เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ (อังกฤษ: Hell’s Kitchen Thailand) เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทเรียลลิตีโชว์แข่งขันทำอาหารในครัวจริง เพื่อหาผู้ชนะมาเป็นหัวหน้าแผนกครัวในภัตตาคารจริง โดย บริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด ซื้อลิขสิทธิ์จากไอทีวีสตูดิโอส์ของสหราชอาณาจักร นำมาผลิตในรูปแบบของประเทศไทย ดำเนินรายการโดย เชฟป้อม - หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล, เชฟวิลแมน ลีออง, เชฟอ๊อฟ - ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ และเชฟเอียน - พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ทางช่อง 7HD
เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ | |
---|---|
ประเภท | เรียลลิตี, การทำอาหาร |
สร้างโดย | กอร์ดอน แรมซีย์ |
เค้าโครงจาก | เฮลล์คิทเช่น (เวอร์ชั่นสหราชอาณาจักร (ต้นฉบับ) เวอร์ชั่นสหรัฐ (รูปแบบหลัก)) |
ผู้กำกับศิลป์ | กฤตพร แย้มสุข |
กรรมการ | |
บรรยายโดย | ปิยะ วิมุกตายน |
ประเทศแหล่งกำเนิด | ประเทศไทย |
ภาษาต้นฉบับ | ภาษาไทย |
จำนวนฤดูกาล | 1 |
จำนวนตอน | 15 |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต | กิติกร เพ็ญโรจน์ |
สถานที่ถ่ายทำ | เดอะ สตูดิโอ พาร์ค อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ |
ผู้ลำดับภาพ | กิตติ ภิญโญ |
กล้อง | กล้องหลายตัว |
ความยาวตอน | 110 นาที |
บริษัทผู้ผลิต | บริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด |
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | ช่อง 7HD |
ออกอากาศ | 4 กุมภาพันธ์ 2567 – 19 พฤษภาคม 2567 |
รูปแบบรายการ
แก้เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ เป็นรายการเรียลลิตีแข่งขันทำอาหารที่ใช้รูปแบบการคัดออก (Elimination) อย่างต่อเนื่องเพื่อทดสอบความมุ่งมั่นในการทำอาหารในครัวจริงของผู้เข้าแข่งขันตลอดทั้งฤดูกาล โดยจากผู้เข้าแข่งขันจำนวน 16 คน จะเหลือผู้ชนะเพียง 1 คน ที่จะได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าแผนกครัว หรือ หัวหน้าเชฟ (Head Chef) ในภัตตาคารจริง โดยบริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตรายการแข่งขันทำอาหารที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยหลายรายการ เช่น เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย, มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์, ศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก, สุดยอดเชฟหักเหลี่ยมโหด และ ท็อปเชฟไทยแลนด์ ได้บรรลุข้อตกลงการซื้อลิขสิทธิ์กับไอทีวีสตูดิโอส์ เจ้าของลิขสิทธิ์รายการนี้จากสหราชอาณาจักร เพื่อนำมาผลิตในรูปแบบของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565[1]
เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ นั้น มีความแตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ในส่วนของหัวหน้าเชฟประจำรายการ เนื่องจากมีจำนวน 4 คน ที่สลับสับเปลี่ยนกันควบคุมครัวในช่วงบริการอาหารเย็นในแต่ละสัปดาห์[2] ทำให้ในทุก ๆ สัปดาห์ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำและเสิร์ฟอาหาร 4 ประเภท โดยจะสลับตามหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ ดังนี้
- อาหารตะวันตกดั้งเดิม (Classic Western Cuisine) ดูแลโดย วิลแมน ลีออง (เชฟวิลแมน)
- อาหารไทยร่วมสมัย (Contemporary Thai Cuisine) ดูแลโดย หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล (เชฟป้อม)
- อาหารตะวันตกสมัยใหม่ (Modern Western Cuisine) ดูแลโดย พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย (เชฟเอียน)
- อาหารเอเชียแนวผสมผสาน (Asian Twist) ดูแลโดย ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ (เชฟอ๊อฟ)
ส่วนรูปแบบการแข่งขันของ เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ ส่วนใหญ่ใช้รูปแบบของสหรัฐเป็นหลัก คือรับสมัครผู้เข้าแข่งขันจากทุกสาขาอาชีพ ที่มีประสบการณ์ในการทำอาหาร รวมถึงนักเรียนหลักสูตรการทำอาหาร และเชฟมืออาชีพ เข้าร่วมการแข่งขัน[3] และแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็น 2 ทีม คือ ทีมสีแดง สำหรับผู้หญิง และ ทีมสีน้ำเงิน สำหรับผู้ชาย โดยจะได้รับเสื้อยูนิฟอร์มเชฟที่มีแผงสีนั้น ๆ บนไหล่ และทุกคนจะอยู่ในทีมเดิมตลอดการแข่งขันส่วนใหญ่ แต่การย้ายทีมสามารถเกิดขึ้นได้ หากคณะหัวหน้าเชฟเห็นว่าความสามารถในการทำงานของทั้งสองทีมต่างกันมาก หรือจำนวนผู้เข้าแข่งขันในสัปดาห์นั้นของทั้งสองทีมต่างกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยการย้ายทีมในแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะหัวหน้าเชฟ
ภารกิจย่อย (Challenge)
แก้ในรอบภารกิจย่อย ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนหรือแต่ละทีมจะได้รับมอบหมายให้ทำอาหารตามโจทย์การแข่งขันของหัวหน้าเชฟในแต่ละสัปดาห์ในรูปแบบต่าง ๆ ภายในเวลาทำอาหารที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 45 นาที หลังจากหมดเวลา หัวหน้าเชฟจะทำการตัดสินอาหารของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน โดยมีระดับการให้คะแนนตั้งแต่ 0-3 คะแนน ต่อ 1 จาน โดยทีมหรือผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับคะแนนรวมสูงสุดจะเป็นผู้ชนะในรอบนี้ และได้รับรางวัล (กิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ภายนอกภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น และรางวัลอื่น ๆ ที่เป็นไปได้) ส่วนทีมหรือผู้เข้าแข่งขันที่แพ้ในรอบนี้จะถูกลงโทษ ซึ่งของรางวัลและบทลงโทษจะมีความแตกต่างกันในแต่ละสัปดาห์
บริการอาหารเย็น (Dinner service)
แก้ก่อนการแข่งขันให้บริการอาหารเย็น จะให้ผู้เข้าแข่งขันศึกษาเมนูจากตำราอาหารของหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ หลังจากนั้นจะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ประจำแต่ละแผนกครัว (อาหารเรียกน้ำย่อย, เนื้อสัตว์, อาหารทะเล, ซอส, ของตกแต่งหรือเครื่องเคียง และของหวาน) ในห้องครัว และมีเวลา 2 ชั่วโมงในการเตรียมอาหาร โดยประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม เพื่อให้ทั้งคุณภาพอาหารและการนำเสนอออกมาเป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงของภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น และพร้อมสำหรับการให้บริการอาหารเย็นให้กับลูกค้า 100 คน ที่จ่ายเงินมาจองโดยคาดหวังว่าจะได้รับประทานอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน
เมนูอาหารสำหรับการให้บริการอาหารเย็นนั้นจะเปลี่ยนแปลงโจทย์ในทุกสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ นอกจากนี้ ระหว่างการให้บริการ อาจให้ผู้เข้าแข่งขันทำอาหารตามโจทย์พิเศษ เช่น เสิร์ฟอาหารให้กับแขกรับเชิญพิเศษที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเชฟใกล้ครัว, ส่งผู้เข้าแข่งขัน 1 คนของทีมมาทำอาหารพิเศษใหลูกค้าที่ไม่รับประทานโปรตีนบางอย่างในอาหารจานหลัก, ออกไปนำเสนอเมนูให้ลูกค้าระหว่างให้บริการ หรือทำอาหารและตกแต่งจานที่โต๊ะลูกค้า เป็นต้น
หลังเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น (Hell's Kitchen Restaurant) แล้ว หัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะเรียกร้องให้คำสั่งซื้อทั้งหมดสำหรับแต่ละคอร์สในแต่ละโต๊ะต้องออกเสิร์ฟพร้อมกัน และจะส่งคำสั่งซื้อทั้งหมดกลับคืนหากมีการทำเมนูใดเมนูหนึ่งไม่ถูกต้อง เช่น ทำเมนูออกมาสุกเกินไปหรือดิบเกินไป หรือปรุงรสไม่ถูกต้อง แม้ว่าเขาอาจส่งคำสั่งซื้อที่ไม่สมบูรณ์เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันมารวมกัน ขณะที่ผู้เข้าแข่งขันถูกแบ่งออกเป็นสองทีม หัวหน้าเชฟจะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ช่วยเชฟสองคนที่เชื่อถือได้ โดยแต่ละคนจะคอยดูแลครัวแต่ละฝั่งด้วยมาตรฐานเดียวกัน และแจ้งเตือนหัวหน้าเชฟเมื่อพบปัญหาต่าง ๆ
เป้าหมายของหัวหน้าเชฟคือการเสิร์ฟอาหารเย็นให้เสร็จทุกครั้ง แต่หากการทำงานของทีมใดทีมหนึ่งหรือทั้งสองทีมเกิดปัญหาใหญ่ และไม่ผ่านมาตรฐานของภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น หัวหน้าเชฟจะสั่งปิดครัวก่อนเวลา และไล่ผู้เข้าแข่งขันออกจากครัวกลับไปยังห้องพักทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การบริหารอาหารเย็นของทีมนั้นสิ้นสุดลงในทันที (ซึ่งในกรณีนี้ลูกค้าที่ได้รับออเดอร์จากทีมที่ถูกปิดครัวจะได้รับประทานข้าวผัดกะเพราไข่ดาว หรืออาจเป็นเมนูอื่นทดแทน และได้รับเงินจองคืนเต็มจำนวน) นอกจากนี้หากมีผู้เข้าแข่งขันทำอาหารออกมาผิดพลาดหลาย ๆ ครั้ง หัวหน้าเชฟอาจไล่ผู้เข้าแข่งขันคนนั้น ๆ ออกจากครัวแบบรายบุคคล (โดยทั่วไปคือ 3 ครั้ง แต่ทั้งนี้ จำนวนครั้งอาจมีการเปลี่ยนแปลง หรือบางครั้งอาจไม่มีการไล่ออกจากครัวแบบรายบุคคลก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหัวหน้าเชฟแต่ละคน)
การคัดออก (Elimination)
แก้หลังจบการแข่งขันให้บริการอาหารเย็น (หลังปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น) สามารถแบ่งการตัดสินของหัวหน้าเชฟในแต่ละสัปดาห์ได้เป็น 3 กรณี ดังนี้
- หากไม่มีการปิดครัว หัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะรวบรวมผู้เข้าแข่งขันจากครัวฝั่งทีมสีนํ้าเงินไปครัวฝั่งทีมสีแดง และประกาศทีมที่ชนะและแพ้ในรอบบริการอาหารเย็นในสัปดาห์นั้น โดยประเมินจากความผิดพลาดระหว่างการทำอาหาร ซึ่งบางสัปดาห์หากทั้งสองทีมมีข้อผิดพลาดใกล้เคียงกัน อาจตัดสินให้เสมอกันก็ได้
- หากมีการปิดครัวเพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ทีมที่ไม่ถูกปิดครัวจะเป็นทีมที่ชนะในรอบบริการอาหารเย็นของสัปดาห์นั้น ๆ ไปโดยปริยาย
- หากปิดครัวทั้งคู่ ทั้งสองทีมจะแพ้ทั้งคู่ไปโดยปริยาย
ทีมที่แพ้จะต้องร่วมกันคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันอย่างน้อย 2 คนที่คิดว่าควรออกจากการแข่งขัน (กรณีเสมอจะคัดเพียง 1 คนของแต่ละทีม) หลังจากประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คณะหัวหน้าเชฟจะรวบรวมผู้เข้าแข่งขันในห้องรับประทานอาหาร โดยทีมที่ชนะจะนั่งรวมกันอยู่ทางฝั่งซ้ายมือของคณะหัวหน้าเชฟ ส่วนทีมที่แพ้จะยืนต่อหน้าคณะหัวหน้าเชฟ จากนั้นตัวแทนจากทีมที่แพ้จะเสนอชื่อผู้เข้าแข่งขันที่ควรออกจากการแข่งขันตามที่ได้ประชุมกันไว้ และหัวหน้าเชฟจะเรียกผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเสนอชื่อทั้งหมดออกมายืนด้านหน้า (หรือในบางครั้งหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ สามารถยกเลิกการเสนอชื่อ และ/หรือ เลือกผู้เข้าแข่งขันได้ด้วยตนเองได้ตามความเหมาะสม) และขอให้แต่ละคนอธิบายว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงควรอยู่ในรายการต่อไป หรืออธิบายหน้าที่ ความรับผิดชอบ และข้อผิดพลาดของตนในแผนกครัวที่มีข้อผิดพลาด หรืออาจจะถามผู้เข้าแข่งขันที่เป็นเพื่อนร่วมทีมเกี่ยวกับผู้ที่ควรถูกคัดออก
หลังจากผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเสนอชื่อตอบคำถามของหัวหน้าเชฟเสร็จสิ้นแล้ว หัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะตัดสินผู้เข้าแข่งขันให้ออกจากการแข่งขันอย่างน้อย 1 คนในแต่ละสัปดาห์ และในบางครั้งสามารถตัดสินผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ถูกเสนอชื่อให้ออกจากรายการได้ด้วย โดยผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกจะต้องคืนเสื้อยูนิฟอร์มของรายการ และเดินออกจากภัตตาคารผ่านโถงทางเดิน จากนั้นหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะส่งผู้เข้าแข่งขันที่เหลือกลับห้องพัก และเดินกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานของคณะหัวหน้าเชฟ เพื่อนำเสื้อยูนิฟอร์มของผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกไปแขวน จากนั้นรูปของผู้เข้าแข่งขันจะถูกเผา ในระหว่างฉากนี้จะมีเสียงพากย์ของหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ เป็นการอธิบายความคิดเห็นของเขาที่ใช้ในการคัดผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวออก
เมื่อการแข่งขันดำเนินมามากกว่าครึ่งฤดูกาล และเหลือผู้เข้าแข่งขันตามจำนวนที่คณะหัวหน้าเชฟต้องการ จะเข้าสู่รอบเสื้อดำ (Black Jacket Round) ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่จากทั้งสองทีม จะถูกรวมกันเป็นทีมเดียว และได้รับเสื้อยูนิฟอร์มสีดำ (Black Jacket) เพื่อแสดงว่าพวกเขาเป็นผู้เข้าแข่งขันกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ของฤดูกาลนั้น ๆ แล้วแข่งขันกันต่อจนกระทั่งเหลือผู้เข้าแข่งขัน 2 คนสุดท้ายที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการบริการครั้งสุดท้าย (Final service)
บริการครั้งสุดท้าย (Final service)
แก้ในตอนสุดท้ายของแต่ละฤดูกาล ผู้เข้าแข่งขัน 2 คนสุดท้ายจะถูกเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเชฟของทั้งสองทีม และจะมีอดีตผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกไปกลับมาเป็นลูกทีมอีกครั้ง โดยการเลือกอดีตผู้เข้าแข่งขันมาเป็นลูกทีมจะขึ้นอยู่กับผู้เข้าแข่งขันที่เป็นหัวหน้าเชฟเอง ซึ่งผู้ที่ได้คะแนนในรอบก่อนหน้ามากกว่าจะได้สิทธิ์เลือกลูกทีมก่อน และหัวหน้าเชฟจะมีหน้าที่คิดเมนูทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) อาหารจานหลัก (Main Course) และของหวาน (Dessert) รวมทั้งการวางแผนและแจกแจงหน้าที่การดูแลแต่ละแผนกครัว (Station) ในครัวของแต่ละทีมให้กับลูกทีมของตนเอง
ก่อนเปิดภัตตาคารในรอบนี้ คณะหัวหน้าเชฟจะมาตรวจสอบให้แน่ใจว่าเมนูทั้งหมดของทั้งสองทีมตรงตามมาตรฐานของภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น นอกจากนี้ พวกเขาและผู้ช่วยเชฟจะดูแลการบริการเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าแข่งขันที่เป็นหัวหน้าเชฟประจำทีมทั้ง 2 คน จะรักษามาตรฐานคุณภาพระดับสูงของภัตตาคารไว้ได้ แต่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันได้แสดงความสามารถในการควบคุมครัวอย่างเต็มที่ (ยกเว้นในบางกรณีที่ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับทีมอย่างเหมาะสม) และหากมีลูกค้าสั่งออเดอร์ควบทั้งสองทีม ทั้งสองทีมจะต้องรันออเดอร์ให้ครบตามจำนวนที่สั่ง และต้องนำออกไปบริการพร้อมกัน
หลังจากการบริการสิ้นสุดลง ลูกค้าที่เข้าร่วมรับประทานอาหารทั้ง 100 คน จะมีส่วนร่วมลงคะแนนให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 คน เพื่อให้คณะหัวหน้าเชฟใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาตัดสิน หลังจากพิจารณาแล้ว ภายในห้องทำงานของคณะหัวหน้าเชฟจะมีประตู 2 บานซึ่งทอดออกไปสู่ระเบียงเหนือห้องรับประทานอาหารของภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น คณะหัวหน้าเชฟจะให้ผู้เข้าแข่งขันที่เป็นหัวหน้าเชฟทั้ง 2 คนยืนหลังประตูคนละบาน โดยมีประตูบานเดียวที่จะสามารถเปิดออกไปได้ หลังจากคณะหัวหน้าเชฟบอกให้ทั้ง 2 คนหมุนลูกบิดประตูพร้อมกันแล้ว ผู้ที่เปิดประตูออกจะเป็นผู้ชนะเลิศประจำฤดูกาลนั้น ๆ ทันที ได้รับเงินรางวัลจำนวน 1,000,000 บาท และมีโอกาสร่วมงานกับภัตตาคารเครือเฮลล์คิทเช่นในประเทศไทย นอกจากนี้ ผู้ชนะเลิศจะแขวนภาพของตนเองร่วมกับผู้ชนะเลิศคนอื่น ๆ ซึ่งจะมองเห็นได้ที่ทางเข้าภัตตาคาร
หมายเหตุ: ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะมีแขกกิตติมศักดิ์มาร่วมรับประทานอาหารในภัตตาคารด้วย
- ฤดูกาลที่ 1 : ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
ผู้ดำเนินรายการ
แก้ผู้ดำเนินรายการ | ฤดูกาลที่ |
---|---|
1 | |
หัวหน้าเชฟ | |
หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล | หลัก |
วิลแมน ลีออง | หลัก |
ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ | หลัก |
พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย | หลัก |
ผู้ช่วยเชฟ | |
ทีมสีแดง | |
พฤกษ์ สัมพันธวรบุตร | หลัก |
ทีมสีน้ำเงิน | |
ธีรภัทร ตียาสุนทรานนท์ | หลัก |
ภาพรวมแต่ละฤดูกาล
แก้ฤดูกาลที่ | ช่วงเวลาออกอากาศ | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | จำนวนผู้เข้าแข่งขัน | จำนวนตอน | รางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศ |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 4 กุมภาพันธ์ 2567 – 19 พฤษภาคม 2567 | ภูเตโช กาญจนกิตติกูล (บิว) | ณัฐศิมาภรณ์ หลักไชย (เคอร์) | 16 | 15 | เงินรางวัล 1,000,000 บาท และทำงานในภัตตาคารเครือเฮลล์คิทเช่นในประเทศไทย |
ฤดูกาลที่ 1
แก้เฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ | |
---|---|
ฤดูกาลที่ 1 | |
กรรมการ | |
จำนวนผู้เข้าแข่งขัน | 16 |
ผู้ชนะเลิศ | ภูเตโช กาญจนกิตติกูล |
รองชนะเลิศ | ณัฐศิมาภรณ์ หลักไชย |
สถานที่แข่งขัน | เดอะ สตูดิโอ พาร์ค อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ |
ประเทศ | ประเทศไทย |
จำนวนตอน | 15 |
การออกอากาศ | |
เครือข่าย | ช่อง 7HD |
ออกอากาศ | 4 กุมภาพันธ์ 2567 – 19 พฤษภาคม 2567 |
ข้อมูลเพิ่มเติม | |
วันถ่ายทำ | 21 ธันวาคม 2566 – 26 มีนาคม 2567 |
ผู้ดำเนินรายการ
แก้- หัวหน้าเชฟ (พิธีกร)
- หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล (เชฟป้อม)
- วิลแมน ลีออง (เชฟวิลแมน)
- ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ (เชฟอ๊อฟ)
- พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย (เชฟเอียน)
- ผู้ช่วยเชฟ (ประจำทีม)
- พฤกษ์ สัมพันธวรบุตร (เชฟพฤกษ์) (ประจำทีมสีแดง)
- ธีรภัทร ตียาสุนทรานนท์ (เชฟอาร์) (ประจำทีมสีน้ำเงิน)
ผู้เข้าแข่งขัน
แก้ในฤดูกาลแรก มีผู้เข้าแข่งขัน 16 คน[2] ซึ่งในตอนแรกถูกแบ่งออกเป็นทีมสีน้ำเงินและสีแดงตามเพศ ดังต่อไปนี้
ชื่อ | อายุ | อาชีพ | ลำดับการแข่งขัน |
---|---|---|---|
ภูเตโช กาญจนกิตติกูล (บิว)[ก] | 37 | Chef Owner | ชนะเลิศ วันที่ 19 พฤษภาคม |
ณัฐศิมาภรณ์ หลักไชย (เคอร์) | 30 | Private Chef | รองชนะเลิศ วันที่ 19 พฤษภาคม |
ชภรภัช ดาภาชุติสรรค์ (จิ๊บ)[ข] | 40 | Executive Chef | ถูกคัดออกในรอบรองชนะเลิศ วันที่ 12 พฤษภาคม |
บุญยวีร์ ภาคย์วิศาล (ลูกจรรย์)[ค] | 22 | Creative Chef | |
นราดล ภู่เกษร (เบียร์) | 44 | Head Chef & Owner | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 12 วันที่ 5 พฤษภาคม |
ราชวัติ วิเชียรรัตน์ (เก่ง)[ง][จ][ฉ] | 42 | Chef Owner & Executive Chef | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 11 วันที่ 28 เมษายน |
อิทธิกร ตั้งวัฒนารัตน์ (มารวย) | 30 | Chef Owner & Executive Chef | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 10 วันที่ 21 เมษายน |
ภัทฐิชา เดชรุ่งเรือง (เฟน) | 33 | Chef Owner | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 8 วันที่ 31 มีนาคม |
กมเลศ ฤทธิ์เดชา (ใบตอง)[ช] | 32 | Chef Owner | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 7 วันที่ 24 มีนาคม |
นรี บุณยเกียรติ (แอ้ม)[ซ][ง] | 40 | Private Chef | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 6 วันที่ 17 มีนาคม |
จัมเปียโร่ ควอตาเรโร่ (เปียโร่) (Giampiero Quartararo) |
35 | Italian Head Chef | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 5 วันที่ 10 มีนาคม |
ปิยศักดิ์ กัติยะ (เจมส์) | 43 | F&B Executive Chef | ถูกคัดออกในรอบ "กำจัดตัวถ่วง" วันที่ 3 มีนาคม |
ฐิติพันธุ์ จงยิ่งเจริญ (พริกเผ็ช) | 28 | Chef & Food Stylist | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 4 วันที่ 25 กุมภาพันธ์ |
อรัญญา สาไทย (กบ) | 54 | อดีต Chef Owner | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 3 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ |
สุมาลี วิชัยสิทธิ์ (มาลี) | 45 | Sous Chef | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งที่ 2 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ |
ซัยยิดซูลกีฟลี ไซห์ฮามิ (ยิส) (Syedzulkiflee Saihami) |
34 | Chef Owner | ถูกคัดออกหลังบริการครั้งแรก วันที่ 4 กุมภาพันธ์ |
- ↑ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (ฤดูกาลที่ 5)
- ↑ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย One-On-One Battle (2023)
- ↑ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ จูเนียร์ มาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์
- ↑ 4.0 4.1 เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (ฤดูกาลที่ 8)
- ↑ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ ศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก (ฤดูกาลที่ 2)
- ↑ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย (ฤดูกาลที่ 9)
- ↑ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่นที่ 9
- ↑ เคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการ ศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก (ฤดูกาลที่ 1)
ความคืบหน้าของผู้เข้าแข่งขัน
แก้ในแต่ละสัปดาห์ สมาชิกในทีมคนหนึ่งของทีมที่แพ้จะถูกขอให้เสนอชื่อเพื่อนร่วมทีมจำนวนอย่างน้อย 2 คน (หรือบางครั้งหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ จะเป็นผู้เสนอชื่อให้เอง) และ 1 ในจำนวนนั้นจะถูกคัดออกโดยหัวหน้าเชฟที่ควบคุมครัวในสัปดาห์นั้น ๆ
อันดับ | ผู้เข้าแข่งขัน | ทีมเริ่มต้น | สลับทีม ครั้งแรก |
สลับทีม ครั้งที่ 2 |
สลับทีม ครั้งที่ 3 |
สลับทีม ครั้งที่ 4 |
เดี่ยว | รอบรอง ชนะเลิศ |
รอบชิง ชนะเลิศ | |||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ตอน 1 | ตอน 2 | ตอน 3 | ตอน 4 | ตอน 5 | ตอน 6 | ตอน 7 | ตอน 8 | ตอน 9 | ตอน 10 | ตอน 11 | ตอน 12 | ตอน 13 | ตอน 14 | ตอน 15 | ||||||
1 | บิว | ปิด | ชนะ | ยึด | ชนะ | ผ่าน | ชนะ | แพ้ | ปิด | เสมอ | เสนอ | ผ่าน | เสนอ | ผ่าน | ผ่าน | ชนะเลิศ | ||||
2 | เคอร์ | ปิด | เสนอ | เสนอ | ชนะ | เสนอ[ก] | แพ้ | ชนะ | ชนะ | เสมอ | เสนอ | เสนอ | เสนอ | เสนอ | ผ่าน | รองชนะเลิศ | ||||
3 | จิ๊บ | เสนอ | ปิด | ปิด | ชนะ | เสนอ[ก] | ชนะ | ชนะ | ชนะ | เสมอ | เสมอ | ผ่าน | ปิด | ผ่าน | ออก | |||||
4 | ลูกจรรย์ | ปิด | ปิด | ปิด | ชนะ | ผ่าน | ชนะ | แพ้ | ปิด | เสมอ | เสมอ | ผ่าน | ปิด | ผ่าน | ออก | |||||
5 | เบียร์ | ปิด | ชนะ | ยึด | ปิด | BoW | เสนอ | ชนะ | ชนะ | เสมอ | เสมอ | ผ่าน | เสนอ | ออก | ||||||
6 | เก่ง | ปิด | ชนะ | ยึด | ปิด | ผ่าน | แพ้ | ชนะ | ชนะ | เสมอ | เสมอ | ผ่าน | ออก | |||||||
7 | มารวย | ปิด | ชนะ | ยึด | เสนอ | ผ่าน | แพ้ | ชนะ | ชนะ | เสนอ | เสมอ | ออก | ||||||||
8 | เฟน | ปิด | ปิด | เสนอ | ชนะ | เสนอ[ก] | ชนะ | แพ้ | เสนอ | ออก | ||||||||||
9 | ใบตอง | ปิด | ปิด | ปิด | ชนะ | เสนอ[ก] | ชนะ | เสนอ | ออก | |||||||||||
10 | แอ้ม | ปิด | ปิด | ปิด | ชนะ | BoB | ชนะ | ออก | ||||||||||||
11 | เปียโร่ | ปิด | ชนะ | ยึด | เสนอ | เสนอ[ก] | ออก | |||||||||||||
12 | เจมส์ | ปิด | ชนะ | ยึด | เสนอ | ออก[ข] | ||||||||||||||
13 | พริกเผ็ช | เสนอ | ชนะ | ยึด | ออก | |||||||||||||||
14 | กบ | ปิด | เสนอ | ออก | ||||||||||||||||
15 | มาลี | เสนอ | ออก | |||||||||||||||||
16 | ยิส | ออก |
|
|
- หมายเหตุ
รายชื่อตอน
แก้ตอนที่ 1: เปิดครัวนรกครั้งแรกกับ Head Chef ครั้งแรกของเชฟวิลแมน
แก้ออกอากาศ 4 กุมภาพันธ์ 2567
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 16 คน เดินทางด้วยรถตู้ (Mercedes-Benz Sprinter 419 Passenger Van Standard) ที่รายการเตรียมไว้ เมื่อมาถึงหน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น พวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยพรมแดงและเครื่องดื่มต้อนรับ จากนั้นผู้ช่วยเชฟทั้ง 2 คน (เชฟพฤกษ์ กับ เชฟอาร์ มาในรถ ปอร์เช่ 911 3.0 CARRERA 4S CABRIO) และหัวหน้าเชฟทั้ง 4 คน (เชฟเอียน มาใน Ferrari 458 Italia, เชฟป้อม มาใน Aston Martin DB9, เชฟอ๊อฟ มาใน Jeep Wrangler Rubicorn และ เชฟวิลแมน มาใน Bentley Flying Spur) ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่นตามลำดับ ก่อนลงมาแนะนำรูปแบบรายการให้ผู้เข้าแข่งขัน รวมถึงแนะนำของรางวัลว่าผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท และได้รับโอกาสในการปฏิบัติงานจริงในภัตตาคารเครือเฮลล์คิทเช่นที่จะเปิดสาขาแรกในประเทศไทย จากนั้นเชฟอ๊อฟจึงให้ผู้เข้าแข่งขันเข้าไปในครัวและหยิบผ้ากันเปื้อนของแต่ละคนมาใส่เพื่อเริ่มการแข่งขัน
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมต้องส่งตัวแทนเพื่อดวลกันตัวต่อตัวในแต่ละโจทย์อาหาร เพื่อให้หัวหน้าเชฟในแต่ละโจทย์อาหารทั้ง 4 คน ทำการตัดสิน โดยมีเวลา 45 ในการทำอาหาร โดยหัวหน้าเชฟมีคะแนนสูงสุด 3 คะแนน ต่อ 1 จานอาหาร
- เหตุการณ์ในระหว่างการแข่งขัน: เชฟป้อมเข้ามาดูทีมสีนํ้าเงิน พบว่าเจมส์ชิมอาหารในช้อนและนำไปกวนต่อในหม้อ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดหลักสุขอนามัย เชฟป้อมจึงพูดว่า "ใครจะกินขี้ปากคุณ" พร้อมสั่งให้เจมส์ทิ้งอาหารทั้งหมดในที่ล้างมือ และเมื่อหมดเวลาทำอาหารแล้ว ยิสพยายามจะจัดจานของตนให้เสร็จ แต่เชฟเอียนพูดว่า "บอกให้หยุด ยิสผมบอกว่าหยุดทำใช่ไหม เอาจานออกมาเลย" สุดท้าย การจับคู่และผลคะแนนดังนี้
คู่ที่ | โจทย์ | การแข่งขัน | |||
---|---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | ||||
ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน | |||
1 | อาหารตะวันตกดั้งเดิม | กบ | 3 | 1 | เปียโร่ |
2 | อาหารไทยร่วมสมัย | แอ้ม | 2 | 1 | พริกเผ็ช |
3 | อาหารเอเชียแนวผสมผสาน | เฟน | 2 | 3 | เบียร์ |
4 | อาหารตะวันตกสมัยใหม่ | ใบตอง | 1 | 2 | บิว |
5 | อาหารตะวันตกดั้งเดิม | เคอร์ | 2 | 2 | เก่ง |
6 | อาหารไทยร่วมสมัย | มาลี | 1 | 0[ก] | ยิส |
7 | อาหารเอเชียแนวผสมผสาน | จิ๊บ | 2 | 1 | เจมส์ |
8 | อาหารตะวันตกสมัยใหม่ | ลูกจรรย์ | 3 | 2 | มารวย |
รวม | ชนะ | 16 | 12 | แพ้ |
หมายเหตุ:
- ↑ ผู้เข้าแข่งขันเสิร์ฟอาหารลงจานไม่ทัน
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีแดง): ได้ร่วมดินเนอร์สุดหรูกับเชฟวิลแมน ที่ Octave Rooftop Lounge & Bar at Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit รวมถึงได้สอบถามเมนูที่จะเสิร์ฟให้ลูกค้าในรอบ บริการอาหารเย็น ทั้งหมด
- ทีมแพ้ (ทีมสีน้ำเงิน): ให้ทำความสะอาดครัวทั้งหมด และต้องศึกษาเมนูที่จะเสิร์ฟให้ลูกค้าในรอบบริการอาหารเย็นทั้งหมดด้วยตนเอง โดยไม่มีผู้สอน
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 1:
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | อาหารทะเล | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | แอ้ม, ใบตอง | กบ | ลูกจรรย์ | เฟน | จิ๊บ | เคอร์, มาลี |
ทีมสีน้ำเงิน | พริกเผ็ช, ยิส | เก่ง | บิว, เปียโร่ | เก่ง, บิว, เปียโร่ | เบียร์ | มารวย, เจมส์ | |
เมนู |
|
|
|
|
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น:
- แขก VIP ทีมสีแดง: หม่อมหลวงภาสันต์ สวัสดิวัตน์ นักชิมและกรรมการ และ ไดอาน่า จงจินตนาการ นักแสดงและพิธีกร จากรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย
- แขก VIP ทีมสีน้ำเงิน: แอนโทเนีย โพซิ้ว รองอันดับ 1 นางงามจักรวาล 2023 และ แอนนา เสืองามเอี่ยม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทั้งสองทีมมีปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดง ใบตองทำเห็ดโรยหน้าจานแซลมอนขม และจิ๊บทำสแกลลอปดิบ รวมถึงมาลีที่แกะปูผิดพลาดจนพบก้างปูในจานอาหารถึง 2 ครั้ง ส่วนทีมสีน้ำเงินพบก้างปูในจานอาหารจากความผิดพลาดในการแกะปูของยิส ทำให้พริกเผ็ชถูกเรียกไปตักเตือนถึง 2 ครั้ง และบิวทำอาหารจานหลักโดยที่เชฟวิลแมนยังไม่ได้เรียก นอกจากนี้เจมส์ยังทำของหวานไหม้ และเบียร์ทำสแกลลอปดิบ เชฟวิลแมนจึงสั่งให้ทั้งคู่กินของที่ตนทำผิดพลาดทั้งหมด ส่วนอาหารจานหลัก ทีมสีแดงก็ทำออกเสิร์ฟไม่ได้ เนื่องจากเฟนทำเบอร์เนสซอสเหลวและข้นเกินไป เชฟวิลแมนจึงสั่งให้เฟนกินซอส หลังจากนั้นเชฟวิลแมนพบก้างปูในจานอาหารเรียกน้ำย่อยของทีมสีแดงอีก 2 จาน ซึ่งมาลีเป็นผู้แกะปู เชฟวิลแมนจึงไล่มาลีออกจากครัวเป็นคนแรกของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ นอกจากนี้ยังตำหนิกบที่หั่นเนื้อเองโดยพลการ เนื่องจากเป็นหน้าที่ของหัวหน้าเชฟ (ในสัปดาห์ดังกล่าวคือเชฟวิลแมน) เท่านั้น ส่วนทีมสีน้ำเงิน เก่งทำเนื้อวัวออกมาได้ระดับความสุกที่ผิดจากที่ลูกค้าสั่งไว้ และพริกเผ็ชทำมันฝรั่งไม่สุก เชฟวิลแมนจึงสั่งให้พริกเผ็ชกินมันฝรั่ง ถือจานดังกล่าวแล้วไล่ออกจากครัวไปอีก 1 คน หลังจากนั้นเชฟวิลแมนพบข้อผิดพลาดเป็นจำนวนมากของทั้งสองทีม จึงสั่งปิดครัวทั้งสองทีม และไล่ผู้เข้าแข่งขันออกทั้งหมดในทันที
- ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: มาลี และ พริกเผ็ช
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น:
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 1: ถูกปิดครัวและแพ้ทั้งสองทีม
- การคัดออก (Elimination): ในห้องพัก ผู้ช่วยเชฟของทั้งสองทีมได้ไปบอกให้แต่ละทีมเลือกผู้เข้าแข่งขันทีมละ 2 คนที่ทำผิดพลาดมากที่สุดไปให้เชฟวิลแมนคัดออก หลังจากกลับมาที่ครัว เชฟวิลแมนได้ประกาศให้ทั้งสองทีมแพ้ทั้งคู่ และให้แต่ละทีมเสนอชื่อ 2 คนดังกล่าว โดยทีมสีน้ำเงิน เก่งได้เสนอชื่อยิสและพริกเผ็ช ส่วนทีมสีแดง ในตอนแรกแอ้มตั้งใจเสนอชื่อ 3 คนแต่เชฟวิลแมนไม่อนุญาต จึงประชุมกันใหม่แล้วเสนอชื่อจิ๊บและมาลี จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ถามทั้ง 4 คนถึงเหตุผลที่ตนต้องการอยู่ต่อ รวมถึงข้อผิดพลาดของแต่ละคน โดยฝั่งทีมสีแดง จิ๊บยอมรับว่าเสิร์ฟสแกลลอปดิบทำให้ทีมช้า ส่วนมาลีกล่าวว่าตนรับผิดชอบของหวาน แต่มาช่วยแกะปูเพื่อแบ่งเบาภาระให้แผนกอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟวิลแมนจึงถามความรับผิดชอบจากผู้รับผิดชอบแผนกดังกล่าวคือใบตองและแอ้ม โดยใบตองกล่าวว่าตนเป็น 1 ใน 3 ชื่อที่ทีมโหวตในครั้งแรก ส่วนแอ้มกล่าวว่า "ไม่อยากออกค่ะ" ซึ่งทำให้แอ้มถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้รับชมรายการ ในขณะที่ทีมสีน้ำเงิน ยิสสารภาพในภายหลังว่าแกะเนื้อปู แต่ยังยืนยันว่าให้พริกเผ็ชทำมันฝรั่ง พริกเผ็ชจึงกล่าวสวนทันทีว่าพวกตนทั้งคู่ทำมันฝรั่งด้วยกัน ทำให้เชฟวิลแมนตำหนิยิสว่าไม่ออกมาร่วมยอมรับผิด และปล่อยให้พริกเผ็ชรับผิดชอบเพียงคนเดียว ถือว่าไม่ยุติธรรมกับพริกเผ็ช ดังนั้น จึงให้จิ๊บ มาลี และพริกเผ็ช กลับไปรวมกับเพื่อนร่วมทีมตามลำดับ และตัดสินให้ยิสออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: ยิส พริกเผ็ช จิ๊บ และ มาลี
- ผู้ที่ถูกคัดออก: ยิส
- ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ทุกคน แต่ควรต้องออกมายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ถ้าให้คนอื่นรับหน้าแทน คุณก็ไม่มีวันพัฒนา"
ตอนที่ 2: Head Chef ครั้งแรกของเชฟเอียน
แก้ออกอากาศ 11 กุมภาพันธ์ 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมต้องทำอาหารตะวันตกสมัยใหม่คนละ 1 จาน โดยใช้เป็ดเป็นวัตถุดิบหลักภายในเวลา 45 นาที หลังจากหมดเวลาแล้ว หัวหน้าเชฟได้ให้ผู้ช่วยเชฟประจำทีมชิมอาหารของทุกคนในทีมนั้น ๆ และเลือก 3 จานที่ดีที่สุดมาให้หัวหน้าเชฟทำการชิมและตัดสิน โดยหัวหน้าเชฟมีคะแนนสูงสุดจานละ 3 คะแนนตามเดิม
คู่ที่ | การแข่งขัน | |||
---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | |||
ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน | ||
1 | ใบตอง | 1 | 2 | บิว |
2 | จิ๊บ | 3 | 3 | เก่ง |
3 | ลูกจรรย์ | 3 | 2 | เปียโร่ |
รวม | เสมอ | 7 | 7 | เสมอ |
เนื่องจากคะแนนเท่ากัน เชฟเอียนจึงตัดสินด้วยจานที่แย่ที่สุดของแต่ละทีม โดยเชฟอาร์ได้เลือกจานของเจมส์ ส่วนเชฟพฤกษ์ได้เลือกจานของมาลี และเชฟเอียนได้ตัดสินให้จานที่แย่ที่สุดเป็นของมาลี ส่งผลให้ทีมสีแดงพ่ายแพ้ในรอบนี้
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีน้ำเงิน): ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวไปพักผ่อนที่ริมชายหาด อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ทีมแพ้ (ทีมสีแดง): ให้ล้างห้องน้ำสกปรกทั้งหมด
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 2: ในตอนนี้ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องสลับตำแหน่งในแผนกครัวจากที่เคยทำในสัปดาห์ที่แล้ว ดังนี้
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) |
ผู้ช่วยเหลือ (Supporter) | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | อาหารทะเล | |||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | เคอร์, กบ | มาลี | แอ้ม | จิ๊บ | เฟน | ใบตอง, ลูกจรรย์ | — |
ทีมสีน้ำเงิน | เจมส์, เบียร์ | เปียโร่ | พริกเผ็ช | เปียโร่ | มารวย | บิว | เก่ง | |
เมนู |
|
|
|
— |
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟมาร์ติน บลูนอส เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย และ เชฟตุ๊กตา - สุพัตรา สารสิทธิ์ ผู้เข้าแข่งขันศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก (ฤดูกาลที่ 1)
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทั้งสองทีมมีปัญหาตั้งแต่อาหารจานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดง เฟนทำล็อบสเตอร์ดิบถึง 2 ครั้ง ส่วนมาลีทำเนื้อเป็ดออกมาผิดพลาดถึง 3 ครั้ง เชฟเอียนจึงไล่มาลีออกจากครัวเป็นครั้งที่ 2 กบ (ที่ทำงานในแผนกอาหารเรียกน้ำย่อย) จึงมาทำเนื้อแทน ส่วนทีมสีน้ำเงิน เปียโร่ทำเนื้อเป็ดออกมาผิดพลาดถึง 3 ครั้ง เชฟเอียนจึงไล่เปียโร่ออกจากครัวเช่นเดียวกัน บิว (ที่ทำงานในแผนกของหวาน) จึงมาทำเนื้อแทน ส่วนในอาหารจานหลัก ทั้งสองทีมยังมีปัญหาเหมือนเดิม โดยทีมสีแดง กบทำเนื้อวัวออกมาดิบ และสุกเกินไป หลังจากนั้น กบหยิบเนื้อเป็ดที่ดิบสำหรับออเดอร์แขก VIP ให้แก่เชฟเอียน เชฟเอียนจึงไล่กบออกจากครัวไปอีก 1 คน จิ๊บ (ที่ทำงานในแผนกซอส) จึงมาทำเนื้อแทน แต่ทว่า จิ๊บก็ทำเนื้อวัวออกมาสุกเกินไป ทำให้เชฟเอียนพาทีมสีแดงไปคุยกันเป็นการส่วนตัวภายในห้องเก็บวัตถุดิบ ในที่สุด เมื่อพวกเขามีปัญหากับการบริหารจัดการเวลาและการสื่อสารในการทำหอยเชลล์และเนื้อเป็ด ในขณะที่มีออเดอร์อีกหลายที่ที่ตกค้าง เชฟเอียนจึงสั่งปิดครัวทีมสีแดง และให้ทีมสีแดงไปประชุมเพื่อเสนอชื่อเชฟ 3 คนให้เชฟเอียนคัดออก ส่วนทีมสีน้ำเงิน เชฟเอียนตำหนิบิวที่ใช้เวลาทำเนื้อวัวและเนื้อแกะนานกว่าเวลาที่บอกจริง หลังจากนั้น บิวหยิบถาดเนื้อวัวที่เย็น (42 องศาเซลเซียส) ให้แก่เชฟเอียน เชฟเอียนจึงไล่บิวออกจากครัวไปอีก 1 คน เก่ง (ที่ทำงานเป็นผู้ช่วยเหลือ) และ มารวย (ที่ทำงานในแผนกอาหารทะเล) จึงมาทำเนื้อแทน แต่หลังจากนั้น ทีมสีน้ำเงินก็นำออเดอร์ที่เหลือบริการลูกค้าจนเสร็จสมบูรณ์โดยไม่มีอุปสรรคอย่างอื่น ทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกที่ชนะในรอบบริการอาหารเย็นของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์
- ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: มาลี เปียโร่ กบ และ บิว
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 2: ทีมสีแดงถูกปิดครัว ทีมสีน้ำเงินชนะ
- การคัดออก (Elimination): เฟนได้เสนอชื่อ กบ มาลี และเคอร์ โดยเหตุผลคือกบถูกไล่ออกจากครัว และโหวตตนเองออกแล้ว 2 ครั้ง ส่วนมาลีถูกไล่ออกจากครัวเป็นครั้งที่ 2 และเคอร์สื่อสารในครัวผิดพลาด โดยเพื่อนร่วมทีมหลายคนเห็นด้วย จากนั้นเชฟเอียนได้ถามเคอร์เกี่ยวกับเหตุผลที่เฟนระบุในกรณีของเคอร์ ซึ่งเคอร์เห็นว่าเหตุผลของเฟนไม่มากพอและไม่ถูกต้อง เพราะจานอาหารเรียกน้ำย่อยที่ถูกตีกลับทั้งหมดมาจากโปรตีนที่เฟนทำไม่สุกเพราะความไม่รอบคอบ แต่ตนออกมายืนเพราะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟเอียนจึงถามเฟนว่าส่งโปรตีนที่ไม่สุกให้เคอร์ได้อย่างไร เฟนตอบว่าตนใช้อุณหภูมิในการทำล็อบสเตอร์ตามสูตรอาหารของเชฟเอียน (71 องศาเซลเซียส) แล้วไม่เพียงพอ และต้องดัดแปลงสูตรเพราะไม่ได้ทำในอุณหภูมิห้องปกติ แต่เชฟเอียนไม่เห็นด้วย และมองว่าเฟนควรออกมายืนด้านหน้ามากกว่าเคอร์ จึงให้เคอร์กลับไปรวมกับเพื่อนร่วมทีม จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ถามกบและมาลีถึงเหตุผลที่ตนต้องการอยู่ต่อ แต่เมื่อถามว่าใครควรอยู่ต่อ ทั้งคู่ต้องการให้มาลีอยู่ต่อ เชฟเอียนจึงเรียกสติจากกบ จนในที่สุดกบบอกว่าจะขอสู้ต่อ สุดท้าย เชฟเอียนจึงสรุปว่า มาลีเป็นคนทำเนื้อตั้งแต่ต้นแล้วถูกไล่ออก และกบมาทำเนื้อแทนโดยไม่ใช่หน้าที่โดยตรง จึงตัดสินให้มาลีออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: กบ มาลี และ เคอร์
- ผู้ที่ถูกคัดออก: มาลี
- ความคิดเห็นของเชฟเอียน: "เหตุผลเดียวที่ผมเลือกมาลีออกจากครัว เพราะนี่คือการผิดพลาดซ้ำซาก หากผมเก็บตัวถ่วงอย่างมาลีไว้ ครัวอาจจะต้องถูกปิดอย่างแน่นอน"
ตอนที่ 3: Head Chef ครั้งแรกของเชฟอ๊อฟ
แก้ออกอากาศ 18 กุมภาพันธ์ 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในการแข่งขันครั้งนี้ จะมาในรูปแบบ Fast and Delicious ภายใต้โจทย์ อาหารเอเชียแนวผสมผสาน โดยกติกาก็คือ ผู้เข้าแข่งขัน จะต้องจับคู่กันเอง และดวลทำอาหารจากโจทย์ที่กำหนด ซึ่งมีทั้งหมด 4 อย่าง ตามวัตถุดิบที่เตรียมไว้ในกล่อง โดยจะมีเวลาในการทำอาหารในแต่ละโจทย์เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าทีมใดทีมหนึ่งวางจานอาหาร เสิร์ฟให้กรรมการถึงโต๊ะก่อน อีกทีมจะมีเวลาเพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น หากหมดเวลาก่อนถึงโต๊ะ จะถือว่าไม่ทันและไม่ได้คะแนนในโจทย์นั้นๆ ซึ่งคะแนนยังมีสูงสุด 3 คะแนนต่อ 1 จานเหมือนเดิม ซึ่งผลการจับคู่ และอาหาร มีดังนี้
คู่ที่ | เมนู | การแข่งขัน | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | ||||||
ผู้เข้าแข่งขัน 1 | ผู้เข้าแข่งขัน 2 | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน 1 | ผู้เข้าแข่งขัน 2 | |||
1 | หอยทอด เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม | แอ้ม | เฟน | 0 | 2 | มารวย | เบียร์ |
2 | ราดหน้าเนื้อเต้าซี่ | จิ๊บ | เคอร์ | 0[ก] | 0 | เจมส์ | บิว |
3 | ผักบุ้งไฟแดง | ใบตอง
|
กบ | 1 | 0[ข] | เปียโร่ | พริกเผ็ช |
4 | ยากิโซบะ | ลูกจรรย์
|
— | 1 | 1 | เก่ง | — |
รวม | แพ้ | 2 | 3 | ชนะ |
หมายเหตุ:
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีน้ำเงิน): ได้ขึ้นเรือยอร์ชส่วนตัวที่ท่าเรือโอเชี่ยน มารีน่า รีสอร์ท พัทยา จอมเทียน จังหวัดชลบุรี และพักผ่อนกลางอ่าวไทย
- ทีมแพ้ (ทีมสีแดง): ให้ทำสวน ตัดหญ้า และเช็ดกระจกทำความสะอาดหน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 3:
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | จิ๊บ, ลูกจรรย์ | เคอร์, กบ | เฟน | แอ้ม | ใบตอง |
ทีมสีน้ำเงิน | มารวย, เก่ง | บิว | เบียร์, เจมส์ | พริกเผ็ช | เปียโร่ | |
เมนู |
|
|
|
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟต้น - ธิติฎฐ์ ทัศนาขจร กรรมการตัดสินรายการท็อปเชฟไทยแลนด์ และภรรยา คุณเมย์ - จิรัฐฐา ค้ำพันธุ์
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทีมสีน้ำเงินมีปัญหาเล็กน้อยตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย จากการสื่อสารที่ไม่ดีในขณะจัดจานออเดอร์แรก หลังจากนั้นเก่งกับพริกเผ็ชก็บอกเวลาที่ห่างและไม่ตรงกัน ( 5 และ 2 นาที) จนทำให้เชฟอ๊อฟเข้ามาเตือน แต่หลังจากนั้น พวกเขาก็ไม่มีปัญหาอย่างอื่น ส่วนในอาหารจานหลักมีปัญหาทั้งสองทีม โดยทีมสีแดง เคอร์ทำเนื้อออกมาสุกเกินไป ในขณะที่กบถูกตำหนิที่เดินไปเดินมาอย่างไร้จุดหมายแทนที่จะรับผิดชอบการทำเนื้อ หลังจากนั้น เชฟอ๊อฟก็พบเศษพลาสติกที่ติดข้างใต้ของชิ้นปลา ซึ่งกบและเคอร์ไม่รู้ว่าเศษพลาสติกนั้นติดตัวปลามาได้อย่างไร แต่เคอร์ก็ยังทำเนื้อออกมาดิบและก็สุกเกินไป เชฟอ๊อฟจึงไล่เคอร์ออกจากครัว หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาที่ออเดอร์ของหวานเข้ามา ใบตองจัดจานชีสเค้กไม่ถูกต้องและใส่ไอซ์รอคน้อยเกินไปในจานขนมฟลาน ในขณะนั้นกบทำเนื้อออกมาไม่ได้มาตรฐาน และทำเนื้อหมูสุกเกินไป เชฟอ๊อฟจึงไล่กบออกจากครัวเป็นครั้งที่ 2 ไปอีก 1 คน เฟน (ที่ทำงานในแผนกเครื่องเคียง) จึงมาทำเนื้อแทน แต่เฟนก็พบว่าเนื้อหมูที่กบทำไว้สุกเกินไปและแห้งทั้งหมด จึงแก้โดยการพยายามเลือกเนื้อหมูที่ดีที่สุดที่กบทำไปบริการ แต่เนื้อก็แห้งและสุกเกินไปอีก เชฟอ๊อฟจึงไล่เฟนออกจากครัวไปอีก 1 คน ส่วนทีมสีน้ำเงิน บิวบอกเวลาที่ไม่ตรงกันกับที่ทำเนื้อหมูจริง และทำดิบไป 1 ชิ้น แต่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว และในจานของหวาน เปียโร่มีจานที่ถูกส่งกลับมาเนื่องจากจัดจานชีสเค้กไม่ถูกต้อง แต่หลังจากนั้น ทีมสีน้ำเงินก็นำออเดอร์ที่เหลือบริการลูกค้าจนเสร็จสมบูรณ์โดยไม่มีอุปสรรคอย่างอื่น ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ชนะอีกครั้ง และเป็นครั้งแรกที่ทีมสีนํ้าเงินไม่มีใครถูกไล่ออกจากครัวอีกด้วย จากนั้นเชฟอ๊อฟได้สั่งให้พวกเขาเข้าไปยึดครัวของทีมสีแดง และไล่ทีมสีแดงออกไปจากครัวทั้งหมด หลังจากยึดครัวแล้ว ทีมสีน้ำเงินก็พบว่าเนื้อหมูสุกเกินไปจนแห้งทั้งหมด และเนื้อหมูฝั่งสีน้ำเงินก็หมดพอดี จึงแจ้งเชฟอ๊อฟ เชฟอ๊อฟจึงแสดงความรับผิดชอบโดยการออกไปขอโทษลูกค้าและขออนุญาตเปลี่ยนเมนูทั้งหมด และหลังจากทีมสีน้ำเงินเปลี่ยนเมนูแล้ว เชฟอ๊อฟก็นำไปบริการด้วยตนเองเพื่อขอโทษลูกค้าอีกครั้ง หลังจากนั้นทีมสีน้ำเงินก็นำออเดอร์ของหวานบริการลูกค้าจนกระทั่งถึงออเดอร์สุดท้าย เชฟอ๊อฟจึงพาทีมสีน้ำเงินทั้งหมดออกไปบริการออเดอร์สุดท้ายและขอบคุณลูกค้าคนสุดท้าย ทำให้เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าได้รับประทานอาหารทั้ง 3 คอร์สครบทุกคน
- ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: เคอร์ กบ และ เฟน
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 3: ทีมสีแดงถูกปิดครัวไปโดยปริยาย เนื่องจากทีมสีน้ำเงินชนะและได้สิทธิ์เข้ายึดครัวของทีมสีแดงที่ทำไว้เดิมทั้งหมด
- การคัดออก (Elimination): เชฟอ๊อฟได้เลือกผู้เข้าแข่งขัน 3 คนที่มีปัญหามากที่สุดในสัปดาห์นี้คือ เคอร์ กบ และเฟน ซึ่งเป็น 3 คนที่ถูกไล่ออกจากครัวทั้งหมด โดยกบและเฟนเห็นว่ากบควรออกเนื่องจากทำเนื้อหมูสุกเกินไปจนแข็งทั้งหมด ส่วนเคอร์เห็นว่าตนควรออกเพราะหลุดโฟกัสในหลายจุด เชฟเอียนเห็นว่าเฟนมีข้อผิดพลาดที่น้อยกว่าอีกสองคนที่เหลือ จึงให้กลับไปรวมกับเพื่อนร่วมทีม จากนั้นเชฟอ๊อฟถามถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของทั้ง 2 คน และถามถึงหมู กบกล่าวว่าตนเป็นคนทำ รวมถึงถามถึงพลาสติกบนเนื้อปลา เคอร์กล่าวว่าตนเซียร์ปลา แต่หลังจากนั้นกบกล่าวว่าพลาสติกมาจากซอส เพราะมีลักษณะเป็นฉลาก ซึ่งเคอร์ก็ยืนยันแบบเดียวกัน เชฟป้อมจึงถามความคิดเห็นและความรับผิดชอบจากคนที่ดูแลซอสคือแอ้ม ซึ่งแอ้มกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ และขอแสดงความรับผิดชอบในส่วนนี้ ดังนั้น เชฟอ๊อฟจึงสรุปว่าทุกคนควรรับผิดชอบเรื่องพลาสติกร่วมกัน สุดท้าย เชฟอ๊อฟเล็งเห็นว่า กบทำเนื้อหมูสุกเกินไปจนแข็งทั้งหมด จนกระทั่งเชฟอ๊อฟต้องเปลี่ยนเมนูให้ทีมสีน้ำเงินที่ยึดครัวทำเมนูอื่นเสิร์ฟให้ลูกค้าแทน จึงตัดสินให้กบออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: กบ เคอร์ และ เฟน
- ผู้ที่ถูกคัดออก: กบ
- การย้ายทีม: หลังจากที่กบถูกคัดออกจากการแข่งขันไป เชฟวิลแมนได้เล็งเห็นว่า ผลงานของทีมสีแดงในตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นไม่เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก หากแข่งต่อไปจะมีโอกาสแพ้ได้สูง เชฟวิลแมนจึงเสนอโอกาสให้ทีมสีแดงสามารถเลือกใครก็ได้ 1 คนจากทีมสีน้ำเงินให้มาอยู่ในทีมของตนเอง ซึ่งทีมสีแดงตกลงที่จะเลือกบิวเข้ามา เชฟเอียนจึงถามความสมัครใจจากทีมสีน้ำเงินว่าจะยินยอมให้บิวไปอยู่ทีมสีแดงหรือไม่ โดยสุดท้ายทีมสีน้ำเงินยินยอมเนื่องจากให้ความสำคัญกับลูกค้ามากกว่า เชฟเอียนจึงอนุมัติการย้ายทีมในครั้งนี้ ทำให้บิวเป็นสมาชิกของทีมสีแดงในทันที
- ผู้ที่ย้ายทีม: บิว (ทีมสีน้ำเงิน → ทีมสีแดง)
- ความคิดเห็นของเชฟอ๊อฟ: "ที่ผมต้องเลือกกบออกจากครัว เพราะเขาไม่สามารถรักษาโอกาสที่เขาขอไว้ได้ การผิดพลาดซ้ำ ๆ ทำให้ผมรู้ว่า เขาไม่เหมาะสมกับเฮลล์คิทเช่นแห่งนี้"
ตอนที่ 4: Head Chef ครั้งแรกของเชฟป้อม
แก้ออกอากาศ 25 กุมภาพันธ์ 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในรอบนี้จะทดสอบความรอบรู้ของผู้เข้าแข่งขันในการทำขนมไทย โดยก่อนการแข่งขัน หัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมส่งตัวแทนออกมาชิงสิทธิ์เลือกเมนู ผ่านการกดปุ่มเพื่อทายสำนวนภาษาไทยจากรูปภาพภายในเวลา 5 วินาที เหมือนรูปแบบในช่วงภาพปริศนา ซึ่งเป็นเกมยอดนิยมในรายการเวทีทอง แต่แตกต่างที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวาด และฝ่ายที่ทายถูกจะได้สิทธิ์เลือกเมนูที่กำหนดก่อน จากนั้นผู้เข้าแข่งขันมีเวลา 45 นาทีในการทำขนมไทยที่ตนได้รับให้ถูกต้อง ซึ่งคะแนนได้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคือ คณะกรรมการ จะมีสิทธิ์ให้คะแนน 3 คะแนน ต่อ 1 จานเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมก็คือ คณะกรรมการจะมีสิทธิ์ชิม 2 ท่านต่อ 1 เมนู ฉะนั้น คะแนนในแต่ละจาน จะมีได้สูงสุด 6 คะแนน ต่อ 1 จาน และผลการจับคู่ และขนมไทยที่แต่ละคนได้ มีดังนี้
คู่ที่ | สำนวน | การแข่งขัน | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | ||||||||||
เมนูที่ได้ | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน | เมนูที่ได้ | |||||||
เชฟ 1 | เชฟ 2 | รวม | เชฟ 1 | เชฟ 2 | |||||||
1 | สอนจระเข้ว่ายน้ำ | ทองเอก | แอ้ม | 1 | 2 | 3 | 3 | 2 | 1 | พริกเผ็ช | กล้วยบวชชี |
2 | ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด | กะละแม | ใบตอง | 0 | 1 | 1 | 5 | 3 | 2 | เบียร์ | บัวลอยไข่หวาน |
3 | ชาวนากับงูเห่า | ขนมเปียกปูนใบเตย | ลูกจรรย์ | 2 | 2 | 4 | 5 | 3 | 2 | มารวย | ทับทิมกรอบ |
4 | คลุมถุงชน | ฟักทองแกงบวด | เฟน | 3 | 3 | 6 | 0 | 0 | 0 | เจมส์ | ปลากริมไข่เต่า |
5 | ไม่ดูตาม้าตาเรือ | ขนมปังสังขยาใบเตย | เคอร์ | 3 | 3 | 6 | 1 | 0 | 1 | เปียโร่ | ข้าวตู |
6 | สาวไส้ให้กากิน | วุ้นกะทิ | บิว, จิ๊บ | 1 | 3 | 4 | 1 | 1 | 0 | เก่ง | ขนมใส่ไส้ |
รวม | ชนะ | 10 | 14 | 24 | 15 | 9 | 6 | แพ้ |
หมายเหตุ: ตัวเอน คือเมนูและผู้เข้าแข่งขันที่ทายสำนวนถูกต้องในแต่ละคู่ และได้สิทธิ์เลือกเมนูก่อน
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีแดง): ได้นวดแผนไทยและทำสปาที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
- ทีมแพ้ (ทีมสีน้ำเงิน): ให้พัฒนาร่างกายภายใต้การควบคุมของครูฝึก
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 4:
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | ใบตอง, เคอร์ | จิ๊บ | ลูกจรรย์ | บิว | แอ้ม, เฟน |
ทีมสีน้ำเงิน | เปียโร่, มารวย | เบียร์ | พริกเผ็ช, มารวย | เจมส์ | เก่ง | |
เมนู |
|
|
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีน้ำเงินเท่านั้น คือ ตั๊ก - นภัสกร มิตรธีรโรจน์ นักแสดงและพิธีกร จากรายการเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย และภรรยา ป๊อก - ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ นักแสดงและพิธีกร จากรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทั้งสองทีมมีปัญหาตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดง เคอร์บอกเวลาทำยำนานเกินไป ซึ่งต่อมาในจานดังกล่าวลูกจรรย์ใส่หัวปลีน้อยเกินไป เชฟป้อมจึงสั่งให้ปรับปริมาณหัวปลีเพิ่ม ต่อมา เฟนและแอ้มทำของหวานโดยไม่ช่วยเพื่อนร่วมทีม ทำให้เชฟป้อมต้องเข้ามาเตือนทั้งคู่ ส่วนทีมสีน้ำเงิน เปียโร่ไม่ได้ทอดแป้งพัฟไว้ล่วงหน้า และพริกเผ็ชลืมลวกหัวปลี ส่งผลให้จานเรียกน้ำย่อยที่ทำไว้ไม่สามารถนำออกไปบริการลูกค้าได้ จนทำให้ต้องใช้เวลาแก้ไขนานถึง 20 นาทีกว่าที่จานเรียกน้ำย่อยจานแรกจะสามารถนำออกไปบริการได้ เชฟป้อมจึงต้องเรียกทั้งทีมไปคุยเป็นการส่วนตัวภายในห้องเก็บวัตถุดิบ แต่หลังจากคุยกันแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะพริกเผ็ชลวกหัวปลีออกมาดำเกินไป ในขณะเดียวกัน ทีมสีแดงก็พบปัญหาในอาหารจานหลัก เนื่องจากจิ๊บทำแกะออกมาเป็น Medium ซึ่งสุกกว่าระดับที่เชฟป้อมต้องการคือ Medium Rare และยังถูกตำหนิจากการให้คนอื่นตรวจระดับความสุกของแกะ รวมถึงส่อเจตนาหั่นแกะเองโดยพลการ แต่หลังจากแก้ไขแล้วพวกเขาก็ไม่มีปัญหาอย่างอื่น แต่ทีมสีน้ำเงินยังคงมีออเดอร์อีกหลายที่ที่ตกค้างจากความผิดพลาดและล่าช้าในการจัดการอาหาร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความไม่พร้อมในการเตรียมเครื่องเคียงของพริกเผ็ช พร้อมกับมีปัญหาการสื่อสารภายในทีม ในที่สุด หลังจากเรียกออเดอร์ไปแล้วกว่า 30 นาที ทีมสีน้ำเงินก็ไม่สามารถนำอาหารจานหลักออกไปบริการได้เลยแม้แต่จานเดียว เชฟป้อมจึงสั่งปิดครัวทีมสีน้ำเงินทันที และให้ทีมสีน้ำเงินไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อผู้เข้าแข่งขัน 2 คนให้เชฟป้อมคัดออก หลังจากทีมสีน้ำเงินถูกปิดครัวลงแล้ว ทีมสีแดงก็นำออเดอร์ที่เหลือบริการลูกค้าจนเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงบริการแขก VIP แทนทีมสีน้ำเงินด้วย ทำให้เป็นครั้งแรกที่ทีมสีแดงไม่ถูกปิดครัว และชนะในรอบบริการอาหารเย็นของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ นอกจากนี้ ยังเป็นตอนแรกที่ไม่มีการไล่ผู้เข้าแข่งขันออกจากครัวเป็นรายบุคคลอีกด้วย
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 4: ทีมสีแดงชนะ ทีมสีน้ำเงินถูกปิดครัว
- การคัดออก (Elimination): เบียร์ได้เสนอชื่อเปียโร่และเจมส์ แต่เชฟป้อมถามเบียร์ทันทีว่า ทำไมพริกเผ็ชและมารวยจึงไม่ถูกเสนอชื่อแทนสองคนดังกล่าว เบียร์ตอบว่าทั้งคู่ทำงานได้อย่างเต็มที่และสุดความสามารถแล้ว เชฟป้อมจึงสวนกลับไปทันทีว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะคนทำอาหารเรียกน้ำย่อยและตกแต่งเครื่องเคียง แล้วทำไมจึงไม่ใช่สองคนนั้น โดยเบียร์และเก่งตอบไปในทิศทางเดียวกันว่า เจมส์ไม่มีข้อผิดพลาด เพราะเจมส์ทำพริกแกงไม่สำเร็จ รวมถึงไม่ได้มีความรับผิดชอบโดยตรงในตำแหน่งใดเลย แล้วเชฟป้อมจึงได้ถามเปียโร่ว่าตนเองควรจะออกจากการแข่งขันนี้ไหม เปียโร่ตอบทันทีว่าไม่ แต่สำหรับเจมส์นั้นควรออกเพราะไม่มีข้อผิดพลาดเนื่องจากไม่ได้รับผิดชอบอะไรเลย ซึ่งเจมส์ไม่เห็นด้วย เพราะตนเตรียมอาหารในส่วนของตนเสร็จหมดแล้ว ทำให้เชฟป้อมสั่งให้ทั้งทีมกลับไปคุยกันใหม่ว่าใครจะออกจากการแข่งขัน หลังจากนั้น เมื่อทั้งทีมปรึกษาหารือกันเสร็จแล้ว เก่งยังยืนยันเสนอชื่อเปียโร่และเจมส์เหมือนเดิม แต่ทั้งคู่ไม่ยอมรับ และเปียโร่ได้ให้สิทธิ์หัวหน้าเชฟเลือก แต่แล้ว เจมส์ก็เดินออกมายืนเพื่อให้หัวหน้าเชฟคัดออกเพียงคนเดียว โดยให้เหตุผลว่า เมื่อไม่มีใครตัดสินใจ ตนจะโหวตตนเองออกเอง หลังจากนั้น เชฟเอียนได้เรียกพริกเผ็ชและมารวยออกมาด้วย และคณะหัวหน้าเชฟได้ถามถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบ และข้อผิดพลาดของพริกเผ็ชกับมารวย โดยทั้งคู่ได้อธิบายตามตรง แต่มารวยได้กล่าวเพิ่มเติมว่าสาเหตุที่ทำให้ตนเองเตรียมของไม่เรียบร้อย เพราะเจมส์มีปัญหาในการทำซอสและพริกแกง ตนจึงต้องเข้าไปช่วย เชฟป้อมจึงสวนกลับไปว่า ปัญหาที่พบส่วนใหญ่อยู่ที่จานเรียกน้ำย่อยทั้งสองจาน ทั้งผักในจานยำทวายที่มีไม่ครบ รวมทั้งลวกออกมาแล้วดำ ซึ่งนำไปบริการไม่ได้ แล้วถามกลับไปว่าทำไมทุกคนถึงโยนความผิดไปที่เจมส์ หลังจากที่คณะหัวหน้าเชฟปรึกษาหารือกันแล้ว เชฟป้อมจึงตัดสินให้พริกเผ็ชออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก:
- โดยทีม: เปียโร่ และ เจมส์
- โดยหัวหน้าเชฟ: เจมส์ (เดินออกมาเอง) มารวย และพริกเผ็ช
- ผู้ที่ถูกคัดออก: พริกเผ็ช
- ความคิดเห็นของเชฟป้อม: "ที่ต้องเลือกพริกเผ็ชออกจากครัวในวันนี้ เพราะพริกเผ็ชไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้ จนทำให้ครัวต้องปิดลงอีกครั้ง"
ตอนที่ 5: การกำจัด "ตัวถ่วง" ออกจากครัวนรก
แก้ออกอากาศ 3 มีนาคม 2567
- การย้ายทีม: ก่อนเริ่มการแข่งขัน เชฟเอียนเห็นว่าทีมสีน้ำเงินในขณะนั้นเสียเปรียบ เพราะเหลือสมาชิกในทีมเพียง 5 คน แต่ทีมสีแดงมีสมาชิกในทีมถึง 7 คน เพื่อให้จำนวนสมาชิกของทั้งสองทีมเท่ากัน เชฟป้อมจึงถามความประสงค์ในการย้ายทีมของสมาชิกทีมสีแดง ปรากฏว่ามีผู้ที่ยกมือขอย้ายทีม 3 คน คือ จิ๊บ แอ้ม และบิว ตามลำดับ จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ถามเหตุผลในการย้ายทีมของทั้ง 3 คน แต่เชฟเอียนเห็นว่าเคอร์ถูกทีมสีแดงเสนอชื่อให้หัวหน้าเชฟพิจารณาคัดออกอยู่บ่อยครั้ง จึงย้ายเคอร์ไปอยู่ทีมสีน้ำเงิน ทำให้เคอร์เป็นสมาชิกของทีมสีน้ำเงินในทันที
- ผู้ที่ย้ายทีม: เคอร์ (ทีมสีแดง → ทีมสีน้ำเงิน)
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในรอบนี้จะทดสอบความรอบรู้ของผู้เข้าแข่งขันทุกคนในการทำอาหารจากวัตถุดิบที่ไม่คุ้นเคย โดยก่อนการแข่งขัน หัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมส่งตัวแทนออกมาชิงสิทธิ์เลือกวัตถุดิบ ด้วยการทายภาพวัตถุดิบจากการเปิดภาพทีละมุม ฝ่ายที่ทายถูกจะได้สิทธิ์เลือกว่าจะเก็บวัตถุดิบที่ได้ไว้ทำเมนูเอง หรือโยนวัตถุดิบที่ได้ให้อีกฝั่งทำเมนู แต่จะยังไม่ทราบว่าวัตถุดิบถัดไปจะเป็นอะไร จากนั้นผู้เข้าแข่งขันมีเวลา 45 นาทีในการทำเมนูจากวัตถุดิบที่ตนได้รับ ซึ่งผลการจับคู่ และวัตถุดิบที่แต่ละคนได้ มีดังนี้
คู่ที่ | การแข่งขัน | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | |||||
วัตถุดิบที่ได้ | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน | วัตถุดิบที่ได้ | ||
1 | อัณฑะวัว | ลูกจรรย์ | 3 | 1 | เคอร์ | หัวใจวัว |
2 | สมองวัว | ใบตอง | 0 | 3 | มารวย | กระเพาะหมู |
3 | ผ้าขี้ริ้ววัว | แอ้ม | 3 | 1 | เจมส์ | รกวัว |
4 | ตูดไก่ | เฟน | 3 | 3 | เบียร์ | อุ้งตีนจระเข้ |
5 | ตัวเดียวอันเดียววัว | บิว | 0 | 0 | เก่ง | หนังหมู |
6 | หัวแพะ | จิ๊บ | 2 | 2 | เปียโร่ | อึ่งอ่าง |
รวม | ชนะ | 11 | 10 | แพ้ |
หมายเหตุ: ตัวเอน คือวัตถุดิบที่ใช้ทายภาพ และผู้เข้าแข่งขันที่ทายวัตถุดิบนั้นถูก
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีแดง): ได้บินไปที่มาเก๊า เข้าพักที่โรงแรม 6 ดาว โรงแรมมอร์เฟียส ซิตี้ ออฟ ดรีมส์ และได้ไปท่องเที่ยวสถานที่สำคัญในมาเก๊าโดยมีเชฟวิลแมนเป็นผู้นำเที่ยว เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน รวมถึงได้รับประทานอาหารที่ภัตตาคาร 3 ดาว เจด ดรากอน
- ทีมแพ้ (ทีมสีน้ำเงิน): ให้รับประทานข้าวต้มรวมมิตรที่มีวัตถุดิบทั้ง 12 ชนิดที่ใช้ในการแข่งขันรอบนี้ให้หมด
- ภารกิจคัดคนออก: ในสัปดาห์นี้ไม่มีการเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น เนื่องจากคณะหัวหน้าเชฟเห็นว่าในการเปิดภัตตาคาร 4 ครั้งที่ผ่านมามีการปิดครัวทุกครั้ง ทำให้พบว่าทั้งสองทีมมี "ตัวถ่วง" ที่เป็นต้นเหตุของการปิดครัว จึงเปลี่ยนเป็นการแข่งขันรอบ "กำจัดตัวถ่วง" โดยให้เชฟที่เป็นจานที่ดีที่สุดในแต่ละทีมของรอบภารกิจส่วนบุคคล คือ แอ้ม และ เบียร์ เลือกผู้เข้าแข่งขันที่เป็น "ตัวถ่วง" จำนวนทีมละ 3 คนไปแข่งขันต่อ ซึ่งผู้ที่ถูกเลือกให้ไปแข่งขันต่อ มีดังนี้
- ทีมสีแดง: ใบตอง เฟน และ จิ๊บ
- ทีมสีน้ำเงิน: เจมส์ เปียโร่ และ เคอร์
ในรอบนี้มีวัตถุดิบหลักคือปลากะพงแช่แข็ง โดยผู้เข้าแข่งขันทั้ง 6 คน มีเวลา 45 นาทีในการทำเมนูจากวัตถุดิบชนิดนี้จำนวน 4 จาน ให้ออกมามีรสชาติ และมีความคิดสร้างสรรค์ โดยกรรมการมีสิทธิ์ให้คะแนนคนละ 3 คะแนนต่อจาน และผู้ที่ได้คะแนนรวมน้อยที่สุดจะถูกคัดออกในทันที
คนที่ | ทีม | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนนจากหัวหน้าเชฟ | ผล | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เชฟป้อม | เชฟวิลแมน | เชฟอ๊อฟ | เชฟเอียน | รวม | ||||
1 | ทีมสีแดง | เฟน | 1 | 1 | 2 | 1 | 5 | เข้ารอบ |
2 | ทีมสีน้ำเงิน | เปียโร่ | 2 | 2 | 2 | 2 | 8 | เข้ารอบ |
3 | ทีมสีแดง | จิ๊บ | 1 | 2 | 2 | 1 | 6 | เข้ารอบ |
4 | ทีมสีน้ำเงิน | เคอร์ | 0 | 0 | 1 | 1 | 2 | เข้ารอบ |
5 | ทีมสีแดง | ใบตอง | 1 | 0 | 0 | 1 | 2 | เข้ารอบ |
6 | ทีมสีน้ำเงิน | เจมส์ | ไม่มีผลคะแนน[ก] | ตกรอบ |
หมายเหตุ:
- ↑ คณะหัวหน้าเชฟไม่ให้คะแนนเนื่องจากไม่สามารถเสิร์ฟวัตถุดิบหลักลงในจานทันเวลา
- ผู้ที่ถูกคัดออก: เจมส์
- ความคิดเห็นของเชฟเอียน: "จากการแข่งขันในวันนี้ เขายังจัดการเวลาได้ไม่ดี ทำให้ผมรู้ว่าเขายังไม่มีการพัฒนา ดังนั้น เขาไม่ควรได้อยู่ต่อ เพราะจะเป็นตัวถ่วงของทีมต่อไป"
ตอนที่ 6: การแก้มือในครัวของเชฟวิลแมน
แก้ออกอากาศ 10 มีนาคม 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
- ภารกิจแบบทีม (Team challenge): รอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องผลัดกันทำอาหารจำนวน 4 เมนู ตามที่หัวหน้าเชฟกำหนด ภายในเวลาคนละ 7 นาที ซึ่งใน 7 นาทีนี้ รวมถึงการสื่อสารและถ่ายทอดเมนูให้แก่เพื่อนร่วมทีมคนถัดไป โดยที่จะมีเพียงคนที่ทำอาหารคนแรกของแต่ละทีมเท่านั้นที่จะได้ทราบเมนูจากหัวหน้าเชฟ ทั้งนี้ เนื่องจากทีมสีน้ำเงินมีจำนวนสมาชิกน้อยกว่า คนสุดท้ายในทีมสีน้ำเงิน จะมีเวลาในการทำอาหารมากกว่าที่ 14 นาที โดยลำดับของการทำอาหารของแต่ละทีม มีดังนี้
ลำดับที่ | ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน |
---|---|---|
1 | บิว | เก่ง |
2 | ใบตอง | มารวย |
3 | จิ๊บ | เปียโร่ |
4 | ลูกจรรย์ | เคอร์ |
5 | แอ้ม | เบียร์ |
6 | เฟน |
- เหตุการณ์ในระหว่างการแข่งขัน: มีผู้เข้าแข่งขันที่ฝ่าฝืน โดยเมื่อถึงเวลาที่คนที่ทำอาหารคนแรกต้องออกจากครัวและคนที่ทำอาหารคนที่สองต้องมาทำอาหารแทน บิวพยายามสื่อสารและถ่ายทอดเมนูให้แก่ใบตองให้ครบ 4 เมนู เชฟป้อมจึงไล่บิวออกจากครัว สุดท้าย ผลคะแนนของแต่ละเมนู มีดังนี้
เมนูที่ | หัวหน้าเชฟ | ชื่อเมนู | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | |||
1 | เชฟวิลแมน | โพชเอ้กซอสฮอลันเดสโรสตีโปเตโต | 0 | 1 |
2 | เชฟป้อม | ข้าวสวยราดผัดฉ่าซีฟูดไข่ดาวกรอบไข่แดงเยิ้ม | 0 | 2 |
3 | เชฟอ๊อฟ | อูดงเนื้อไข่ออนเซน | 0 | 1 |
4 | เชฟเอียน | ราวีโอลีไข่แดงลาวาไส้ฟักทองบดรีคอตตาชีส ซอสพาร์เมซานเอสพูมา | 0 | 1 |
รวม (ผล) | 0 (แพ้) | 5 (ชนะ) |
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีน้ำเงิน): ได้ไปรับประทานอาหารบุฟเฟต์ที่ทำโดยเชฟพฤกษ์ เชฟอ๊อฟ และเชฟอาร์ ที่ร้านโออิชิ แกรนด์ สาขาเมกาซิตี้ บางนา
- ทีมแพ้ (ทีมสีแดง): ให้ทำความสะอาดรถอีซูซุ มิวเอ็กซ์ จำนวน 3 คัน ให้พร้อมสำหรับการเดินทางของทีมสีน้ำเงิน
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 5:
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | อาหารทะเล | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | บิว | เฟน | จิ๊บ | ใบตอง | แอ้ม (เปลี่ยนตัว) | ลูกจรรย์ |
ทีมสีน้ำเงิน | มารวย | เปียโร่ | เก่ง | มารวย | เบียร์ | เคอร์ | |
เมนู |
|
|
|
|
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟอาร์ต - ศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ กรรมการตัดสินรายการท็อปเชฟไทยแลนด์ และภรรยา คุณปณดา บัณฑิตกฤษดา
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทีมสีน้ำเงินมีปัญหาเล็กน้อยกับจานเรียกน้ำย่อย เนื่องจากเบียร์ทำแซลมอนสุกเกินไป แต่หลังจากแก้ไขแล้วก็ไม่มีปัญหาเพิ่มเติม ต่อมาในอาหารจานหลัก ทีมสีน้ำเงินได้รับออเดอร์พิเศษที่ลูกค้าสั่งมาว่าไม่รับประทานเนื้อวัว เนื้อแกะ และอาหารทะเล เก่งจึงรับอาสาทำอาหารพิเศษจานนี้และนำเสนอให้เชฟวิลแมนฟัง ส่วนปัญหาในช่วงนี้เกิดขึ้นทั้งสองทีม โดยทั้งเปียโร่และเฟนทำเนื้อวัวผิดพลาดออกมาเป็น Medium Rare ในขณะที่เฟนแก้ไขได้สำเร็จ แต่ทีมสีน้ำเงินกลับมีออเดอร์ตีกลับ เพราะเปียโร่ทำ Crépinette ซึ่งเป็นส่วนของเนื้อหมูไม่สุก เชฟวิลแมนจึงสั่งให้เปียโร่กินให้หมดแล้วทำใหม่ เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เชฟวิลแมนจึงนำไปบริการลูกค้าด้วยตนเอง พร้อมเรียกเปียโร่ออกมาขอโทษลูกค้า แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะลูกค้าคนดังกล่าวถือจานมาถามเชฟวิลแมนโดยตรง ซึ่งเชฟวิลแมนได้อธิบายให้ลูกค้าฟังว่าเนื้อวัวที่ทำให้ใหม่นั้นมีสีเป็นปกติ ไม่ไหม้ ถ้าไหม้เกรียมจะต้องมีสีดำทั้งชิ้น นอกจากนี้ ทีมสีน้ำเงินยังมีปัญหาเพิ่มเติมคือ เบียร์ส่งจานเนื้อปลาที่เก่งยังไม่ได้ใส่มันบดไปให้เชฟวิลแมน และยังถูกตำหนิที่นำเนื้อปลาสุกกับเนื้อปลาดิบรวมในถาดเดียวกัน นอกจากนี้ เปียโร่ยังทำเนื้อวัวผิดพลาดอีกถึง 2 ครั้ง แต่แก้ไขไม่ทันเพราะลูกค้ากลับบ้านไปก่อน เชฟวิลแมนจึงรับไม่ได้และเขวี้ยงจานลงพื้นแตกต่อหน้าทีมสีน้ำเงิน นอกจากนี้ ทีมสีน้ำเงินยังมีปัญหาต่อเนื่องในจานของหวาน เนื่องจากเคอร์บีบครีมผิดพลาด แต่พอแก้ไขได้แล้วก็ไม่มีปัญหาใด ๆ อีก ทั้งสองทีมได้นำออเดอร์ทั้งหมดบริการลูกค้าจนเสร็จสิ้น ทำให้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมไม่ถูกปิดครัวในระหว่างการบริการ แต่เนื่องจากทีมสีแดงทำอาหารเสร็จก่อนทีมสีน้ำเงินทั้ง 3 คอร์ส ทีมสีแดงจึงเป็นทีมที่ชนะในรอบนี้ และเชฟวิลแมนได้ให้ทีมสีน้ำเงินไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อเชฟ 2 คนให้ตนคัดออก
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 5: ทีมสีแดงชนะ ทีมสีน้ำเงินแพ้
- การคัดออก (Elimination): เคอร์ได้เสนอชื่อเปียโร่และเบียร์ จากนั้นเชฟเอียนได้ให้เก่งระบุเหตุผลในกรณีเปียโร่ เก่งระบุว่า เปียโร่ทำเนื้อออกมาได้ระดับความสุกที่ผิดพลาด และขาดการสื่อสารทำให้ทีมทำงานช้าลง แต่เมื่อเชฟป้อมถามเปียโร่ เปียโร่ตอบว่าไม่เห็นด้วย โดยอธิบายว่าตนยอมรับเฉพาะความผิดพลาดของตนเรื่องความสุกของเนื้อ แต่ยังคงอธิบายว่า Crépinette ที่ลูกค้าตำหนินั้นคือเนื้อวัว เชฟวิลแมนจึงสวนกลับไปทันทีว่า "คุณบ้าหรือเปล่าครับ" และอธิบายซ้ำว่าส่วนนั้นคือเนื้อหมู ซึ่งรับประทานแบบดิบไม่ได้เพราะจะเป็นอันตราย ส่วนเมื่อเชฟป้อมถามต่อถึงคนที่ควรออก เปียโร่ตอบว่าเบียร์ควรออก เนื่องจากทำแซลมอนและอาหารทะเลช้า เชฟอ๊อฟและเชฟวิลแมนจึงถามเพื่อนร่วมทีมที่เหลือ คือมารวย เบียร์ และเคอร์ ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 คนบอกตรงกันว่าเปียโร่ควรออก ทำให้เชฟวิลแมนสรุปได้ว่า หากไม่นับเปียโร่ สมาชิกทีมสีน้ำเงินทั้ง 4 คนมีมติเอกฉันท์ให้เปียโร่ออก ดังนั้น จึงตัดสินให้เปียโร่ออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เปียโร่ และ เบียร์
- ผู้ที่ถูกคัดออก: เปียโร่
- การย้ายทีม: หลังจากที่เปียโร่ถูกคัดออกจากการแข่งขันไป เชฟเอียนเห็นว่าจำนวนสมาชิกของทั้งสองทีมต่างกันมากกว่า 2 คนอีกครั้ง โดยทีมสีน้ำเงินเหลือสมาชิกในทีมเพียง 4 คน แต่ทีมสีแดงมีสมาชิกในทีมถึง 6 คน เพื่อให้จำนวนสมาชิกของทั้งสองทีมเท่ากัน จึงให้เวลา 1 นาที เพื่อให้ทีมสีแดงประชุมกันและเลือกสมาชิก 1 คนให้ย้ายไปอยู่ทีมสีน้ำเงิน แต่ถ้าหมดเวลา 1 นาทีแล้วทีมสีแดงยังไม่สามารถตกลงกันได้ คณะหัวหน้าเชฟจะเลือกสมาชิกให้ย้ายไปอยู่สีน้ำเงินเอง แต่ในที่สุด ในช่วง 5 วินาทีสุดท้าย จิ๊บได้ยกมือขอย้ายทีม โดยที่สมาชิกทีมสีแดงคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วย เชฟเอียนจึงอนุมัติการย้ายทีมในครั้งนี้ ทำให้จิ๊บเป็นสมาชิกของทีมสีน้ำเงินในทันที
- ผู้ที่ย้ายทีม: จิ๊บ (ทีมสีแดง → ทีมสีน้ำเงิน)
- ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "โอกาส ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่าย ๆ ถ้าเราให้โอกาสแล้ว เขายังทำผิดพลาด และไม่รักษาโอกาสนั้นไว้ เขาก็ไม่ควรอยู่ที่นี่"
ตอนที่ 7: การผนึกกำลังกันคุมครัวของเชฟเอียนและเชฟอ๊อฟ
แก้ออกอากาศ 17 มีนาคม 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ เป็นครั้งแรกที่มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหาร ดังนี้
- เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
- เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): เนื่องจากในครั้งนี้มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และเป็นการผสมผสานกันระหว่างอาหารตะวันตกสมัยใหม่และอาหารเอเชียแนวผสมผสาน ดังนั้น รอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำอาหารทั้ง 2 โจทย์ข้างต้นให้ออกมาสอดคล้องกัน โดยในโจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสานนั้นใช้เห็ดหอมแห้งเป็นวัตถุดิบหลัก และในโจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่นั้นมีวงล้อที่ระบุวัตถุดิบและเครื่องมือสำหรับการทำอาหารตะวันตกสมัยใหม่ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมจะต้องส่งตัวแทนครั้งละ 1 คน เพื่อรับวัตถุดิบ และ/หรือ เครื่องมือผ่านการหมุนวงล้อของเชฟเอียน เพื่อใช้ทำเมนูร่วมกับเห็ดหอมแห้ง โดยมีเวลาทำอาหาร 45 นาที
- เหตุการณ์ในระหว่างการแข่งขัน: เชฟอาร์ได้เข้าไปหาเฟนและเบียร์ และให้ทั้งคู่เดิมพันไว้ว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้ จะต้องทำผมสีและทรงเดียวกับฝ่ายที่ชนะ และในช่วงการตัดสิน เชฟวิลแมนได้วางเดิมพันให้ทั้งคู่เพิ่มว่า หากเสมอ จะต้องเปลี่ยนสีและทรงผมทั้งคู่ สุดท้าย ผลการจับคู่วัตถุดิบ/เครื่องมือจากวงล้อ และผลการแข่งขัน เป็นดังนี้
คู่ที่ | วัตถุดิบ/เครื่องมือ ที่ได้จากวงล้อ |
การแข่งขัน | |||
---|---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | ||||
ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน | |||
1 | เครื่องทำวาฟเฟิล | ใบตอง | 1 | 2 | เคอร์ |
2 | ช็อกโกแลต | ลูกจรรย์ | 1 | 2 | มารวย |
3 | เนยถั่ว | เฟน[ก] | 1 | 1 | เบียร์[ก] |
4 | มาร์ชแมลโลว์ | บิว[ข] | 2 | 2 | เก่ง |
5 | แคนาเดียนล็อบสเตอร์ | แอ้ม | 3 | 2 | จิ๊บ |
รวม | แพ้ | 8 | 9 | ชนะ |
หมายเหตุ:
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีน้ำเงิน): ได้ไปผ่อนคลายและทำสปาที่บันยันทรีสปา ในโรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ
- ทีมแพ้ (ทีมสีแดง): ให้ร่วมกันคัดแยกขยะทั้งหมด
- บทลงโทษพิเศษ: จากการเดิมพันในคู่ที่ 3 ส่งผลให้เฟนและเบียร์ต้องเปลี่ยนสีและทรงผมให้เป็นสีและทรงเดียวกับฝั่งตรงข้าม
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 6: ในตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟจำนวน 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟเอียนคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟอ๊อฟคุมครัวสีน้ำเงินเป็นหลัก
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | อาหารทะเล | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | เฟน | ลูกจรรย์ | ใบตอง | แอ้ม | บิว | แอ้ม (เปลี่ยนตัว) |
ทีมสีน้ำเงิน | จิ๊บ | มารวย | เคอร์ | มารวย, เก่ง | เก่ง | เบียร์ | |
เมนู | อาหารตะวันตกสมัยใหม่ |
|
|
| |||
อาหารเอเชียแนวผสมผสาน |
|
|
|
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีน้ำเงินเท่านั้น คือ ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม และ พิม - ซอนย่า คูลลิ่ง นางแบบและนักแสดงชื่อดัง
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทีมสีแดงมีปัญหากับจานเรียกน้ำย่อยเล็กน้อย เนื่องจากแอ้มบีบปูว์เรไม่ได้มาตรฐาน ต่อมา ทั้งสองทีมก็มีปัญหาในอาหารจานหลัก โดยที่ลูกจรรย์และมารวยทำเนื้อออกมาดิบเกินไป แต่ก็แก้ไขปัญหาได้สำเร็จ หลังจากที่ทีมสีน้ำเงินบริการอาหารจานหลักเสร็จแล้ว ทีมสีแดงยังมีปัญหาอยู่ เพราะลูกจรรย์ทำเนื้อสุกเกินไป เชฟเอียนจึงเขวี้ยงถาดลงพื้นและให้ทำใหม่ และต่อมาในจานของหวาน ทีมสีแดงมีจานฮาร์เวสต์ที่ถูกตีกลับไปให้ทำใหม่ เพราะมีไอศกรีมที่ละลายอยู่ในจาน แต่ถึงพวกเขาแก้ไขใหม่ถึงสองครั้งก็ยังไม่สำเร็จ เชฟเอียนจึงต้องเรียกทั้งทีมไปคุยกันเป็นการส่วนตัวภายในห้องเก็บวัตถุดิบ แต่หลังจากคุยกันแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากลูกจรรย์กับใบตองจัดจานขนมฟลานผิดถึงสองจาน ทำให้เชฟเอียนจึงเขวี้ยงทั้งสองจานลงพื้นแตกต่อหน้าทีมสีแดงจนแขก VIP ตกใจกลัว รวมทั้งมีจานอาหารของใบตองกับแอ้มถูกตีกลับจากลูกค้า เพราะมีเส้นผมและเศษกระดาษติดมากับขนมในจาน เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เชฟเอียนจึงพาทั้งคู่นำจานใหม่ไปบริการลูกค้าด้วยตนเองเพื่อขอโทษลูกค้า ส่วนทีมสีน้ำเงิน เบียร์ส่งจานของหวานไปให้เชฟอ๊อฟล่าช้า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทีมได้นำออเดอร์ทั้งหมดบริการลูกค้าจนเสร็จ แต่เนื่องจากทีมสีน้ำเงินทำอาหารเสร็จก่อน และมีข้อผิดพลาดน้อยกว่าทีมสีแดง ทีมสีน้ำเงินจึงเป็นทีมที่ชนะในรอบนี้ และเชฟเอียนได้ให้ทีมสีแดงไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อผู้เข้าแข่งขัน 2 คนให้ตนคัดออก
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 6: ทีมสีแดงแพ้ ทีมสีนํ้าเงินชนะ
- การคัดออก (Elimination): เฟนได้เสนอชื่อแอ้มและใบตอง โดยระบุเหตุผลว่าทั้งคู่ทำของหวานผิดพลาด ทำให้ถูกลูกค้าตีกลับเนื่องจากมีเส้นผมและเศษกระดาษในจาน เชฟวิลแมนจึงถามแอ้มถึงข้อผิดพลาด ซึ่งแอ้มสารภาพว่ามีข้อผิดพลาดจริง โดยได้ออกมารับผิดชอบจานที่มีเส้นผมและเศษกระดาษไปแล้ว แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่าเส้นผมในจานดังกล่าวว่ามาจากไหน และมองว่าใบตองควรถูกคัดออก เชฟป้อมจึงถามใบตอง ใบตองอธิบายว่าตอนแรกตนรับผิดชอบเครื่องเคียง แต่หลังจากเชฟเอียนได้เข้ามาตรวจสอบในช่วง 15 นาทีก่อนเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่นแล้ว พบว่าแอ้มยังทำคาราเมลไม่สำเร็จ จึงสั่งให้เปลี่ยนหน้าที่ ตนจึงไปรับผิดชอบของหวานแทนแอ้ม เชฟป้อมจึงสรุปว่าในส่วนของหวานนั้นเสียหายตั้งแต่แอ้มทำก่อนแล้ว ทำให้ใบตองต้องมาแก้ไขในส่วนนี้แทนแอ้ม ใบตองจึงกล่าวเพิ่มเติมว่าตนคิดว่าเป็นการช่วยเหลือกันในทีม และรู้สึกไม่ดีที่แอ้มบอกว่าตนควรออก เพราะตนก็ช่วยเหลือแอ้มมาตลอด เมื่อเชฟป้อมถามว่าใครผิด ใบตองจึงตอบว่าเป็นแอ้ม เพราะตนไม่ได้ร่วมรับผิดชอบจานฮาร์เวสต์ เชฟเอียนจึงถามเพื่อนร่วมทีมสีแดงที่เหลือ ซึ่งบิวและลูกจรรย์บอกตรงกันว่าแอ้มควรออก ดังนั้น เชฟอ๊อฟจึงให้โอกาสใบตองกลับไปพัฒนาตนเองต่อ แล้วเชฟเอียนก็ตัดสินให้แอ้มออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: แอ้ม และ ใบตอง
- ผู้ที่ถูกคัดออก: แอ้ม
- ความคิดเห็นของเชฟเอียน: "แอ้ม คือคนที่ย่ำอยู่กับที่ และไม่สามารถพัฒนาตัวเอง ผมไม่เชื่อว่าเขาจะรับผิดชอบงานที่ยิ่งใหญ่ได้ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกเขาออกจากครัว"
ตอนที่ 8: ความโหดคูณ 2 กับการคุมครัวของเชฟป้อมและเชฟวิลแมน
แก้ออกอากาศ 24 มีนาคม 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
- เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
- เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในรอบนี้ มีวัตถุดิบหลักคือ หอยนางรม กระดูกหมู หางล็อบสเตอร์ ปลาเค็ม สันในโคขุน หอยเสียบ ปลาทูสด และขาวัว โดยในการทายวัตถุดิบของผู้เข้าแข่งขัน จะให้ทั้งสองทีมส่งตัวแทนผู้เข้าแข่งขันมาในแต่ละคู่ โดยมีกล่องปริศนาด้านหน้า ภายในบรรจุสิ่งของปริศนา ผู้เข้าแข่งขันจะต้องใช้มือเข้าไปคลำเท่านั้น และทายให้ถูกภายใน 30 วินาที ผู้ที่ทายถูกจะได้เลือกวัตถุดิบข้างต้น ส่วนผู้ที่ทายผิด ฝ่ายตรงข้ามในคู่นั้น ๆ จะเป็นผู้เลือกวัตถุดิบข้างต้นให้ แต่หากผิดทั้งคู่ หัวหน้าเชฟจะเป็นผู้เลือกวัตถุดิบให้ โดยผลการทายสิ่งของปริศนา วัตถุดิบที่ได้ และผลการแข่งขัน เป็นดังนี้
คู่ที่ | การแข่งขัน | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | |||||||
วัตถุดิบที่ได้ | สิ่งของใน กล่องปริศนา |
ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน | สิ่งของใน กล่องปริศนา |
วัตถุดิบที่ได้ | ||
1 | หางล็อบสเตอร์ | กบ | บิว | 3 | 3 | มารวย | ทุเรียน | หอยนางรม |
2 | ปลาเค็ม | กบ | ใบตอง | 0 | 0 | เคอร์ | ปลาดุก | ขาวัว |
3 | สันในโคขุน | ลูกจระเข้ | ลูกจรรย์ | 1 | 2 | เก่ง | ปูน้ำจืด | ปลาทูสด |
4 | ปลาทูสด | หัวหมู | เฟน | 2 | 2 | เบียร์, จิ๊บ | เงาะ | หางล็อบสเตอร์ |
รวม | แพ้ | 6 | 7 | ชนะ |
หมายเหตุ: ตัวเอน คือผู้เข้าแข่งขันและสิ่งของในกล่องปริศนาที่ทายถูก รวมถึงวัตถุดิบที่ได้เลือกด้วยตนเอง
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีนํ้าเงิน
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีน้ำเงิน): ได้ไปเล่นน้ำที่สวนนํ้าโคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
- ทีมแพ้ (ทีมสีแดง): ให้ทำของกินเล่นเป็นจานพิเศษเพื่อบริการให้ลูกค้าจำนวน 100 คน ก่อนรับประทานอาหารคอร์สหลักในภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 7: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟจำนวน 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟป้อมคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟวิลแมนคุมครัวทีมสีน้ำเงินเป็นหลัก
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | อาหารทะเล | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | บิว | ใบตอง | เฟน | ลูกจรรย์ | ||
ทีมสีน้ำเงิน | เคอร์ | เก่ง | เบียร์ | เก่ง | มารวย | จิ๊บ | |
เมนู | อาหารไทยร่วมสมัย |
|
|
| |||
อาหารตะวันตกดั้งเดิม |
|
|
|
หมายเหตุ: ตัวเอน คือ เมนูใหม่
- จานพิเศษก่อนมื้ออาหาร: บาร์ของทอดก่อนอาหารมือหลัก พร้อมเมนูสลัดผัก
- แขก VIP ในบริการอาหารเย็น: ในตอนนี้ มีเฉพาะแขก VIP ของทีมสีแดงเท่านั้น คือ เชฟป้อม - ธนรักษ์ ชูโต เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย และภรรยา เชฟตูน - สุมลนาถ บัณฑิตรัชต์ ผู้เข้าแข่งขัน ท็อปเชฟไทยแลนด์ ซีซั่น 2
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทีมสีแดงมีปัญหากับจานเรียกน้ำย่อยเล็กน้อยเพราะเฟนทำสแกลลอปออกมาไม่สุก แต่ก็สามารถแก้ไขได้สำเร็จ ต่อมา ทั้งสองทีมมีปัญหากับอาหารจานหลัก โดยทีมสีน้ำเงิน เบียร์ใส่ปริมาณข้าวในจานกุ้งน้อยเกินไป ทำให้เชฟป้อมต้องสั่งแก้ ส่วนทีมสีแดงไม่ได้เตรียมจานอาหารไว้ก่อน รวมทั้งมีปัญหาการจัดการเวลา และเฟนทำไข่เค็มออกมาเล็กเกินไป หลังจากนั้น เบียร์จัดเครื่องเคียงในจานเป็ดไม่ครบ เชฟวิลแมนจึงปาจานแตกต่อหน้าทีมสีน้ำเงินและสั่งให้ทำใหม่ ใบตองทำเนื้อเป็ดออกมาสุกเกินไป และเคอร์ซึ่งมาช่วยเบียร์ในแผนกเครื่องเคียงทำกระเทียมต้น (Leek) ไหม้ เชฟวิลแมนจึงสั่งให้เคอร์กิน เมื่อคายออกมาจึงให้ไปทำใหม่ ต่อมา เชฟป้อมเห็นว่ากุ้งของทีมสีแดงแห้ง จนพบว่ามันกุ้งหายไป และพบกุ้งที่แกะออกมาผิดพลาด ซึ่งใบตองเป็นคนจัดการ เชฟป้อมจึงต้องเตือนว่าวัตถุดิบทั้งหมดเป็นต้นทุนอาหาร พร้อมเรียกสติใบตองให้กลับคืนมา ซึ่งในขณะนั้น ทีมสีน้ำเงินจัดการอาหารจานหลักครบทั้งหมดแล้ว แต่หลังจากนั้น ทีมสีแดงทำจานเป็ดเกินมาถึง 3 จาน แต่ไม่มีจานกุ้ง เชฟป้อมเล็งเห็นว่าทีมสีแดงมีปัญหาในการจัดการเวลาและวัตถุดิบ ทำให้มีออเดอร์ตกค้างเป็นจำนวนมาก จึงสั่งปิดครัวทีมสีแดงทันที พร้อมสั่งให้ทีมสีแดงไปประชุมกันเพื่อเสนอชื่อเชฟ 2 คนให้เชฟป้อมและเชฟวิลแมนคัดออก หลังจากทีมสีแดงถูกปิดครัวลงแล้ว ทีมสีน้ำเงินก็นำออเดอร์ที่เหลือบริการลูกค้าจนเสร็จสิ้น รวมถึงบริการแขก VIP แทนทีมสีแดงด้วย ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ชนะในรอบนี้
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 7: ทีมสีแดงถูกปิดครัว ทีมสีน้ำเงินชนะ
- การคัดออก (Elimination): เฟนได้เสนอชื่อตนเองและใบตอง ทั้งนี้ เฟนได้ระบุว่า ในความคิดตอนแรก คนที่ควรออกคือใบตอง แต่เนื่องจากมีปัญหาตั้งแต่อาหารเรียกนํ้าย่อยซึ่งบิวรับผิดชอบ ทำให้ทุกคนต้องไปช่วยในส่วนนี้ จึงเปลี่ยนความคิดในภายหลังว่าบิวควรออก เชฟอ๊อฟจึงถามว่าทำไมบิวไม่ถูกเสนอชื่อ บิวจึงชี้แจงว่าตนได้มอบหมายให้เฟนทําเฉพาะอกไก่ที่บิวทำแล้วส่วนหนึ่งซึ่งเป็นโปรตีน และตุอีลซึ่งเป็นขนม แต่ส่วนอื่นตนทำเองทั้งหมด แต่เชฟวิลแมนเห็นว่าอาหารทะเลที่เฟนทำนั้นมีปัญหาที่สแกลลอปไม่สุก และเชฟป้อมเสริมว่ามีปัญหาเครื่องเคียงทำให้ต้องรอทั้งหมด ส่วนใบตองเห็นว่าเฟนควรถูกคัดออก โดยระบุว่าตอนแรกที่แบ่งงานกัน เฟนจะรับหน้าที่ทำอาหารทะเล แต่เมื่อเข้าครัวทำอาหารจานหลักแล้ว ใบตองกลับรับผิดชอบเพียงคนเดียว แต่เชฟวิลแมนบอกว่าเป็ดที่ใบตองทำสุกเกินไปจนแห้ง และเชฟป้อมเสริมอีกว่าใบตองย่างกุ้งออกมาโดยที่เปลือกไหม้ มีเศษสีดำลงไปในจาน แต่เนื้อกุ้งด้านในยังดิบ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงตัวเดียว ทำให้ต้นทุนของภัตตาคารเสียไป เมื่อเชฟป้อมถามอีกครั้งว่าใครควรจะออก ใบตองตอบทันทีว่าควรจะเป็นตนที่ถูกคัดออก ดังนั้น เชฟวิลแมนจึงตัดสินให้ใบตองออกจากแข่งขัน โดยใบตองได้กล่าวขอบคุณหัวหน้าเชฟทั้ง 4 คน ก่อนเดินออกจากภัตตาคาร
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เฟน และ ใบตอง
- ผู้ที่ถูกคัดออก: ใบตอง
- ความคิดเห็นของเชฟป้อม: "ใบตอง ถ้าเขามีความรอบคอบกว่านี้ ก็คงไม่สร้างปัญหาให้ทีมตลอดการแข่งขันจนต้องปิดครัว และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องออกจากเฮลล์คิทเช่น"
ตอนที่ 9: การร่วมกันคุมครัวของเชฟสายโหดอย่างเชฟวิลแมนและเชฟเอียน
แก้ออกอากาศ 31 มีนาคม 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
- เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
- เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
- การย้ายทีม: ก่อนเริ่มการแข่งขัน คณะหัวหน้าเชฟเห็นว่าจำนวนสมาชิกในขณะนั้นทำให้ทั้งสองทีมแข่งขันกันได้ยาก เพราะทีมสีแดงเหลือสมาชิกในทีมเพียง 3 คน แต่ทีมสีน้ำเงินมีสมาชิกในทีมถึง 5 คน เพื่อให้จำนวนสมาชิกของทั้งสองทีมเท่ากัน เชฟเอียนจึงถามความประสงค์ในการย้ายทีมของสมาชิกทีมสีน้ำเงิน ปรากฏว่ามีผู้ที่ยกมือขอย้ายทีม 2 คน คือ มารวย และเบียร์ จากนั้นเชฟเอียนได้ถามเหตุผลในการย้ายทีมของทั้ง 2 คน และหันไปถามทีมสีแดงถึงสมาชิกทีมสีน้ำเงินที่ต้องการ ซึ่งบิวก็ตอบว่าต้องการให้มารวยมาร่วมทีมเนื่องจากต้องการแข่งขันกับคนที่มีความสามารถ แต่หลังจากนั้นเชฟอ๊อฟได้กล่าวว่าคณะหัวหน้าเชฟไม่ได้ฟังผู้เข้าแข่งขัน และให้ทุกคนย้ายกลับสู่ทีมเดิมที่แต่ละคนอยู่ในสัปดาห์แรกทั้งหมด ทำให้บิวกลับไปเป็นสมาชิกของทีมสีน้ำเงิน และเคอร์กับจิ๊บกลับไปเป็นสมาชิกของทีมสีแดงในทันที
- ผู้ที่ย้ายทีม:
- ทีมสีแดง → ทีมสีน้ำเงิน: บิว
- ทีมสีน้ำเงิน → ทีมสีแดง: เคอร์ และ จิ๊บ
- ภารกิจแบบทีม (Team challenge): ในรอบนี้ ทั้งสองทีมจะต้องทำอาหารในรูปแบบของ "Happy Meal" โดยใช้วัตถุดิบหลักรสขม ซึ่งได้แก่ มะระ สะเดา และใบขี้เหล็ก เพื่อเสิร์ฟให้เชฟทั้ง 6 คน และเด็ก ๆ อายุ 8-12 ปี จำนวน 50 คน รวมทั้งหมด 56 จาน ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับภารกิจแบบทีมของรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ทุกฤดูกาล โดยเชฟทั้ง 6 คน จะมีคะแนนคนละ 3 คะแนน และเด็ก ๆ จะมีคะแนนคนละ 1 คะแนน รวมทั้งหมด 68 คะแนน และผู้เข้าแข่งขันมีเวลาทำอาหาร 45 นาที โดยเมนูและผลคะแนนออกมาดังนี้
ทีม | เมนู | คะแนน | ผล |
---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ลาซัญญาผักขี้เหล็ก มะระทอดกรอบ และไอศกรีมเกล็ดหิมะสะเดาส้มเสาวรส | 26 | แพ้ |
ทีมสีน้ำเงิน | เครปผลไม้ ซอสน้ำส้มมะระเจลลี กับไอศกรีมมะระ | 42 | ชนะ |
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีน้ำเงิน
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีน้ำเงิน): ได้ปลดปล่อยและระบายความเครียด ด้วยการปาจานใส่หุ่นของคณะหัวหน้าเชฟที่ตั้งอยู่หน้าภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น (เกมที่ใช้ในงาน Heliconia Food Festival ตอน Dark Valentine)
- ทีมแพ้ (ทีมสีแดง): ให้ขนวัตถุดิบทั้งหมดกว่า 50 กล่องที่จะใช้ในการเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น จากรถที่มาส่งเข้ามาในครัวแล้วจัดให้เข้าที่ทั้งฝั่งสีแดงและสีน้ำเงิน
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 8: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟวิลแมนคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟเอียนคุมครัวทีมสีน้ำเงินเป็นหลัก
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | จิ๊บ | เฟน, ลูกจรรย์ | เคอร์ | ||
ทีมสีน้ำเงิน | เก่ง | เบียร์ | บิว | มารวย | ||
เมนู | อาหารตะวันตกดั้งเดิม |
|
|
| ||
อาหารตะวันตกสมัยใหม่ |
|
|
|
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทั้งสองทีมมีปัญหาตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีแดง ลูกจรรย์ทำล็อบสเตอร์ดิบ ส่วนทีมสีน้ำเงินจัดจานเรียกน้ำย่อยล่าช้าและเกินเวลาที่กำหนด หลังจากนั้น เบียร์วิ่งไปช่วยจัดจานเรียกน้ำย่อย จนทำให้เนื้อ 4 ชิ้นที่อยู่บนกระทะนั้นไหม้ ต่อมา ลูกค้าส่งจานอาหารกลับมายังทีมสีแดงผ่านเชฟป้อมเพราะพบก้างปู อีกทั้งในทีมสีน้ำเงิน เก่งจัดจานปูผิดจากต้นฉบับ และพยายามโกหกเชฟวิลแมนว่าผักเน่าจนไม่เหลือ ต่อมาในอาหารจานหลัก ทีมสีแดงก็มีปัญหาหลายอย่าง โดยบิวมีปัญหากับการจดรายการอาหาร เฟนทำเนื้อออกมาไม่ได้มาตรฐานถึง 2 ครั้ง และมีจานอาหารที่ถูกตีกลับมาอีกครั้งเพราะลูกจรรย์ทำปลาดิบจนลูกค้าตัดปลาไม่ขาด เชฟวิลแมนจึงโยนจานแตกกลางครัวทีมสีแดงและสั่งให้ทำใหม่ เมื่อทำเสร็จแล้ว และเชฟวิลแมนตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง จึงให้ลูกจรรย์นำจานอาหารไปบริการด้วยตนเองพร้อมขอโทษลูกค้า ต่อมา บิวและเบียร์ก็ถูกลูกค้าตีกลับจานเนื้อวัวเพราะทำเห็ดปูว์เรเย็นเกินไป เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เชฟเอียนจึงพาบิวและเก่งนำจานอาหารไปบริการพร้อมขอโทษลูกค้าเช่นเดียวกัน แต่เฟนกลับทำเนื้อไม่ได้มาตรฐานอีกถึง 3 ครั้ง เชฟเอียนจึงไล่เฟนออกจากครัวเป็นครั้งที่ 2 จิ๊บ (ที่ทำงานในแผนกอาหารเรียกน้ำย่อย) จึงมาทำเนื้อแทนเฟน แต่ก็ยังทำเนื้อออกมาดิบเกินไป เชฟวิลแมนจึงตัดสินใจรับเนื้อของทีมสีน้ำเงินไปบริการแทน และในจานของหวาน เชฟเอียนตำหนิมารวยที่บอกเวลาไม่ตรงกับที่ทำจริง นอกจากนี้ หลังจากนำจานอาหารดังกล่าวไปบริการลูกค้าแล้ว ลูกค้าก็ตีกลับผ่านเชฟอ๊อฟเพราะแป้งดิบ แต่มารวยกลับแก้ไขไม่สำเร็จ เชฟวิลแมนจึงไล่มารวยออกจากครัวไปอีก 1 คน เก่ง (ที่ทำงานในแผนกอาหารเรียกน้ำย่อย) บิว (ที่ทำงานในแผนกเครื่องเคียงและซอส) และเบียร์ (ที่ทำงานในแผนกเนื้อสัตว์) จึงมาทำของหวานแทน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทีมได้นำออเดอร์ทั้งหมดบริการลูกค้าเสร็จพร้อมกัน แต่เนื่องจากทั้งสองทีมมีข้อผิดพลาดเหมือนกัน เชฟเอียนจึงตัดสินให้ทั้งสองทีมเสมอกัน
- ผู้ที่ถูกไล่ออกจากครัว: เฟน และ มารวย
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 8: เสมอทั้งสองทีม
- การคัดออก (Elimination): เนื่องจากเสมอกัน จึงให้ทั้งสองทีม พักร่วมกันในห้องพักรวม หลังจากนั้นเชฟพฤกษ์ได้เดินเข้ามาและบอกให้ทุกคนร่วมกันเลือกผู้เข้าแข่งขันจำนวน 2 คนที่ทำผิดพลาดมากที่สุด จากทีมใดก็ได้ ไปให้เชฟวิลแมนและเชฟเอียนคัดออก หลังจากกลับมาที่ครัว จิ๊บได้เสนอชื่อเฟนและมารวย ซึ่งเป็น 2 คนที่ถูกไล่ออกจากครัวทั้งคู่ จากนั้นเชฟเอียนได้ให้ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือแสดงความคิดเห็นและร่วมตัดสินเกี่ยวกับความผิดพลาดของทั้งคู่ โดยไม่ได้ฟังเหตุผลของเฟนและมารวย โดย เคอร์ บิว จิ๊บ เก่ง และเบียร์ บอกว่าเฟนควรออก มีเพียงลูกจรรย์เท่านั้นที่บอกว่ามารวยควรออก ดังนั้น เชฟวิลแมนจึงตัดสินให้เฟนออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เฟน และ มารวย
- ผู้ที่ถูกคัดออก: เฟน
- ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "ครั้งนี้ผมไม่ได้เลือก แต่ผมให้ทุกคนเป็นผู้เลือก เพราะมันเห็นชัดเจนว่า ใครควรจะอยู่ หรือ ใครควรจะออกจากเฮลล์คิทเช่นแห่งนี้"
ตอนที่ 10: เชฟป้อมและเชฟอ๊อฟ จะมาเฆี่ยนทุกคน
แก้ออกอากาศ 7 เมษายน 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 2 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 2 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
- เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
- เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
- ภารกิจส่วนบุคคล (Individual challenge): ในสัปดาห์นี้ ทางรายการได้เชิญนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทยชุดเหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2022 จำนวน 4 คน มาแสดงความสามารถในการเล่นกีฬาเซปักตะกร้อให้ผู้เข้าแข่งขันรับชม โดยนักกีฬาเซปักตะกร้อที่มา มีดังนี้
- เรืออากาศเอก ศิริวัฒน์ สาขา
- เรืออากาศโท วิชาญ เต็มโคตร
- มฤคินทร์ พันธ์มกร
- จ่าอากาศเอก วรายุทธ จันทรเสนา
จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันแข่งกันเตะลูกตะกร้อให้ลงกล่อง โดยฝั่งสีแดงจะได้เตะตะกร้อเพื่อเลือกประเภทอาหารไทย คือ ส้มตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ลาบปลาดุก หมกปลาซิว ต้มขมเครื่องในวัว และ แกงอ่อมไก่บ้าน ส่วนฝั่งทีมสีน้ำเงินจะได้เตะตะกร้อเพื่อเลือกสัญชาติของอาหารที่จะทำ คือ เวียดนาม ฝรั่งเศส กัวเตมาลา อินเดีย ญี่ปุ่น และ อิตาลี ซึ่งแต่ละคู่จะต้องส่งตัวแทนผู้เข้าแข่งขันมาเตะตะกร้อ จากนั้นให้แต่ละคู่ทำเมนูจากอาหารไทยและสัญชาติที่ทั้งคู่เตะตะกร้อลง ภายในเวลา 45 นาที และเนื่องจากสีแดงมีสมาชิกน้อยกว่า ทีมสีแดงจะต้องทำจานสุดท้ายร่วมกันเพิ่มอีก 1 จาน โดยเมนูอาหารไทย สัญชาติ และคะแนนที่แต่ละคู่ได้ มีดังนี้
คู่ที่ | การแข่งขัน | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
ทีมสีแดง | ทีมสีน้ำเงิน | |||||
อาหารไทย | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนน | ผู้เข้าแข่งขัน | สัญชาติ | ||
1 | ซุบหน่อไม้ | เคอร์ | 2 | 3 | บิว | ญี่ปุ่น |
2 | ลาบปลาดุก | ลูกจรรย์ | 1 | 1 | เบียร์ | อิตาลี |
3 | หมกปลาซิว | จิ๊บ | 3 | 0 | มารวย | อิตาลี |
4 | ต้มขมเครื่องในวัว | จิ๊บ, เคอร์, ลูกจรรย์ | 2 | 3 | เก่ง | กัวเตมาลา |
รวม | ชนะ | 8 | 7 | แพ้ |
- ทีมที่ชนะรอบภารกิจ: ทีมสีแดง
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ทีมชนะ (ทีมสีแดง): ได้ไปท่องเที่ยวแนวผจญภัยด้วยการโหนสลิงชมวิวทิวทัศน์ท่ามกลางธรรมชาติ (Zip line) ที่ Tree Top Adventure Park จังหวัดกาญจนบุรี
- ทีมแพ้ (ทีมสีน้ำเงิน): ให้ทำ Amuse-Bouche (ของว่างพอดีคำ) เพื่อบริการลูกค้าทั้ง 100 คน โดยมีโปรตีนให้เลือก 3 อย่าง ได้แก่ หอยเชลล์ กุ้ง และปลาแซลมอน รวมถึงมีน้ำผลไม้หลากรส พร้อมโยเกิร์ตจากประเทศฝรั่งเศส เป็นองค์ประกอบหลักในจาน
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 9: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 2 คน จึงมีการแบ่งการคุมครัวคนละฝั่ง โดยเชฟอ๊อฟคุมครัวทีมสีแดงเป็นหลัก ส่วนเชฟป้อมคุมครัวทีมสีน้ำเงินเป็นหลัก
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | ||||
ผู้รับผิดชอบ | ทีมสีแดง | ลูกจรรย์ | เคอร์ | จิ๊บ | ||
ทีมสีน้ำเงิน | มารวย | บิว | เก่ง | เบียร์ | ||
เมนู | อาหารเอเชียแนวผสมผสาน |
|
|
| ||
อาหารไทยร่วมสมัย |
|
|
|
- จานพิเศษก่อนมื้ออาหาร: Seafood Amuse-Bouche
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ทั้งสองทีมมีปัญหาตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยทีมสีน้ำเงิน มารวยทำจานทาโก้ส่งให้เชฟป้อมช้าเกินไป ทำให้จานยำทวายถูกส่งกลับ ส่วนทีมสีแดง มีไข่นกกระทาไหลเยิ้มในจานทาโก้ที่ลูกจรรย์ส่ง เชฟอ๊อฟจึงสั่งให้ทำใหม่ ต่อมา ทั้งสองทีมก็มีปัญหากับอาหารจานหลัก ซึ่งบิวและเคอร์ทำเนื้อผิดมาตรฐานหลายครั้ง อีกทั้งเคอร์ยังทำซอสไหม้อีกด้วย หลังจากนั้น เนื้อของทั้งสองทีมไม่มีเหลือ ทำให้ไม่สามารถนำไปบริการลูกค้าได้อีก เชฟป้อมและเชฟอ๊อฟจึงต้องตัดสินใจเปลี่ยนเมนูให้ลูกค้าใหม่จากเนื้อเป็นกุ้ง จากนั้น ทั้งคู่จึงพาบิวและเคอร์นำจานกุ้งไปบริการพร้อมขอโทษลูกค้า ส่วนของหวาน แม้ว่าทั้งสองทีมจะไม่มีปัญหาติดขัดในการจัดการอาหาร แต่ในทีมสีน้ำเงิน เก่งและเบียร์กลับเกิดความไม่พอใจเพราะลูกค้าคนสุดท้ายไม่เรียกจานของหวานจากทีมของตนสักที จนกระทั่งทีมสีแดงนำจานของหวานไปบริการลูกค้าเสร็จก่อนแล้ว จึงเกิดความกังวลว่าพวกเขาจะแพ้ในรอบนี้ แต่ในที่สุด ลูกค้าคนสุดท้ายก็เรียกจานของหวานให้ทีมสีน้ำเงินบริการจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้น เชฟป้อมได้แจ้งว่า ถึงแม้ว่าทีมสีแดงจะบริการลูกค้าเสร็จก่อน แต่ก็ไม่มีผลที่จะทำให้ทีมชนะ เพราะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้าในการเรียกอาหาร รวมทั้งระยะเวลาการรับประทานอาหารของลูกค้า นอกจากนี้ยังสอนทีมสีน้ำเงินด้วยว่า หากลูกค้าคนสุดท้ายยังไม่เดินออกจากภัตตาคาร จะต้องบริการให้เสร็จสมบูรณ์ ไม่ควรบ่นหรือแสดงความไม่พอใจออกมา จากนั้นได้สรุปผลการประเมินการทำงานในครั้งนี้ว่า ทั้งสองทีมมีข้อผิดพลาดใกล้เคียงกัน จึงตัดสินให้ทั้งสองทีมเสมอกัน พร้อมแจ้งให้ทั้งสองทีมเลือกผู้เข้าแข่งขันที่ทำผิดพลาดที่สุดให้ตนเองและเชฟอ๊อฟคัดออกทีมละ 1 คน
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 9: เสมอทั้งสองทีม
- การคัดออก (Elimination): เคอร์และบิวได้เสนอชื่อตนเอง โดยเคอร์ได้อธิบายว่าตนทำเนื้อพลาด จนต้องเปลี่ยนเมนูให้ลูกค้าเป็นกุ้งแทน เชฟอ๊อฟเสริมอีกว่าข้อผิดพลาดอีกอย่างของเคอร์ก็คือ ความล่าช้าในการจัดการเนื้อและกุ้ง ส่งผลให้ลูกค้าต้องรอนาน ส่วนบิวได้อธิบายว่าตนเองจัดการเนื้อผิดพลาดถึง 4-5 ครั้ง ทำให้เสียชิ้นเนื้อมากถึง 7 ชิ้น โดยบิวได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยอมรับในข้อผิดพลาด และมีความเป็นนักสู้ พร้อมที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นโดยจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก จากนั้นเมื่อถูกถามว่าใครควรออก เคอร์มองว่าบิวควรถูกคัดออก เพราะจัดการเนื้อผิดพลาดมากกว่าตน ในขณะที่ตนจัดการเนื้อผิดพลาดเพียง 3 ชิ้นสุดท้ายเท่านั้น ส่วนบิวก็มองว่าตนควรถูกคัดออก เพราะตนทำพลาดจนไม่สามารถบริการเนื้อได้ครบ หลังจากที่คณะหัวหน้าเชฟปรึกษาหารือกันแล้ว เชฟป้อมได้ตัดสินให้ทั้งคู่ออกจากการแข่งขัน แต่หลังจากนั้น เชฟป้อมได้เสริมว่า ในการบริการอาหารเย็นทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งสองทีมใช้เวลาจัดการภายในครัวมากถึง 2 ชั่วโมง 30 นาที แต่ในครั้งนี้ ทั้งสองทีมใช้เวลาจัดการไม่ถึง 2 ชั่วโมง ดังนั้น เชฟป้อมจึงตัดสินใจใหม่ โดยไม่มีการคัดผู้เข้าแข่งขันออกจากการแข่งขันในครั้งนี้
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เคอร์ และ บิว
- ผู้ที่ถูกคัดออก: ไม่มี
- ความคิดเห็นของเชฟป้อม: "วันนี้ ถือว่าทั้งสองทีมมีพัฒนาการที่ดีมากขึ้น อยากให้ทั้งสองทีมมีกำลังใจที่จะสู้ต่อ หวังว่าครั้งหน้า เขาจะทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก"
ตอนที่ 11: ประเดิมความโหดครั้งแรกของรอบเสื้อดำ (Black Jacket) ด้วย Head Chef 3 คน
แก้ออกอากาศ 21 เมษายน 2567
ก่อนเริ่มการแข่งขัน กระดาษสีดำได้ถูกโปรยใส่ผู้เข้าแข่งขัน และมีตู้แสดงจำนวน 7 ตู้ เลื่อนลงมาจากด้านบน ภายในตู้แสดงมีเสื้อยูนิฟอร์มสีดำ (Black Jacket) โดยเชฟเอียนได้ระบุไว้ว่า "ผู้ที่ได้ Black Jacket ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จากทุกโจทย์ ทุกสัปดาห์ จนเป็นกลุ่มคนกลุ่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ในเฮลล์คิทเช่นแห่งนี้" จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 7 คนเข้าไปรับเสื้อดำมาใส่
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ เป็นครั้งแรกมีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 3 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 3 โจทย์อาหาร ดังนี้
- เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
- เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
- เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
- ภารกิจ (Challenge): ในภารกิจส่วนบุคคลครั้งแรกของรอบเสื้อดำนี้เป็นการทดสอบทักษะการสื่อสาร โดยทางรายการได้เชิญนักมวยมืออาชีพจำนวน 7 คน เข้ามาร่วมรายการ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องจับคู่นักมวย และออกมาสุ่มหยิบเซียมซีเพื่อรับเมนูอาหารที่จะต้องทำ โดยใช้เนยเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารแต่ละเมนู จากนั้นผู้เข้าแข่งขันจะต้องฝึกสอนและบอกวิธีการให้นักมวยทำอาหารที่แต่ละคู่ได้รับอย่างใกล้ชิด โดยต้องสวมเข็มขัดห่างกันเพื่อแยกผู้เข้าแข่งขันกับคู่นักมวยของตนเองออกเป็นระยะไม่ต่ำกว่า 1 เมตร มีเวลาในการแข่งขัน 45 นาที
- เหตุการณ์ในระหว่างการแข่งขัน: มีผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ฝ่าฝืนช่วยกันหยิบจับวัตถุดิบโดยไม่ได้รับอนุญาต เชฟวิลแมนสั่งให้ทีมงานมัดมือผู้เข้าแข่งขันไว้ด้านหลังเพื่อให้ไม่สามารถแตะต้องอุปกรณ์และวัตถุดิบในการทำอาหารใด ๆ ได้ นอกจากนี้ จิ๊บยังพยายามชิมอาหารจากฝีมือนักมวย แต่คณะหัวหน้าเชฟไม่อนุญาต และได้ประกาศกติกาเพิ่มเติมว่า ไม่อนุญาตให้นักมวย ป้อนอาหารให้เชฟชิมเด็ดขาด สุดท้าย ผลคะแนนออกมาเป็นดังนี้
ลำดับที่ | ผู้เข้าแข่งขัน | นักมวย | เมนู | คะแนนจากหัวหน้าเชฟ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เชฟเอียน | เชฟป้อม | เชฟวิลแมน | เชฟอ๊อฟ | รวม | ||||
1 | เคอร์ | แรมโบ้เลือดเดือด ธนญชัย | แลมบ์แร็กซอสมัสมั่น | 2 | 2 | 3 | 2 | 9 |
2 | จิ๊บ | โบวี่ ตี๋อำมหิต | สเต๊กแซลมอนซอสฮอแลนเดสเสิร์ฟพร้อมผักย่าง | 2 | 3 | 3 | 3 | 11 |
3 | ลูกจรรย์ | เอ็ดดี้ เพชรยินดี | ทอร์เทลลินีไส้เห็ดครีมซอส | 1 | 2 | 2 | 2 | 7 |
4 | มารวย | โยเนียร์ จ.เมืองศรี | แฮมเบิร์กซอสมิโซะ | 2 | 3 | 2 | 3 | 10 |
5 | เก่ง | หรั่งขาว ว.สังข์ประไพ | รีซอตโตเขียวหวานเนื้อย่าง | 2 | 1 | 2 | 2 | 7 |
6 | เบียร์ | มหาเวทย์ ก.ทรายหล้า | พาสตาเส้นสดเสิร์ฟพร้อมแซลมอนย่างซอสเพสโต | 3 | 3 | 3 | 2 | 11 |
7 | บิว | โอเค ซ้ายเอทีเอ็ม | พอตพายฮังเลหมูตุ๋น | 2 | 1 | 2 | 2 | 7 |
เนื่องจากมีผู้ที่ได้คะแนนมากที่สุดเท่ากัน 2 คน คือ จิ๊บ และเบียร์ คณะหัวหน้าเชฟจึงปรึกษาหารือกัน สุดท้าย เชฟอ๊อฟได้ตัดสินให้จานที่ดีที่สุดเป็นของจิ๊บ ทำให้จิ๊บเป็นผู้ชนะในรอบนี้ไปโดยปริยาย
- ผู้ชนะรอบภารกิจ: จิ๊บ
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ผู้ชนะ (จิ๊บ): ได้ไปล่องเรือดินเนอร์สุด Exclusive จาก Khana Yacht Charter ดื่มด่ำไปกับวิวพระอาทิตย์ตกแสนงดงาม ในเส้นทางสุดโรแมนติกกลางแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจิ๊บได้เลือกเก่งให้ไปร่วมด้วย
- คนที่เหลือ: ให้ใช้แรงงานในการซักผ้าปูโต๊ะให้กลับมาสะอาด
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 10: ในตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่มีการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 3 คน จึงมีการแบ่งประเภทอาหาร โดยเชฟวิลแมนเป็นผู้เรียกรายการอาหารและตรวจสอบอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟเอียนตรวจสอบอาหารจานหลัก และเชฟป้อมตรวจสอบของหวานทั้งหมด และในครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องออกไปนำเสนอเมนูที่บริการให้ลูกค้าฟังเพื่อแบ่งเบาภาระของเชฟอ๊อฟด้วย โดยลูกจรรย์รับหน้าที่นี้
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
อาหารทะเล | องค์ประกอบ | เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | ||
ผู้รับผิดชอบ | มารวย | จิ๊บ | เคอร์ | เก่ง | บิว | ลูกจรรย์, เบียร์ |
เมนู |
|
|
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: การเปิดภัตตาคารครั้งแรกในรอบเสื้อดำมีปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยมารวยทำสแกลลอปผิดพลาดหลายครั้ง มีทั้งสุกเกินไปและดิบ เชฟวิลแมนจึงเขวี้ยงจานแตกกลางครัว และโยนถาดสแกลลอปทั้ง 2 ถาดลงที่พื้นด้วย อีกทั้งมารวยใช้น้ำมันปริมาณที่มากเกินไปในการจี่สแกลลอป ทำให้การจัดการเวลาล่าช้า ต่อมาในอาหารจานหลัก เคอร์สับสนกับการจัดการอาหาร ทำให้ส่งเนื้อวัวและเนื้อแกะในจำนวนที่ผิดพลาด ต่อมาได้รับออเดอร์พิเศษที่ลูกค้าสั่งมาว่าไม่รับประทานเนื้อวัวและเนื้อแกะ (ลักษณะคล้ายกับที่เคยมีในตอนที่ 6) เก่งจึงรับอาสาทำอาหารพิเศษจานนี้เช่นเดียวกับที่เคยทำในตอนที่ 6 เมื่อทำเสร็จแล้ว และเชฟเอียนที่ดูแลอาหารจานหลักตรวจสอบแล้วว่าถูกต้อง เก่งจึงนำจานอาหารพิเศษดังกล่าวออกไปบริการและนำเสนอลูกค้าด้วยตนเอง ต่อมา บิวและเคอร์ทำเนื้อออกมาผิดเป็นระดับ Rare ถึง 2 ครั้ง แม้ว่าจะช่วยกันแก้ไขได้สำเร็จ แต่เชฟวิลแมนเห็นว่าไม่มีใครจัดเครื่องเคียงบนจานเลย จึงต้องเรียกให้ทุกคนไปช่วยกัน และในจานของหวาน ลูกจรรย์ทำกะทิในจานขนมโคเย็นเกินไป รวมถึงทำจานส้มฉุนผิดพลาดถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกลืมใส่เยลลี่ขิง ส่วนครั้งที่สองใส่ส้มไม่ครบ และต่อมาเชฟป้อมได้เรียกทุกคนออกมาดูเศษสีดำในจานส้มฉุนซึ่งไม่สมควรนำออกไปบริการลูกค้า และให้ทุกคนนำกลับไปแก้ไข ระหว่างนั้น เชฟป้อมเห็นว่าเคอร์กำลังปอกส้ม จึงตำหนิลูกจรรย์ที่ไม่ได้ปอกส้มเตรียมไว้ก่อน แต่ลูกจรรย์กลับเถียงว่าส้มหมดพอดี เชฟป้อมจึงสวนกลับไปทันทีว่าเป็นเพราะเตรียมไม่พอต่างหาก หลังจากนั้น เบียร์ทำขนมโค 5 จานโดยที่เชฟวิลแมนยังไม่ได้เรียก ทำให้เชฟป้อมต้องเตือน โดยระบุว่าหากเป็นภัตตาคารปกติ การกระทำนี้ถือเป็นการสิ้นเปลืองต้นทุน อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ได้นำออเดอร์บริการลูกค้าจนสำเร็จ แต่เชฟวิลแมนเล็งเห็นว่าในการบริการครั้งนี้ยังมีความผิดพลาดอย่างมาก จึงแจ้งให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนไปเลือก 2 คนที่ทำผิดพลาดที่สุดมาให้คัดออก
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 10: ผ่าน (เสร็จสมบูรณ์)
- การคัดออก (Elimination): มารวยและเคอร์ได้ยกมือเสนอชื่อตนเอง โดยมารวยอธิบายว่าตนส่งสแกลลอปที่มีทั้งสุกเกินไปและดิบเกินไป พร้อมกับทำสแกลลอปช้า ประกอบกับอาหารที่ส่งไปไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ตนต้องการ ทำให้การบริการอาหารล่าช้ามากกว่าที่ควรจะเป็น ตนเองก็สมควรจะออกด้วยเหตุผลนี้ ส่วนเคอร์อธิบายว่าตนเองทำผิดพลาดในส่วนของอุณหภูมิของเนื้อ โดยเนื้อที่เคอร์ทำผิดพลาดทั้งสองครั้งเป็นแบบ Rare ซึ่งผิดจากที่เชฟเอียนต้องการคือ Medium Rare และยังบอกว่า ถ้ากรรมการจะให้ตนออกจากการแข่งขัน ตนก็จะยอมรับผล แต่เชฟวิลแมนเล็งเห็นว่าทัศนคติของมารวยนั้นไม่ดีพอสำหรับการแข่งขันต่อ เพราะช่วงก่อนเปิดภัตตาคาร เชฟพฤกษ์ได้เข้าไปเตือนมารวยเรื่องแกะปูแล้ว แต่มารวยกลับไม่สนใจปูและต้นทุนทั้งหมดที่สูญเสียไป และในระหว่างบริการ มารวยทำสแกลลอปโดยไม่สนใจว่าเชฟวิลแมนจะเรียกหรือไม่ เพราะกลัวว่าจะทำไม่ทัน ซึ่งส่งผลทำให้สแกลลอปทั้งหมดที่ทำนั้นสุกเกินไปจนนำออกไปบริการไม่ได้ อีกทั้งเชฟวิลแมนยังมองว่ามารวยอาจจะไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของภัตตาคารได้หากจ้างมารวยมาเป็นหัวหน้าเชฟ เพราะไม่ใช่เงินที่มารวยจ่ายไป ดังนั้น จึงตัดสินให้มารวยออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เคอร์ และ มารวย
- ผู้ที่ถูกคัดออก: มารวย
- ความคิดเห็นของเชฟวิลแมน: "นี่คือการแข่งขันเฟ้นหาเชฟที่จะมารันครัวของร้านเฮลล์คิทเช่น แต่วันนี้ มารวยทำให้เรารู้ว่า เขายังไม่เหมาะสมในตำแหน่งนั้น ผมจึงเลือกที่จะให้เขากลับบ้านในวันนี้"
ตอนที่ 12: 3 Head Chef 3 สัญชาติอาหาร กับความท้าทายใหม่
แก้ออกอากาศ 28 เมษายน 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 3 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 3 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
- เชฟป้อม/โจทย์อาหารไทยร่วมสมัย
- เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
- เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
- ภารกิจ (Challenge): รอบนี้เป็นการทดสอบการทำอาหารข้างถนน (Street Food) โดยทางรายการได้เชิญผู้ชำนาญการเกี่ยวกับอาหารข้างถนนจำนวน 6 คน เข้ามาในรายการ เพื่อแข่งขันทำอาหารข้างถนนกับผู้เข้าแข่งขันทั้ง 6 คนแบบตัวต่อตัว โดยมีการหมุนวงล้อเพื่อจับคู่ผู้เข้าแข่งขันกับคู่แข่ง และแต่ละคู่จะต้องออกมาเสี่ยงเซียมซีเพื่อรับเมนูโจทย์สำหรับการทำอาหาร โดยมีเวลาในการแข่งขัน 25 นาทีสำหรับทำอาหาร 4 จาน แต่ทางรายการได้หุงข้าวเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว และคณะหัวหน้าเชฟทั้ง 4 คนมอบหมายให้ผู้ช่วยเชฟทั้ง 2 คนควบคุมการแข่งขันในรอบนี้ ส่วนคณะหัวหน้าเชฟจะออกไปอยู่ด้านนอกเพื่อรอตัดสินจานอาหารในรูปแบบ Blind Testing คือ คณะหัวหน้าเชฟจะไม่ทราบว่าจานที่ชิมเป็นจานของผู้เข้าแข่งขันฝ่ายใด โดยเมื่อหมดเวลาการทำอาหาร คณะหัวหน้าเชฟจะเดินกลับมาแล้วยืนหันหลังให้ผู้เข้าแข่งขันและชิมอาหาร โดยจาน A เป็นจานของผู้เข้าแข่งขันเฮลล์คิทเช่น และจาน B เป็นจานของผู้ชำนาญการเกี่ยวกับอาหารข้างถนน ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่จะเป็นผู้ชนะได้ จะต้องชนะคู่ของตน และคะแนนรวมมากที่สุด และผลคะแนนออกมาเป็นดังนี้
คู่ที่ | เมนู | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนนจากหัวหน้าเชฟ | ผู้ชนะใน แต่ละคู่ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เชฟวิลแมน | เชฟอ๊อฟ | เชฟป้อม | เชฟเอียน | รวม | ||||||
1 | หมึกผัดไข่เค็ม เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย | เฮลล์คิทเช่น (A) | เก่ง | 1 | 1 | 2 | 2 | 6 | คุณแนน | |
ผู้ชำนาญการ (B) | คุณแนน | ร้านครัวบุญปาก | 3 | 3 | 3 | 3 | 12 | |||
2 | ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ | เฮลล์คิทเช่น (A) | บิว | 0 | 0 | 1 | 0 | 1 | คุณปื๊ด | |
ผู้ชำนาญการ (B) | คุณปื๊ด | ร้านปื๊ด กุ้งแม่น้ำ | 2 | 2 | 2 | 2 | 8 | |||
3 | กบทอดกระเทียมราดข้าวไข่ดาวเยิ้ม | เฮลล์คิทเช่น (A) | เคอร์ | 2 | 2 | 2 | 0 | 6 | เคอร์ | |
ผู้ชำนาญการ (B) | คุณแบงค์ | ร้านจิตสดชื่น | 1 | 1 | 1 | 2 | 5 | |||
4 | ข้าวราดกะเพราไข่เยี่ยวม้าใบกะเพรากรอบ | เฮลล์คิทเช่น (A) | จิ๊บ | 3 | 3 | 3 | 3 | 12 | จิ๊บ | |
ผู้ชำนาญการ (B) | คุณจิ๋ว | ร้านเจ๊จิ๋วตะหลิวบิน | 0 | 1 | 0 | 1 | 2 | |||
5 | ข้าวราดทะเลผัดฉ่า กุ้ง หอย หมึก | เฮลล์คิทเช่น (A) | ลูกจรรย์ | 1 | 1 | 1 | 1 | 4 | คุณอาร์ม | |
ผู้ชำนาญการ (B) | คุณอาร์ม | ร้านวีรวัฒน์ ข้าวต้มปลาเก๋า | 0 | 1 | 1 | 3 | 5 | |||
6 | ข้าวราดผัดเผ็ดปลาดุกกรอบ | เฮลล์คิทเช่น (A) | เบียร์ | 3 | 3 | 3 | 3 | 12 | เบียร์ | |
ผู้ชำนาญการ (B) | คุณวินิจ | ร้านเปี๊ยก ตำสะเด็ด ลั่นทุ่ง | 1 | 1 | 1 | 1 | 4 |
- ผู้ชนะรอบภารกิจ: จิ๊บ และ เบียร์
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ผู้ชนะ (จิ๊บ, เบียร์): ได้ไปท่องเที่ยววิถีธรรมชาติที่ปางช้างไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
- คนที่เหลือ: ให้ทำความสะอาดคอกควายหน้าภัตคาคารเฮลล์คิทเช่นทั้งหมด
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 11: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 3 คน จึงมีการแบ่งประเภทอาหาร โดยเชฟป้อมเป็นผู้เรียกรายการอาหารและตรวจสอบอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟอ๊อฟตรวจสอบอาหารจานหลัก และเชฟเอียนตรวจสอบของหวานทั้งหมด และในครั้งนี้ ผู้เข้าแข่งขันที่รับผิดชอบจานพายบานอฟฟี จะต้องทอด จัดจานและบริการที่โต๊ะลูกค้า (Table side) โดยเก่งรับหน้าที่นี้
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | |
---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | |||
ผู้รับผิดชอบ | เคอร์, เบียร์ | ลูกจรรย์ | จิ๊บ | เก่ง, บิว |
เมนู |
|
|
|
หมายเหตุ: ตัวเอน คือ เมนูพิเศษ
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยเบียร์จัดจานยำทวายล่าช้า ทำให้ทุกคนต้องมารุมช่วย นอกจากนั้นเบียร์ยังทำน้ำยำไม่ได้มาตรฐาน จัดไก่ชิ้นเล็กเกินไปลงในจานถึง 2 ครั้ง และยังจัดจานยำทวายเกินจากที่เชฟป้อมสั่ง ส่วนเคอร์มีปัญหาเล็กน้อยกับการปิดทองคำเปลวบนพัฟแต่ก็แก้ไขได้ ถัดมาในอาหารจานหลัก ลูกจรรย์มีปัญหาเล็กน้อยกับการทำเนื้อ โดยมี 1 ชิ้น ที่ทำผิดจากระดับ Medium Well ที่เชฟอ๊อฟต้องการและกลายเป็น Medium แต่เมื่อแก้ไขแล้วก็ไม่มีปัญหาติดขัด แต่กลับเกิดข้อผิดพลาดอย่างมากในการบริการของหวาน โดยเฉพาะการบริการพายบานอฟฟี่ที่โต๊ะลูกค้า เนื่องจากเก่งทอดแป้งฟิลโลไม่เรียบร้อยตั้งแต่เริ่ม และลืมน้ำตาลไอซิ่งไว้ที่ครัว ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับไอศกรีมในจานฮาร์เวสต์ของลูกค้าอีกคนที่มาด้วยกันเริ่มละลาย และเชฟเอียนได้มาตรวจสอบพบว่าบานอฟฟี่จานแรกขาด Berry Compote ซึ่งเป็นส่วนประกอบในจาน ต่อมา เชฟเอียนเห็นว่าเก่งทำบานอฟฟี่ต่อหน้าลูกค้าอยู่คนเดียวและไม่มีใครช่วย จึงต้องเรียกให้อีกสองคนไปช่วยบริการลูกค้าที่โต๊ะเพื่อแบ่งเบาภาระของเก่ง จิ๊บกับเบียร์ซึ่งเสร็จจากหน้าที่ของตนเองแล้วจึงได้ออกไปช่วยทำ แต่ในตอนแรกเบียร์เข็นรถเข็นไปทำผิดโต๊ะ ต่อมา เบียร์ทำน้ำมันไหม้ จึงกลับมาเอาน้ำมันที่ครัว แล้วเก่งจึงตามมาสบถด่าเบียร์ หลังจากนั้น แป้งฟิลโลไม่พอทอดและบริการลูกค้า จิ๊บและเบียร์จึงต้องกลับมาทำแป้งฟิลโลเพิ่มเติม โดยมีบิวมาช่วย แต่ในขณะเดียวกัน ลูกจรรย์ใส่ไนโตรเจนเหลวในไอศกรีมที่บิวทำไว้มากเกินไป จนทำให้ไอศกรีมแข็งและตักออกไม่ได้ นอกจากนี้เก่งยังปั้นไอศกรีมด้วยมือ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดหลักสุขอนามัย ประกอบกับมีปัญหากับการสื่อสารเป็นอย่างมาก เชฟเอียนจึงสั่งปิดครัวทันที ทำให้เป็นการปิดครัวในรอบเสื้อดำเป็นครั้งแรกของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ แล้วให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเลือก 4 คนที่ทำผิดพลาดมากที่สุดมาให้คัดออก
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 11: ไม่ผ่าน (ถูกปิดครัว)
- การคัดออก (Elimination): เก่ง เคอร์ บิว และเบียร์ เป็น 4 คนที่ยกมือเสนอชื่อตนเอง จากนั้นคณะหัวหน้าเชฟได้ถามอีก 2 คนที่ไม่ได้เสนอชื่อว่าใครผิดพลาดน้อยที่สุดใน 4 คนดังกล่าว ซึ่งลูกจรรย์คิดว่าเคอร์ผิดพลาดน้อยที่สุด ส่วนจิ๊บคิดว่าบิวผิดพลาดน้อยที่สุด โดยให้เหตุผลว่าบิวเตรียมขนมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย และปัญหาที่ทำให้ปิดครัวคือการสื่อสารที่ผิดพลาด เชฟวิลแมนจึงถามจิ๊บว่าการสื่อสารพลาดที่ใคร แต่จิ๊บไม่สามารถตอบได้ เชฟวิลแมนจึงผิดหวังกับจิ๊บมาก แล้วให้เคอร์กลับไปรวมกับเพื่อนก่อน จากนั้นจึงถามบิวและเก่งถึงความผิดพลาด ซึ่งบิวและเก่งตอบตรงกันว่าปัญหาเกิดจากการสื่อสาร โดยเก่งคิดว่าทั้งคู่รับผิดชอบของหวานร่วมกัน จึงสมควรจะออกพร้อมกัน แต่บิวได้กล่าวว่าตนไม่ได้ผิดพลาดมากพอที่จะถูกคัดออก ดังนั้นเชฟเอียนจึงถามถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของทั้งคู่ ซึ่งทั้งคู่ได้อธิบายอย่างละเอียด ทำให้เชฟเอียนสรุปได้ว่าเก่งเสียเวลาดูคนอื่นจนลืมหน้าที่ของตนเอง ในขณะที่บิวรับผิดชอบหน้าที่ตนเอง แล้วยังช่วยคนอื่นทำด้วย ดังนั้น เชฟเอียนจึงให้บิวกลับไปรวมกับเพื่อน จากนั้นเชฟป้อมได้ถามเบียร์ถึงข้อผิดพลาดของตนเอง โดยเบียร์ได้อธิบายว่าตนจัดจานยำทวายล่าช้า เชฟป้อมจึงได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เบียร์มีคนอื่นมาช่วยทำ โดยเคอร์ทำน้ำแกง จิ๊บหั่นไก่ และบิวลวกผัก ในขณะที่เบียร์ทำแค่เยลลี่และหั่นผัก และไม่ได้ช่วยเคอร์ทำจานพัฟเลย หลังจากที่คณะหัวหน้าเชฟปรึกษาหารือกันแล้ว เชฟป้อมจึงตัดสินให้เก่งออกจากการแข่งขัน
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เก่ง, เคอร์, บิว และ เบียร์
- ผู้ที่ถูกคัดออก: เก่ง
- ความคิดเห็นของเชฟป้อม: "คนที่จะเป็นแชมป์เฮลล์คิทเช่นได้ ไม่ใช่เพียงแค่เห็นปัญหาทุกจุดของคนอื่น แต่ลืมที่จะมองปัญหาของตัวเอง"
ตอนที่ 13: การคุมครัวนรกร่วมกันของ 3 Head Chef ระดับตัวพ่อ
แก้ออกอากาศ 5 พฤษภาคม 2567
- หัวหน้าเชฟประจำสัปดาห์/โจทย์: ในสัปดาห์นี้ มีหัวหน้าเชฟคุมครัวพร้อมกันจำนวน 3 คน และมีการผสมผสานกันระหว่าง 3 โจทย์อาหารเช่นเดิม ดังนี้
- เชฟเอียน/โจทย์อาหารตะวันตกสมัยใหม่
- เชฟวิลแมน/โจทย์อาหารตะวันตกดั้งเดิม
- เชฟอ๊อฟ/โจทย์อาหารเอเชียแนวผสมผสาน
- ภารกิจ (Challenge): รอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแกะสูตรอาหารจากเมนูพิเศษของคณะหัวหน้าเชฟทั้ง 4 คน และทำออกมาให้เหมือนต้นฉบับ โดยใช้เนื้อสะโพกหมูเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อวัดทักษะของผู้เข้าแข่งขันในการเป็นเชฟ 4 ด้าน คือ การรับรู้รส ความรอบรู้วัตถุดิบ วิธีการปรุงอาหาร และความจำ ซึ่งคณะหัวหน้าเชฟได้ให้ผู้เข้าแข่งขันเล่นโอน้อยออกและเป่ายิ้งฉุบ เพื่อเสี่ยงลำดับการเลือกอาหาร จากนั้นมีเวลา 45 นาทีในการทำเมนูที่ได้รับ และหากผู้เข้าแข่งขันชิมเมนูที่ได้รับเสร็จแล้ว หัวหน้าเชฟจะเก็บจานของตนออก โดยเมนูที่ผู้เข้าแข่งขันได้รับและคะแนน มีดังนี้
ลำดับที่ | ผู้เข้าแข่งขัน | ลำดับการ เลือกเมนู |
หัวหน้าเชฟ เจ้าของเมนู |
คะแนนจากหัวหน้าเชฟ | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เชฟวิลแมน | เชฟอ๊อฟ | เชฟป้อม | เชฟเอียน | รวม | ||||
1 | เบียร์ | 5 | เชฟวิลแมน | 0 | 1 | 0 | 0 | 1 |
2 | บิว | 3 | เชฟอ๊อฟ | 2 | 2 | 2 | 1 | 7 |
3 | เคอร์ | 1 | เชฟเอียน | 2 | 2 | 2 | 3 | 9 |
4 | จิ๊บ | 2 | เชฟป้อม | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 |
5 | ลูกจรรย์ | 4 | เชฟอ๊อฟ | 0 | 1 | 0 | 1 | 2 |
หมายเหตุ: ตัวเอน คือคะแนนจากหัวหน้าเชฟเจ้าของเมนูที่ผู้เข้าแข่งขันคนนั้น ๆ ทำ
- ผู้ชนะรอบภารกิจ: เคอร์
- รางวัล/บทลงโทษ:
- ผู้ชนะ (เคอร์): ได้ไปเล่นเครื่องเล่นทางน้ำผาดโผน Flyboard ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยเคอร์ได้เลือกลูกจรรย์ให้ไปร่วมด้วย
- คนที่เหลือ: ให้อาบน้ำหมูทุกตัว
- บริการอาหารเย็น (Dinner service) ครั้งที่ 12: ในตอนนี้ เป็นการคุมครัวพร้อมกันของหัวหน้าเชฟ 3 คน จึงมีการแบ่งประเภทอาหาร โดยเชฟเอียนเป็นผู้เรียกรายการอาหารและตรวจสอบอาหารเรียกน้ำย่อย เชฟวิลแมนตรวจสอบอาหารจานหลัก และเชฟอ๊อฟตรวจสอบของหวานทั้งหมด
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | อาหารทะเล | |||
ผู้รับผิดชอบ | ลูกจรรย์ | เบียร์ | เคอร์ | บิว | จิ๊บ | |
เมนู |
|
|
|
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย โดยบิวทำสแกลลอปดิบถึง 2 ครั้ง และเบียร์ส่งเป็ดให้เชฟเอียนล่าช้าเกินไป รวมถึงมีปัญหาการสื่อสารระหว่างบิวและเบียร์ แต่ก็แก้ไขได้สำเร็จ ต่อมาในอาหารจานหลัก เบียร์ทำเนื้อวัวจานแรกผิดพลาดเป็น Medium ถึง 2 ชิ้น แต่แก้ไขได้ แต่ในจานนั้นเคอร์ส่งซอสที่ผิดพลาดให้เชฟวิลแมนถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกส่งซอสที่เปรี้ยวเกินไป ส่วนครั้งที่สองทำเบอร์เนสซอสสุกเกินไป ทำให้อาหารจานหลักชุดแรกจำนวน 5 จานถูกส่งกลับทั้งหมด หลังจากนั้นเบียร์ทำเนื้อวัวผิดพลาดอีก โดยครั้งที่สองผิดเป็น Well Done ทั้งชุดจำนวน 5 ชิ้น ครั้งที่สามผิดเป็น Blue Rare และในขณะนั้นอาหารจานหลักสองจานแรกถูกส่งกลับเนื่องจากเย็นชืดลง เชฟวิลแมนจึงโยนจานดังกล่าวทิ้งและสั่งให้ทำใหม่ เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เชฟวิลแมนจึงได้เรียกเบียร์ให้ออกไปขอโทษลูกค้า แต่หลังจากนั้นเบียร์ทำเนื้อผิดเป็น Rare อีก 2 ครั้ง รวมแล้วเบียร์ทำผิดพลาดทั้งหมด 5 ครั้ง ส่วนในจานของหวาน มีจานหนึ่งที่ลูกค้าส่งกลับเพราะไอศกรีมละลาย แต่หลังจากแก้ไขได้สำเร็จแล้ว ก็ไม่มีปัญหาใดอีก ทั้งหมดได้ส่งออเดอร์บริการลูกค้าสำเร็จทั้งหมด แต่เชฟเอียนยังเห็นว่าในครั้งนี้ยังมีข้อผิดพลาด จึงให้ทุกคนเลือก 2 คนที่ทำผิดพลาดมากที่สุดมาให้คัดออก
- ผลการบริการอาหารเย็น ครั้งที่ 12: ผ่าน (เสร็จสมบูรณ์)
- การคัดออก (Elimination): จิ๊บได้เสนอชื่อเบียร์และเคอร์ จากนั้นเชฟป้อมได้ถามจิ๊บถึงคนที่ควรออก จิ๊บจึงอธิบายความผิดพลาดของทั้งคู่ และสรุปว่าเบียร์ควรออก จากนั้น คณะหัวหน้าเชฟได้ถามถึงข้อผิดพลาดของทั้งคู่ โดยทั้งคู่ได้อธิบายอย่างละเอียด จากนั้นเชฟวิลแมนได้เสริมในกรณีของเคอร์ว่าซอสผิดพลาดทำให้อาหารจานหลักถึงมือลูกค้าล่าช้าไปกว่า 10 นาที และยังกล่าวว่าในช่วงก่อนเปิดภัตตาคาร ตนเองได้เตือนให้เคอร์ปรับแก้เรื่องความเปรี้ยวของซอสแล้ว แต่เคอร์ทำไม่สำเร็จ จากนั้นจึงถามเคอร์ว่าใครผิดพลาดมากกว่า เคอร์จึงตอบว่าเป็นตนเอง แต่กล่าวต่อว่ายังไม่อยากออกจากการแข่งขัน ส่วนเชฟเอียนได้เสริมในกรณีของเบียร์ว่า ทุกครั้งที่เบียร์ได้รับผิดชอบเนื้อสัตว์ มีความผิดพลาดเกิดขึ้นทุกครั้งและนับครั้งไม่ถ้วน ทั้ง ๆ ที่มีตำแหน่งเป็นเชฟผู้บริหาร และยังเปรียบเทียบกับการทำเนื้อของลูกจรรย์ในตอนที่แล้ว ซึ่งแม้จะเรียนจบเชฟได้ไม่นาน แต่ทำเนื้อได้โดยมีข้อผิดพลาดน้อยมาก ดังนั้น เชฟอ๊อฟจึงตัดสินให้เบียร์ออกจากการแข่งขัน หลังจากนั้น เชฟป้อมได้ประกาศว่า ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 4 คนที่เหลือ จะผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
- ผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้คัดออก: เบียร์ และ เคอร์
- ผู้ที่ถูกคัดออก: เบียร์
- ความคิดเห็นของเชฟอ๊อฟ: "สำหรับการแข่งขันในเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ ยิ่งคนน้อยลงเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพลาดไม่ได้ เพราะโอกาสไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ที่ทำผิดซ้ำเดิม เหมือนที่เบียร์ จะไม่ได้รับโอกาสในเฮลล์คิทเช่นอีกต่อไป"
ตอนที่ 14: รอบรองชนะเลิศ (Semi-Final) กับ 3 ด่านนรก
แก้ออกอากาศ 12 พฤษภาคม 2567
ในรอบรองชนะเลิศนี้ เชฟเอียนได้ประกาศว่าจะไม่มีการเปิดภัตตาคารเฮลล์คิทเช่น ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแข่งขันกันทั้งหมด 3 ภารกิจ เพื่อสะสมคะแนน และหา 2 คนที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
- ภารกิจที่ 1: การควบคุมต้นทุนด้วยการทำสเต็ก ผู้เข้าแข่งขันต้องทำเนื้อออกมา 3 ระดับ ได้แก่ Medium Rare, Medium และ Well Done โดยความสุกของเนื้อแต่ละระดับ จะต้องทำทั้งหมด 4 ชิ้น รวมทั้งสิ้น 12 ชิ้น ให้ได้ขนาด 1 นิ้วในทุกระดับความสุก โดยใช้เวลา 25 นาที ซึ่งเนื้อที่ทำได้ถูกต้องตามโจทย์ จะได้รับ 1 คะแนนต่อชิ้น โดยแต่ละคนจะถูกปล่อยถัดจากคนแรก 10 นาที โดยลำดับการปล่อยตัวไปทำเนื้อและผลคะแนนเป็นดังนี้
ลำดับที่ | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนนที่ได้ | |||
---|---|---|---|---|---|
Medium Rare (มีเดียมแรร์) |
Medium (มีเดียม) |
Well Done (เวลดัน) |
รวม | ||
1 | จิ๊บ | 2 | 0 | 0 | 2 |
2 | เคอร์ | 0 | 0 | 2 | 2 |
3 | บิว | 2 | 2 | 2 | 6 |
4 | ลูกจรรย์ | 0 | 0 | 1 | 1 |
- ภารกิจที่ 2: ความคิดสร้างสรรค์และการยกระดับวัตถุดิบ โดยจะต้องใช้หางหมู ที่มีราคาในท้องตลาดเพียงกิโลกรัมละ 55 บาท มาทำเป็นเมนูที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มมูลค่าให้ได้ ภายในเวลา 45 นาที จำนวนทั้งหมด 4 จาน โดยมี 3 เครื่องเทศพิเศษ ได้แก่ ออริกาโน สโมคปาปริกา และการ์ลิคซอลท์ เป็นตัวช่วยให้ทำจานนี้ออกมาอย่างมีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด โดยผลคะแนนออกมาเป็นดังนี้
ลำดับที่ | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนนจากหัวหน้าเชฟ | สรุปคะแนน | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เชฟวิลแมน | เชฟอ๊อฟ | เชฟป้อม | เชฟเอียน | รอบที่ 1 | รอบที่ 2 | รวม | ||
1 | จิ๊บ | 0 | 1 | 0 | 0 | 2 | 1 | 3 |
2 | เคอร์ | 0 | 3 | 3 | 3 | 2 | 9 | 11 |
3 | บิว | 2 | 2 | 2 | 1 | 6 | 7 | 13 |
4 | ลูกจรรย์ | 2 | 1 | 1 | 1 | 1 | 5 | 6 |
- ภารกิจที่ 3: ความเข้าใจในวัตถุดิบอย่างถ่องแท้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องนำปูทะเลที่ตายแล้ว มารังสรรค์เป็นอาหารจานปูระดับเฮลล์คิทเช่นที่อร่อยที่สุด ภายในเวลา 45 นาที โดยผลคะแนนออกมาเป็นดังนี้
ลำดับที่ | ผู้เข้าแข่งขัน | คะแนนจากหัวหน้าเชฟ | สรุปคะแนน | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เชฟวิลแมน | เชฟอ๊อฟ | เชฟป้อม | เชฟเอียน | รอบที่ 1+2 | รอบที่ 3 | รวม | ||
1 | จิ๊บ | 3 | 3 | 3 | 1 | 3 | 10 | 13 |
2 | บิว | 2 | 3 | 2 | 1 | 13 | 8 | 21 |
3 | ลูกจรรย์ | 1 | 1 | 0 | 2 | 6 | 4 | 10 |
4 | เคอร์ | 1 | 1 | 1 | 1 | 11 | 4 | 15 |
- การคัดออก: เนื่องจากบิวและเคอร์เป็น 2 คนที่ได้คะแนนรวมทั้ง 3 รอบมากที่สุดตามลำดับ ทั้ง 2 คนจึงผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศทันที ส่งผลให้จิ๊บและลูกจรรย์ถูกคัดออกไปโดยปริยาย หลังจากนั้น คณะหัวหน้าเชฟได้ให้จิ๊บและลูกจรรย์ไปยืนด้านข้างโดยไม่มีการให้ถอดเสื้อดำออก พร้อมกับนำผู้เข้าแข่งขันอีก 8 คนที่ถูกคัดออกในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นกลับเข้ามาสู่เฮลล์คิทเช่นอีกครั้ง เพื่อให้บิวและเคอร์เลือกเป็นผู้ช่วยภายในครัวของตนสำหรับการบริการครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ คณะหัวหน้าเชฟไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการคัดออกของลูกจรรย์และจิ๊บ
- ผู้ที่ถูกคัดออก: จิ๊บ และ ลูกจรรย์
- ผู้ที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ: บิว และ เคอร์
ตอนที่ 15: การรันครัวนรกในรอบชิงชนะเลิศ (Final) ของเคอร์และบิวในฐานะ Head Chef
แก้ออกอากาศ 19 พฤษภาคม 2567
ในรอบชิงชนะเลิศ บิว และ เคอร์ จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้าเชฟ และได้เลือกผู้เข้าแข่งขันจำนวน 10 คนที่ถูกคัดออก (จิ๊บ, ลูกจรรย์, มารวย, เบียร์, พริกเผ็ช, เฟน, ใบตอง, เจมส์, เปียโร่ และเก่ง) มาเป็นผู้ช่วยภายในครัวของตนสำหรับการบริการครั้งสุดท้าย ซึ่งบิวได้คะแนนในรอบรองชนะเลิศมากกว่าเคอร์ จึงได้สิทธิ์เลือกสมาชิกทีมก่อน โดยผลการเลือกลูกทีม มีดังนี้
ทีม | หัวหน้าเชฟ ประจำทีม |
สมาชิก | ||||
---|---|---|---|---|---|---|
คนที่ 1 | คนที่ 2 | คนที่ 3 | คนที่ 4 | คนที่ 5 | ||
ทีมสีแดง | เคอร์ | เปียโร่ | ลูกจรรย์ | เบียร์ | เฟน | เจมส์ |
ทีมสีน้ำเงิน | บิว | เก่ง | จิ๊บ | มารวย | ใบตอง | พริกเผ็ช |
นอกจากนี้ คณะหัวหน้าเชฟยังได้ให้เลือกผู้ช่วยเชฟประจำทีมของตนด้วย โดยเคอร์ได้เลือกเชฟอาร์เป็นผู้ช่วยเชฟประจำทีมของตน เชฟพฤกษ์จึงเป็นผู้ช่วยเชฟประจำทีมบิวไปโดยปริยาย
- บริการครั้งสุดท้าย (Final service):
ประเภท | อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) |
อาหารจานหลัก (Main Course) | ของหวาน (Dessert) |
ผู้ช่วยเหลือ (Supporter) | ||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เนื้อสัตว์ | เครื่องเคียง | ซอส | ||||||
ทีมสีแดง | เคอร์ | ผู้รับผิดชอบ | เฟน | เบียร์, เปียโร่ | ลูกจรรย์ | เจมส์ | ||
เมนู |
|
|
|
— | ||||
ทีมสีน้ำเงิน | บิว | ผู้รับผิดชอบ | จิ๊บ, พริกเผ็ช | เก่ง | มารวย | เก่ง | ใบตอง | — |
เมนู |
|
|
|
— |
- เเขกรับเชิญกิตติมศักดิ์: ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
- เหตุการณ์ในระหว่างการบริการ: ในการบริการอาหารครั้งสุดท้าย ทีมเคอร์มีปัญหาเล็กน้อยในจานเรียกน้ำย่อย เนื่องจากเคอร์พบว่าลูกจรรย์ราดซอสในจานทูน่าน้อยเกินไป ต่อมาในอาหารจานหลัก ทั้งทีมเคอร์และทีมบิวมีปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสาร โดยลูกทีมของเคอร์ไม่ตั้งใจฟังออเดอร์ที่เคอร์จะเรียก ส่วนลูกทีมของบิวกลับไปถามจิ๊บแทน เชฟอ๊อฟจึงต้องเข้ามาเตือนสติบิวถึงความเป็นหัวหน้าเชฟ ต่อมามีจานเรียกน้ำย่อยของทีมเคอร์ถูกตีกลับมาผ่านเชฟวิลแมน ซึ่งพบว่ากุ้งที่เปียโร่ทำในจานไม่ผ่านมาตรฐาน นอกจากนั้น เปียโร่ทำปลาไม่สุกถึง 2 ครั้ง โดยในครั้งที่สอง เชฟวิลแมนได้มาตรวจสอบด้วยตนเอง และเมื่อเชฟป้อมได้สอบถามแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ ทูลกระหม่อมหญิงฯ ได้ประทานความคิดเห็นว่าซอสเขียวหวานในจานของทีมบิวหวานมากเกินไป ดังนั้น เชฟป้อมจึงเข้าไปเตือนบิวในเรื่องดังกล่าว อีกทั้งทีมบิวเริ่มมีปัญหากับการจัดการอาหารจานหลักที่ล่าช้ามากถึง 7 โต๊ะ ทำให้เชฟวิลแมนต้องเข้ามาเตือน แต่ทันใดนั้น เชฟป้อมส่งจานอาหารของทีมเคอร์กลับมา เพราะเบียร์ทำไก่ไม่สุก เมื่อทำใหม่เสร็จแล้ว เคอร์จึงนำจานอาหารใหม่ไปบริการและขอโทษลูกค้าด้วยตนเอง ต่อมา ทีมของบิวกลับมีปัญหาเกี่ยวกับตำแหน่งงานอีกครั้ง เชฟวิลแมนจึงต้องเข้ามาเตือน ส่วนในจานของหวาน ทีมบิวส่งจานอาหารบริการล่าช้าเล็กน้อย และเกือบทำให้ไอศกรีมในจานมะม่วงของทีมเคอร์ละลาย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาอื่นอีก ทั้งสองทีมได้นำอาหารไปบริการลูกค้าครบทุกโต๊ะ และจบการบริการอาหารเย็นครั้งสุดท้ายได้สำเร็จ
- การตัดสิน: ทางรายการได้ให้ลูกค้าที่มารับประทานอาหารทั้ง 100 คน ลงคะแนนให้กับผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 คน เพื่อให้คณะหัวหน้าเชฟใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาตัดสิน หลังจากนั้น คณะหัวหน้าเชฟได้ใช้วิธีประกาศผลการตัดสินวิธีเดียวกับในเวอร์ชั่นสหรัฐ โดยให้บิวและเคอร์จับลูกบิดประตูคนละบานแล้วเปิดพร้อมกัน ซึ่งมีเพียงบานเดียวที่สามารถเปิดออกได้ และผู้ที่เปิดประตูออก ซึ่งถือเป็นผู้ชนะเลิศคนแรกของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ คือ บิว โดยได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท และได้เข้าทำงานในภัตตาคารเครือเฮลล์คิทเช่นในประเทศไทย
- ผู้ชนะเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ ฤดูกาลที่ 1: บิว
สิ่งสืบเนื่อง
แก้สินค้า
แก้เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป ได้ต่อยอดความสำเร็จของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ ออกมาผลิตและจำหน่ายเป็นน้ำพริก 2 ชนิด คือ น้ำพริกนรก และ น้ำพริกตาแดง ภายใต้ตราสินค้าเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์ โดยวางจำหน่ายบนเฟซบุ๊กของรายการ และในช่องทาง "เฮลิโคเนีย ช็อป" ที่เปิดขึ้นมาใหม่บนลาซาด้า ช้อปปี้ ติ๊กต็อกช็อป และไลน์ช็อปปิง ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2567
รายการภาคล้อเลียน
แก้รายการนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดี จนทำให้เกิดรายการล้อเลียนในหลากหลายช่องทาง อาทิ "โจ๊กเกอร์คิทเช่นไทยแลนด์" ในรายการ ก็มาดิคร้าบ ที่ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์ เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2567[4] หรือรายการ คุณพระช่วย ช่วงฉ่อยหน้าม่าน ที่นำเสนอตอน "สามน้าคิตเชน" ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์เช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567[5] เป็นต้น
ข้อวิจารณ์
แก้หลังจากรายการออกอากาศฤดูกาลที่ 1 เสร็จสิ้น มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เข้าแข่งขันของรายการ ได้โพสต์พาดพิงถึงเคอร์ (รองชนะเลิศในฤดูกาลนั้น) ในเชิงลบ ในคำพูดที่ว่า "ดูเชฟเคอร์สัมภาษณ์ เหมือนดูละครคุณธรรม" จึงทำให้ผู้ใช้สื่อสังคมหลายคนเข้าไปวิจารณ์ผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้น มีผู้เข้าแข่งขันไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์พาดพิงถึงเคอร์สั้น ๆ ว่า "ว้ายยยย" จึงถูกแฟนคลับและแฟนรายการวิพากษ์วิจารณ์ในพฤติกรรมติดตลกที่แย่เอามาก และมีการโพสต์ถ่ายรูปโมเมนต์ในรายการใส่ชื่อเชฟบนลงแฮชแท็ก แต่ไม่แฮชแท็กเชฟเคอร์ หลังจากนั้นเชฟคนดังกล่าวออกมาชี้แจงทางโอเพนแชทส่วนตัว แต่บิวและเคอร์ได้ให้สัมภาษณ์ในสำนักข่าวต่าง ๆ โดยเคอร์ได้พูดถึงเรื่องในเชิงลบว่า
"เป็นเรื่องที่เราคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะต้องเป็นวันที่แสดงความยินดีกับเชฟบิวที่ได้เป็น Hell's Kitchen Thailand คนแรกของประเทศไทย อยากให้คนที่กำลังเสพดราม่าอยู่ ให้หยุด เพื่อที่แสดงความยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราไม่ได้ให้ตรงนั้นเป็นสิ่งสำคัญ จริง ๆ ผู้เข้าแข่งขันไม่เคยคุยกันหลังไมค์ เพราะเป็นกฎ ซึ่งระหว่างแข่งขันห้ามสังสรรค์กันนอกรอบ แม้กระทั่งกรรมการ เพราะฉะนั้นเราแข่งเสร็จเจอกันหน้ากอง ก็กลับบ้านแยกย้ายกัน แม้กระทั่งไลน์ก็ไม่มีของกันและกัน ซึ่งงงมากว่า จะเกิดการไม่ชอบพอกันได้อย่างไร เพราะมันไม่มีเวลาใช้ชีวิตส่วนตัวด้วยกัน ทุกวันนี้นั่งคิดก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ ส่วนเมื่อวานไม่ได้คุยกับใครเลยหลังรายการจบ เพราะส่วนตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใครอยู่แล้ว บวกกับเราไม่มีเรื่องอะไรต้องโทรไปเคลียร์ ไม่มีเรื่องอะไรต้องไปถามเจ้าตัวคนโพสต์ว่า 'เห้ย เธอจะแฉอะไรเรา' เพราะฉะนั้นสำหรับเราจบแล้ว เคลียร์แล้ว เราจะไม่มีการทำอะไรแบบนี้ และเราเข้าใจว่าคนโพสต์เองอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะโพสต์แบบนั้นด้วยซ้ำ"
ส่วนบิว (ผู้ชนะเลิศคนแรกของเฮลล์คิทเช่นไทยแลนด์) ได้กล่าวเสริมว่า "จริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรเลย อยากให้ทุกคนเปลี่ยนมุมมอง ไปให้กำลังใจเชฟทุกคนดีกว่า ทุกคนมีมิตรภาพที่ดีต่อกันเสมอ หลังจบรายการเราไปเจอกันในงานเราก็ทักทายพูดคุย"
หลังจากนั้นเคอร์กล่าวอีกว่า "การที่ทุกคนมาแข่ง ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากชนะ แต่พอเกิดความผิดพลาดไปถึงความฝันไม่ได้ อยากให้แฟนคลับของเชฟทุกคนไปสนับสนุนทุกคน ทุกคนมีร้านอาหารหมดเลย"
เชฟทั้งสองคนได้สัมภาษณ์เรื่องราวดังกล่าวจากสำนักข่าวมติชน[6]
อ้างอิง
แก้- ↑ ""เฮลิโคเนียเอช กรุ๊ป" ตอกย้ำตำแหน่งเจ้าพ่อ King of Food Content ตัวจริง ! คว้ำลิขสิทธิ์รายการระดับโลก Hell's Kitchen เสริมเขี้ยวเล็บ". ผู้จัดการออนไลน์. 2022-09-09. สืบค้นเมื่อ 2023-08-25.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ 2.0 2.1 "เปิดเตา Hell's Kitchen Thailand16 เชฟหนาวสั่นสะท้าน! เจอ 'เชฟป้อม-เชฟเอียน-เชฟวิลแมน-เชฟอ๊อฟ'แผ่รังสีอำมหิต". แนวหน้า. 31 มกราคม 2024. สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2024.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "ครัวนรกมีไฟลุก เปิดหน้า "เชฟป้อม-เชฟวิลเมนท์" พิธีกรเฮล คิทเช่น ไทยแลนด์". ผู้จัดการออนไลน์. 2023-10-14. สืบค้นเมื่อ 2023-10-14.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ ก็มาดิคร้าบ | Joker Kitchen’s Thailand ครัวนรกที่เดือดยิ่งกว่าน้ำมันในกระทะ | 7 เม.ย. 67, สืบค้นเมื่อ 2024-05-12
- ↑ ฉ่อยหน้าม่าน ตอน สามน้าคิตเชน | คุณพระช่วย | ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๗, สืบค้นเมื่อ 2024-05-21
- ↑ https://www.matichon.co.th/social/news_4586436