เปียงยาง
เปียงยาง หรือ พย็องยัง (เกาหลี: 평양; ฮันจา: 平壤, ออกเสียง: [pʰjʌŋjaŋ] ) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีเหนือ ที่ซึ่งบางครั้งได้รับการขนานนามว่าเป็น "เมืองหลวงแห่งการปฏิวัติ" (혁명의 수도)[5] เปียงยางตั้งอยู่บนแม่น้ำแทดง ห่างจากปากแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลเหลืองประมาณ 109 กิโลเมตร (68 ไมล์) ขึ้นไปตามแม่น้ำ จากข้อมูลสำมะโนประชากร ค.ศ. 2008 เปียงยางมีประชากร 3,255,288 คน[6] เปียงยางเป็นนครปกครองโดยตรง (직할시; 直轄市; chikhalsi) มีสถานะเทียบเท่ากับจังหวัดของเกาหลีเหนือ
เปียงยาง 평양시 | |
---|---|
นครปกครองโดยตรงเปียงยาง | |
การถอดเสียง | |
• โชซ็อนกึล | 평양직할시 |
• ฮันจา | 平壤直轄市 |
• เอ็มอาร์ | P'yŏngyang Chikhalsi |
• อาร์อาร์ | Pyeongyang Jikhalsi |
สมญา: | |
![]() ที่ตั้งของเปียงยางในประเทศเกาหลีเหนือ | |
![]() เปียงยางถูกเน้นด้วยสีแดงในเกาหลีเหนือ | |
พิกัด: 39°01′00″N 125°44′51″E / 39.01667°N 125.74750°E | |
ประเทศ | เกาหลีเหนือ |
เขต | |
การปกครอง | |
• ประเภท | นครปกครองโดยตรง |
• องค์กร | สมัชชาประชาชนนครเปียงยาง |
• เลขาธิการคณะกรรมาธิการนคร | คิม ซู-กิล |
• ประธานคณะกรรมาธิการประชาชนนคร | ชเว ฮี-แท |
พื้นที่[2] | |
• นครปกครองโดยตรง | 829.1 ตร.กม. (320.1 ตร.ไมล์) |
• รวมปริมณฑล | 3,194 ตร.กม. (1,233 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2021)[3] | |
• นครปกครองโดยตรง | 3,157,538 คน |
• ความหนาแน่น | 3,800 คน/ตร.กม. (9,900 คน/ตร.ไมล์) |
เดมะนิม | Pyongyangite(s)[4] |
เขตเวลา | UTC+09:00 (เวลาเปียงยาง) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | (ไม่ได้ใช้) |
รหัส ISO 3166 | KP-01 |
เปียงยาง | |
![]() "เปียงยาง" ในอักษรโชซ็อนกึล (บน) และอักษรฮันจา (ล่าง) | |
ชื่อเกาหลี | |
---|---|
โชซ็อนกึล | 평양 |
ฮันจา | 平壤 |
อาร์อาร์ | Pyeongyang |
เอ็มอาร์ | P'yŏngyang |
แปลว่า ดินเรียบ |
เปียงยางเป็นหนึ่งในนครที่เก่าแก่ที่สุดในเกาหลี[7] เป็นเมืองหลวงของสองอาณาจักรเกาหลีโบราณ ได้แก่ โชซ็อนโบราณและโคกูรยอ และเคยเป็นเมืองหลวงรองของอาณาจักรโครยอ หลังการก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือใน ค.ศ. 1948 เปียงยางกลายเป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของประเทศ นครถูกทำลายอย่างหนักอีกครั้งในช่วงสงครามเกาหลี แต่ได้รับการสร้างขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วหลังสงครามด้วยความช่วยเหลือจากโซเวียต
เปียงยางเป็นศูนย์กลางทางการเมือง อุตสาหกรรมและการคมนาคมของเกาหลีเหนือ ประมาณการว่าร้อยละ 99 ของผู้ที่อาศัยอยู่ในเปียงยางเป็นสมาชิก สมาชิกผู้สมัคร หรือผู้อยู่ในอุปการะของสมาชิกพรรคแรงงานเกาหลี (WPK) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล[8] เป็นที่ตั้งของสถาบันหลักของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รวมถึงพรรคแรงงานเกาหลีซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในที่ที่เรียกว่าเมืองต้องห้าม
ชื่อ
แก้ชื่อ "เปียงยาง" มาจากคำภาษาจีน-เกาหลี 平 (เรียบ) และ 壤 (ดิน) เป็นการถอดเสียงแบบแมกคูน–ไรซ์ชาวเออร์ของศัพท์ภาษาเกาหลี '평양' ซึ่งแปลว่า 'แผ่นดินราบ' สะท้อนถึงภูมิประเทศที่ราบเรียบของเมือง ในภาษาเกาหลีพื้นเมือง นครมีชื่อเรียกว่า "บูรูนา" (부루나)[9] หรือที่เรียกกันน้อยกว่าคือ "บารานา" (바라나)[10] ซึ่งเป็นการออกเสียงอักษรจีนของ "เปียงยาง" โดยใช้ระบบอีดู[9][10] "บูรู" (부루) หมายถึง "ทุ่งหญ้า" ขณะที่ "นา" (나) หมายถึง "ดินแดน" ดังนั้นความหมายของเปียงยางในภาษาเกาหลีพื้นเมืองจึงหมายถึง "ดินแดนแห่งทุ่งหญ้า"[9]
ชื่อทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ ของนครได้แก่ รยู-กย็อง[11] คีซ็อง, ฮวังซ็อง, รากรัง, ซอ-กยง, โซโด, โฮ-กยง, ชังอัน[12] และเฮโจ[13][14] (ในช่วงการปกครองของญี่ปุ่นในเกาหลี) มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันหลายแบบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เปียงยางเป็นที่รู้จักในหมู่มิชชันนารีว่าเป็น "เยรูซาเลมแห่งตะวันออก" ด้วยสถานะทางประวัติศาสตร์ของนครในฐานะปราการของศาสนาคริสต์ กล่าวคือนิกายโปรเตสแตนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการฟื้นฟูเปียงยางใน ค.ศ. 1907[15][16]
หลังคิม อิล-ซ็องถึงแก่อสัญกรรมใน ค.ศ. 1994 สมาชิกบางส่วนของฝ่ายคิม จ็อง-อิลเสนอให้เปลี่ยนชื่อเปียงยางเป็น "นครคิม อิล-ซ็อง" (เกาหลี: 김일성시; ฮันจา: 金日成市) แต่บางส่วนเสนอแนะว่าเกาหลีเหนือควรเริ่มเรียกโซลว่า "นครคิม อิล-ซ็อง" แทนและให้เปียงยางมีชื่อเล่นเป็น "นครคิม จ็อง-อิล" ท้ายที่สุด ข้อเสนอทั้งสองก็ไม่ได้รับการนำไปปฏิบัติ
ประวัติศาสตร์
แก้สมัยก่อนประวัติศาสตร์
แก้ใน ค.ศ. 1955 นักโบราณคดีขุดค้นพบหลักฐานของที่อยู่อาศัยสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในหมู่บ้านโบราณขนาดใหญ่ในเขตเปียงยาง ชื่อว่าคึมทัน-นี (Kŭmtan-ni) ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงสมัยเครื่องปั้นดินเผาชึลมุนและมูมุน[17] ชาวเกาหลีเหนือเชื่อมโยงเปียงยางกับนครในตำนาน "อาซาดัล" หรือวังก็อม-ซ็อง เมืองหลวงแห่งแรกในสหัสวรรษที่สองก่อนคริสต์ศักราชของโคโชซ็อน ("โชซ็อนโบราณ") ตามบันทึกประวัติศาสตร์เกาหลีที่เริ่มต้นด้วยซัมกุก ยูซาในศตวรรษที่ 13
นักประวัติศาสตร์[ใคร?] ปฏิเสธข้อกล่าวอ้างนี้เนื่องจากงานเขียนทางประวัติศาสตร์จีนตอนต้น เช่น ก่วนจือ ตำราภูเขาทะเล บันทึกของฉื่อ และจดหมายเหตุสามก๊ก กล่าวถึง "โชซ็อน" ที่เกิดขึ้นในภายหลังมาก[ต้องการอ้างอิง] ดังนั้นความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองจึงอาจถูกกล่าวอ้างโดยเกาหลีเหนือเพื่อใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อ[ต้องการอ้างอิง] อย่างไรก็ตาม เปียงยางได้กลายเป็นนครสำคัญในโชซอนโบราณ
สมัยประวัติศาสตร์
แก้เปียงยางก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1122 ปีก่อนคริสต์ศักราช บนที่ตั้งของเมืองหลวงของกษัตริย์ในตำนานนามว่าทันกุน[7] วังก็อม-ซ็อง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเปียงยาง กลายเป็นเมืองหลวงของโคโชซ็อนตั้งแต่ 194 ถึง 108 ปีก่อนคริสต์ศักราช นครล่มสลายในการพิชิตโคโชซ็อนของราชวงศ์ฮั่นใน 108 ปีก่อนคริสต์ศักราช จักรพรรดิอู่แห่งราชวงศ์ฮั่นบัญชาให้จัดตั้งสี่เขตบัญชาการ โดยมีเขตบัญชาการเล่อล่าง (นังนัง) อยู่ในศูนย์กลางและตั้งเมืองหลวงชื่อ "โชซ็อน" (朝鮮縣, 조선현) ในบริเวณเปียงยาง การค้นพบทางโบราณคดีหลายแห่งจากสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกตอนปลาย (ค.ศ. 20–220) ในพื้นที่เปียงยางดูเหมือนจะบ่งชี้ว่ากองกำลังฮั่นได้บุกรุกระยะสั้น ๆ ในบริเวณเหล่านี้ในภายหลัง
พื้นที่รอบนครมีชื่อเรียกว่านังนัง ในช่วงต้นของสมัยสามราชอาณาจักร ในฐานะเมืองหลวงของนังนัง ง (낙랑국; 樂浪國)[a] เปียงยางยังคงเป็นฐานที่มั่นทางการค้าและวัฒนธรรมที่สำคัญหลังเขตบัญชาการนังนังถูกอาณาจักรโคกูรยอที่ขยายตัวทำลายใน ค.ศ. 313
โคกูรยอย้ายเมืองหลวงมาที่นี่ใน ค.ศ. 427 ตามที่คริสโตเฟอร์ เบ็กวิทกล่าวไว้ เปียงยางเป็นการอ่านชื่อในภาษาจีน–เกาหลีของชื่อที่พวกเขาตั้งให้ในภาษาของพวกเขาเองคือ เปียรนา หรือ "แผ่นดินราบ"[18]
ใน ค.ศ. 668 เปียงยางกลายเป็นเมืองหลวงของแม่ทัพผู้พิทักษ์ผู้พิชิตตะวันออกที่ก่อตั้งโดยราชวงศ์ถังของจีน อย่างไรก็ตาม ใน ค.ศ. 676 นครถูกชิลลายึดครอง แต่ถูกปล่อยทิ้งไว้บริเวณชายแดนระหว่างชิลลาและพัลแฮ เปียงยางถูกทิ้งร้างในช่วงปลายสมัยชิลลา จนกระทั่งได้รับการกอบกู้โดยวังก็อนและได้รับการประกาศให้เป็นเมืองหลวงตะวันตกของโครยอ
ในช่วงสงครามอิมจิน เปียงยางถูกกองทัพญี่ปุ่นยึดครองและรักษาเมืองไว้กระทั่งพ่ายแพ้ในการล้อมเปียงยาง[7] ต่อมาในศตวรรษที่ 17 นครถูกยึดครองชั่วคราวระหว่างการบุกครองโชซ็อนของราชวงศ์ชิงกระทั่งมีการทำความตกลงสันติภาพระหว่างเกาหลีและจีนราชวงศ์ชิง แม้การบุกครองจะทำให้ชาวเกาหลีระแวงชาวต่างชาติ แต่ศาสนาคริสต์ก็เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นหลังประเทศเปิดรับชาวต่างชาติในศตวรรษที่ 16 เปียงยางกลายเป็นฐานของการขยายตัวของศาสนาคริสต์ในเกาหลี ใน ค.ศ. 1880 นครมีโบสถ์กว่า 100 แห่งและมีมิชชันนารีโปรเตสแตนต์มากกว่าเมืองอื่น ๆ ในเอเชีย[7] และมีชื่อเรียกว่า "เยรูซาเลมแห่งตะวันออก"[19]
ใน ค.ศ. 1890 นครมีประชากร 40,000 คน[20] ที่นี่เป็นสมรภูมิเปียงยางในสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การทำลายและการลดจำนวนประชากรของนครเป็นอย่างมาก[21] นครเป็นเมืองหลวงของจังหวัดพย็องอันใต้ตั้งแต่ ค.ศ. 1896 ในช่วงการปกครองของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นพยายามพัฒนานครให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม แต่ต้องเผชิญกับขบวนการ 1 มีนาคมใน ค.ศ. 1919 และขบวนการสังคมนิยมต่อต้านญี่ปุ่นอย่างรุนแรงในช่วงทศวรรษ 1920 จากการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ[21][22][23][24] ในภาษาญี่ปุ่นนครมีชื่อเรียกว่าเฮโจ (ใช้ตัวอักษรจีนเดียวกันคือ 平壤 แต่อ่านว่า へいじょう)
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1931 นครประสบเหตุการณ์จลาจลต่อต้านชาวจีนอันเป็นผลมาจากอุบัติการณ์ว่านเป่าชานและรายงานข่าวที่ทำให้เกินจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งปรากฏในหนังสือพิมพ์ของจักรวรรดิญี่ปุ่นและเกาหลี[25] ภายใน ค.ศ. 1938 เปียงยางมีประชากร 235,000 คน[20]
หลัง ค.ศ. 1945
แก้วันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 1945 กองทัพโซเวียตที่ 25 เข้าสู่เปียงยางและนครกลายเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของคณะกรรมาธิการประชาชนชั่วคราวเกาหลีเหนือ คณะกรรมาธิการประชาชนได้รับการจัดตั้งขึ้นแล้วที่นั่น โดยมีโช มัน-ซิก นักชาตินิยมคริสเตียนผู้มากประสบการณ์เป็นผู้นำ[26] เปียงยางกลายเป็นเมืองหลวงโดยพฤตินัยของเกาหลีเหนือเมื่อมีการก่อตั้งประเทศใน ค.ศ. 1948 ในเวลานั้น รัฐบาลเปียงยางมีเป้าหมายจะยึดคืนโซล เมืองหลวงอย่างเป็นทางการของเกาหลี เปียงยางได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงอีกครั้งในสงครามเกาหลี ซึ่งในระหว่างนั้นถูกกองกำลังเกาหลีใต้เข้ายึดครองเป็นเวลาสั้น ๆ ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม ถึง 6 ธันวาคม ค.ศ. 1950 นครมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากอพยพออกไปเมื่อกองกำลังจีนที่รุกคืบลงใต้เข้าใกล้เปียงยาง กองกำลังสหประชาชาติควบคุมการอพยพผู้ลี้ภัยขณะถอยร่นออกจากเปียงยางในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1950[27] ใน ค.ศ. 1952 นครตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดตลอดสงคราม โดยมีเครื่องบินของสหประชาชาติเข้าร่วมถึง 1,400 ลำ
แม้ในช่วงสงคราม ก็มีการวางแผนสร้างนครขึ้นใหม่ วันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 วันที่ลงนามในความตกลงสงบศึกระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ นิตยสาร The Pyongyang Review เขียนว่า "ขณะที่ถนนหนทางอยู่ในเปลวเพลิง นิทรรศการแสดงแผนแม่บทการบูรณะเปียงยางได้จัดขึ้นที่โรงละครใต้ดินโมรันบง หลุมหลบภัยทางอากาศของรัฐบาลใต้โมรันบง "บนเส้นทางแห่งชัยชนะ... ดอกไม้ไฟที่พุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองหลวงในการยิงสลุตได้ส่องสว่างแผนการก่อสร้างเมืองที่จะผงาดขึ้นในเร็ววันด้วยรูปลักษณ์ใหม่"[28] หลังสงคราม นครได้รับการสร้างขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต และอาคารจำนวนมากได้รับการสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบสตาลิน แผนสำหรับนครเปียงยางสมัยใหม่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในอาคารโรงละคร คิม จุง-ฮี หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งพันธมิตรสถาปนิกเกาหลี ผู้ซึ่งเคยศึกษาด้านสถาปัตยกรรมในญี่ปุ่นสมัยก่อนสงคราม ได้รับแต่งตั้งจากคิม อิล-ซ็องให้ออกแบบแผนแม่บทของเมือง สถาบันสถาปัตยกรรมมอสโกออกแบบ "แผนบูรณะและก่อสร้างนคนเปียงยางอย่างครอบคลุม" ใน ค.ศ. 1951 และได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1953 การเปลี่ยนแปลงไปสู่นครสมัยใหม่ที่ได้รับการออกแบบเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อโดยมีสถาปัตยกรรมแบบสตาลินที่มีการจัดวางแบบเกาหลี (และสถาปัตยกรรมสมัยใหม่อื่น ๆ ที่กล่าวกันว่าได้รับอิทธิพลอย่างมากจากออสการ์ นีเอไมเยร์ สถาปนิกชาวบราซิล) ได้เริ่มต้นขึ้น[29] รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1972 ประกาศให้เปียงยางเป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ[30]
พิธีศพของคิม อิล-ซ็องจัดขึ้นที่เปียงยางใน ค.ศ. 1994 จากนั้นในวันที่ 19 กรกฎาคม พิธีสิ้นสุดลงด้วยขบวนแห่ศพเมื่อรถบรรทุกศพเคลื่อนผ่านถนนโดยมีประชาชนร้องไห้อย่างบ้าคลั่งขณะชมพิธีศพ[31]
ใน ค.ศ. 2001 ทางการเกาหลีเหนือริเริ่มโครงการปรับปรุงให้ทันสมัยในระยะยาว กระทรวงการพัฒนาการก่อสร้างเมืองหลวงถูกรวมเข้าในคณะรัฐมนตรีในปีนั้น ใน ค.ศ. 2006 ชัง ซ็อง-แท็ก พี่เขยของคิม จ็อง-อิลได้เข้าดูแลกระทรวง
ตลอดการปกครองของคิม จ็อง-อึน มีโครงการที่อยู่อาศัยหลายโครงการได้รับการสร้างขึ้น ใน ค.ศ. 2012 ถนนชังช็อน[32] โครงการที่อยู่อาศัยที่มี 2,784 ยูนิตได้เปิดตัวในใจกลางกรุงเปียงยาง โครงการที่อยู่อาศัย ค.ศ. 2013 และ 2014 ที่อุทิศให้กับนักวิทยาศาสตร์เสร็จสมบูรณ์ในถนนนักวิทยาศาสตร์อึนฮาและถนนนักวิทยาศาสตร์วีซ็องโดยมีมากกว่า 1,000 ยูนิตในแต่ละแห่ง ขณะที่ ค.ศ. 2015 มีการดำเนินงานในโครงการที่อยู่อาศัยในถนนนักวิทยาศาสตร์มีแรที่มี 2,584 ยูนิต ใน ค.ศ. 2017 เพื่ออุทิศให้แก่วันครบรอบวันเกิดปีที่ 105 ของผู้ก่อตั้งและผู้นำคนแรก คิม อิล-ซ็อง มีการสร้าง 4,804 ยูนิตในอาคารที่อยู่อาศัยถนนรย็องมย็องแห่งใหม่ ทศวรรษที่สองของ ค.ศ. 2000 มีการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยในถนนซ็องฮวาใกล้กับโรงเบียร์แทดงกัง ในเขตซาดง (2022) ในพื้นที่แทพย็องในเขตมันกย็องแด และในเขตที่อยู่อาศัยริมแม่น้ำโพทงซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดกับแม่น้ำโพทงบนพื้นที่ที่เคยใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของสหพันธ์เทควันโดนานาชาติ[33] คิม จ็อง-อึนสั่งให้เปลี่ยนชื่อเขตที่อยู่อาศัยเป็น "คย็องรู-ดง" หมายถึง "ระเบียงลูกปัดที่สวยงาม"[34] ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 ถึง 1970 พื้นที่นี้เป็นที่ตั้งที่พำนักของคิม อิล-ซ็องและเป็นที่รู้จักในชื่อ "คฤหาสน์เลขที่ 5"[35] โครงการอาคารสาธารณะอื่น ๆ ในช่วงหลัง ได้แก่ โรงละครประชาชนมันซูแดซึ่งเปิดใน ค.ศ. 2012 สวนน้ำมุนซูซึ่งเปิดใน ค.ศ. 2013 และท่าอากาศยานนานาชาติซูนันที่ได้รับการปรับปรุงและขยายและศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปียงยาง ทั้งสองแห่งเสร็จสมบูรณ์ใน ค.ศ. 2015[36] โรงละครวงออร์เคสตราซัมจีย็อน[37] ซึ่งติดตั้งจากโรงละครสัตว์กองทัพประชาชนเกาหลีทรงโดมที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1964 และโรงพยาบาลกลางเปียงยาง ซึ่งเริ่มการก่อสร้างใน ค.ศ. 2020 โครงการพัฒนาใหม่เพิ่มเติมเกิดขึ้นในพื้นที่รอบประตูชัยซึ่งโรงพยาบาลประชาชนเปียงยางหมายเลข 1 ถูกรื้อถอน อาคารอะพาร์ตเมนต์ในพื้นที่อินฮึง-ดง ในเขตโมรันบงและในพื้นที่ชินว็อนในเขตโพทงกังถูกรื้อถอน[38] ใน ค.ศ. 2018–2019 สำหรับการก่อสร้างอาคารอพาร์ตเมนต์ใหม่[39] นอกจากนี้ใน ค.ศ. 2018 โรงละครกลางแจ้งสวนเยาวชนในถนนซุงรี ซึ่งใช้จัดชุมนุมทางการเมือง ได้รับการสร้างใหม่[40] ใน ค.ศ. 2021–2022 มีการดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ตามถนนซ็องฮวาทางตะวันออกเฉียงใต้ของนคร[41] ถนนฮวาซ็องในเขตฮวาซ็องทางเหนือของเปียงยางพร้อมอาคารสูง[42] ใน ค.ศ. 2023 มีการเปิดตัวการก่อสร้างที่อยู่อาศัยระยะที่สองในเขตฮวาซ็อง บนพื้นที่เดิมของสถาบันวิทยาศาสตร์ผักเปียงยาง นอกจากนี้ ยังมีการริเริ่มโครงการฟาร์มเรือนกระจกและที่อยู่อาศัยบนพื้นที่เดิมของสนามบินคังดงซึ่งถูกรื้อถอนใน ค.ศ. 2019[43]
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2024 การก่อสร้างระยะที่สองในพื้นที่ฮวาซ็องแล้วเสร็จในถนนริมฮึงโดยมีการสร้างอพาร์ตเมนต์ 10,000 ยูนิต ซึ่งมีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่[44]
เปียงยาง ร่วมกับโซล ได้ยื่นข้อเสนอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2032 แต่ไม่ผ่านการคัดเลือกให้เป็นรายชื่อเมืองที่เป็นตัวแทนร่วมกัน
ภูมิศาสตร์
แก้เปียงยางตั้งอยู่ทางตะวันตกตอนกลางของประเทศเกาหลีเหนือ นครตั้งอยู่บนที่ราบเรียบห่างจากอ่าวเกาหลี ส่วนหนึ่งของทะเลเหลืองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 50 กิโลเมตร (31 ไมล์) แม่น้ำแทดงไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือลงสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ผ่านใจกลางนครไปยังอ่าวเกาหลี ที่ราบเปียงยาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของนคร เป็นหนึ่งในสองที่ราบขนาดใหญ่บนชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี อีกแห่งหนึ่งคือที่ราบแชรย็อง ทั้งสองแห่งมีพื้นที่ประมาณ 500 ตารางกิโลเมตร[45]
ภูมิอากาศ
แก้เปียงยางมีภูมิอากาศแบบมรสุมภาคพื้นทวีปอบอุ่นชื้น (เคิพเพิน: Dwa) ซึ่งมีลักษณะคือฤดูร้อนที่อบอุ่นถึงร้อนชื้น และฤดูหนาวที่หนาวเย็นและแห้งแล้ง[46][47] ในฤดูหนาว ลมหนาวและแห้งสามารถพัดมาจากไซบีเรีย ทำให้อากาศหนาวจัด โดยอุณหภูมิต่ำสุดมักต่ำกว่าจุดเยือกแข็งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมีนาคม แม้อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยในเวลากลางวันจะสูงกว่าจุดเยือกแข็งอย่างน้อย 2–3 องศาในทุกเดือน ยกเว้นเดือนมกราคม ทั่วไปแล้วฤดูหนาวจะแห้งแล้งกว่าฤดูร้อนมาก โดยมีหิมะตกเฉลี่ย 37 วัน
การเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวที่หนาวและแห้งแล้งไปสู่ฤดูร้อนที่อบอุ่นและชื้นเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็วระหว่างเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม และมีการกลับคืนสู่สภาพอากาศหนาวอย่างรวดเร็วเช่นกันในช่วงปลายเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน ทั่วไปฤดูร้อนจะร้อนและชื้น โดยมีลมมรสุมเอเชียตะวันออกพัดผ่านตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 21 ถึง 25 °C (70 ถึง 77 °F) และอุณหภูมิสูงสุดในเวลากลางวันมักสูงกว่า 30 °C (86 °F) แม้ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านส่วนใหญ่ แต่สภาพอากาศจะน่ารื่นรมย์กว่า โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยตั้งแต่ 20 ถึง 26 °C (68 ถึง 79 °F) ในเดือนพฤษภาคมและ 22 ถึง 27 °C (72 ถึง 81 °F) ในเดือนกันยายน[48][49] ประกอบกับท้องฟ้าที่ค่อนข้างแจ่มใสและมีแดดจัด[50][51]
ข้อมูลภูมิอากาศของเปียงยาง (ปกติ ค.ศ. 1991–2020, สูงสุด ค.ศ. 1961–ปัจจุบัน) | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | 12.0 (53.6) |
17.3 (63.1) |
22.5 (72.5) |
29.1 (84.4) |
34.0 (93.2) |
35.8 (96.4) |
36.9 (98.4) |
37.9 (100.2) |
33.5 (92.3) |
30.0 (86) |
26.0 (78.8) |
15.0 (59) |
37.9 (100.2) |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | -0.4 (31.3) |
3.1 (37.6) |
9.7 (49.5) |
17.6 (63.7) |
23.5 (74.3) |
27.5 (81.5) |
29.1 (84.4) |
29.6 (85.3) |
25.7 (78.3) |
18.8 (65.8) |
9.7 (49.5) |
1.4 (34.5) |
16.3 (61.3) |
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) | -5.4 (22.3) |
-2.0 (28.4) |
4.0 (39.2) |
11.4 (52.5) |
17.4 (63.3) |
21.9 (71.4) |
24.7 (76.5) |
25.0 (77) |
20.2 (68.4) |
12.9 (55.2) |
4.8 (40.6) |
-2.9 (26.8) |
11.0 (51.8) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | -9.8 (14.4) |
-6.6 (20.1) |
-0.9 (30.4) |
5.9 (42.6) |
12.0 (53.6) |
17.4 (63.3) |
21.4 (70.5) |
21.5 (70.7) |
15.6 (60.1) |
7.8 (46) |
0.5 (32.9) |
-6.8 (19.8) |
6.5 (43.7) |
อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยบันทึก °C (°F) | -26.5 (-15.7) |
-23.4 (-10.1) |
-16.1 (3) |
-6.1 (21) |
2.2 (36) |
7.0 (44.6) |
11.1 (52) |
12.0 (53.6) |
3.6 (38.5) |
-6.0 (21.2) |
-14.0 (6.8) |
-22.8 (-9) |
−26.5 (−15.7) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 9.6 (0.378) |
14.5 (0.571) |
23.9 (0.941) |
44.8 (1.764) |
74.7 (2.941) |
90.2 (3.551) |
274.7 (10.815) |
209.6 (8.252) |
90.8 (3.575) |
47.2 (1.858) |
38.4 (1.512) |
18.0 (0.709) |
936.4 (36.866) |
ความชื้นร้อยละ | 69.1 | 65.0 | 62.5 | 60.4 | 65.3 | 72.2 | 81.1 | 80.6 | 75.3 | 72.0 | 72.2 | 70.6 | 70.5 |
วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย (≥ 0.1 mm) | 3.9 | 3.7 | 4.2 | 5.8 | 7.1 | 7.9 | 12.5 | 10.1 | 6.3 | 5.8 | 7.1 | 5.7 | 80.1 |
วันที่มีหิมะตกโดยเฉลี่ย | 5.4 | 4.0 | 1.8 | 0.3 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.0 | 0.1 | 1.9 | 5.5 | 19.0 |
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 184 | 197 | 231 | 237 | 263 | 229 | 181 | 204 | 222 | 214 | 165 | 165 | 2,492 |
แหล่งที่มา 1: สำนักอุตุนิยมวิทยาเกาหลี[52] | |||||||||||||
แหล่งที่มา 2: Pogodaiklimat.ru (สูงสุด),[53] กรมอุตุนิยมวิทยาเยอรมัน (แดด, ค.ศ.1961–1990)[54] และแผนที่อากาศ[55] |
การเมือง
แก้หน่วยงานรัฐบาลหลักและหน่วยงานรัฐการอื่น ๆ ตั้งอยู่ในเปียงยาง ที่ซึ่งได้รับการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศ[56] ที่ทำการของคณะกรรมาธิการกลางพรรคแรงงานและคณะกรรมาธิการประชาชนเปียงยางตั้งอยู่ในย่านแฮบังซัน เขตชุง คณะรัฐมนตรีเกาหลีเหนือตั้งอยู่ในย่านชงโร เขตชุง
เปียงยางยังเป็นที่ตั้งของสถาบันความมั่นคงหลักทั้งหมดของประเทศเกาหลีเหนือ กระทรวงที่ใหญ่ที่สุดคือกระทรวงความมั่นคงทางสังคม มีพนักงาน 130,000 คนทำงานใน 12 กรม ซึ่งดูแลกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ตำรวจ ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่พรรค เอกสารลับ สำมะโน การจดทะเบียนราษฎร การก่อสร้างสาธารณะขนาดใหญ่ การควบคุมจราจร ความปลอดภัยจากอัคคีภัย การป้องกันภัยพลเรือน สาธารณสุขและศุลกากร[57] อีกหน่วยงานสำคัญที่ตั้งอยู่ในนครคือกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ ซึ่งมีบุคลากร 30,000 คนทำหน้าที่จัดการด้านข่าวกรอง ระบบเรือนจำทางการเมือง ความมั่นคงทางอุตสาหกรรมทางทหารและการจัดการการเข้าออกประเทศ[58]
การเมืองและการจัดการของนครถูกพรรคแรงงานเกาหลีครอบงำ เช่นเดียวกับในระดับชาติ นครถูกจัดการโดยคณะกรรมาธิการพรรคเปียงยางของพรรคแรงงานเกาหลีและประธานของคณะกรรมาธิการนั้นคือนายกเทศมนตรีโดยพฤตินัย องค์กรสูงสุดของรัฐคือคณะกรรมาธิการประชาชนเปียงยาง มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ประจำวันเพื่อสนับสนุนนคร รวมถึงการปฏิบัติตามแนวทางของพรรคในระดับท้องถิ่นที่ส่งผ่านคณะกรรมาธิการพรรคเปียงยาง การจัดสรรทรัพยากรที่ให้ความสำคัญกับเปียงยาง และการให้การสนับสนุนแก่บุคลากรและครอบครัวของพรรคแรงงานเกาหลีและหน่วยงานความมั่นคงภายใน
เขตการปกครอง
แก้เปียงยางแบ่งออกเป็น 19 เขต (กู- หรือ กูย็อก) (ตัวเมือง) 2 เทศมณฑล (กุน) และ 1 ย่าน (ทง)[59]
- เขตชุง (중구역; 中區域)
- เขตพย็องช็อน (평천구역; 平川區域)
- เขตโพทงกัง (보통강구역; 普通江區域)
- เขตโมรันบง (모란봉구역; 牡丹峰區域)
- เขตซอซ็อง (서성구역; 西城區域)
- เขตซ็องโย (선교구역; 船橋區域)
- เขตทงแดว็อน (동대원구역; 東大院區域)
- เขตแทดงกัง (대동강구역; 大同江區域)
- เขตซาดง (사동구역; 寺洞區域)
- เขตแทซ็อง (대성구역; 大城區域)
- เขตมันกย็องแด (만경대구역; 萬景台區域)
- เขตฮย็องเจซัน (형제산구역; 兄弟山區域)
- เขตฮวาซ็อง (화성구역; 和盛區域)[60]
- เขตรยงซ็อง (룡성구역; 龍城區域)
- เขตซัมซ็อก (삼석구역; 三石區域)
- เขตรย็อกโพ (력포구역; 力浦區域)
- เขตนังนัง (락랑구역; 樂浪區域)
- เขตซูนัน (순안구역; 順安區域)
- เขตอึนจ็อง (은정구역; 恩情區域)
- เทศมณฑลคังดง (강동군; 江東郡)
- เทศมณฑลคังนัม (강남군; 江南郡)
- ย่านพังฮย็อน (방현동; 方峴洞)
รายงานของสื่อต่างประเทศใน ค.ศ. 2010 ระบุว่าเทศมณฑลคังนัม, เทศมณฑลชุงฮวา, เทศมณฑลซังว็อน และเทศมณฑลซึงโฮได้ถูกโอนไปอยู่ภายใต้การบริหารของจังหวัดฮวังแฮเหนือที่อยู่ใกล้เคียง[61] อย่างไรก็ตาม เทศมณฑลคังนัมคังนัมถูกโอนกลับมาอยู่ภายใต้การบริหารของเปียงยางใน ค.ศ. 2011[62]
ย่านพังฮย็อน ฐานขีปนาวุธซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของเมืองคูซ็อง จังหวัดพย็องอันเหนือ ได้ถูกโอนมาอยู่ภายใต้การบริหารของเปียงยางในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018[63]
ทัศนียภาพ
แก้หลังถูกทำลายในช่วงสงครามเกาหลี เปียงยางได้รับการสร้างขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์ตามวิสัยทัศน์ของคิม อิล-ซ็อง ซึ่งต้องการสร้างเมืองหลวงที่จะเสริมสร้างขวัญกำลังใจในช่วงหลังสงคราม[64] ผลลัพธ์คือนครที่มีถนนกว้างใหญ่เรียงรายไปด้วยต้นไม้และอาคารสาธารณะที่มีการจัดสวนเป็นขั้นบันได ภาพโมเสกและเพดานที่ตกแต่ง[65] สถาปัตยกรรมแบบโซเวียตทำให้นครนี้ชวนให้นึกถึงเมืองในไซบีเรียในช่วงหิมะตกในฤดูหนาว แม้สิ่งก่อสร้างที่มีการออกแบบตามแบบเกาหลีดั้งเดิมจะช่วยลดความรู้สึกนี้ลงได้บ้าง ในฤดูร้อน นครโดดเด่นด้วยแม่น้ำ ต้นหลิว ดอกไม้และพื้นที่สวนสาธารณะ[65]
นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเกาหลี นครได้รับการวางผังอย่างเคร่งครัดตามหลักการสังคมนิยม[66] ตามแผนแม่บท ค.ศ. 1953 ที่ออกแบบโดยคิม จุง-ฮี นครถูกวางแผนให้รองรับผู้อยู่อาศัยหนึ่งล้านคนโดยทอดยาวจากแม่น้ำแทดงไปยังแม่น้ำโพทง ใจกลางนครถูกวางแผนให้เป็นเขตบริหารหลักโดยมีโครงสร้างภูมิทัศน์หลักสร้างอยู่ระหว่างเขตต่าง ๆ และใช้เป็นเขตกันชนเพื่อไม่ให้ขยายตัวได้อย่างอิสระ[66] ใจกลางนครได้รับการวางผังด้วยถนนและทางหลวงที่กว้างขวางและโครงสร้างและรูปแบบที่ยิ่งใหญ่และเป็นเขตบริหารกลางที่ตั้งของอาคารรัฐบาลและอาคารสาธารณะหลายแห่งรวมถึงศูนย์รัฐบาลหมายเลข 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของพรรครัฐบาล นอกจากอนุสาวรีย์และอนุสรณ์สถานต่าง ๆ แล้ว ยังก่อให้เกิดแกนสำคัญของสถานที่เชิงสัญลักษณ์ซึ่งส่งเสริมอุดมการณ์ของพรรคแรงงานเกาหลีและลัทธิบูชาบุคคลของเกาหลีเหนือรอบตระกูลคิมโดยมีศูนย์กลางและกิโลเมตรที่ศูนย์ของเขตกลางอยู่ที่จัตุรัสคิม อิล-ซ็อง[67]
แผนแม่บท ค.ศ. 1953 วางเค้าโครงพื้นฐานซึ่งการพัฒนานครในช่วงทศวรรษต่อมาได้ถูกนำมาใช้โดยมีระบบเขตย่อยที่ผสมผสานการใช้ประโยชน์ที่ดินทั้งที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรม เขตเหล่านั้นกระจายอยู่รอบเขตบริหารกลางและเมื่อรวมกันแล้วก็ก่อให้เกิดแกนหลักของทิศทางการขยายตัวของเมือง ขณะที่ในช่วงทศวรรษ 1950 การเน้นหลักอยู่ที่การฟื้นฟูเปียงยางจากซากปรักหักพังให้เป็นนครสังคมนิยมอย่างระมัดระวังตามแนวทางที่เข้มงวดของแผนแม่บท ในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 ได้เกิดคลื่นการพัฒนาใหม่ซึ่งรวมถึงการขยายถนนสายหลัก การก่อสร้างอาคารอพาร์ตเมนต์หนาแน่นสูงตามถนนสายหลัก อาคารเทศบาลและวัฒนธรรมที่โอ่อ่าและรูปปั้นและจัตุรัสขนาดใหญ่ แนวโน้มนี้ยังรวมถึงการนำสถาปัตยกรรมเกาหลีดั้งเดิมมาใช้กับอาคารบางแห่ง แม้การพัฒนาโดยทั่วไปจะเป็นไปตามแผนแม่บท ค.ศ. 1953 แต่ก็มีการเบี่ยงเบนไปในบางแง่มุม เช่น การก่อสร้างอาคารสูงตามถนนสายกลางซึ่งขัดแย้งกับแผนแม่บทที่เรียกร้องให้มีการกระจายการก่อสร้างที่อยู่อาศัยอย่างสม่ำเสมอทั่วเมืองในหลายศูนย์กลาง[66] ในช่วงทศวรรษ 1990 การพัฒนาโครงสร้างนครค่อนข้างชะลอตัวเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่และภาวะอดอยากที่แพร่หลายในเกาหลีเหนือซึ่งนำไปสู่การเบี่ยงเบนทรัพยากรไปยังกองทัพ ในช่วงทศวรรษ 2010 และ 2020 ได้เห็นความพยายามในการพัฒนานครและความหนาแน่นที่เพิ่มขึ้นโดยมีการปรับปรุงถนนและทางหลวงที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางออกไปและการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชนบทเดิมของนครให้กลายเป็นเขตที่อยู่อาศัยหนาแน่นสูง
ถนนในนครถูกวางผังเป็นตารางในแนวเหนือ–ใต้ และตะวันออก–ตะวันตก ทำให้นครดูเป็นระเบียบเรียบร้อย[65] นักออกแบบชาวเกาหลีเหนือนำประสบการณ์ของสวีเดนในการสร้างย่านที่อยู่อาศัยแบบพึ่งตนเองได้มาใช้ทั่วประเทศ และเปียงยางก็ไม่มีข้อยกเว้น ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหน่วยการปกครองขนาด 5,000 ถึง 6,000 คน (ทง) ทุกหน่วยมีสิ่งอำนวยความสะดวกคล้ายคลึงกัน เช่น ร้านขายอาหาร ร้านตัดผม ร้านตัดเสื้อ โรงอาบน้ำสาธารณะ ที่ทำการไปรษณีย์ คลินิก ห้องสมุด และอื่น ๆ ผู้พักอาศัยจำนวนมากอาศัยอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์สูง[68] สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ประการหนึ่งของคิม อิล-ซ็องในการออกแบบเปียงยางคือการจำกัดจำนวนประชากร ทางการยังคงรักษาระบบการควบคุมการเคลื่อนย้ายเข้าสู่นครอย่างเข้มงวด ทำให้นครนี้ต่างจากเมืองอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออก เนื่องจากมีความเงียบสงบ ไม่แออัด และมีพื้นที่กว้างขวาง[69]
สิ่งก่อสร้างในเปียงยางแบ่งออกเป็นสามประเภทสถาปัตยกรรมหลัก ได้แก่ อนุสาวรีย์ อาคารที่มีลวดลายเกาหลีดั้งเดิม และอาคารสูง[70] สถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเกาหลีเหนือบางแห่งคืออนุสาวรีย์ เช่น หอคอยชูเช ประตูชัย และอนุสรณ์สถานใหญ่เขามันซู แห่งแรกเป็นยอดหินแกรนิตสูง 170 เมตร (560 ฟุต) เป็นสัญลักษณ์ของอุดมการณ์ชูเช สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1982 และประกอบด้วยหินแกรนิต 25,550 ชิ้น แต่ละชิ้นหมายถึงจำนวนวันที่คิม อิล-ซ็องมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนั้น[70] อาคารที่โดดเด่นที่สุดบนเส้นขอบฟ้าของเปียงยางคือโรงแรมรยูกย็อง[70] อาคารที่สูงเป็นอันดับเจ็ดของโลกในแง่ของจำนวนชั้น อาคารที่ไม่มีคนอยู่อาศัยที่สูงที่สุดในโลก[71] และเป็นหนึ่งในโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก ปัจจุบันยังไม่เปิดให้บริการ[72][73]
เปียงยางมีเส้นขอบฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีอาคารอพาร์ตเมนต์สูงเป็นส่วนใหญ่ การก่อสร้างที่เฟื่องฟูเริ่มต้นด้วยโครงการอาคารชุดถนนชังช็อน ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 2012[74] การก่อสร้างโครงการนี้เริ่มต้นขึ้นหลังผู้นำผู้ล่วงลับ คิม จ็อง-อิล บรรยายว่าถนนชังช็อนนั้น "น่าสมเพช"[75] โครงการที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ยังคงมีฉนวนกันความร้อนที่ไม่ดี และไม่มีลิฟต์และระบบทำความร้อนส่วนกลาง[76] โครงการฟื้นฟูนครดำเนินต่อไปภายใต้การนำของคิม จ็อง-อึน โดยมีการแทนที่อพาร์ตเมนต์เก่าในทศวรรษ 1970 และ 1980 ด้วยอาคารสูงและสวนสาธารณะ เช่น สวนเยาวชนแคซ็อง รวมถึงการปรับปรุงอาคารเก่า[77] ใน ค.ศ. 2018 นครได้รับการบรรยายว่าจำไม่ได้เลยเมื่อเทียบกับห้าปีก่อน [78]
สถานที่สำคัญ
แก้สถานที่สำคัญที่น่าสนใจในนคร ได้แก่:
- โรงแรมรยูกย็อง
- วังสุริยะคึมซูซัน
- ประตูชัย (ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก แต่มีขนาดใหญ่กว่าอาร์กเดอทรียงฟ์แห่งปารีส)
- บ้านเกิดของคิม อิล-ซ็องที่เขามันกย็องแด บริเวณชานเมือง
- หอคอยชูเช
- สนามกีฬาขนาดใหญ่สองแห่ง:
- อนุสรณ์สถานใหญ่เขามันซู รวมถึงพิพิธภัณฑ์การปฏิวัติเกาหลี
- จัตุรัสคิม อิล-ซ็อง
- โรงแรมนานาชาติยังกักโด
หอส่งสัญญาณโทรทัศน์เปียงยางเป็นสถานที่สำคัญเล็กน้อย สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ สำหรับผู้มาเยือน ได้แก่ สวนสัตว์กลางเกาหลี และทางหลวงรวมชาติที่ทอดยาวจากเปียงยางไปยังเขตปลอดทหารเกาหลี (DMZ)
- อนุสรณ์สถานและสถานที่ท่องเที่ยวของเปียงยาง
วัฒนธรรม
แก้อาหาร
แก้เปียงยางเคยเป็นเมืองหลวงของจังหวัดพย็องอันใต้จนถึง ค.ศ. 1946[79] และอาหารเปียงยางก็มีธรรมเนียมการทำอาหารโดยทั่วไปเช่นเดียวกับจังหวัดพย็องอัน อาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือพย็องยังแร็งมย็อน หรือเรียกอีกชื่อว่ามุลแร็งมย็อน หรือเรียกง่าย ๆ ว่า แร็งมย็อน แร็งมย็อนแปลตรงตัวว่า "บะหมี่เย็น" ขณะที่คำว่า มุล หมายถึงน้ำ เนื่องจากอาหารจานนี้เสิร์ฟในน้ำซุปเย็นกับดงชิมี (กิมจิแบบน้ำ) และโรยหน้าด้วยลูกแพรเกาหลีหวานหั่นแว่น
เดิมทีพย็องยังแร็งเมียนถูกรับประทานในบ้านที่สร้างด้วยระบบทำความร้อนใต้พื้นแบบดั้งเดิม (อนดล) ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็น ดังนั้นจึงมีอีกชื่อเรียกว่า "พย็องยังท็อลดอรี" (สั่นเทาในเปียงยาง) ชาวเปียงยางบางครั้งก็รับประทานเป็นแฮจังกุก ซึ่งเป็นอาหารประเภทใดก็ได้ที่รับประทานเพื่อแก้อาการเมาค้าง ส่วนใหญ่มักเป็นซุปร้อน[80]
อาหารที่เป็นตัวแทนเปียงยางอีกอย่างหนึ่งคือ แทดงกังซุนกอกุก แปลว่า "ซุปปลากระบอกจากแม่น้ำแทดง" ซุปนี้มีปลากระบอก (ซึ่งมีอยู่มากในแม่น้ำแทดง) พร้อมด้วยพริกไทยดำและเกลือ[81] ตามธรรมเนียมแล้ว ซุปนี้จะเสิร์ฟให้กับแขกที่มาเยือนเปียงยาง ดังนั้นจึงมีคำกล่าวทั่วไปว่า "ซุปปลาเทราต์อร่อยไหม?" ซึ่งใช้ทักทายผู้ที่เดินทางกลับจากเปียงยาง อีกหนึ่งอาหารพื้นเมืองพิเศษคือ พย็องยังอนบัน (แปลตรงตัวว่า "ข้าวอุ่นเปียงยาง") ประกอบด้วยข้าวสวยร้อนราดด้วยเห็ดหั่น ไก่ และบินแดต็อกสองสามชิ้น (แพนเค้กที่ทำจากถั่วเขียวบดและผัก)[80]
ชีวิตสังคม
แก้ใน ค.ศ. 2018 มีร้านอาหารคุณภาพสูงมากมายในเปียงยางที่มีอาหารเกาหลีและนานาชาติ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำเข้า[78] ร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อกรยู-กวันและชงรยูกวัน[82] มีอาหารข้างถนนบางอย่างในเปียงยาง โดยมีผู้ขายตั้งแผงขายอาหาร[83] อาหารต่างชาติ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย พิซซ่า และกาแฟ สามารถหาได้ง่าย[78] มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักโดยมีร้านอาหารเปิดดึกและคาราโอเกะ[78]
นครมีสวนน้ำ สวนสนุก ลานสเก็ต สโมสรสุขภาพ สนามยิงปืน และสถานแสดงโลมา[77]
การกีฬา
แก้เปียงยางมีสโมสรกีฬาหลายแห่ง รวมถึงสโมสรกีฬาเอพริล 25 และสโมสรกีฬานครเปียงยาง[84]
เศรษฐกิจ
แก้เปียงยางเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของประเทศเกาหลีเหนือ[7] ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ถ่านหิน เหล็กและหินปูน รวมถึงระบบการขนส่งทางบกและทางน้ำที่ดี ทำให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งแรกที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือหลังสงครามเกาหลี ทั้งอุตสาหกรรมเบาและหนักมีอยู่และพัฒนาควบคู่กันไป การผลิตหนักรวมถึงซีเมนต์ เซรามิกอุตสาหกรรม[21] ยุทธภัณฑ์และอาวุธ แต่การผลิตเครื่องจักรกลยังคงเป็นอุตสาหกรรมหลัก อุตสาหกรรมเบาในเปียงยางและบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ สิ่งทอ รองเท้าและอาหาร และอื่น ๆ[21] มีการให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการผลิตและจัดหาผลิตผลสดและพืชผลรองในไร่นารอบนอกเมือง พืชผลอื่น ๆ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดหวานและถั่วเหลือง เปียงยางมุ่งมั่นที่จะบรรลุความพอเพียงในการผลิตเนื้อสัตว์ โรงเรือนที่มีความหนาแน่นสูงเลี้ยงสุกร ไก่และปศุสัตว์อื่น ๆ[7]
กระทั่งช่วงปลายทศวรรษ 2010 เปียงยางยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าอยู่บ่อยครั้ง[85] เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โรงไฟฟ้าสองแห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าฮีช็อน 1 และ 2 ถูกสร้างขึ้นในจังหวัดชากังและจ่ายไฟฟ้าให้แก่นครผ่านสายส่งโดยตรง โครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าระยะที่สองเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 2013 ประกอบด้วยเขื่อนขนาดเล็กหลายแห่งตามแม่น้ำช็องช็อน โรงไฟฟ้าสองแห่งแรกมีกำลังการผลิตสูงสุด 300 เมกะวัตต์ (MW) ขณะที่เขื่อน 10 แห่งที่จะสร้างภายใต้ระยะที่สองคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 120 เมกะวัตต์[85] นอกจากนี้ นครยังมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่มีอยู่แล้วหรือกำลังวางแผนก่อสร้างหลายแห่ง รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเปียงยางที่มีกำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนเปียงยางตะวันออกที่มีกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนคังดงซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง[86]
การค้า
แก้เปียงยางเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมถึงห้างสรรพสินค้าโพทงกัง ห้างสรรพสินค้าเปียงยางเลขที่ 1 ห้างสรรพสินค้าเปียงยางเลขที่ 2 ห้างสรรพสินค้าควังบก ห้างสรรพสินค้ารักว็อน ห้างสรรพสินค้าสถานีเปียงยาง และห้างสรรพสินค้าเด็กเปียงยาง[87]
นอกจากนี้ ในนครยังมีร้านค้าฮวังกึมบล เครือข่ายร้านสะดวกซื้อของรัฐที่จำหน่ายสินค้าในราคาที่ถูกกว่าในตลาดชังมาดัง ร้านค้าฮวังกึมบลได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อควบคุมตลาดที่กำลังขยายตัวของเกาหลีเหนือโดยการดึงดูดผู้บริโภคและรับประกันการหมุนเวียนของเงินในร้านค้าที่ดำเนินการโดยรัฐบาล[88]
การขนส่ง
แก้เปียงยางเป็นศูนย์กลางการคมนาคมหลักของประเทศ โดยมีเครือข่ายถนน ทางรถไฟ และเส้นทางอากาศที่เชื่อมต่อกับทั้งจุดหมายปลายทางในประเทศและต่างประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของทางหลวงระหว่างภูมิภาคที่ไปยังเมืองนัมโพ ว็อนซันและแคซ็อง[7] สถานีรถไฟเปียงยางให้บริการเส้นทางรถไฟสายหลัก รวมถึงสายพย็องอีและสายพย็องบู นอกจากนี้ยังมีบริการรถไฟระหว่างประเทศปกติไปยังปักกิ่ง เมืองชายแดนจีนอย่างตานตง และมอสโก
การเดินทางด้วยรถไฟไปยังปักกิ่งใช้เวลาประมาณ 25 ชั่วโมง 25 นาที (ขบวน K27 จากปักกิ่ง/ขบวน K28 จากเปียงยาง ในวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี และเสาร์) การเดินทางไปยังตานตงใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง (ทุกวัน) การเดินทางไปยังมอสโกใช้เวลาหกวัน นครยังเชื่อมต่อกับสะพานบกยูเรเชียผ่านทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย มีการวางแผนสร้างทางรถไฟความเร็วสูงไปยังว็อนซัน[89]
ระบบรถไฟใต้ดิน รถราง และรถไฟฟ้าล้อยางในเปียงยางถูกใช้โดยหลักของผู้ที่เดินทางไปทำงานเป็นวิธีการขนส่งในเมืองหลัก[7] ช่องทางจักรยานถูกนำมาใช้บนถนนสายหลักในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015[90] มีรถยนต์ค่อนข้างน้อยในนคร รถยนต์เป็นสัญลักษณ์ของสถานะในประเทศด้วยความขาดแคลนอันเป็นผลมาจากข้อจำกัดในการนำเข้าเนื่องจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศและกฎระเบียบภายในประเทศ[91] มีรายงานว่าถนนบางสายอยู่ในสภาพที่ไม่ดี[92] อย่างไรก็ตาม ภายใน ค.ศ. 2018 เปียงยางเริ่มประสบปัญหาการจราจรติดขัด[78]
แอร์โครยอ (Air Koryo) สายการบินของรัฐ ได้จัดตารางเที่ยวบินระหว่างประเทศจากท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยางซูนันไปยังปักกิ่ง (PEK) เฉิ่นหยาง (SHE) วลาดีวอสตอค (VVO) เซี่ยงไฮ้ (PVG) และตานตง[93] จุดหมายปลายทางภายในประเทศเพียงแห่งเดียวคือฮัมฮึง ว็อนซัน ช็องจิน ฮเยซัน และซัมจีย็อน ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2008 แอร์ไชนา (Air China) เปิดให้บริการเที่ยวบินประจำระหว่างปักกิ่งและเปียงยาง[94] แม้เที่ยวบินของแอร์ไชนามักถูกยกเลิกเนื่องจากผู้โดยสารไม่เพียงพอ[95]
การศึกษาและวิทยาศาสตร์
แก้มหาวิทยาลัยคิม อิล-ซ็อง มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเกาหลีเหนือ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1946[7] มี 21 คณะ 4 สถาบันวิจัย และหน่วยงานมหาวิทยาลัยอื่น ๆ อีก 10 หน่วยงาน[96][97][98] รวมถึงหน่วยงานหลักด้านการศึกษาทางการแพทย์และการฝึกอบรมบุคลากรด้านสุขภาพ คือ วิทยาลัยการแพทย์ คณะฟิสิกส์ซึ่งครอบคลุมการศึกษาหลากหลายสาขา รวมถึงฟิสิกส์ทฤษฎี ทัศนศาสตร์ ธรณีฟิสิกส์และดาราศาสตร์[99] สถาบันพลังงานปรมาณูและสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ (สำนักงานกฎหมายรยงนัมซัน)[100] มหาวิทยาลัยคิม อิล-ซ็ งยังมีสำนักพิมพ์ สโมสรกีฬา (สโมสรกีฬารยงนัมซัน)[101] พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ ห้องสมุด โรงยิม สระว่ายน้ำในร่ม และอาคารอพาร์ตเมนต์สำหรับอาจารย์ อาคารหลักสี่หลังสร้างเสร็จใน ค.ศ. 1965 (อาคาร 1) 1972 (อาคาร 2) และ 2017 (อาคาร 3 และ 4)[102][103][104]
สถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีคิม แช็ก มหาวิทยาลัยดนตรีและการเต้นรำเปียงยาง และมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศเปียงยาง มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปียงยาง (PUST) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของประเทศซึ่งอาจารย์ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันและหลักสูตรดำเนินการเป็นภาษาอังกฤษ[105][106] อาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างบนเกาะซึก วัตถุประสงค์ที่ระบุไว้คือเพื่อสนับสนุน "การทำให้เป็นข้อมูลของทรัพยากรทางการศึกษา" โดยการรวมศูนย์สื่อการสอน วรรณกรรมบังคับและข้อมูลการทดลองสำหรับการใช้งานระดับชาติในรูปแบบดิจิทัล[107]
เขตซอซ็องเป็นที่ตั้งของไซโคลตรอนขนาด 20 MeV ชื่อ MGC-20 โครงการเริ่มต้นได้รับการอนุมัติจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ใน ค.ศ. 1983 และได้รับทุนสนับสนุนจาก IAEA สหรัฐและรัฐบาลเกาหลีเหนือ ไซโคลตรอนถูกสั่งซื้อจากสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1985 และสร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 1987 ถึง 1990 โดยใช้สำหรับการฝึกอบรมนักศึกษา การผลิตไอโซโทปทางการแพทย์สำหรับเวชศาสตร์นิวเคลียร์ รวมถึงการศึกษาในสาขาชีววิทยา เคมี และฟิสิกส์[108]
บริการสุขภาพ
แก้ศูนย์การแพทย์ต่าง ๆ ได้แก่ โรงพยาบาลกาชาด โรงพยาบาลประชาชนที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เขาโมรันและเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่สร้างขึ้นในเกาหลีเหนือหลังการปลดปล่อยเกาหลีใน ค.ศ. 1945[109] โรงพยาบาลประชาชนที่ 2 ศูนย์พักฟื้นพงฮวา (หรือที่รู้จักในชื่อคลินิกพงฮวาหรือคลินิกประธานาธิบดี) ตั้งอยู่ในย่านโซคัม เขตโพทงกัง ห่างจากจัตุรัสคิม อิล-ซ็องไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 1.5 กิโลเมตร (1 ไมล์)[110] โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์เปียงยาง ศูนย์รักษาพยาบาลนัมซันซึ่งอยู่ติดกับ[111] โรงพยาบาลสูติกรรมเปียงยาง โรงพยาบาลกลางแทซ็องซัน[112] โรงพยาบาลคิม มัน-ยู ศูนย์รักษาพยาบาลเจ้าหน้าที่และโรงพยาบาลเด็กอกรยู โรงพยาบาลใหม่ชื่อโรงพยาบาลกลางเปียงยางเริ่มก่อสร้างในเปียงยางเมื่อ ค.ศ. 2020[113]
เมืองพี่น้อง
แก้เปียงยางเป็นเมืองพี่น้องกับเมืองดังนี้:[114]
หมายเหตุ
แก้- ↑ รัฐนังนังแตกต่างจากเขตบัญชาการนังนัง
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Funabashi, Yoichi (2007). The Peninsula Question: A Chronicle of the Second Northern Korean Nuclear Crisis. Washington, DC: Brookings Institution Press. p. 50. ISBN 978-0-8157-3010-1.
- ↑ Nick Heath-Brown (บ.ก.). The Statesman's Yearbook 2016: The Politics, Cultures and Economies of the World. p. 720.
- ↑ United Nations. "Democratic People's Republic of Korea". Data.un.org. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2022. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2023.
- ↑ Specialties of Korea (PDF). Foreign Languages Publishing House. 2022. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 12 มกราคม 2023. สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2023.
- ↑ "「혁명의 수도」선포...금속·건재 공업이 주류". JoongAng Ilbo (ภาษาเกาหลี). 3 กรกฎาคม 1989. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 สิงหาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2022.
- ↑ D P R Korea, 2008 Population Census, National Report (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 25 มีนาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2018.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 7.4 7.5 7.6 7.7 7.8 "Pyongyang". Encyclopædia Britannica Online. สืบค้นเมื่อ 19 เมษายน 2015.
- ↑ Collins, Robert (2012). Marked for Life: Songbun, North Korea's Social Classification System (PDF) (ภาษาอังกฤษ). United States: Committee for Human Rights in North Korea. p. 69. ISBN 978-0985648008. LCCN 2012939299.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 ""'평양(平壤)' 지명은 '부루나'에서 유래"". SPN 서울평양뉴스 (ภาษาเกาหลี). 30 มีนาคม 2023.
- ↑ 10.0 10.1 평양이라는 이름의 유래. Uriminzokkiri. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2023.
- ↑ Funabashi, Yōichi (2007). The peninsula question : a chronicle of the second Korean nuclear crisis. Washington, D.C.: Brookings Institution Press. ISBN 978-0-8157-3011-8. OCLC 290569447.
- ↑ "Map - Pyongyang - MAP[N]ALL.COM". www.mapnall.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 กรกฎาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 12 กรกฎาคม 2023.
- ↑ Japan and Korea compiled and drawn in the Cartographic Section of the National Geographic Society for The National Geographic Magazine (Map). Washington: Gilbert Grosvenor. 1945. OCLC 494696670. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 พฤษภาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2018.
- ↑ "Heijō: North Korea". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 สิงหาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 26 มิถุนายน 2013.
- ↑ Lankov, Andrei (16 มีนาคม 2005). "North Korea's missionary position". Asia Times Online. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 มีนาคม 2005. สืบค้นเมื่อ 25 มกราคม 2013.
By the early 1940s Pyongyang was by far the most Protestant of all major cities of Korea, with some 25–30% of its adult population being church-going Christians. In missionary circles this earned the city the nickname "Jerusalem of the East".
{{cite web}}
: CS1 maint: unfit URL (ลิงก์) - ↑ Caryl, Christian (15 กันยายน 2007). "Prayer in Pyongyang". The Daily Beast. The Newsweek/Daily Beast Co. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 พฤษภาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 25 มกราคม 2013.
It's hard to say how many covert Christians the North has; estimates range from the low tens of thousands to 100,000. Christianity came to the peninsula in the late 19th century. Pyongyang, in fact, was once known as the 'Jerusalem of the East.'
- ↑ National Research Institute of Cultural Heritage. 2001. Geumtan-ri. Hanguk Gogohak Sajeon [Dictionary of Korean Archaeology], pp. 148–149. NRICH, Seoul. ISBN 89-5508-025-5
- ↑ Beckwith, Christopher I. (2009). Empires of the Silk Road: A History of Central Eurasia from the Bronze Age to the Present. Princeton University Press. p. 104. ISBN 978-0-691-13589-2.
- ↑ "Pyongyang, one-time Jerusalem of East". The Korea Times. 4 มีนาคม 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มีนาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2021.
- ↑ 20.0 20.1 Lahmeyer, Jan. "North Korea – Urban Population". Populstat. University of Utrecht. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 พฤษภาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 27 เมษายน 2011.
- ↑ 21.0 21.1 21.2 21.3 "P'yŏngyang | national capital, North Korea | Britannica". 29 พฤษภาคม 2023. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 เมษายน 2019. สืบค้นเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2022.
- ↑ "March 1st movement Pyongyang". 5 มีนาคม 2019. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 เมษายน 2023. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2023.
- ↑ "朝鮮物産奨励運動". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 เมษายน 2023. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2023.
- ↑ 물산장려운동. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 เมษายน 2023. สืบค้นเมื่อ 8 เมษายน 2023.
- ↑ Memorandum (Institute of Pacific Relations, American Council), Vol. 2, No. 5 (16 Mar 1933), pp. 1–3
- ↑ Buzo, Adrian (2002). The Making of Modern Korea. London: Routledge. pp. 54–57. ISBN 0-415-23749-1.
- ↑ "Pyongyang taken as UN retreats, 1950". BBC Archive (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 สิงหาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 21 สิงหาคม 2021.
- ↑ Schinz, Alfred; Eckart, Dege (1990). "Pyongyang-Ancient and Modern – the Capital of North Korea". GeoJournal. 22 (1): 25. doi:10.1007/BF02428536. S2CID 153574542.
- ↑ 金聖甫、李信澈「写真と絵で見る北朝鮮現代史」監修: 李泳采、韓興鉄訳、コモンズ、東京・新宿(原著2010年12月1日).ISBN 978-4861870750.2018年4月30日閲覧.
- ↑ "Korea (Democratic People's Republic of) 1972 (rev. 1998) Constitution - Constitute". www.constituteproject.org (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 กรกฎาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2023.
- ↑ "Crying by numbers at Kim's state funeral". The Independent (ภาษาอังกฤษ). 19 กรกฎาคม 1994. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 กรกฎาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2023.
- ↑ [통일문화가꿔가기 38] 평양 창전거리 건설 비하인드 소설《강자》. 자주시보. สืบค้นเมื่อ 14 พฤษภาคม 2024.
- ↑ Williams, Martyn (15 เมษายน 2021). "Pyongyang Development Projects off to a Strong Start". 38 North. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 สิงหาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2022.
- ↑ "Kim Jong Un visits construction site for new luxury apartments in Pyongyang | NK News". NK News. 21 สิงหาคม 2021. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 กรกฎาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2022.
- ↑ "North Korean leader Kim Jong Un builds luxury villas over grandfather's old home". Radio Free Asia. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2022.
- ↑ Féron, Henri (18 กรกฎาคม 2017). "Pyongyang's Construction Boom: Is North Korea Beating Sanctions?". 38 North. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2022.
- ↑ Yoo, Cheong-mo (11 ตุลาคม 2018). "N. Korean leader visits newly renovated orchestra theater in Pyongyang". Yonhap News Agency. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2022.
- ↑ Zwirko, Colin (9 มกราคม 2019). "Major demolition underway in central Pyongyang's Moranbong district: imagery | NK News". NK News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2022.
- ↑ Zwirko, Colin (14 มิถุนายน 2022). "Major construction springs up in shadow of infamous Pyongyang hotel: Imagery". NK PRO. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2022.
- ↑ "Newstream". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 เมษายน 2023.
- ↑ Colin Zwirko (26 กุมภาพันธ์ 2024). "North Korea kicks off fourth 10,000-home project in capital in four years". NK News. สืบค้นเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2024.
- ↑ Colin Zwirko (23 กุมภาพันธ์ 2023). "North Korea adds skyscraper, simplifies designs for major new housing project". NK News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2023. สืบค้นเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2023.
- ↑ Colin Zwirko (16 กุมภาพันธ์ 2023). "Kim Jong Un opens construction on major housing and farm projects in capital". NK News. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2023. สืบค้นเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2023.
- ↑ Colin Zwirko (17 เมษายน 2024). "Kim Jong Un debuts new song praising himself at grand opening of housing project". NK News. สืบค้นเมื่อ 17 เมษายน 2024.
- ↑ Country Study 2009, p. 63.
- ↑ Muller, M. J. (6 ธันวาคม 2012). Selected climatic data for a global set of standard stations for vegetation science (ภาษาอังกฤษ). Springer Science & Business Media. ISBN 978-94-009-8040-2. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 สิงหาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2020.
- ↑ "Pyongyang, North Korea Köppen Climate Classification (Weatherbase)". Weatherbase. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 สิงหาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2020.
- ↑ "Average Weather in May in Pyongyang, North Korea - Weather Spark". weatherspark.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 ตุลาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2020.
- ↑ "Average Weather in September in Pyongyang, North Korea - Weather Spark". weatherspark.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 ตุลาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2020.
- ↑ "Average Weather in Pyongyang, North Korea, Year Round - Weather Spark". weatherspark.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 ตุลาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2020.
- ↑ "Average Weather in Pyongyang, North Korea, Year Round - Weather Spark". weatherspark.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 ตุลาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2020.
- ↑ "30 years report of Meteorological Observations in North Korea (1991 ~ 2020)" (PDF) (ภาษาเกาหลี). Korea Meteorological Administration. pp. 199–367. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 29 มกราคม 2022. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2022.
- ↑ "Climate Pyongyang". Pogoda.ru.net. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 สิงหาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 16 พฤษภาคม 2019.
- ↑ "PYONGYANG SUN 1961–1990". DWD. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 ตุลาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 16 พฤษภาคม 2019.
- ↑ "Pyongyang, North Korea - Detailed climate information and monthly weather forecast". Weather Atlas (ภาษาอังกฤษ). Yu Media Group. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มีนาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2019.
- ↑ Country Study 2009, p. 196.
- ↑ Country Study 2009, pp. 276–277.
- ↑ Country Study 2009, p. 277.
- ↑ "Haengjeong Guyeok Hyeonhwang" 행정구역현황. NK Chosun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มกราคม 2006. สืบค้นเมื่อ 10 มกราคม 2006. Also Administrative divisions of North Korea เก็บถาวร 18 ตุลาคม 2004 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (used as reference for hanja)
- ↑ 조선중앙통신 | 기사 | 화성지구의 행정구역명칭을 정하였다. Korean Central News Agency. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 เมษายน 2022. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2022.
- ↑ "Pyongyang now more than one-third smaller; food shortage issues suspected". Asahi Shimbun. 17 กรกฎาคม 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2010.
- ↑ "Kangnam moved into Pyongyang". North Korean Economy Watch. 29 กุมภาพันธ์ 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 สิงหาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 7 สิงหาคม 2019.
- ↑ 안준용. "北, 평양서 150km 떨어진 곳을 평양市에 편입 왜?". The Chosun Ilbo. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม 2022.
- ↑ Country Study 2009, p. 91,93–94.
- ↑ 65.0 65.1 65.2 Country Study 2009, p. 91.
- ↑ 66.0 66.1 66.2 Dongwoo Yim (24 สิงหาคม 2017). "A brief urban history of Pyongyang, North Korea—and how it might develop under capitalism". The Architect's Newspaper. สืบค้นเมื่อ 29 กุมภาพันธ์ 2024.
- ↑ Talmadge, Eric (20 พฤศจิกายน 2017). "Lonely highways: On the road in Kim Jong Un's North Korea". Associated Press. AP. สืบค้นเมื่อ 5 ธันวาคม 2021.
- ↑ Country Study 2009, p. 97.
- ↑ Country Study 2009, p. 91-92.
- ↑ 70.0 70.1 70.2 "Architecture and City Planning". Library of Congress. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มกราคม 2009. สืบค้นเมื่อ 24 เมษายน 2015.
- ↑ Glenday, Craig (2013). Guinness World Records 2014. Guinness World Records Limited. p. 144. ISBN 978-1-908843-15-9.
- ↑ "Will 'Hotel of Doom' ever be finished?". BBC News. BBC. 15 ตุลาคม 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 สิงหาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 24 เมษายน 2015.
- ↑ Yoon, Sangwon (1 พฤศจิกายน 2012). "Kempinski to Operate World's Tallest Hotel in North Korea". Bloomberg. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 มกราคม 2015. สืบค้นเมื่อ 24 เมษายน 2015.
- ↑ Gray, Nolan (16 ตุลาคม 2018). "The Improbable High-Rises of Pyongyang, North Korea". Bloomberg.com (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 ตุลาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2018.
- ↑ Lee, Seok Young (25 สิงหาคม 2011). ""Pitiful" Changjeon Street the Top Priority". Daily NK. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 สิงหาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 30 สิงหาคม 2011.
- ↑ "Pyongyang glitters but most of NKorea still dark". Yahoo News. 29 เมษายน 2013. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กรกฎาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 24 เมษายน 2015.
- ↑ 77.0 77.1 Makinen, Julie (20 พฤษภาคม 2016). "North Korea is building something other than nukes: architecture with some zing". Los Angeles Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2021. สืบค้นเมื่อ 12 กรกฎาคม 2016.
- ↑ 78.0 78.1 78.2 78.3 78.4 Salmon, Andrew (4 ธันวาคม 2018). "Going native in the Hermit Kingdom". Asia Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 สิงหาคม 2023. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2021.
- ↑ 평양시 平壤市 [Pyongyang] (ภาษาเกาหลี). Nate/Encyclopedia of Korean Culture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 มิถุนายน 2011.
- ↑ 80.0 80.1 닮은 듯 색다른 매력을 간직한 북한의 음식 문화 (ภาษาเกาหลี). Korea Knowledge Portal. 19 มิถุนายน 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 ตุลาคม 2011.
- ↑ Ju, Wan-jung (주완중) (12 มิถุนายน 2000). '오마니의 맛' 관심 [Attention to "Mother's taste"]. The Chosun Ilbo (ภาษาเกาหลี).
- ↑ Lankov, Andrei (2007). North of the DMZ: Essays on daily life in North Korea. Jefferson: McFarland. pp. 90–91. ISBN 978-0-7864-2839-7.
- ↑ Pearson, James; Yeom, Seung-Woo. "Fake meat and free markets ease North Koreans' hunger". Reuters. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 ตุลาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2018.
- ↑ "The Sights and Sounds of Domestic Football in North Korea". Footy Fair. สิงหาคม 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 มกราคม 2018. สืบค้นเมื่อ 18 มกราคม 2018.
- ↑ 85.0 85.1 "Ten Power Plants on Chongchon River under Construction to Increase Power Supply to Pyongyang". Institute for Far Eastern Studies. 19 ธันวาคม 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 เมษายน 2015. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Pyongyang's Perpetual Power Problems". 38 North. 25 พฤศจิกายน 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มีนาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Pyongyang Metro maps". pyongyang-metro.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 ตุลาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 17 มีนาคม 2013.
- ↑ "Effort to Prevent Outflow of Capital into Markets". Institute for Far Eastern Studies. 20 มีนาคม 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 มีนาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Outline for Development of Wonsan-Kumgangsan Tourist Region Revealed". Institute for Far Eastern Studies. 26 มีนาคม 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 เมษายน 2015. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "North Korea installs bike lanes in Pyongyang". Telegraph. Reuters. 14 กรกฎาคม 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 สิงหาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 3 เมษายน 2017.
- ↑ Martin, Bradley K. (9 กรกฎาคม 2007). "In Kim's North Korea, Cars Are Scarce Symbols of Power, Wealth". Bloomberg. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 กรกฎาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 27 กันยายน 2012.
- ↑ Fisher, Max (16 เมษายน 2012). "North Korean Press Bus Takes Wrong Turn, Opening Another Crack in the Hermit Kingdom". The Atlantic. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 สิงหาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 11 มีนาคม 2017.
- ↑ "Air Koryo opens new office selling tickets for third country travel". NK News. 7 ธันวาคม 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 สิงหาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2018.
- ↑ 国航开通北京至平壤航线(组图)- 手机新浪网. sina.cn. 15 เมษายน 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 เมษายน 2017. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2018.
- ↑ 国航17日起暂停平壤航线 _手机新浪网. sina.cn. 14 เมษายน 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 เมษายน 2017.
- ↑ "Faculties - KIM IL SUNG UNIVERSITY". 30 มิถุนายน 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2022.
- ↑ "Research Institutes - KIM IL SUNG UNIVERSITY". 30 มิถุนายน 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2022.
- ↑ "Units - KIM IL SUNG UNIVERSITY". 30 มิถุนายน 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2022.
- ↑ "Colleges and Faculties". Kim Il Sung University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 ธันวาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Ryongnamsan Law Office - KIM IL SUNG UNIVERSITY". 30 มิถุนายน 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 มิถุนายน 2022. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2022.
- ↑ "Research Institutes and Units". Kim Il Sung University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 ธันวาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Main Buildings". Kim Il Sung University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 กรกฎาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Building No. 3 - KIM IL SUNG UNIVERSITY". 1 กรกฎาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กรกฎาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2022.
- ↑ "Building No. 4 - KIM IL SUNG UNIVERSITY". 1 กรกฎาคม 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กรกฎาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2022.
- ↑ "Inside North Korea's Western-funded university". BBC News. 3 กุมภาพันธ์ 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 มิถุนายน 2018. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "In North Korea, a Western-backed university". The Washington Post. 8 ตุลาคม 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 พฤษภาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Science and Technology Hall to be Built in Pyongyang's Ssuk Islet". Institute for Far Eastern Studies. 23 มกราคม 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 เมษายน 2015. สืบค้นเมื่อ 21 เมษายน 2015.
- ↑ "MGC-20 Cyclotron". NTI.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2015. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2015.
- ↑ "Pyongyang City People's Hospital No. 1". KCNA. 22 พฤษภาคม 2002. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 ตุลาคม 2014.
- ↑ "Ponghwa Clinic Expanded During 2009-2010, NK Leadership Watch". Nkleadershipwatch.wordpress.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 กรกฎาคม 2015.
- ↑ "Where Did Kim Jong Il Receive His Surgery?". North Korean Economy Watch. 25 มิถุนายน 2007. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กรกฎาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2015.
- ↑ "I Had A Scary Encounter With North Korea's Crumbling Healthcare System". Business Insider. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 พฤษภาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2015.
- ↑ Williams, Martyn (3 เมษายน 2020). "Construction Progressing Rapidly at the Pyongyang General Hospital". 38 North. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กรกฎาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 30 มิถุนายน 2020.
- ↑ Corfield, Justin (2013). "Sister Cities". Historical Dictionary of Pyongyang. London: Anthem Press. p. 196. ISBN 978-0-85728-234-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2023. สืบค้นเมื่อ 22 ตุลาคม 2017.
- ↑ "Хотын дарга С.Батболд Токио хотын засаг дарга Юрико Койкэтэй уулзлаа" (ภาษามองโกเลีย). Mongolian Government. 20 เมษายน 2017. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2022. สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2022.
บรรณานุกรม
แก้- . Encyclopædia Britannica. Vol. VI (9th ed.). New York: Charles Scribner's Sons. 1878. pp. 390–394..
- "North Korea – A Country Study" (PDF). Library of Congress Country Studies. 2009. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 ธันวาคม 2010.
อ่านเพิ่ม
แก้- Dormels, Rainer. North Korea's Cities: Industrial Facilities, Internal Structures and Typification. Seoul, Jimoondang, 2014. ISBN 978-89-6297-167-5.
- Em, Pavel P.; และคณะ (Spring 2021). "City Profile of Pyongyang 3.0: Inside Out". North Korean Review. 17 (1): 30–56. ISSN 1551-2789. JSTOR 27033549.
- Kim Chun-hyok (2014). Panorama of Pyongyang (PDF). Pyongyang: Foreign Languages Publishing House. ISBN 978-9946-0-1176-9. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 22 มิถุนายน 2020.
- Kracht, Christian, Eva Munz & Lukas Nikol. The Ministry of Truth: Kim Jong Il's North Korea. Feral House, October 2007. ISBN 978-1-93259527-7.
- Meuser, Philipp, editor. Architectural and Cultural Guide Pyongyang. Berlin, DOM, 2012. ISBN 978-3-86922-187-8.
- Springer, Chris. Pyongyang: The Hidden History of the North Korean Capital. Saranda Books, 2003. ISBN 963-00-8104-0.
- Thak, Song Il; Jang, Hyang Ok, บ.ก. (2021). Pyongyang in Kim Jong Un's Era (PDF). แปลโดย Tong, Kyong Chol. DPRK Korea: Foreign Languages Publishing House. ISBN 978-9946-0-2016-7.
- Willoughby, Robert. North Korea: The Bradt Travel Guide. Globe Pequot, 2003. ISBN 1-84162-074-2.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Interactive virtual tour Aerial view of Pyongyang city
- Super High Resolution Image Panoramic view of Pyongyang city
- 22-minute video of bus ride through Pyongyang, DPRK ที่ยูทูบ
- North Korea Uncovered (North Korea Google Earth), a comprehensive mapping of North Korea, including all of the locations mentioned above, on Google Earth
- Holidays in Pyongyang
- Instagram photos of Pyongyang
- City profile of Pyongyang เก็บถาวร 2 กุมภาพันธ์ 2017 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน