นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี (เกิด 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507) ชื่อเล่น ปุ่น เป็นนักการเมืองและอดีตนายทหารอากาศชาวไทย อดีตเลขาธิการ และอดีตประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย[1] อดีตผู้ประสานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย อดีตประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)[2] อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคไทยรักไทย และเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 อดีตสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โดยลาออกจากพรรคไทยสร้างไทยในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566[3]

ศิธา ทิวารี
ศิธา ใน พ.ศ. 2566
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
8 ตุลาคม พ.ศ. 2545 – 9 ธันวาคม พ.ศ. 2546
นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
ก่อนหน้ายงยุทธ ติยะไพรัช
ถัดไปจักรภพ เพ็ญแข
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
กรุงเทพมหานคร
ดำรงตำแหน่ง
6 มกราคม พ.ศ. 2544 – 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
เขตเลือกตั้งเขตคลองเตย
เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย
ดำรงตำแหน่ง
9 กันยายน พ.ศ. 2565 – 31 มีนาคม พ.ศ. 2566
ก่อนหน้าวัลลภ ไชยไธสง
ถัดไปฐากร ตัณฑสิทธิ์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 (60 ปี)
จังหวัดพระนคร ประเทศไทย
ศาสนาพุทธ
พรรคการเมืองไทยรักไทย (2541–2550)
เพื่อไทย (2555–2564)
ไทยสร้างไทย (2564–2566)
คู่สมรสอาทิกา ท่อแก้ว (2550−ปัจจุบัน)
ศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
โรงเรียนเตรียมทหาร
โรงเรียนนายเรืออากาศ
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
สังกัดกองทัพอากาศ
ยศ นาวาอากาศตรี
สัญญาณเรียกขานเจแปน (Japan)

ประวัติ

แก้

นาวาอากาศตรี ศิธา ทิวารี เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 เป็นบุตรของมานพ ทิวารี กับ หม่อมราชวงศ์จารุวรรณ ทิวารี (ราชสกุลเดิม: วรวรรณ) เป็นพระนัดดาของหม่อมเจ้าดุลภากร วรวรรณ พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กับหม่อมอินทร์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเซนต์ดอมินิก รุ่นที่ 15, มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24 (ตท.24) โดยเป็นประธานรุ่น[4] และปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต จากโรงเรียนนายเรืออากาศ

ศิธาสมรสกับอาทิกา ท่อแก้ว ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น และมิสมอเตอร์โชว์ ปี 2005[5] เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2550 มีบุตรด้วยกัน 4 คน[6] 1 ในนั้นคือ มินนี่ ศิธรินทร์ ทิวารี

การทำงาน

แก้

หลังจากจบการศึกษาเขาได้เข้ารับราชการในสังกัดกองทัพอากาศ เป็นนักบินเครื่องบินขับไล่ F-5 และ นักบินเครื่องขับไล่ F-16 มีสัญญาณเรียกขานว่า เจแปน (Japan) ซึ่งพ้องกับชื่อเล่นคือปุ่น[7] โดยรับราชการเป็นนักบินกว่า 8 ปี จนได้รับตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการ คือ รองหัวหน้าแผนกแผนร่วม กองนโยบายและแผน กรมยุทธการ กองทัพอากาศ[8] ระหว่างที่รับราชการเคยมีผลงานในวงการบันเทิง เช่น ร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ในปี พ.ศ. 2538 โดยการชักชวนของยุรนันท์ ภมรมนตรี รวมถึงถ่ายแบบนิตยสารและโฆษณา

จากนั้นจึงลาออกจากราชการมาลงสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคไทยรักไทย[9] และได้รับการแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี[10] และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง[11] โดยมีชื่อที่ได้รับการเรียกอย่างไม่เป็นทางการจากสื่อมวลชนและ บุคคลทั่วไปว่า "ผู้พันปุ่น" ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549[12]

ภายหลังเขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และได้รับหน้าที่ผู้ประสานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ต่อมาได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทย และเข้าร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย

ในปี พ.ศ. 2565 ศิธา ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565 ในสังกัดพรรคไทยสร้างไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง ปีต่อมาเขาลงสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งใหญ่เดือนพฤษภาคม ในสังกัดพรรคเดิม แต่ไม่ได้รับเลือกตั้งเช่นกัน

ภายหลังการเลือกตั้ง ศิธามีบทบาททางการเมืองในสื่อมวลชนและสังคมออนไลน์ จนได้รับการกล่าวถึงในสังคมออนไลน์และเรียกฉายาว่า "แด๊ดดี้ศิธา"[13] ต่อมาในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 นาวาอากาศตรีศิธาได้ยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย[14]

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

แก้
  1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 กรุงเทพมหานคร เขต 9 สังกัดพรรคไทยรักไทย
  2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 กรุงเทพมหานคร เขต 9 สังกัดพรรคไทยรักไทย

ผลงานละครโทรทัศน์

แก้
ปี เรื่อง บทบาท
2538 ความรักสีดำ นักบินแฟนเก่าของมายาวี

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

ลำดับสาแหรก

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. "'ไทยสร้างไทย' ตั้งกรรมการขับเคลื่อนพรรค ศิธา ทิวารี คัมแบ็ก ฟิล์ม รัฐภูมิ รองโฆษก เดินหน้ารับฟังปัญหาทั่วประเทศ". THE STANDARD. 2021-06-17.
  2. ประธานคณะกรรมการบริษัท ทอท.
  3. "แด๊ดดี้ปุ่น" น.ต.ศิธา ทิวารี ยื่นลาออก จากสมาชิก พรรคไทยสร้างไทย แล้ว
  4. "รายชื่อประธานรุ่น จากเว็บไซต์โรงเรียนเตรียมทหาร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-02-03. สืบค้นเมื่อ 2011-04-22.
  5. "ดาวดวงใหม่....มิสมอเตอร์โชว์". mgronline.com. 2005-03-21.
  6. รู้หรือไม่? ทนายส่วนตัว "น.ต.ศิธา" เคยทำคดี "มิลลิ" คอลเอาต์ - Sanook.
  7. "เจาะขุมกำลัง 'เพื่อนปุ่น-ป็อป' ผงาดคุม 'กองทัพ'". Spacebar.
  8. "เปิดประวัติ "ศิธา ทิวารี" จากนักบิน F-16 ไต่เพดานบินชิงเก้าอี้ "ผู้ว่าฯกทม."". bangkokbiznews.
  9. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-24. สืบค้นเมื่อ 2010-01-04.
  10. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 299/2545 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมือง เก็บถาวร 2011-11-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119 ตอน 92ง วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545
  11. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 67/2548 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมืองราชกิจจานุเบกษา เล่ม 122 ตอนพิเศษ 49ง วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2548
  12. "เปิดรายชื่อ ทั้ง 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี !!!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-08. สืบค้นเมื่อ 2011-06-02.
  13. รู้จัก"ผู้พันปุ่น" แด๊ดดี้ศิธา ทิวารี เจ้าของวาทะสนั่นโซเชียล Advance MOU
  14. "แด๊ดดี้ปุ่น" น.ต.ศิธา ทิวารี ยื่นลาออก จากสมาชิก พรรคไทยสร้างไทย แล้ว
  15. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราช อิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2015-09-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๐ ตอนที่ ๑๙ ข หน้า ๓๒, ๑ ธันวาคม ๒๕๔๖
  16. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2022-05-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๖๗, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕
ก่อนหน้า ศิธา ทิวารี ถัดไป
ยงยุทธ ติยะไพรัช    
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(8 ตุลาคม พ.ศ. 2545 - 9 ธันวาคม พ.ศ. 2546)
  จักรภพ เพ็ญแข