ผู้ใช้:Phaisit16207/กระบะทราย 9

จักรวรรดิรัสเซีย

Российская Империя (รัสเซียสมัยใหม่)
Россійская Имперія (การสะกดก่อน ค.ศ. 1918)

Rossiyskaya Imperiya
ค.ศ. 1721–ค.ศ. 1917
คำขวัญ"Съ нами Богъ!"
S nami Bog![l 1] ("พระเจ้าทรงอยู่กับเรา!")
เพลงชาติ
"Гром победы, раздавайся!"
Grom pobedy, razdavaysia![l 2] (ค.ศ. 1791–1816)
("ขอสายฟ้าแห่งชัยชนะจงฟาดลงมา!") (ไม่เป็นทางการ)
"Коль славен наш Господь в Сионе"
Kol' slaven nash Gospod' v Sione[l 3] (ค.ศ. 1794–1816)
("พระเป็นเจ้าของเรารุ่งโรจน์เพียงใดในไซออน") (ไม่เป็นทางการ)
"Молитва русских"
Molitva russkikh[l 4] (ค.ศ. 1816–1833)
("คำภาวนาแห่งชาวรัสเซีย")
"Боже, Царя храни!"
Bozhe Tsarya khrani![l 5] (ค.ศ. 1833–1917)
("พระเจ้าทรงคุ้มครองซาร์!")
มหาลัญจกร (ค.ศ. 1882–1917):
     จักรวรรดิรัสเซียใน ค.ศ. 1914      ดินแดนที่ส่งมอบให้ประเทศอื่นก่อน ค.ศ. 1914      รัฐในอารักขาหรือดินแดนภายใต้การยึดครอง
     จักรวรรดิรัสเซียใน ค.ศ. 1914
     ดินแดนที่ส่งมอบให้ประเทศอื่นก่อน ค.ศ. 1914
     รัฐในอารักขาหรือดินแดนภายใต้การยึดครอง
เมืองหลวงเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก
(ค.ศ. 1721–1728; ค.ศ. 1730–1917)
มอสโก
(ค.ศ. 1728–1730)[ต้องการอ้างอิง]
เมืองใหญ่สุดเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก
ภาษาราชการรัสเซีย
โปแลนด์ เยอรมัน (ในเขตผู้ว่าการบอลติก) ฟินแลนด์และสวีเดน
ศาสนา
โดยส่วนใหญ่:
อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ 71.10%
โดยส่วนน้อย:
อิสลาม 11.07%
คาทอลิก 9.16%
ยูดาห์ 4.16%
โปรเตสแตนต์ 3.00%
อัครทูตอาร์มีเนีย 0.94%
อื่น ๆ 0.56%
เดมะนิมชาวรัสเซีย
การปกครองรัฐเดี่ยวภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
(ค.ศ. 1721–1906)
รัฐเดี่ยวภายใต้ระบอบราชาธิปไตยกึ่งภายใต้รัฐธรรมนูญในระบบรัฐสภา[1]
(ค.ศ. 1906–1917)
จักรพรรดิ 
• ค.ศ. 1721–1725 (พระองค์แรก)
จักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1
• ค.ศ. 1894–1917 (พระองค์สุดท้าย)
จักรพรรดินิโคลัสที่ 2
 
• ค.ศ. 1810–1812 (คนแรก)
นีโคไล รูมียันเซฟ[a]
• ค.ศ. 1917 (คนสุดท้าย)
นีโคไล กอลลิตซิน[b]
สภานิติบัญญัติวุฒิสภาปกครอง[2]
สภาแห่งรัฐ
(ค.ศ. 1810–1917)
สภาดูมา
(ค.ศ. 1905–1917)
ประวัติศาสตร์ 
10 กันยายน ค.ศ. 1721
• สถาปนาจักรวรรดิ
2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1721
4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1722
26 ธันวาคม ค.ศ. 1825
3 มีนาคม ค.ศ. 1861
18 ตุลาคม ค.ศ. 1867
มกราคม ค.ศ. 1905 – กรกฎาคม ค.ศ. 1907
30 ตุลาคม ค.ศ. 1905
• บังคับใช้รัฐธรรมนูญ
6 พฤษภาคม ค.ศ. 1906
8–16 มีนาคม ค.ศ. 1917
14 กันยายน ค.ศ. 1917
พื้นที่
• รวม
22,800,000 ตารางกิโลเมตร (8,800,000 ตารางไมล์) (อันดับที่ 3[c])
ประชากร
• ค.ศ. 1914 ประมาณ
164,000,000 (อันดับที่ 3)
125,640,021
จีดีพี (อำนาจซื้อ) ค.ศ. 1900–1917 (ประมาณ)
• รวม
106.299 พันล้าน (อันดับที่ 6)
สกุลเงินรูเบิล
ก่อนหน้า
ถัดไป
อาณาจักรซาร์รัสเซีย
รัฐบาลชั่วคราวรัสเซีย

จักรวรรดิรัสเซีย[e] เป็นจักรวรรดิในประวัติศาสตร์ที่มีอาณาเขตกว้างขวางตั้งแต่ยูเรเชียจนถึงอเมริกาเหนือตั้งแต่ ค.ศ. 1721 โดยสืบทอดจากอาณาจักรซาร์รัสเซียหลังการทำสนธิสัญญานีสตาดซึ่งยุติมหาสงครามเหนือ จักรวรรดิรัสเซียดำรงอยู่จนกระทั่งสาธารณรัฐรัสเซียได้รับการประกาศจัดตั้งโดยรัฐบาลเฉพาะกาลซึ่งเข้ายึดอำนาจหลังการปฏิวัติในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1917[5][6] จักรวรรดิรัสเซียเป็นจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง จักรวรรดิรัสเซียได้แผ่ขยายดินแดนไปถึงสามทวีป ได้แก่ ทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือ แต่ในเรื่องของขนาดนั้น เป็นรองจากจักรวรรดิบริติชและจักรวรรดิมองโกลเท่านั้น การผงาดขึ้นของจักรวรรดิรัสเซียเกิดขึ้นพร้อมกับการเสื่อมอำนาจของมหาอำนาจข้างเคียงที่เป็นคู่แข่ง เช่น จักรวรรดิสวีเดน เครือจักรภพโปแลนด์–ลิทัวเนีย เปอร์เซีย จักรวรรดิออตโตมัน และจีนสมัยราชวงศ์ชิง

ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ดินแดนรัสเซียถูกปกครองโดยโบยาร์ ซึ่งเป็นชนชั้นขุนนาง ผู้ซึ่งเหนือกว่านั้นคือซาร์ ซึ่งในเวลาต่อมาจะกลายเป็นจักรพรรดิในอนาคต ซาร์อีวานที่ 3 (ค.ศ. 1462–1505) ได้วางรากฐานสำหรับจักรวรรดิที่จะปรากฏขึ้นในอนาคต พระองค์ทรงขยายดินแดนของรัสเซียออกไปเป็นสามเท่า ยุติการครอบงำของโกลเดนฮอร์ด ปรับปรุงเครมลินแห่งมอสโก และวางรากฐานของรัฐรัสเซีย ราชวงศ์โรมานอฟเป็นราชวงศ์ที่ปกครองจักรวรรดิรัสเซียตั้งแต่การก่อตั้งจักรวรรดิใน ค.ศ. 1721 จนถึง ค.ศ. 1762 ราชวงศ์ฮ็อลชไตน์-ก็อทตาร์ฟ-โรมานอฟ ซึ่งเป็นสาขาฝั่งมารดาของเชื้อสายเยอรมันที่สืบทอดทางบิดา ปกครองจักรวรรดิรัสเซียตั้งแต่ ค.ศ. 1762 จนถึงการสิ้นสุดของจักรวรรดิรัสเซีย ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิรัสเซียมีอาณาเขตที่กว้างขวาง จากมหาสมุทรอาร์กติกทางตอนเหนือ จรดทะเลดำทางตอนใต้ และจากทะเลบอลติกทางทิศตะวันตก จรดอะแลสกาและแคลิฟอร์เนียในทวีปอเมริกาเหนือ ทางทิศตะวันออก[7]

ตามการสำมะโนครัวประชากรใน ค.ศ. 1897 จักรวรรดินี้มีประชากรอยู่ที่ 125.6 ล้านคน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกในยุคนั้น รองลงมาจากจีนสมัยราชวงศ์ชิงและอินเดีย เช่นเดียวกับจักรวรรดิอื่น ๆ จักรวรรดิรัสเซียมีความหลายทางด้านเศรษฐกิจ ชาติพันธุ์ ภาษา และศาสนาเป็นอย่างมาก จักรวรรดิรัสเซียมีเศรษฐกิจที่มาจากการทำเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ โดยตั้งอยู่บนที่ดินขนาดใหญ่ ซึ่งชาวนารัสเซียต้องทำงานอย่างไม่ได้ก่อเกิดผลอะไร ซึ่งรู้จักกันดีในฐานะ "ทาสติดที่ดิน" ผู้ที่ถูกผูกมัดอยู่กับดินแดนภายใต้การจัดการของระบบศักดินา ทาสติดที่ดินนั้นได้รับอิสรภาพใน ค.ศ. 1861 แต่ชนชั้นสูงที่เป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวยังคงควบคุมที่ดินอยู่ เศรษฐกิจนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจทางด้านอุตสาหกรรม โดยได้รับความช่วยเหลือจากการลงทุนจากต่างประเทศ ในเรื่องการรถไฟและโรงงาน องค์ประกอบที่ไม่ลงรอยหลายประการทำเกิดการก่อกบฎและการลอบสังหารในหลายศตวรรษที่ผ่านมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ตำรวจลับของจักรวรรดิรัสเซียได้จับตาผู้ที่เห็นต่างอย่างใกล้ชิด และหลายพันคนถูกเนรเทศไปยังไซบีเรีย

จักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 (ค.ศ. 1682–1725) ทรงต่อสู้อยู่ในสงครามอยู่หลายครั้ง และขยายอาณาเขตของจักรวรรดิที่กว้างขว้างอยู่แล้ว ให้เป็นมหาอำนาจในยุโรปที่สำคัญ พระองค์ทรงย้ายเมืองหลวงจากมอสโก ไปยังเมืองจำลองแห่งเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก ซึ่งตัวเมืองส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นตามรูปแบบตะวันตก He led a cultural revolution that replaced some of the traditionalist and medieval social and political mores with a modern, scientific, Western-oriented, and rationalist system. Empress Catherine the Great (1762–1796) presided over a golden age; she expanded the state by conquest, colonization, and diplomacy, while continuing Peter I's policy of modernization along Western European lines. Tsar Alexander I (1801-1825) played a major role in defeating Napoleon's ambitions to control Europe, as well as constituting the Holy Alliance of conservative monarchies. Russia further expanded to the west, south, and east, becoming one of the most powerful European empires of the time. Its victories in the Russo-Turkish Wars were checked by defeat in the Crimean War (1853-1856), which led to a period of reform and intensified expansion in Central Asia.[8] Emperor Alexander II (1855–1881) initiated numerous reforms, most dramatically the emancipation of all 23 million serfs in 1861. His policy in Eastern Europe officially involved the protection of Eastern Orthodox Christians within the Ottoman Empire. This was one factor leading to Russia's entry into World War I in 1914, on the side of the Allied powers against the Central Powers.

The Russian Empire functioned as an absolute monarchy on the ideological doctrine of Orthodoxy, Autocracy, and Nationality until the Revolution of 1905, when a nominal semi-constitutional monarchy was established. It functioned poorly during World War I, leading to the February Revolution and the abdication of Tsar Nicholas II, after which the monarchy was abolished. In the October Revolution, the Bolsheviks seized power, leading to the Russian Civil War. The Bolsheviks executed the imperial family in 1918 and established the Soviet Union in 1922 after emerging victorious from the civil war.

ประวัติศาสตร์

แก้
ธงแห่งจักรวรรดิรัสเซียในวาระแห่งการเฉลิมฉลอง ตั้งแต่ปี 1858 ถึง 1883.[9][10][11][12][13] อย่างไรก็ตาม ธงนี้ก็ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับธงชาติรัสเซียแถบสีขาว-น้ำเงิน-แดง
ธงประจำพระอิสริยยศสมเด็จพระจักรพรรดิ ใช้รว่างปี ค.ศ. 1858 - 1917

แม้ว่าซาร์ปีเตอร์ที่ 1 จะไม่ได้ก่อตั้งจักรวรรดิรัสเซียอย่างเป็นทางการ จนกระทั่งหลังเกิดสนธิสัญญานีสตาด (ค.ศ. 1721) โดยนักประวัติศาสตร์บางคนได้โต้แย้งว่าซาร์อีวานที่ 3 แห่งรัสเซียได้พิชิตเวลีคีนอฟโกรอด ใน ค.ศ. 1478[ต้องการอ้างอิง] จากมุมมองอื่นนั้น คำว่าอาณาจักรซาร์ ซึ่งเป็นคำที่ถูกใช้หลังจากการราชาภิเษกของซาร์อีวานที่ 4 ใน ค.ศ. 1547 ก็เป็นคำในภาษารัสเซียร่วมสมัยสำหรับความหมายคำว่า "จักรวรรดิ" แล้ว[ต้องการอ้างอิง]

Population

แก้

Much of Russia's expansion occurred in the 17th century, culminating in the first Russian colonization of the Pacific, the Russo-Polish War (1654–67), which led to the incorporation of left-bank Ukraine, and the Russian conquest of Siberia. Poland was divided in the 1790–1815 era, with much of its land and population being taken under Russian rule. Most of the empire's growth in the 19th-century came from gaining territory in central and eastern Asia south of Siberia.[14] By 1795, after the Partitions of Poland, Russia became the most populous state in Europe, ahead of France.

Year Population of Russia (millions)[15][16] Notes
1720 15.5 includes new Baltic & Polish territories
1795 37.6 includes part of Poland
1812 42.8 includes Finland
1816 73.0 includes Congress Poland, Bessarabia
1897 125.6 Russian Empire Census[f]
1914 164.0 includes new Asian territories

Eighteenth century

แก้

Peter the Great (1672–1725)

แก้
 
Peter the Great officially renamed the Tsardom of Russia as the Russian Empire in 1721 and became its first emperor. He instituted sweeping reforms and oversaw the transformation of Russia into a major European power. (Painting made after 1717.)

Peter I (1672–1725)—also referred to as Peter the Great—played a major role in introducing the European state system into the Russian Empire. While the empire's vast lands had a population of 14 million, grain yields trailed behind those in the West.[17] Nearly the entire population was devoted to agriculture, with only a small percentage living in towns. The class of kholops, whose status was close to that of slaves, remained a major institution in Russia until 1723, when Peter converted household kholops into house serfs, thus counting them for poll taxation. Russian agricultural kholops had been formally converted into serfs earlier in 1679. They were largely tied to the land, in a feudal sense, until the late nineteenth century.

Peter's first military efforts were directed against the Ottoman Turks. His attention then turned to the north. Russia lacked a secure northern seaport, except at Archangel on the White Sea, where the harbor was frozen for nine months a year. Access to the Baltic Sea was blocked by Sweden, whose territory enclosed it on three sides. Peter's ambitions for a "window to the sea" led him, in 1699, to make a secret alliance with Saxony, the Polish–Lithuanian Commonwealth, and Denmark against Sweden; they conducted the Great Northern War, which ended in 1721 when an exhausted Sweden asked for peace with Russia.

As a result, Peter acquired four provinces situated south and east of the Gulf of Finland, securing access to the sea. There he built Russia's new capital, Saint Petersburg, on the Neva River, to replace Moscow, which had long been Russia's cultural center. This relocation expressed his intent to adopt European elements for his empire. Many of the government and other major buildings were designed under Italianate influence. In 1722, he turned his aspirations toward increasing Russian influence in the Caucasus and the Caspian Sea at the expense of the weakened Safavid Persians. He made Astrakhan the centre of military efforts against Persia, and waged the first full-scale war against them in 1722–23.[18] Peter the Great temporarily annexed several areas of Iran to Russia, which after the death of Peter were returned in the 1732 Treaty of Resht and 1735 Treaty of Ganja as a deal to oppose the Ottomans.[19]

Peter reorganized his government based on the latest political models of the time, molding Russia into an absolutist state. He replaced the old boyar Duma (council of nobles) with a nine-member Senate, in effect a supreme council of state. The countryside was divided into new provinces and districts. Peter told the Senate that its mission was to collect taxes, and tax revenues tripled over the course of his reign. Meanwhile, all vestiges of local self-government were removed. Peter continued and intensified his predecessors' requirement of state service from all nobles, in the Table of Ranks.

As part of Peter's reorganisation, he also enacted a church reform. The Russian Orthodox Church was partially incorporated into the country's administrative structure, in effect making it a tool of the state. Peter abolished the patriarchate and replaced it with a collective body, the Holy Synod, which was led by a government official.[20]

Peter died in 1725, leaving an unsettled succession. After a short reign by his widow, Catherine I, the crown passed to empress Anna. She slowed the reforms and led a successful war against the Ottoman Empire. This resulted in a significant weakening of the Crimean Khanate, an Ottoman vassal and long-term Russian adversary.

The discontent over the dominant positions of Baltic Germans in Russian politics resulted in Peter I's daughter Elizabeth being put on the Russian throne. Elizabeth supported the arts, architecture, and the sciences (for example, the founding of Moscow University). But she did not carry out significant structural reforms. Her reign, which lasted nearly 20 years, is also known for Russia's involvement in the Seven Years' War, where it was successful militarily, but gained little politically.[21]

Catherine the Great (1762–1796)

แก้
 
Empress Catherine the Great, who reigned from 1762 to 1796, continued the empire's expansion and modernization. Considering herself an enlightened absolutist, she played a key role in the Russian Enlightenment. (Painted in the 1780s.)

Catherine the Great was a German princess who married Peter III, the German heir to the Russian crown. After the death of Empress Elizabeth, Catherine came to power after she effected a coup d'état against her unpopular husband. She contributed to the resurgence of the Russian nobility that began after the death of Peter the Great, abolishing State service and granting them control of most state functions in the provinces. She also removed the tax on beards instituted by Peter the Great.[22]

Catherine extended Russian political control over the lands of the Polish–Lithuanian Commonwealth, supporting the Targowica Confederation. However, the cost of these campaigns further burdened the already oppressive social system, under which serfs were required to spend almost all of their time laboring on their owners' land. A major peasant uprising took place in 1773, after Catherine legalised the selling of serfs separate from land. Inspired by a Cossack named Yemelyan Pugachev and proclaiming "Hang all the landlords!", the rebels threatened to take Moscow before they were ruthlessly suppressed. Instead of imposing the traditional punishment of drawing and quartering, Catherine issued secret instructions that the executioners should execute death sentences quickly and with minimal suffering, as part of her effort to introduce compassion into the law.[23] She furthered these efforts by ordering the public trial of Darya Nikolayevna Saltykova, a high-ranking nobleman, on charges of torturing and murdering serfs. Whilst these gestures garnered Catherine much positive attention from Europe during the Enlightenment, the specter of revolution and disorder continued to haunt her and her successors. Indeed, her son Paul introduced a number of increasingly erratic decrees in his short reign aimed directly against the spread of French culture in response to their revolution.

In order to ensure the continued support of the nobility, which was essential to her reign, Catherine was obliged to strengthen their authority and power at the expense of the serfs and other lower classes. Nevertheless, Catherine realized that serfdom must eventually be ended, going so far in her Nakaz ("Instruction") to say that serfs were "just as good as we are" – a comment received with disgust by the nobility. Catherine advanced Russia's southern and western frontiers, successfully waging war against the Ottoman Empire for territory near the Black Sea, and incorporating territories of the Polish–Lithuanian Commonwealth during the Partitions of Poland, alongside Austria and Prussia. As part of the Treaty of Georgievsk, signed with the Georgian Kingdom of Kartli-Kakheti, and her own political aspirations, Catherine waged a new war against Persia in 1796 after they had invaded eastern Georgia. Upon achieving victory, she established Russian rule over it and expelled the newly established Persian garrisons in the Caucasus.

By the time of her death in 1796, Catherine's expansionist policy had caused Russia to develop into a major European power.[24] This trend continued with Alexander I's wresting of Finland from the weakened kingdom of Sweden in 1809, and of Bessarabia from the Principality of Moldavia, ceded by the Ottomans in 1812.

หมายเหตุ

แก้

ทั่วไป

แก้
  1. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการรัฐมนตรี
  2. ในฐานะนายกรัฐมนตรี
  3. ดูรายชื่อจักรวรรดิที่มีพื้นที่มากที่สุด]]
  4. ตัวสะกดก่อนการปฏิรูป (ก่อน ค.ศ. 1917)
  5. อังกฤษ: Russian Empire; รัสเซีย: Россійская Имперія[d], Российская империя, อักษรโรมัน: Rossiyskaya Imperiya, สัทอักษรสากล: [rɐˈsʲij.skə.jə ɪmˈpʲe.rʲɪ.jə] (  ฟังเสียง)
  6. First and only census carried out in the Russian Empire.

ภาษา

แก้
  1. ซนามิโบ!
  2. กรอมโพเบดี ราซดาวายเซีย!
  3. คอยสลาเวน นาชกอสปอด วซีออน
  4. โมลิทวารุสคิดฮ์
  5. โบเช ซาร์ยาครานี!

อ้างอิง

แก้
  1. Williams, Beryl (1994-12-01). "The concept of the first Duma: Russia 1905–1906". Parliaments, Estates and Representation. 14 (2): 149–158. doi:10.1080/02606755.1994.9525857.
  2. "The Sovereign Emperor exercises legislative power in conjunction with the State Council and State Duma". Fundamental Laws, "Chapter One On the Essence of Supreme Sovereign Power Article 7." เก็บถาวร 8 มิถุนายน 2019 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  3. Rein Taagepera (September 1997). "Expansion and Contraction Patterns of Large Polities: Context for Russia". International Studies Quarterly. 41 (3): 475–504. doi:10.1111/0020-8833.00053. JSTOR 2600793.
  4. Turchin, Peter; Adams, Jonathan M.; Hall, Thomas D. (ธันวาคม 2006). "East-West Orientation of Historical Empires". Journal of World-Systems Research. 12 (2): 223. ISSN 1076-156X. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 กันยายน 2016. สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2016.
  5. Geoffrey Swain (2014). Trotsky and the Russian Revolution. Routledge. p. 15. ISBN 9781317812784. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 กันยายน 2015. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2015. The first government to be formed after the February Revolution of 1917 had, with one exception, been composed of liberals.
  6. Alexander Rabinowitch (2008). The Bolsheviks in Power: The First Year of Soviet Rule in Petrograd. Indiana UP. p. 1. ISBN 978-0253220424. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 กันยายน 2015. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2015.
  7. In pictures: Russian Empire in colour photos เก็บถาวร 20 สิงหาคม 2018 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, BBC News Magazine, March 2012.
  8. "The Great Game, 1856-1907: Russo-British Relations in Central and East Asia | Reviews in History". reviews.history.ac.uk (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-10-08.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  9. Bonnell, p. 92
  10. Condee, p. 49
  11. Saunders, p. 129
  12. National Museum of Science and Technology (Canada). Material history review. Canada Science and Technology Museum, 2000, p46
  13. CRWflags.com. K. Ivanov argues, that Russia has changed her official flag in 1858
  14. Brian Catchpole, A Map History of Russia (1974) pp 8–31; Martin Gilbert, Atlas of Russian history (1993) pp 33–74.
  15. Brian Catchpole, A Map History of Russia (1974) p 25.
  16. "Первая всеобщая перепись населения Российской Империи 1897 г." [First general census of the population of the Russian Empire in 1897]. Demoscope Weekly (ภาษารัสเซีย). สืบค้นเมื่อ 26 March 2021.
  17. Pipes, Richard (1974). "Chapter 1: The Environment and its Consequences". Russia under the Old Regime. New York: Scribner. pp. 9–10. ISBN 9780684140414.
  18. Cracraft, James (2003). The Revolution of Peter the Great. Harvard University Press. ISBN 9780674011960.
  19. "BOUNDARIES ii. With Russia". iranicaonline.org (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2021-10-15.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  20. Lindsey Hughes, Russia in the Age of Peter the Great (1998)
  21. Philip Longworth and John Charlton, The Three Empresses: Catherine I, Anne and Elizabeth of Russia (1972).
  22. Isabel De Madariaga, Russia in the Age of Catherine the Great (Yale University Press, 1981)
  23. John T. Alexander, Autocratic politics in a national crisis: the Imperial Russian government and Pugachev's revolt, 1773–1775 (1969).
  24. Massie, Robert K. (2011). Catherine the Great: Portrait of a Woman. Random House. ISBN 9781588360441.