แบกแดด (อังกฤษ: Baghdad, Bagdad; อาหรับ: بغداد‎ บัฆดาด; เคิร์ด: بەغدا) เป็นเมืองหลวงของประเทศอิรัก มีประชากรในเขตมหานครประมาณ 7,000,000 คน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในอิรัก[2][3] แบกแดดเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาหรับ (รองจากไคโร) และใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (รองจากเตหะราน)

แบกแดด

بغداد
ܒܲܓ݂ܕܵܕ
ธงของแบกแดด
ธง
สมญา: 
เมืองแห่งสันติ (مدينة السلام)[1]
แบกแดดตั้งอยู่ในประเทศอิรัก
แบกแดด
แบกแดด
ที่ตั้งของแบกแดดในประเทศอิรัก
แบกแดดตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย
แบกแดด
แบกแดด
แบกแดด (ทวีปเอเชีย)
พิกัด: 33°20′N 44°23′E / 33.333°N 44.383°E / 33.333; 44.383พิกัดภูมิศาสตร์: 33°20′N 44°23′E / 33.333°N 44.383°E / 33.333; 44.383
(33°20′N 44°23′E / 33.333°N 44.383°E / 33.333; 44.383)
ประเทศ อิรัก
เขตผู้ว่าการแบกแดด
ก่อตั้งค.ศ. 762
ผู้ก่อตั้งอบูญะฟัร อัล-มันซูร
การปกครอง
 • ประเภทนายกเทศมนตรี-สภา
 • องค์กรBaghdad City Advisory Council
 • นายกเทศมนตรีZekra Alwach
พื้นที่
 • ทั้งหมด204.2 ตร.กม. (78.8 ตร.ไมล์)
ความสูง34 เมตร (112 ฟุต)
ประชากร
 • ประมาณ 
(2018)
6,643,000 คน
 • อันดับ1st
เดมะนิมแบกแดด
เขตเวลาUTC+3 (เวลามาตรฐานอาระเบีย)
 • ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)UTC+3 (ไม่ใช้)
รหัสไปรษณีย์10001 ถึง 10090
เว็บไซต์Mayoralty of Baghdad
แผนที่แสดงที่ตั้งแบกแดดในอิรัก

ประวัติ แก้

แบกแดดสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1305 โดยคอลีฟะห์อัล-มันซูร์ แห่งราชวงศ์อับบาสิยะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไทกริสติดกับคลองที่เชื่อมแม่น้ำยูเฟรทีส แบกแดดมีความรุ่งเรืองมากในสมัยคอลีฟะห์ฮารูน อัล-เราะชีด เมื่อแรกสร้างนั้น เมืองนี้สร้างขึ้นที่หมู่บ้านเก่าแก่ชื่อแบกแดด อยู่ทางเหนือของเทซิฟอน ที่เคยเป็นเมืองหลวงของเปอร์เซียโบราณ เมื่อสร้างแล้วได้ตั้งชื่อว่า มะดีนะห์ อัลซาเลม แปลว่าเมืองแห่งสันติ แต่คนทั่วไปยังนิยมเรียกว่าแบกแดดตามชื่อเดิม ความยิ่งใหญ่ของแบกแดดในสมับคอลีฟะห์นี้ปรากฏในวรรณคดีอาหรับที่มีชื่อเสียงคือพันหนึ่งราตรีหรืออาหรับราตรี ผู้แต้ช่งดั้งเดิมคืออัล-จาห์ชิยาร์ ในแบกแดดได้กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านวิทยาการ โดยนำวิทยาการที่เป็นภาษากรีก ภาษาละติน ภาษาเปอร์เซีย ภาษาฮินดีมาแปลเป็นภาษาอาหรับ ทำให้แบกแดดมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านโคลงกลอนจากเปอร์เซีย ทางด้านดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์จากอินเดีย การแพทย์และวิทยาศาสตร์จากกรีก

ความเสื่อมของแบกแดดเกิดขึ้นเมื่อฮูลากูข่าน ผู้นำมองโกลยกทัพเข้าโจมตีแบกแดดเมื่อ พ.ศ. 1801 นอกจากนั้นยังมีศัตรูจากเติร์กเข้าโจมตีแบกแดดเป็นระยะ ๆ ในที่สุด แบกแดดจึงอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิออตโตมันใน พ.ศ. 2181 จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจึงถูกอังกฤษยึดครองได้เมื่อ พ.ศ. 2460 เมื่ออิรักได้รับเอกราชใน พ.ศ. 2475 แบกแดดได้เป็นเมืองหลวงของอิรัก แม้จะได้รับการบูรณะให้เป็นเมืองสมัยใหม่ แต่ในแบกแดดก็ยังมีโบราณสถานอยู่หลายแห่งเพราะเป็นเมืองเก่าที่อยู่ในเขตอารยธรรมเมโสโปเตเมีย มีความพยายามที่จะพัฒนาให้เป็นศูนย์ประวัติศาสตร์ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 แต่หลังจากที่อิรักเกิดสงครามหลายครั้ง ตั้งแต่สงครามอิรัก-อิหร่านและสงครามอ่าวเปอร์เซียสองครั้งทำให้แบกแดดถูกทำลายไปมาก

ภูมิศาสตร์ แก้

ภูมิอากาศ แก้

ข้อมูลภูมิอากาศของแบกแดด
เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 15.5
(59.9)
18.5
(65.3)
23.6
(74.5)
29.9
(85.8)
36.5
(97.7)
41.3
(106.3)
44.0
(111.2)
43.5
(110.3)
40.2
(104.4)
33.4
(92.1)
23.7
(74.7)
17.2
(63)
30.61
(87.1)
อุณหภูมิเฉลี่ยแต่ละวัน °C (°F) 9.7
(49.5)
12
(54)
16.6
(61.9)
22.6
(72.7)
28.3
(82.9)
32.3
(90.1)
34.8
(94.6)
34
(93)
30.5
(86.9)
24.7
(76.5)
16.5
(61.7)
11.2
(52.2)
22.77
(72.98)
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) 3.8
(38.8)
5.5
(41.9)
9.6
(49.3)
15.2
(59.4)
20.1
(68.2)
23.3
(73.9)
25.5
(77.9)
24.5
(76.1)
20.7
(69.3)
15.9
(60.6)
9.2
(48.6)
5.1
(41.2)
14.87
(58.76)
ปริมาณฝน มม (นิ้ว) 26
(1.02)
28
(1.1)
28
(1.1)
17
(0.67)
7
(0.28)
0
(0)
0
(0)
0
(0)
0
(0)
3
(0.12)
21
(0.83)
26
(1.02)
156
(6.14)
ความชื้นร้อยละ 71 61 53 43 30 21 22 22 26 34 54 71 42.3
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย 5 5 6 4 2 0 0 0 0 1 5 6 34
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด 192.2 203.4 244.9 255.0 300.7 348.0 347.2 353.4 315.0 272.8 213.0 195.3 3,240.9
แหล่งที่มา 1: World Meteorological Organization (UN)[4]
แหล่งที่มา 2: Climate & Temperature[5][6]

เมืองพี่น้อง แก้

อ้างอิง แก้

  1. Petersen, Andrew (13 กันยายน 2011). "Baghdad (Madinat al-Salam)". Islamic Arts & Architecture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 กันยายน 2016. สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2016.
  2. การประมาณการจำนวนประชากรทั้งหมดแต่ละชิ้นนั้นแตกต่างอย่างสำคัญ Encyclopædia Britannica ระบุจำนวนในปี พ.ศ. 2544 ว่า 4,950,000 คน ในขณะที่ 2006 Lancet Report ระบุจำนวน 6,554,126 ในปี พ.ศ. 2547
  3. "Cities and urban areas in Iraq with population over 100,000", Mongabay.com
  4. "World Weather Information Service – Baghdad". World Meteorological Organization. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 มิถุนายน 2013. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2013.
  5. "Baghdad Climate Guide to the Average Weather & Temperatures, with Graphs Elucidating Sunshine and Rainfall Data & Information about Wind Speeds & Humidity". Climate & Temperature. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 January 2012. สืบค้นเมื่อ 25 December 2011.
  6. "Monthly weather forecast and climate for Baghdad, Iraq". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 September 2020. สืบค้นเมื่อ 27 April 2020.
  7. 7.0 7.1 7.2 "Twinning the Cities". City of Beirut. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 February 2008. สืบค้นเมื่อ 13 January 2008.
  8. Corfield, Justin (2013). Historical Dictionary of Pyongyang. London: Anthem Press. p. 196. ISBN 978-0-85728-234-7.
  • สาคร ช่วยประสิทธิ์. แบกแดด ใน สารานุกรมประวัติศาสตร์สากลสมัยใหม่: เอเชีย เล่ม 1 อักษร A-B ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กทม.ราชบัณฑิตยสถาน. 2539. หน้า 328 - 330

อ่านเพิ่ม แก้

บทความ แก้

หนังสือ แก้

  • Pieri, Caecilia (2011). Baghdad Arts Deco: Architectural Brickwork, 1920–1950 (1st ed.). The American University in Cairo Press. p. 160. ISBN 978-9774163562.
  • "Travels in Asia and Africa 1325-135" by Ibn Battuta.
  • "Gertrude Bell: the Arabian diaries,1913–1914." by Bell Gertrude Lowthian, and O'Brien, Rosemary.
  • "Historic cities of the Islamic world". by Bosworth, Clifford Edmund.
  • "Ottoman administration of Iraq, 1890–1908." by Cetinsaya, Gokhan.
  • "Naked in Baghdad." by Garrels, Anne, and Lawrence, Vint.
  • "A memoir of Major-General Sir Henry Creswicke Rawlinson." by Rawlinson, George.
  • Stanek, Łukasz (2020). Architecture in global socialism : Eastern Europe, West Africa, and the Middle East in the Cold War. Princeton. ISBN 978-0-691-19455-4.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้