เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร)
มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ นามเดิม หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร (18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 – 1 มกราคม พ.ศ. 2466) เป็นขุนนางชาวไทย เคยรับราชการในตำแหน่งเช่น ผู้บัญชาการกรมม้าและกรมมหรสพ เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ และ เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) | |
---|---|
เสนาบดีกระทรวงเกษตรธิการ | |
ดำรงตำแหน่ง 2 กันยายน พ.ศ. 2442 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2452 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี |
ถัดไป | พระยาวงษานุประพัทธ์ |
เสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ | |
ดำรงตำแหน่ง 19 กันยายน พ.ศ. 2441 – 1 กันยายน พ.ศ. 2442 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ก่อนหน้า | พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา |
ถัดไป | พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | หม่อมราชวงศ์หลาน 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 |
เสียชีวิต | 1 มกราคม พ.ศ. 2466 (70 ปี) |
คู่สมรส | 27 คน |
บุตร | 32 คนรวมหม่อมหลวงขาบ |
บุพการี | |
อาชีพ | ขุนนาง |
วิชาชีพ | ข้าราชการพลเรือน |
ประวัติ
แก้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เป็นโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ กับหม่อมสุด กุญชร ณ อยุธยา[1]เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ขึ้น 7 ค่ำ ปีชวด ตรงกับวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 มีพี่น้องต่างมารดาคือ หม่อมราชวงศ์กระจ่าง เป็นพี่สาว และ หม่อมราชวงศ์กระจัด เป็นน้องสาว
การรับราชการ
แก้เป็นมหาดเล็กในรัชกาลที่ 4
แก้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เมื่ออายุได้ 13 ปี พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ จัดงานโกนจุกขึ้นที่วังบ้านหม้อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานน้ำสังข์และทรงตัดจุก พระราชทานทองเหรียญเป็นของขวัญ แล้วถวายตัวเป็นมหาดเล็ก ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 10 ตำลึง พออายุได้ 14 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรพชาเป็นสามเณรนาคหลวงในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้พระราชทานบริขารเท่าหม่อมเจ้า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อครั้งยังเป็นกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์เป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) ให้ศีล แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในสำนักสมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน)[2]
รับราชการในสมัยรัชกาลที่ 5
แก้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ รับราชการเมื่อปี พ.ศ. 2412 ได้เป็นมหาดเล็กสารถีขับรถพระที่นั่ง ต่อมา พ.ศ. 2413 ได้เป็นนายกวดหุ้มแพรมหาดเล็กเวรฤทธิ์ ต่อมา พ.ศ. 2414 เป็นจ่ายงเวรศักดิ์ รับพระราชทานเบี้ยหวัด 2 ชั่ง แล้วได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 2 ชั่ง 10 ตำลึง ต่อมา พ.ศ. 2416 ได้รับ 3 ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ 10 ตำลึง แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวงอุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้รับพระราชทานบริขารเท่าหม่อมเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมพระเป็นพระอุปัชฌาย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา (สีขเรศ วุฑฺฒิสฺสโร) กับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) เมื่อครั้งเป็นพระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดม เป็นคู่สวด แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม[2]
ต่อมา พ.ศ. 2421 ได้เป็น หลวงเดชนายเวรมหาดเล็กเวรเดช รับพระราชทานเบี้ยหวัด 3 ชั่ง 10 ตำลึง ต่อมา พ.ศ. 2422 ได้เป็น เจ้าหมื่นสรรพเพธภักดี หัวหมื่นมหาดเล็กเวรศักดิ์ ถือศักดินา 1,000[3]ได้หีบทอง ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ๔ ชั่ง ต่อมา พ.ศ. 2424 พระองค์เจ้าสิงหนาทฯ สิ้นพระชนม์ ได้ว่าการกรมมหรสพ กรมหุ่น กรมรถ กรมรถม้า แต่ราชการกรมรถม้านั้น ตระกูลนี้ได้ว่ามาแต่รัชกาลที่ 2 ติดเนื่องกัน 4 ชั่วคน ไม่มีตระกูลอื่นแทรกเลย แล้วได้ตรามงกุฏชั้น 4 ต่อมา 2 หรือ 3 ปี ได้โต๊ะทอง กาทอง เป็นองคมนตรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2432 เป็นจางวางมหาดเล็ก ได้พานทองกลม ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด 8 ชั่ง ต่อมาได้ 10 ชั่ง เงินเดือน ๆ ละ 10 ตำลึง[2] ถึง พ.ศ. 2432 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์" จางวางมหาดเล็ก ถือศักดินา 3,000[4]
พ.ศ. 2435 ได้รับพานทองเป็นครั้งที่ 2 เป็นพระอภิบาล สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมา พ.ศ. 2436 ได้เป็นข้าหลวงไปปักปันเขตแดนเมืองสงขลากับเมืองพัทลุง ต่อมาเป็นพระยายืนชิงช้า แล้วได้ว่าราชการกรมโขนหุ่น กรมรำโคม กรมพิณพาทย์
เป็นสภานายกรัฐมนตรี
แก้เมื่อ พ.ศ. 2435 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกระทรวงมุรธาธรขึ้นเป็นกระทรวง 1 ใน 12 กระทรวง สำหรับกระทรวงมุรธาธรนั้น ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมตำแหน่งสภานายกรัฐมนตรีเข้าอยู่ในกระทรวงมุรธาธรด้วย แต่เนื่องจากต่อมากระทรวงมุรธาธรมีราชการน้อย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบกระทรวงมุรธาธรเสียเมื่อ พ.ศ. 2439 ให้คงมีแต่สภานายกรัฐมนตรีบังคับบัญชาราชการอยู่ทั่วไปตามหน้าที่เสนาบดี กระทรวงมุรธาธรได้เคยบังคับบัญชามาก่อน และให้สภานายกรัฐมนตรีขึ้นอยู่ในกรมราชเลขานุการและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ซึ่งเวลานั้นยังเป็นพระยาอยู่ ดำรงตำแหน่งสภานายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2439[5]
เป็นอธิบดีกรมสุขาภิบาล
แก้เมื่อ พ.ศ. 2440 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ เป็นอธิบดีกรมสุขาภิบาล ได้เงินเดือน ๆ ละ 1,000 บาท ต่อมาพ้นจากตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2450 เพราะเนื่องด้วยสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถทำราชการได้ดีอย่างแต่ก่อน[6][7]
เป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ
แก้กระทรวงโยธาธิการ เมื่อแรกตั้งเป็นกระทรวง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเป็นพระองค์แรก เพราะพระองค์ทรงเป็นอธิบดีกรมโยธาธิการอยู่แต่เดิม ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อยังทรงดำรงพระยศเป็นกรมหมื่นได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเป็นพระองค์ที่สอง ต่อมากรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์เสด็จไปเป็นข้าหลวงต่างพระองค์ประจำ ณ เมืองอุบลราชธานี เวลานั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการต่อมาเป็นพระองค์ที่สาม ต่อมาเมื่อย้ายกรมขุนทิพยลาภพฤฒิธาดาไปเป็นเสนาบดีกระทรวงวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มาดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการเมื่อ พ.ศ. 2441 ต่อมาพ้นจากตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2442 เพื่อไปดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ[8]
เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ
แก้ก่อนตั้งกระทรวงเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 นั้น หน้าที่กระทรวงเกษตราธิการอยู่ในจตุสดมภ์กรมนา เมื่อตั้งเป็นกระทรวงเสนาบดีในรัชกาลที่ 5 นั้น เรียกว่า กระทรวงเกษตรพาณิชยการ เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เวลานั้นเป็นพระยาได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตร์พาณิชยการเป็นคนแรก ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายท่านไปเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) มาเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตร์พาณิชยการ เป็นคนที่สอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2439 ท่านได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรงเกษตรพาณิชยการ แล้วยกราชการในกระทรวงพาณิชยการไปรวมกับกระทรวงพระคลังมหาสมบัติคราวหนึ่ง ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกตั้งเป็นกระทรวงขึ้นใหม่ เรียกว่ากระทรวงเกษตราธิการ มีเสนาบดีบังคับบัญชาการคือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการเป็นคนแรก เมื่อวันที่ 2 กันยายน ร.ศ. 118 (พ.ศ. 2442) และพ้นตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) เพราะเนื่องด้วยสุขภาพไม่แข็งแรง ไม่สามารถทำราชการได้ดีอย่างแต่ก่อน[9]
เป็นเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์
แก้ต่อมาเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 ขณะเมื่อดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการอยู่นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ขึ้นเป็นเจ้าพระยา ดังประกาศพระบรมราชโองการที่ว่า
“ทรงพระราชดำริว่า พระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ ได้รับราชการในกรมมหาดเล็ก ได้รับตำแหน่งโดยลำดับจนถึง เป็นจางวาง และเป็นผู้บัญชาการกรมม้าและกรมมหรสพ ราชการในระหว่างนั้นได้มีหน้าที่ต่าง ๆ อันเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยสนิทเป็นอันมาก ได้เป็นกรรมการฎีกาและกรรมการเรื่องที่นา และได้รับราชการไปเจริญทางพระราชไมตรีกรุงรัสเซีย พร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ ที่เมืองลิวาเดีย และได้เป็นข้าหลวงไปปักปันเขตแดนเมืองพัทลุง เมืองสงขลา แล้วได้รับตำแหน่งพระอภิบาลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ภายหลังได้เป็นอุปนายกรัฐมนตรีแล้วเลื่อนขึ้นเป็นสภานายก ครั้นเมื่อเริ่มจัดการกรมสุขาภิบาลก็ได้รับตำแหน่งเป็นอธิบดีในกรมนั้น แล้วเป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ภายหลังจึงย้ายมาเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ พระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ เป็นผู้ได้สนิทชิดชอบพระราชอัธยาศัยตั้งแต่เยาว์มา ประกอบด้วยสติปัญญาสามารถมีปฏิภาณปรีชาว่องไวในราชกิจทั้งปวง เมื่อได้รับราชการในหน้าที่ใดก็ได้ตั้งใจฉลองพระเดชพระคุณ โดยความเอื้อเฟื้อมิได้ย่อหย่อน ได้ดำรงราชการในหน้าที่เสนาบดีมาจนบัดนี้ สมควรที่จะเลื่อนยศบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็นเจ้าพระยาผู้หนึ่งได้
จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง ให้สถาปนาพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ ขึ้นเป็นเจ้าพระยา มีสมญาจารึกในสุพรรณบัฏว่า เจ้าพระยาเทเวศรวงศวิวัฒน์ บรมขัติยราชสวามิภักดิ์ สมบูรณศักดิสุขุมชาติ มธุรวาทวิจิตร สรรพราชกิจพิจารณ์ มโหฬารคุญสมบัติ กัลยาณวัตรมหามาตยาธิบดี พุทธาทิศรีรัตนธาดา เมตตาชวาธยาศรัย อภัยพิริยบรากรมพาหุ นาคนาม ดำรงศักดินา ๑๐๐๐๐ จงเจริญทฤฆชนมายุพรรณ สุขสิริสวัสดิพัฒนมงคล ธนสารสมบัติ บริวารสมบูรณ์ทุกประการ”[10]
ว่าราชการกรมมหรสพ กรมโขน กรมพิณพาทย์ กรมรำโคม และกรมหุ่น
แก้นอกจากการรับราชการในตำแหน่งทั่วไปแล้ว เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ยังมีหน้าที่ในการควบคุมกรมที่เกี่ยวกับการแสดงต่าง ๆ ถึง 5 ได้แก่ กรมมหรสพ กรมโขน กรมพิณพาทย์ กรมรำโคม และกรมหุ่น และด้วยในสมัยนั้นมีต่างชาติเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอยู่เป็นประจำ จึงมีหน้าที่ในการจัดการแสดงสำหรับต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ในการนี้ท่านจึงได้ทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ร่วมเป็นที่ปรึกษาสำหรับจัดการแสดงต้อนรับพระราชอาคันตุกะ โดยพยายามคิดการแสดงใหม่ขึ้น มีการบรรเลงคอนเสิร์ต การแสดงละครดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะละครดึกดำบรรพ์นอกจากจะเล่นสำหรับต้อนรับพระราชอาคันตุกะแล้ว ท่านยังได้ลงทุนทำเป็นกิจการ เปิดการแสดงภายในวังบ้านหม้อของท่านเอง กิจการของท่านดำเนินไปด้วยดีเป็นระยะเวลา 10 ปี ในภายหลังท่านเกิดอาการป่วยจนต้องออกจากราชการ กิจการละครดึกดำบรรพ์และการแสดงอื่น ๆ ที่ท่านดูแลจึงยกเลิกไปหมด
ด้วยราชสกุลของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ท่านสืบเชื้อสายมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พระราชปัยกา) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ (พระอัยกา) และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ (พระบิดา) ทุกพระองค์ล้วนมีความสนใจในการแสดงละครฟ้อนรำเป็นอย่างมาก มีการจัดตั้งคณะละครขึ้นเล่นและเป็นมรดกตกทอดสืบมาถึงเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ตลอดจนเจ้าจอมมารดาและหม่อม (ภรรยา) ในราชสกุลต่างก็มีความสามารถในการละครฟ้อนรำและดนตรีขับร้อง จึงทำให้ราชสกุลกุญชรเป็นราชสกุลที่มีความสามารถในการละครฟ้อนรำและดนตรีขับร้องเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มีคณะละครที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และได้รับราชการในการควบคุมกรมมหรสพหลวง จึงทำให้คณะละครและกรมมหรสพซึ่งท่านเป็นผู้ควบคุมอยู่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีนักดนตรีนักร้องและนักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคน นักดนตรี เช่น พระประดิษฐไพเราะ (ตาด) หลวงเสนาะดุริยางค์ (ทองดี) หลวงบำรุงจิตรเจริญ (ธูป สาตนะวิลัย) พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) ฯลฯ นักร้อง เช่น หม่อมเจริญ หม่อมมาลัย หม่อมจันทร์ แม่แป้น วัชโรบล แม่แจ๋ว แม่ชม แม่ชื่น ฯลฯ นักแสดง เช่น หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทศ สุวรรณภารต) หม่อมต่วน (ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ฯลฯ[11]
ลาออกจากราชการและถึงอสัญกรรม
แก้ในบั้นปลายชีวิตของท่าน เริ่มป่วยทุพพลภาพ จึงไปรักษาตัวในตำบลต่าง ๆ พักอยู่ที่เมืองชลบุรี สำนักวัดป่า แล้วมาอยู่ที่บ้านคลองเตย จังหวัดนครเขื่อนขันธ์ ครั้น ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2452) อาการป่วยไม่ทุเลาลง เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ จึงกราบบังคมขอลาออกจากราชการ รับพระราชทานเบี้ยบำนาญเดือนละ 1,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2465 (แบบสากลคือ พ.ศ. 2466) เวลา 09.25 น. เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ ได้ถึงอสัญกรรมลงด้วยโรคหัวใจพิการ ที่บ้านคลองเตย สิริอายุรวมได้ 70 ปีเศษ 1 เดือน 1 วัน ถึงเวลา 21.00 น. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์มาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ สวมลอมพอกโหมดพระราชทาน แล้วเจ้าพนักงานยกลองในตั้งบนแท่น 2 ชั้น ประกอบโกศมณฑป มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 15 วัน[12]
ภรรยาและบุตรธิดา
แก้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ มีภรรยาและบุตรธิดาหลายคนดังนี้
- ช่วง มีธิดาหนึ่งคน เสียชีวิตในเวลาใกล้เคียงกับมารดา
- เผื่อน (ราชินิกุล ณ บางช้าง)
- นวล (ไม่ทราบ – พ.ศ. 2458)
- หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ (13 ธันวาคม พ.ศ. 2454 – 7 มิถุนายน พ.ศ. 2525) สมรสกับนายแพทย์ชม เทพยสุวรรณ[14]
- จันทร์ (พ.ศ. 2424 – ไม่ทราบ)[15]
- พลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร (10 ตุลาคม พ.ศ. 2448 – 19 กันยายน พ.ศ. 2529)[16]
- มาลัย (พ.ศ. 2430 – 2465)
- หม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์ (17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448 – 17 มกราคม พ.ศ. 2506) เจ้าของนามปากกาดอกไม้สด สมรสกับ ศาสตราจารย์สุกิจ นิมมานเหมินท์
- เคลือบ
- หม่อมหลวงแถม สมรสกับหม่อมเจ้าแววจักร จักรพันธุ์
- เพื่อน
- หม่อมหลวงประยูร กุญชร ถึงแก่กรรม ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อคราวตามเสด็จประพาสยุโรป พ.ศ. 2440[13]
- วัน
- พระยาวิชิตชลธาร (หม่อมหลวงเวศร์ กุญชร) (27 ธันวาคม พ.ศ. 2431 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2475) สมรสกับคุณหญิงผิว วิชิตชลธาร[17]
- หม่อมหลวงวงษ์ กมลาสน์ (17 กันยายน พ.ศ. 2437 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2473) สมรสกับหม่อมเจ้าศุขปรารภ กมลาสน์
- คร้าม เดิมเป็นหม่อมในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์
- หม่อมหลวงคอย กุญชร
- เจริญ พาทยโกศล (พ.ศ. 2419 – 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2498)
- หม่อมหลวงเล็ก กุญชร (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 – 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) สมรสกับ พระยาราชมานู (ถั่ว อัศวเสนา) ภายหลังเมื่อพระยาราชมานูถึงแก่กรรม ได้สมรสกับเพี้ยน โล่ห์สุวรรณ[18]
- ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร (หม่อมหลวงแฉล้ม กุญชร) (20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446 – 4 กันยายน พ.ศ. 2538)[19]
- แจ่ม (พ.ศ. 2411 – 2482)[20]
- หม่อมหลวงสำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์ (20 กันยายน พ.ศ. 2445 – 23 ตุลาคม พ.ศ. 2516) สมรสกับพระยาอิศรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมหลวงศิริ อิศรเสนา)
- บัว
- หลวงวัยวุฒิปรีชา (หม่อมหลวงไวยวัฒน์ กุญชร) (3 มิถุนายน พ.ศ. 2439 – 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499)[21]
- เนย
- หม่อมหลวงปาด กุญชร
- หม่อมหลวงแขก กุญชร (พ.ศ. 2433 – 2477)[22] เคยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงพิจารณ์นนทิศาสตร์
- หม่อมหลวงไข่ กุญชร
- แช่ม
- พระยาอาทรธุรศิลป์ (หม่อมหลวงช่วง กุญชร) (2 มีนาคม พ.ศ. 2417 – 29 กันยายน พ.ศ. 2473) สมรสกับชม หุตะสิงห์ พี่สาวของพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์)
- พริ้ง
- ร้อยโท หม่อมหลวงพร้อม กุญชร สมรสกับทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา[23]
- ลมัย
- หม่อมหลวงอาภา อภัยวงศ์วรเศรษฐ[14] สมรสกับพระอภัยวงศ์วรเศรษฐ (ช่วง อภัยวงศ์) บุตรเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) กับคุณหญิงสอิ้ง คฑาธรธรณินทร์
- เข็ม (ไม่ทราบ – พ.ศ. 2485) เดิมเป็นหม่อมในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์
- พร้อม
- เลื่อน
- ต่วน หรือ ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก (5 กรกฏาคม พ.ศ. 2426 – 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499)
- ทับทิม
- ตลับ
- แดง
- ทิม
- จันทร์
- คร้าม
- เปรม
และยังมีบุตรธิดาอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่าเกิดจากภรรยาท่านใด ได้แก่
- หม่อมหลวงสารี สมรสกับหม่อมหลวงพันธ์ ศิริวงศ์ (พ.ศ. 2479 - 2481)
- หม่อมหลวงแม้น กุญชร
- หม่อมหลวงจรัส กุญชร
- หม่อมหลวงเครือวัลย์ กุญชร
- หม่อมหลวงลำใย กุญชร (ไม่ทราบ – 17 กันยายน พ.ศ. 2461) รับราชการเป็นมหาดเล็กวิเศษ กรมมหาดเล็ก
- พระยาศรีกฤดากร (หม่อมหลวงตุ่ม กุญชร)
- หม่อมหลวงปุย กุญชร สมรสกับพระยาประดิพัทธภูบาล (คอยู่เหล ณ ระนอง)
- หม่อมหลวงพริ้ม กุญชร
- ขุนชิตรักต์ประกอบ (หม่อมหลวงปุ๊ กุญชร) (24 เมษายน พ.ศ. 2433 – 29 มกราคม พ.ศ. 2473)
- หม่อมหลวงแต๋ว กุญชร
- หม่อมหลวงเภา กุญชร
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งสยามและต่างประเทศ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สยาม
แก้- พ.ศ. 2443 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[24]
- พ.ศ. 2442 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)[25]
- พ.ศ. 2436 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[26]
- พ.ศ. 2440 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))[27]
- พ.ศ. 2441 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[28]
- พ.ศ. 2447 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 5 (ม.ป.ร.5)[29]
- พ.ศ. 2425 – เหรียญสตพรรษมาลา (ส.ม.)
- พ.ศ. 2436 – เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2441 – เหรียญราชินี (ส.ผ.)
- พ.ศ. 2446 – เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 – เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
แก้- ออสเตรีย-ฮังการี :
- พ.ศ. 2432 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎเหล็ก ชั้นที่ 3[30]
- รัสเซีย :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญอันนา ชั้นที่ 2[31]
- จักรวรรดิออตโตมัน :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์เมดจีดีย์ ชั้นที่ 2[31]
- ปรัสเซีย :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีแดง ชั้นที่ 2[31]
- อิตาลี :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 2[31]
- เดนมาร์ก :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์แดนเนอโบร ชั้นที่ 3[31]
- กรีซ :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญผู้ไถ่บาป ชั้นที่ 3[31]
- ฝรั่งเศส :
- พ.ศ. 2434 – เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นที่ 4[31]
- พ.ศ. 2435 – เครื่องอิสริยาภรณ์ปาล์ม อาคาเดมิก ชั้นที่ 2[32]
- ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2437 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ ชั้นที่ 2[33]
ลำดับสาแหรก
แก้ลำดับสาแหรกของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตาย, เล่ม ๔ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๒๗๑, ๗ ธันวาคม ๑๒๔๙
- ↑ 2.0 2.1 2.2 เทศนาฉลองอายุ เจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ 15 กัณฑ์. [ม.ป.ท.]:โรงพิมพ์พิศาลบรรณนิติ, [ม.ป.ป.]. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:163870.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งหัวเมือง, เล่ม ๑ ตอนที่ ๖ หน้า ๕๓, ๑๕ มีนาคม ๑๒๔๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตร, เล่ม ๖ ตอนที่ ๑๕ หน้า ๑๒๖, ๑๔ กรกฎาคม ๑๐๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศยกเลิกตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงมุรธาธร, เล่ม ๑๓ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๒๘๐, ๒๗ กันยายน ๑๑๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งผู้บัญชาการกรมสุขาภิบาล, เล่ม ๑๔ ตอนที่ ๔๔ หน้า ๗๖๓, ๑ กุมภาพันธ์ ๑๑๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี, เล่ม ๒๔ ฉบับพิเศษ หน้า ๘๘๐, ๒๙ พฤศจิกายน ๑๒๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี, เล่ม ๑๕ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๒๗๑, ๒๕ กันยายน ๑๑๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ตั้งกระทรวงเกษตราธิการและเปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี, เล่ม ๑๖ ตอนที่ ๒๓ หน้า ๓๐๓, ๓ กันยายน ๑๑๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศเลื่อนกรมแลตั้งกรมพระองค์เจ้า เจ้าพระยา, เล่ม ๑๗ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๔๘๗, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๙
- ↑ วีรศิลป์ ห่วงประเสริฐ. การบรรจุในละครดึกดำบรรพ์ เรื่องอิเหนา พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์. งานวิจัยหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต, ภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2557.
- ↑ "ข่าวอสัญกรรม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 39 (0 ง): 2780. 7 มกราคม พ.ศ. 2465. สืบค้นเมื่อ 23 กรกฎาคม 2560.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ 13.0 13.1 13.2 เทเวศวงศวิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร), เจ้าพระยา. ข้อราชการในกรมมหาดเล็ก. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหารบก, 2500. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ล.วราห์ กุญชร)] สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:1390.
- ↑ 14.0 14.1 อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ. [ม.ป.ท.]: บริษัทด่านสุทธาการพิมพ์, 2527. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:141499.
- ↑ พูนพิศ อมาตยกุล และคณะ. นามานุกรมศิลปินเพลงไทยในรอบ 200 ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้ว, 2532.
- ↑ ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พลโท หม่อมหลวงขาบ กุญชร. [ม.ป.ท.]: อินเตอร์ฮ่องกงพริ้นติ้ง, 2530. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:190864.
- ↑ เอกสารสาธารณสุข เรื่องปฐมพยาบาลและวิธีใช้ยาตำราหลวง กับ, การสุขาภิบาลในบริเวณบ้าน. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์เปงเฮง (กิมหลีหงวน), 2476. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ มหาเสวกตรี พระยาวิชิตชลธาร (ม.ล.เวศร์ กุญชร)] สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:142079.
- ↑ นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า กรมพระยา, 2406-2490. บทร้องรำ. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์ ร.ส.พ., 2505. (ที่ระลึกในงานศพ หม่อมหลวงเล็ก กุญชร) สืบค้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:137226.
- ↑ อนุสรณ์การพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร. (ม.ป.พ), 2538. [ที่ระลึกในการพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแฉล้ม กุญชร (ม.ล. แฉล้ม กุญชร)]
- ↑ สำลี อิศรพงศ์พิพัฒน์, ม.ล. จินดาภาษิต. พระนคร: ยิ้มศรี, 2482. (ที่ระลึกในงานฌาปนกิจ หม่อมแจ่ม กุญชร ณ อยุธยา)
- ↑ อนุมานราชธน, พระยา. ร้อง รำ ทำเพลง. กรุงเทพมหานคร: มิตรไชย, 2500. [ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงวัยวุฒิปรีชา (ม.ล.ไวยวัฒน์ กุญชร)]
- ↑ ไม่ทราบนามผู้แต่ง. เครื่องช่วยตัว. พระนคร: ไทยเขษม, 2481. (ที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ หม่อมหลวงแขก กุญชร)
- ↑ เเบนสัน, ฮิว, บอร์เจีย, แอนโธนี, Benson, Robert Hugh และ Borgia, Anthony V. โลกทิพย์. ภาค 2. [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์กรมสารบรรณทหารอากาศ, 2509. (ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พลอากาศตรี กงทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา) สืบค้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566. https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:5474.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า และ ฝ่ายใน, เล่ม ๑๗ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๕๐๐, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๖ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๓๖๒, ๒๔ กันยายน ๑๑๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐ ตอนที่ ๓๗ หน้า ๔๐๓, ๑๐ ธันวาคม ๑๑๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญ, เล่ม ๑๔ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๓๗๐, ๒๙ กันยายน ๑๑๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๕ ตอนที่ ๒๖ หน้า ๒๘๑, ๒๕ กันยายน ๑๑๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ ๔, เล่ม ๒๑ ตอนที่ ๓๒ หน้า ๕๖๘, ๖ พฤศจิกายน ๑๒๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ออสเตรีย, เล่ม ๖ ตอนที่ ๒๑ หน้า ๑๗๕, ๒๕ สิงหาคม ๑๐๘
- ↑ 31.0 31.1 31.2 31.3 31.4 31.5 31.6 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๙ ตอนที่ ๒ หน้า ๑๒, ๑๐ เมษายน ๑๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๙ ตอนที่ ๑๔ หน้า ๘๖, ๓ กรกฎาคม ๑๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาต เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๑ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๒๗๒, ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๓
ก่อนหน้า | เจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) |
เสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ คนที่ 3 (2 กันยายน พ.ศ. 2442 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2452) |
พระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) |