ประเทศกาตาร์
25°30′N 51°15′E / 25.500°N 51.250°E
รัฐกาตาร์ | |
---|---|
สถานที่ตั้งและขอบเขตของประเทศกาตาร์ (สีเขียวเข้ม) ในคาบสมุทรอาหรับ | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | โดฮา 25°18′N 51°31′E / 25.300°N 51.517°E |
ภาษาราชการ | อาหรับ[1] |
ภาษาทั่วไป | อังกฤษ |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2015)[2] | |
ศาสนา (ค.ศ. 2020)[3] |
|
เดมะนิม | ชาวกาตาร์ |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว สมบูรณาญาสิทธิราชย์[4] |
ตะมีม บิน ฮะมัด | |
โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลราห์มาน บิน จัสซิม อัล ธานี | |
สภานิติบัญญัติ | สภาที่ปรึกษา |
ก่อตั้ง | |
18 ธันวาคม ค.ศ. 1878 | |
• ประกาศเอกราช | 1 กันยายน ค.ศ. 1971 |
• เป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร | 3 กันยายน ค.ศ. 1971 |
พื้นที่ | |
• รวม | 11,581 ตารางกิโลเมตร (4,471 ตารางไมล์) (อันดับที่ 158) |
0.8 | |
ประชากร | |
• ค.ศ. 2020 ประมาณ | 2,795,484[5] (อันดับที่ 139) |
• สำมะโนประชากร ค.ศ. 2010 | 1,699,435[6] |
176 ต่อตารางกิโลเมตร (455.8 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 76) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2020 (ประมาณ) |
• รวม | 357.338 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 51) |
• ต่อหัว | 138,910 ดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 4) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2018 (ประมาณ) |
• รวม | 183.807 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 56) |
• ต่อหัว | 66,202 ดอลลาร์สหรัฐ[7] (อันดับที่ 6) |
จีนี (ค.ศ. 2007) | 41.1[8] ปานกลาง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.848[9] สูงมาก · อันดับที่ 45 |
สกุลเงิน | ริยาลกาตาร์ (QAR) |
เขตเวลา | UTC+3 (เวลามาตรฐานอาหรับ) |
ขับรถด้าน | ขวา[10] |
รหัสโทรศัพท์ | +974 |
โดเมนบนสุด |
กาตาร์ (อาหรับ: قطر [ˈqɑtˁɑr]; สำเนียงพื้นเมือง: [ˈɡɪtˤɑr])[11][12] หรือชื่อทางการคือ รัฐกาตาร์ (อาหรับ: دولة قطر) เป็นประเทศที่ปกครองโดยเจ้าผู้ครองรัฐในตะวันออกกลาง ตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดเล็กที่แตกมาจากคาบสมุทรอาหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้[13][14][15][16][17] มีพรมแดนทางใต้ติดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย และมีชายฝั่งริมอ่าวเปอร์เซีย
ใน ค.ศ. 2017 ประชากรทั้งหมดของกาตาร์อยู่ที่ประมาณ 2.6 ล้านคน โดยเป็นพลเมืองกาตาร์เพียง 313,000 คน และเป็นชาวต่างชาติ มากถึง 2.3 ล้านคน[18] ศาสนาประจำชาติของกาตาร์คือศาสนาอิสลาม กาตาร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก[19][20] โดยในแง่ของรายได้ กาตาร์มีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ต่อหัวสูงที่สุดเป็นอันดับสามของโลก[21] และมีรายได้ประชาชาติ (GNI) ต่อหัวสูงที่สุดเป็นอันดับหก[22] องค์การสหประชาชาติจัดอันดับให้กาตาร์เป็นประเทศที่มีอัตราการพัฒนาคุณภาพประชากรในระดับสูง[23] โดยมี ดัชนีการพัฒนามนุษย์ (HDI) สูงเป็นอันดับสามในบรรดากลุ่มประเทศตะวันออกกลาง รองจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบีย กาตาร์เป็นประเทศเศรษฐกิจที่มีรายได้สูงและเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก โดยมีแหล่งสำรองแก๊สธรรมชาติและปริมาณน้ำมันสำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และยังเป็นประเทศที่ปล่อยแก๊สเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดชาติหนึ่งในโลก[24]
กาตาร์ถูกปกครองโดยราชวงศ์อัษษานีนับตั้งแต่มุฮัมมัด บิน อัษษานี ลงนามในสนธิสัญญากับอังกฤษใน ค.ศ. 1868 ภายหลังการปกครองของตุรกีโดยจักรวรรดิออตโตมัน กาตาร์อยู่ภายใต้ความคุ้มครองอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งได้รับเอกราชใน ค.ศ. 1971 ประมุขของกาตาร์เป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากการปกครองระบอบเผด็จการ (ปัจจุบันคือตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี) และมีอำนาจบริหารและนิติบัญญัติทั้งหมด รวมทั้งควบคุมระบบตุลาการ เขายังทำการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีด้วยตนเอง การเลือกตั้งและสิทธิทางการเมืองรวมถึงเสรีภาพของสื่อภายในประเทศยังถูกจำกัดสิทธิ์[25][26][27]
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 21 กาตาร์กลายเป็นชาติมหาอำนาจที่สำคัญในโลกอาหรับในด้านทรัพยากรและความมั่งคั่ง เช่นเดียวกับการมีอิทธิพลทางสื่อที่ขยายตัวไปทั่วโลก โดยเครือข่ายที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีคืออัลญะซีเราะฮ์หรือแอลจาซีรา ซึ่งมีรายงานว่าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มกบฏหลายกลุ่ม กาตาร์ถูกมองว่าเป็นชาติมหาอำนาจระดับกลาง กาตาร์จะได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับโลกสองรายการในอนาคตได้แก่ ฟุตบอลโลก 2022 โดยพวกเขาจะถือเป็นประเทศมุสลิมและประเทศตะวันออกกลางชาติแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก[28] และการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2030 จะจัดขึ้นที่กาตาร์เช่นกัน[29]
ประวัติศาสตร์
แก้กาตาร์เคยอยู่ภายใต้การปกครองของตุรกีจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมาอังกฤษได้เข้ามามีอิทธิพลโดยได้ทำสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) กับกาตาร์มีผลทำให้กาตาร์อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอังกฤษ โดยอังกฤษดูแลกิจการระหว่างประเทศของกาตาร์และต้องป้องกันกาตาร์จากการถูกรุกรานจากภายนอก และต่อมาสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) ได้ขยายการคุ้มครองของอังกฤษออกไปทุก ๆ ด้าน
ในปี พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) รัฐบาลอังกฤษประกาศจะถอนตัวออกจากภูมิภาค อ่าวเปอร์เซียภายในปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) กาตาร์จึงพยายามรวมตัวเป็นสหพันธรัฐกับบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ กาตาร์เป็นเอกราชเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) โดยอังกฤษได้ยกเลิกสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) และได้มีการลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพระหว่างกันแทน
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) Shaikh Khalifa Bin Hamad Al – Thani ได้ทำรัฐประหารสำเร็จโดยปราศจากการนองเลือด และต่อมา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) Shaikh Hamad Bin Khalifa Al – Thani พระโอรส ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นมกุฎราชกุมารของกาตาร์ ก็ได้ยึดอำนาจการปกครองและตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองรัฐองค์ใหม่
การเมือง
แก้ระบบการเมืองของกาตาร์เป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่มีประมุขของกาตาร์เป็นประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ภายใต้การลงประชามติรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 2003 กลายเป็นระบอบรัฐธรรมนูญ และในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 Emir Hamad bin Khalifa Al Thani ประกาศให้มีการเลือกตั้งสภาที่ปรึกษาแห่งกาตาร์เป็นครั้งแรก โดยมีแผนจะเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2013 แต่ภายหลังเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด[30]
การแบ่งเขตการปกครอง
แก้นับตั้งแต่ ค.ศ. 2014 กาตาร์ถูกแบ่งออกเป็น 8 เทศบาล (บะละดียะฮ์)[31]
ในด้านสถิติ เทศบาลแบ่งออกเป็น 98 เขต (ใน ค.ศ. 2015)[32] ซึ่งแบ่งออกเป็นแขวงและบล็อก[33]
อดีตเทศบาล
แก้- อัลญุมัยลียะฮ์ (จนถึง ค.ศ. 2004)[34]
- อัลฆุวัยรียะฮ์ (จนถึง ค.ศ. 2004)[34]
- ญะเราะยานุลบาฏินะฮ์ (จนถึง ค.ศ. 2004)[34]
- มิซัยอีด (จนถึง ค.ศ. 2006)[35]
ภูมิศาสตร์
แก้กาตาร์มีภูมิประเทศแบบแหลมที่ยื่นออกไปในอ่าวเปอร์เซีย เรียกกันว่า ไข่มุกแห่งเปอร์เซีย ด้านทิศตะวันออก ทิศเหนือ และทิศตะวันตก ล้อมรอบด้วยทะเล ด้านทิศใต้ ติดประเทศซาอุดีอาระเบีย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย อยู่ระหว่างเส้นรุ้ง 24 °และ 27 ° N, และลองจิจูด 50 °และ 52 °E จุดที่สูงที่สุดในกาตาร์เป็น Qurayn Abu al Bawl สูง 103 เมตร (338 ฟุต)[36] ใน Jebel Dukhan ทางทิศตะวันตก
ภูมิอากาศ
แก้ข้อมูลภูมิอากาศของประเทศกาตาร์ | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 22 (72) |
23 (73) |
27 (81) |
33 (91) |
39 (102) |
42 (108) |
42 (108) |
42 (108) |
39 (102) |
35 (95) |
30 (86) |
25 (77) |
33.3 (91.9) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 14 (57) |
15 (59) |
17 (63) |
21 (70) |
27 (81) |
29 (84) |
31 (88) |
31 (88) |
29 (84) |
25 (77) |
21 (70) |
16 (61) |
23 (73.4) |
หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) | 12.7 (0.5) |
17.8 (0.701) |
15.2 (0.598) |
7.6 (0.299) |
2.5 (0.098) |
0 (0) |
0 (0) |
0 (0) |
0 (0) |
0 (0) |
2.5 (0.098) |
12.7 (0.5) |
71 (2.795) |
แหล่งที่มา: http://us.worldweatheronline.com/doha-weather-averages/ad-dawhah/qa.aspx |
ข้อมูลภูมิอากาศทะเลในโดฮา | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | มกราคม | กุมภาพันธ์ | มีนาคม | เมษายน | พฤษภาคม | มิถุนายน | กรกฎาคม | สิงหาคม | กันยายน | ตุลาคม | พฤศจิกายน | ธันวาคม | ทั้งปี |
อุณหภูมิทะเลโดยเฉลี่ย °C (°F) | 21.0 (69.8) |
19.4 (66.9) |
20.9 (69.6) |
23.3 (73.9) |
27.8 (82) |
30.5 (86.9) |
32.4 (90.3) |
33.6 (92.5) |
32.8 (91) |
30.8 (87.4) |
27.5 (81.5) |
23.5 (74.3) |
26.9 (80.5) |
ข้อมูล:[37] |
เศรษฐกิจ
แก้- อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 3.64 ริยัล หรือประมาณ 9 บาท
- GDP ประมาณ 20.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2004)
- รายได้ต่อหัว 30,410 ดอลลาร์สหรัฐ (2003) สูงสุดในกลุ่มประเทศอาหรับ
- ผลิตน้ำมันได้วันละ 928,055 บาร์เรลต่อวัน (2003)
- ปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 15.2 พันล้านบาร์เรล (2003)
- ปริมาณแก๊สธรรมชาติสำรอง 509 ล้านล้านลูกบาศ์กฟุต (2003)
- ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ และทรัพยากรประมง
- สินค้าออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมัน ปุ๋ย เหล็ก ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
- สินค้าเข้าที่สำคัญ เชื้อเพลิง เครื่องจักร เครื่องยนต์ เคมีภัณฑ์ อาหารและเสื้อผ้า
- ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส เกาหลีใต้
การคมนาคม
แก้การคมนาคมหลักในกาตาร์คือถนน เนื่องจากราคาที่ถูกมากจากปิโตรเลียม ประเทศที่มีระบบถนนที่ทันสมัยด้วยการอัพเกรดมากมายเป็นผลในการตอบสนองต่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศ กับทางหลวงหลายกระบวนการอัพเกรดและทางด่วนใหม่ที่กำลังทำการก่อสร้าง เครือข่ายรถบัสขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อโดฮากับเมืองอื่น ๆ ในประเทศ และยังเป็นการคมนาคมหลักในกาตาร์อีกด้วย
ขณะนี้ยังไม่มีเครือข่ายทางรถไฟที่มีอยู่ในประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ลงสัญญารับจ้างสร้างทางรถไฟกับประเทศเยอรมนีแล้ว
ท่าอากศยานหลักของกาตาร์คือ ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา มีผู้โดยสารเกือบ 15,000,000 คน ใน ค.ศ. 2007
สิ่งก่อสร้าง
แก้มีสิ่งก่อสร้างมากมายในกรุงโดฮา สิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในในโดฮา คือ แอสไพร์ทาวเวอร์ สูง 300 เมตร
วัฒนธรรม
แก้วัฒนธรรมกาตาร์มีความคล้ายกับประเทศอื่น ๆ ในอาระเบียตะวันออก วันชาติกาตาร์ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอัตลักษณ์ของชาติ[38] โดยเป็นการรำลึกการครองราชย์ของกอซิม บิน มุฮัมมัด อัษษานีและการรวมชนเผ่าต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่ง[39][40]
ประชากร
แก้ปี | ประชากร | ±% |
---|---|---|
1950 | 25,000 | — |
1960 | 47,000 | +88.0% |
1970 | 110,000 | +134.0% |
1980 | 224,000 | +103.6% |
1990 | 476,000 | +112.5% |
2000 | 592,000 | +24.4% |
2010 | 1,856,000 | +213.5% |
2019 | 2,832,000 | +52.6% |
source:[41] |
ปัจจุบัน กาตาร์มีประชากรประมาณ 1.7 ล้านคน เชื้อชาติต่าง ๆ ในประเทศกาตาร์มีดังนี้: กาตาร์ 20%, อาหรับ 20%, อินเดีย 20%, ฟิลิปปินส์ 10%, เนปาล 13%, ปากีสถาน 7%, ศรีลังกา 5% และอื่น ๆ 5%[42]
ศาสนา
แก้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาหลักของกาตาร์และมีสถานะเป็นทางการ แม้ว่าจะไม่ใช่ศาสนาเดียวที่มีผู้ปฏิบัติในประเทศ[44] พลเมืองกาตาร์ส่วนใหญ่ร่วมในขบวนการมุสลิมซาลาฟีของลัทธิวะฮาบีย์[45][46][47] และระหว่าง 5–15% ของชาวมุสลิมในกาตาร์นับถือนิกายชีอะห์ สำหรับมุสลิมนิกายอื่น ๆ มีจำนวนน้อยมาก[48] ในปี 2553 ประชากรของกาตาร์เป็นมุสลิม 67.7%, คริสเตียน 13.8%, ฮินดู 13.8% และพุทธ 3.1% ที่เหลือเป็นผู้นับถือศาสนาอื่น ๆ และคนที่ไม่ระบุศาสนา คิดเป็น 1.6%[49] กฎหมายชารีอะห์เป็นแหล่งที่มาหลักของการออกกฎหมายกาตาร์ตามรัฐธรรมนูญของกาตาร์[50][51]
วิสัยทัศน์ของกระทรวงศาสนสมบัติและกิจการศาสนาอิสลาม (กาตาร์) คือ "การสร้างสังคมอิสลามร่วมสมัยควบคู่ไปกับการส่งเสริมชารีอะห์ และมรดกทางวัฒนธรรม"[52]
อ้างอิง
แก้- ↑ "The Constitution" (PDF). Government Communications Office. Government Communications Office. สืบค้นเมื่อ 31 August 2020.
- ↑ "Qatar". CIA World Factbook. Central Intelligence Agency. 8 February 2012. สืบค้นเมื่อ 4 March 2012.
- ↑ "Population By Religion, Gender And Municipality March 2020". Qatar Statistics Authority.
- ↑ "Qatar - The World Factbook". The CIA World Factbook. U.S. Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 24 September 2021.
- ↑ "Population structure". Ministry of Development Planning and Statistics. 31 January 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-06-26. สืบค้นเมื่อ 2021-10-01.
- ↑ "Populations". Qsa.gov.qa. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 July 2010. สืบค้นเมื่อ 2 October 2010.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 "World Economic Outlook Database, April 2018 – Report for Selected Countries and Subjects". International Monetary Fund (IMF). April 2018. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 May 2018.
- ↑ "GINI index". World Bank. สืบค้นเมื่อ 22 January 2013.
- ↑ Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN 978-92-1-126442-5. สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.
- ↑ "List of left- & right-driving countries – World Standards". สืบค้นเมื่อ 5 June 2017.
- ↑ Johnstone, T. M. (2008). "Encyclopaedia of Islam". Ķaṭar. Brill Online. สืบค้นเมื่อ 22 January 2013. (ต้องรับบริการ)
- ↑ "How do you say 'Qatar'? Senate hearing has the answer". Washington Post. 12 June 2014. สืบค้นเมื่อ 12 March 2015.
- ↑ BBC News, How democratic is the Middle East?, 9 September 2005.
- ↑ United States Department of State Country Reports on Human Rights Practices for 2011: Qatar, 2011.
- ↑ ""US State Dept's Country Political Profile – Qatar"" (PDF). 2009-2017.state.gov (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-02-04.
- ↑ Gardener, David. "Qatar shows how to manage a modern monarchy". Financial Times.
- ↑ "The World Factbook". CIA Factbook. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-07. สืบค้นเมื่อ 2021-10-22.
- ↑ "Population of Qatar by nationality in 2019". Priya DSouza Communications (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2019-08-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-25. สืบค้นเมื่อ 2021-08-19.
- ↑ "Has wealth made Qatar happy?". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2014-04-28. สืบค้นเมื่อ 2021-08-19.
- ↑ Suneson, Grant. "These are the 25 richest countries in the world". USA TODAY (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- ↑ "GDP per capita, PPP (current international $) | Data". data.worldbank.org.
- ↑ "GNI per capita, Atlas method (current US$) | Data". data.worldbank.org.
- ↑ "2019 Human Development Index Ranking | Human Development Reports". web.archive.org. 2020-04-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-04-30. สืบค้นเมื่อ 2021-08-19.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ "Where in the world do people emit the most CO2?". Our World in Data.
- ↑ "Qatar: 5-Year Prison Sentence Set for 'Fake News'". Human Rights Watch (ภาษาอังกฤษ). 2020-01-22.
- ↑ "Qatar: Freedom in the World 2020 Country Report". Freedom House (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Everything you need to know about human rights in Qatar 2020". Amnesty International (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Amir: 2022 World Cup Qatar a tournament for all Arabs". Gulf-Times (ภาษาอาหรับ). 2018-07-15.
- ↑ "Doha to host 2030 Asian Games as Riyadh gets 2034 edition - SportsPro Media". www.sportspromedia.com.
- ↑ Legislative elections in Qatar postponed until at least 2019 เก็บถาวร 2017-08-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Doha News, 17 June 2016
- ↑ "Qatar Municipalities". Qatar Ministry of Municipality and Environment. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-02-15. สืบค้นเมื่อ 8 August 2017.
- ↑ "2015 Population census" (PDF). Ministry of Development Planning and Statistics. April 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-07-17. สืบค้นเมื่อ 8 August 2017.
- ↑ "Population By Gender, Municipality And Zone, March 2004". General Secretariat for Development Planning. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 December 2006.
- ↑ 34.0 34.1 34.2 "Population By Gender, Municipality And Zone". Ministry of Development Planning and Statistics. March 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-12-18. สืบค้นเมื่อ 9 August 2017.
- ↑ "Law No. 12 of 2006 concerning the Cancelled Municipality of Mesaieed". almeezan.qa. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-09. สืบค้นเมื่อ 9 August 2017.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-12-24. สืบค้นเมื่อ 2012-05-07.
- ↑ "Doha Sea Temperature". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-08. สืบค้นเมื่อ 2021-10-22.
- ↑ Kamrava, Mehran (2013). Qatar: Small State, Big Politics. Cornell University Press. ISBN 978-0801452093.
- ↑ "Qatar National Day 2011". Time Out Doha. 29 November 2011. สืบค้นเมื่อ 12 March 2015.
- ↑ "Everything you need to know about Qatar National Day 2012". Doha News. 10 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 February 2015. สืบค้นเมื่อ 18 February 2015.
- ↑ "การประเมินประชากรโลก พ.ศ. 2560". ESA.UN.org (custom data acquired via website). United Nations Department of Economic and Social Affairs, Population Division. สืบค้นเมื่อ 10 September 2017.
- ↑ http://www.state.gov/r/pa/ei/bgn/5437.htm
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-30. สืบค้นเมื่อ 2012-05-07.
- ↑ "Report on International Religious Freedom – Qatar". US Department of State. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 August 2014.
The official state religion follows the conservative Wahhabi tradition of the Hanbali school of Islam
- ↑ "Tiny Qatar's growing global clout". BBC. 30 April 2011. สืบค้นเมื่อ 12 March 2015.
- ↑ "Qatar's modern future rubs up against conservative traditions". Reuters. 27 September 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-24. สืบค้นเมื่อ 2021-02-08.
- ↑ "Rising power Qatar stirs unease among some Mideast neighbors". Reuters. 12 February 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-02. สืบค้นเมื่อ 13 June 2013.
- ↑ "2011 Report on International Religious Freedom – Qatar". US Department of State.
- ↑ "Religious Composition by Country" (PDF). Global Religious Landscape. Pew Forum. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 9 มีนาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2013.
- ↑ "The Permanent Constitution of the State of Qatar". Government of Qatar. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 October 2014.
- ↑ "Constitution of Qatar".
According to Article 1: Qatar is an independent Arab country. Islam is its religion and Sharia law is the main source of its legislation.
อ่านเพิ่ม
แก้- Bianco, C. (2020a). The GCC monarchies: Perceptions of the Iranian threat amid shifting geopolitics. The International Spectator, 55(2), 92–107.
- Bianco, C. (2020b). A Gulf apart: How Europe can gain influence with the Gulf Cooperation Council. European Council on Foreign Relations, February 2020. Available at https://ecfr.eu/archive/page/-/a_gulf_apart_how_europe_can_gain_influence_with_gulf_cooperation_council.pdf.
- Bianco, C. (2021). Can Europe Choreograph a Saudi-Iranian Détente? European University Institute, Robert Schuman Center for Advanced Studies, Middle East Directions. Available at: https://cadmus.eui.eu/bitstream/handle/1814/70351/PB_2021_10-MED.pdf?sequence=1.
- Bianco, C., & Stansfield, G. (2018). The intra-GCC crises: Mapping GCC fragmentation after 2011. International Affairs, 94(3), 613–635.
- Miniaoui, Héla, ed. Economic Development in the Gulf Cooperation Council Countries: From Rentier States to Diversified Economies. Vol. 1. Springer Nature, 2020.
- Guzansky, Y., & Even, S. (2020). The economic crisis in the Gulf States: A challenge to the “contract” between rulers and ruled. INSS Insight No. 1327, June 1, 2020. Available at https://www.INSS.org.il/publication/gulf-states-economy/?offset=7&posts=201&outher=Yoel%20Guzansky.
- Guzansky, Y., & Marshall, Z. A. (2020). The Abraham accords: Immediate significance and long-term implications. Israel Journal of Foreign Affairs, 1–11.
- Guzansky, Y., & Segal, E. (2020). All in the family: Leadership changes in the Gulf. INSS Insight No. 1378, August 30, 2020. Available at: https://www.INSS.org.il/publication/gulf-royal-families/?offset=1&posts=201&outher=Yoel%20Guzansky
- Guzansky, Y., & Winter, O. (2020). Apolitical Normalization: A New Approach to Jews in Arab States. INSS Insight No. 1332, June 8, 2020. Available at: https://www.INSS.org.il/publication/judaism-in-the-arab-world/?offset=5&posts=201&outher=Yoel%20Guzansky.
- Tausch, Arno; Heshmati, Almas; Karoui, Hichem (2015). The political algebra of global value change. General models and implications for the Muslim world (1st ed.). New York: Nova Science. ISBN 978-1-62948-899-8. Available at: https://www.researchgate.net/publication/290349218_The_political_algebra_of_global_value_change_General_models_and_implications_for_the_Muslim_world
- Tausch, Arno (2021). The Future of the Gulf Region: Value Change and Global Cycles. Gulf Studies, Volume 2, edited by Prof. Mizanur Rahman, Qatar University (1st ed.). Cham, Switzerland: Springer. ISBN 978-3-030-78298-6.
- Woertz, Eckart. "Wither the self-sufficiency illusion? Food security in Arab Gulf States and the impact of COVID-19." Food Security 12.4 (2020): 757-760.
- Zweiri, Mahjoob, Md Mizanur Rahman, and Arwa Kamal, eds. The 2017 Gulf Crisis: An Interdisciplinary Approach. Vol. 3. Springer Nature, 2020.
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- Amiri Diwan (เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐบาล)
- Qatar. The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- ประเทศกาตาร์ แหล่งข้อมูลบนเครือข่ายเว็บจัดทำโดย GovPubs ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์
- ประเทศกาตาร์ ที่เว็บไซต์ Curlie
- Qatar จาก BBC News.
- Wikimedia Atlas of Qatar
- Key Development Forecasts for Qatar จาก International Futures.
- Legal Portal เก็บถาวร 2012-12-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน โดยกระทรวงยุติธรรม, รวมถึงราชกิจจานุเบกษา
- ประเทศกาตาร์ เก็บถาวร 2007-10-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ