in the Philippines". web.archive.org. 2006-02-04. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-02-04. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "New Straits Times - Google ค้นคลังข่าว". news.google.com.
- ↑ "Philippines legend Phil Younghusband announces retirement". the-AFC (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ Neil (2019-11-18). "Azkals legend Phil Younghusband hangs up his boots". BusinessWorld Online (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "FIFA.com". web.archive.org. 2007-07-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-05. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
- ↑ "ROBB.01". AFF - The Official Website Of The Asean Football Federation (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2013-01-04.
- ↑ "FindArticles.com | CBSi". findarticles.com.
- ↑ "Soccer-Philippines coach to quit national team, coach youngsters". Reuters (ภาษาอังกฤษ). 2007-02-22. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
- ↑ "Record entries for SA World Cup" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2007-03-30. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
- ↑ "FIFA.com - Philippines making Asian waves". web.archive.org. 2008-06-27. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-27. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Wilson, Jonathan; Auclair, Philippe; Smyth, Rob; Lowe, Sid; Macintosh, Iain; Montague, James; Hunter, Graham; Delaney, Miguel; Vickery, Tim (2014-03-03). The Blizzard - The Football Quarterly: Issue Twelve (ภาษาอังกฤษ). Blizzard Media Ltd.
- ↑ "FIFA.com - Philippines stun defending champions". web.archive.org. 2010-12-10. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-10. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Tupas, Cedelf P. (2012-11-27). "PH eleven remembers the miracle of Hanoi". INQUIRER.net (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "'AZKALS' seek morale support". web.archive.org. 2015-04-02. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-04-02. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "FIFA.com - 2014 FIFA World Cup Brazil™". web.archive.org. 2011-06-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-06-29. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
- ↑ News, G. M. A. "Azkals fall to superior Thailand, 3-nil, to bow out of Suzuki Cup semis". GMA News Online (ภาษาอังกฤษ).
{{cite web}}
:|last=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ Morales, Luisa. "Azkals miss out on AFC Asian Cup slot". Philstar.com.
- ↑ "September 2013 DMM Podcast: an interview with Hans Clevers". Disease Models & Mechanisms. 6 (5): e1–e1. 2013-09-01. doi:10.1242/dmm.013961. ISSN 1754-8411.
- ↑ "FIFA.com - Philippines (PHI)". web.archive.org. 2007-06-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-06-30. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ Lee-Brago, Pia. "DFA junks 'RP' for 'PH' or 'PHL'". Philstar.com.
- ↑ "Limpag: I started a joke... | Sun.Star". web.archive.org. 2011-04-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-04-06. สืบค้นเมื่อ 2021-12-29.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Football (Soccer) Team Nicknames". www.topendsports.com.
- ↑ 36.0 36.1 36.2 "History of the FIFA World Cup Preliminary Competition (by year)" (PDF). FIFA.com. Fédération Internationale de Football Association. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-10-21. สืบค้นเมื่อ 2010-05-08.
- ↑ "Technical Staff". The Philippine Azkals Official Website (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "AMEC 2024 Squad List Reveal!". Facebook. Philippine Football Federation. 6 December 2024.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- สหพันธ์ฟุตบอลฟิลิปปิน
- Philippines at FIFA.com
- Philippines – World football elo ratings at ELOratings.net (Includes past fixtures & results)
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Philippines national football team
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Matches of the Philippines national football team
- วิกิคำคม มีคำคมที่กล่าวโดย หรือเกี่ยวกับ Philippines men's national football team