สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน)
สมเด็จพระวันรัต นามเดิม แดง ฉายา สีลวฑฺฒโน เป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายใต้ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และผู้สร้างวัดโพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม
สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) | |
---|---|
ส่วนบุคคล | |
เกิด | 11 ธันวาคม พ.ศ. 2365 (78 ปี 25 วัน ปี) |
มรณภาพ | 5 มกราคม พ.ศ. 2444 |
นิกาย | มหานิกาย |
การศึกษา | เปรียญธรรม 8 ประโยค |
ตำแหน่งชั้นสูง | |
ที่อยู่ | กรุงเทพมหานคร |
พรรษา | 59 |
ตำแหน่ง | เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนใต้ |
ประวัติ
แก้สมเด็จพระวันรัต มีนามเดิมว่าแดง เกิดเมื่อวันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2365 ตรงกับวันแรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะเมีย เป็นบุตรนายโพธิ์และนางมิ (เชื้อสายชาวทวาย) เมื่ออายุได้ 13 ปี ได้บวชเป็นสามเณรอยู่กับพระธรรมุเทศาจารย์ (ฉิม) ขณะยังเป็นพระอันดับวัดอินทาราม และได้ติดตามท่านไปศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เมื่อพระธรรมุเทศาจารย์ได้เป็นเปรียญ โปรดให้มาอยู่วัดสุทัศนเทพวราราม สามเณรแดงได้ย้ายตามมาด้วย และได้อุปสมบทในปีขาล พ.ศ. 2385 โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สน) วัดสระเกศ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาทางธรรมว่า สีลวฑฺฒโน
ท่านได้เข้าสอบพระปริยัติธรรมในปีใดไม่ปรากฏ ได้เป็นเปรียญธรรม 4 ประโยค ถึงปีระกา พ.ศ. 2392 ขณะอายุได้ 29 ปี เข้าแปลอีกได้เป็นเปรียญธรรม 8 ประโยค
สมณศักดิ์
แก้- ปีวอก พ.ศ. 2403 ตั้งเป็นพระราชาคณะที่ พระศรีสมโพธิ
- ปีวอก พ.ศ. 2415 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่ พระเทพกวี
- 3 มีนาคม พ.ศ. 2423 ได้รับสถาปนาเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองฝ่ายใต้ พระธรรมวโรดม บรมญาณอดุล สุนทรนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูสิต ทักษิณทิศคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสี
- 20 มีนาคม พ.ศ. 2434 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายใต้ที่ สมเด็จพระวันรัต ปริยัติพิพัฒพงษ์ วิสุทธสงฆปรินายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภีรญาณสุนทร มหาทักษิณคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี[1]
มรณภาพ
แก้สมเด็จพระวันรัต อาพาธด้วยโรคชรา แพทย์หลวงได้ถวายยารักษา อาการดีขึ้นแล้วกลับทรุดลงเป็นลำดับ ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันเสาร์ที่ 5 มกราคม ร.ศ. 119 (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2444) เวลา 5 ทุ่มเศษ สิริอายุได้ 78 ปี 25 วัน เวลาบ่าย 5 โมงเศษวันต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาพระราชทานน้ำสรงศพ โกศไม้สิบสอง ตั้งบนชั้นแว่นฟ้าสองชั้น และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมวันละ 8 รูปจนถึงวันพระราชทานเพลิง[2]
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 119 เคลื่อนโกศสมเด็จพระวันรัตไปร่วมกับกระบวนแห่พระศพหม่อมเจ้าพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด เสนีวงศ์) ตั้งโกศบนยานมาศสามลำคาน แล้วประกอบโกศมณฑป เคลื่อนศพสมเด็จพระราชาคณะทั้งสองไปยังพระเมรุท้องสนามหลวง แล้วพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าบังสุกุล เวลาบ่าย 5 โมงเศษวันต่อมาจึงพระราชทานเพลิงศพ และเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เจ้าพนักงานเชิญอัฐิขึ้นเสลี่ยงกลับไปยังพระอารามตามเดิม[3]
ศิษย์ที่มีชื่อเสียง
แก้อ้างอิง
แก้- เชิงอรรถ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ตั้งตำแหน่งพระสงฆ์, เล่ม 8, ตอน 52, 27 มีนาคม ร.ศ. 110, หน้า 465
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวมรณภาพสมเด็จพระวันรัต (แดง), เล่ม 17, ตอน 42, 13 มกราคม ร.ศ. 119, หน้า 606
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, การศพหม่อมเจ้าพระสมเด็จพระพุฒาจารย์และสมเด็จพระวันรัต, เล่ม 17, ตอน 48, 24 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 119, หน้า 687-689
- บรรณานุกรม
- ธนิต อยู่โพธิ์. ตำนานสมณศักดิ์ พระวันรัต และ สมเด็จพระราชาคณะผู้ทรงสมณศักดิ์ สมเด็จพระวันรัตในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : ศิวพร, 2516. 447 หน้า. หน้า 34-38.
- สมมอมรพันธุ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระ. เรื่องตั้งพระราชาคณะผู้ใหญ่ในกรุงรัตนโกสินทร์ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 428 หน้า. ISBN 974-417-530-3
ก่อนหน้า | สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน) | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ พุทฺธสิริ) | เจ้าคณะใหญ่หนใต้ ที่สมเด็จพระวันรัต (พ.ศ. 2434 - พ.ศ. 2444) |
สมเด็จพระวันรัต (ฑิต อุทโย) | ||
พระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดม (สา ปุสฺสเทโว) |
เจ้าคณะรองฝ่ายใต้ ที่พระธรรมวโรดม (พ.ศ. 2423 - พ.ศ. 2434) |
พระธรรมวโรดม (แสง ปญฺญาทีโป) |