รายพระนามเคาะลีฟะฮ์

บทความรายชื่อวิกิมีเดีย

นี่คือ รายพระนามบุคคลที่ได้ตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ ที่เป็นผู้นำสูงสุดในด้านศาสนากับการเมืองของรัฐอิสลาม ซึ่งรู้จักกันในชื่อรัฐเคาลีฟะฮ์ และตำแหน่งของอุมมะฮ์อิสลาม ในฐานะผู้สืบทอดทางการเมืองต่อจากมุฮัมมัด

เคาะลีฟะฮ์
خَليفة
อักษรวิจิตรของอะบูบักร์ อัศศิดดีก เคาะลีฟะฮ์องค์แรก
การเรียกขานอะมีรุลมุอ์มินีน
จวนมะดีนะฮ์
กูฟะฮ์
ดามัสกัส
แบกแดด
ซามัรรออ์
ไคโร
คอนสแตนติโนเปิล หรืออิสตันบูล
สถาปนา8 มิถุนายน ค.ศ. 632
คนแรกอะบูบักร์
คนสุดท้ายสุลต่านอับดุล เมจิดที่ 2
ยกเลิก3 มีนาคม ค.ศ. 1924

เคาะลีฟะฮ์โดยทั่วไป แก้

รัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน (8 มิถุนายน ค.ศ. 632 – 29 มกราคม 661) แก้

# อักษรวิจิตร/เหรียญ พระนาม (และตำแหน่ง) ประสูติ ปกครองตั้งแต่ จนถึง สวรรคต ความสัมพันธ์กับมุฮัมมัด พระราชบุพการี เผ่า หมายเหตุ
1   อะบูบักร์
(أبو بكر)
อัศศิดดีก
ค.ศ. 573 8 มิถุนายน ค.ศ. 632 22 สิงหาคม ค.ศ. 634 บนูตัยม์
  • อาจเป็นคนที่สี่ที่เข้ารับอิสลามในช่วงต้นของการเป็นศาสดาของมุฮัมมัด
  • ริเริ่มสงครามริดดะฮ์ใน ค.ศ. 632
2   อุมัร อิบน์ อัลค็อฏฏอบ
(عمر بن الخطاب)
อัลฟารุก
ค.ศ. 584 23 สิงหาคม ค.ศ. 634 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 644
(ถูกลอบสังหาร)
บนูอะดี
  • เข้ารับอิสลามในช่วงประมาณปีที่ 6 ของการเป็นศาสดาของมุฮัมมัด
3    อุษมาน อิบน์ อัฟฟาน
(عثمان بن عفان)
ซุนนุร็อยน์
ค.ศ. 579 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 644 20 มิถุนายน ค.ศ. 656
(ถูกลอบสังหารในบ้านของตนเอง)
บนูอุมัยยะฮ์
4    อะลี อิบน์ อบีฏอลิบ
(علي بن أبي طالب)
อะมีรุลมุอ์มินีน
ฮัยดัร
อบูฏุร็อบ
อัลมุรตะซา
15 กันยายน ค.ศ. 601 20 มิถุนายน ค.ศ. 656 29 มกราคม ค.ศ. 661
(ถูกลอบสังหารตอนละหมาดที่มัสยิดใหญ่แห่งกูฟะฮ์)
  • ลูกพี่ลูกน้องคนแรกของมุฮัมมัด
  • สามีของฟาฏิมะฮ์ ลูกสาวของมุฮัมมัด
  • สามีของอุมามะฮ์ บินต์ ซัยนับ หลานสาวของมุฮัมมัด
  • ลูกหลานของมุฮัมมัดในปัจจุบันทั้งหมด สืบเชื้อสายผ่านทางอะลี
บนูฮาชิม
  • ชายคนแรกที่ยอมรับอิสลามอย่างเปิดเผย
  • ชีอะฮ์ถือว่าเป็นผู้สืบทอดคนแรกจากมุฮัมมัด

รัฐเคาะลีฟะฮ์ของฮะซัน อิบน์ อะลี (ค.ศ. 661)

# อักษรวิจิตร/เหรียญ พระนาม (และตำแหน่ง) ประสูติ ปกครองตั้งแต่ จนถึง สวรรคต ความสัมพันธ์กับมุฮัมมัด พระราชบุพการี เผ่า หมายเหตุ
5   ฮะซัน อิบน์ อะลี
(الحسن بن علي)

อะฮ์ลุลบัยต์
อัลมุจตะบา[1]
ค.ศ. 624 ค.ศ. 661 (6 หรือ 7 เดือน) ค.ศ. 670
  • หลานชายของมุฮัมมัด
  • ลูกชายของอะลี อิบน์ อบีฏอลิบ
บนูฮาชิม
  • ชีอะฮ์ถือว่าเป็นผู้สืบทอดคนที่สองจากมุฮัมมัด
  • สละราชสมบัติให้แก่มุอาวิยะฮ์ที่ 1
  • รู้จักกันในชื่อ เคาะลีฟะฮ์อัรรอชิดูนคนที่ 5

รัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์ (ค.ศ. 661 – 6 สิงหาคม ค.ศ. 750) แก้

# เหรียญ/พระบรมฉายาลักษณ์ พระนาม (และตำแหน่ง) ประสูติ ปกครองตั้งแต่ จนถึง สวรรคต ความสัมพันธ์กับมุฮัมมัด (หรือเคาะลีฟะฮ์ก่อนหน้า) พระราชบุพการี หมายเหตุ
6   มุอาวิยะฮ์ที่ 1
(معاوية)
ค.ศ. 602 ค.ศ. 661 29 เมษายน หรือ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 680
  • เคยทำงานเป็นหนึ่งในผู้บันทึกอย่างน้อย 29 คนในสมัยของมุฮัมมัด
  • เคยเป็นผู้ว่าแห่งซีเรียในรัชสมัยของอุมัร
7   ยะซีดที่ 1
(يزيد)
ค.ศ. 647 ค.ศ. 680 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 683
8   มุอาวิยะฮ์ที่ 2
(معاوية الثاني)
ค.ศ. 664 พฤศจิกายน ค.ศ. 683 ค.ศ. 684
  • เคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์องค์สุดท้ายจากสายเลือดซุฟยาน
  • สละราชสมบัติโดยไม่มีโอรสธิดา
9   มัรวานที่ 1
(مروان بن الحکم)
ค.ศ. 623–626 ค.ศ. 684 7 พฤษภาคม ค.ศ. 685
10   อับดุลมะลิก อิบน์ มัรวาน
(عبد الملك بن مروان)
ค.ศ. 646 ค.ศ. 685 8 ตุลาคม ค.ศ. 705
  • มัรวานที่ 1 เคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์
  • อาอิชะฮ์ บินต์ มุอาวิยะฮ์ อิบน์ อัลมุฆีรอ
11   อัลวะลีดที่ 1
(الوليد الأول)
ค.ศ. 668 ตุลาคม ค.ศ. 705 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 715
12   สุลัยมาน อิบน์ อับดุลมะลิก
(سلیمان بن عبدالملک)
ค.ศ. 674 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 715 22 กันยายน ค.ศ. 717
13   อุมัร อิบน์ อับดุลอะซีซ
(عمر بن عبد العزيز)
2 พฤศจิกายน ค.ศ. 682 กันยายน ค.ศ. 717 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 720
  • พระนัดดาของมัรวานที่ 1
  • ลูกพี่ลูกน้องคนแรกของอัลวะลีดที่ 1และสุลัยมาน อิบน์ อับดุลมะลิก
  • พระราชปนัดดาของอุมัร อิบน์ อัลค็อฏฏอบทางฝั่งผู้หญิง
  • ส่วนใหญ่รู้จักกันในฉายาเคาะลีฟะฮ์อัรรอชิดูนคนที่ 5
  • บางคนกล่าวให้พระองค์เป็นเคาะลีฟะฮ์อัรรอชิดูนคนที่ 6 โดยนับรวมฮะซัน อิบน์ อะลี เป็นคนที่ 5
14   ยะซีดที่ 2
(يزيد الثاني)
ค.ศ. 687 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 720 26 มกราคม ค.ศ. 724
15   ฮิชาม อิบน์ อับดุลมะลิก
(هشام بن عبد الملك)
ค.ศ. 691 26 มกราคม ค.ศ. 724 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 743
16   อัลวะลีดที่ 2
(الوليد الثاني)
ค.ศ. 709 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 743 17 เมษายน ค.ศ. 744 (ถูกปลงพระชนม์)
  • โอรสของยะซีดที่ 2
  • พระนัดดาของฮิชาม อิบน์ อับดุลมะลิก
17   ยะซีดที่ 3
(يزيد الثالث)
ค.ศ. 701 17 เมษายน ค.ศ. 744 3/4 ตุลาคม ค.ศ. 744
18   อิบรอฮีม อิบน์ อัลวะลีด
(ابراهيم ابن الوليد)
ค.ศ. 744 (ไม่กี่สัปดาห์) 25 มกราคม ค.ศ. 750
(สำเร็จโทษ)
19   มัรวานที่ 2
(مروان بن محمد)
ค.ศ. 691 ค.ศ. 744 6 สิงหาคม ค.ศ. 750
(ถูกปลงพระชนม์)
  • พระนัดดาของมัรวานที่ 1

รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ (25 มกราคม ค.ศ. 750 – 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1258) แก้

(ไม่ยอมรับโดยมุสลิมภายใต้การปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ์ในคาบสมุทรไอบีเรียใน ค.ศ. 756)[2][3]

# พระบรมฉายาลักษณ์/เหรียญ พระนามตอนครองราชย์ พระนามส่วนตัว ประสูติ ปกครองตั้งแต่ จนถึง สวรรคต พระราชบุพการี หมายเหตุ
20   อัซซัฟฟาฮ์ อับดุลลอฮ์ อบูลอับบาส ค.ศ. 721 ค.ศ. 750 10 มิถุนายน ค.ศ. 754
21   อัลมันศูร อบูญะอ์ฟัร อับดัลลอฮ์ ค.ศ. 714 10 มิถุนายน ค.ศ. 754 ค.ศ. 775
  • เป็นที่จดจำจากการฆ่าญะอ์ฟัร อัศศอดิก ผู้เป็นอิมามชีอะฮ์คนที่ 6 และนักนิติศาสตร์หลักของซุนนี[4]
22   อัลมะฮ์ดี อบูอับดัลลอฮ์ มุฮัมมัด ค.ศ. 744/745 ค.ศ. 775 4 สิงหาคม ค.ศ. 785
  • ตั้งพระนามเป็นอัลมะฮ์ดี โดยอัลมันศูร เพื่อให้ความสนใจในพระราชกรณียกิจของพระองค์จากวงศ์อะลีดต่อราชวงศ์อับบาส[5]
23   อัลฮาดี อบูมุฮัมมัด มูซา ค.ศ. 764 สิงหาคม ค.ศ. 785 14 กันยายน ค.ศ. 786
24   อัรเราะชีด ฮารูน ค.ศ. 763/766 14 กันยายน ค.ศ. 786 24 มีนาคม ค.ศ. 809
25   อัลอะมีน มุฮัมมัด ค.ศ. 787 มีนาคม ค.ศ. 809 24/25 กันยายน ค.ศ. 813
26   อัลมะอ์มูน อบูญะอ์ฟัร อับดัลลอฮ์ 13/14 กันยายน ค.ศ. 786 กันยายน ค.ศ. 813 9 สิงหาคม ค.ศ. 833
27   อัลมุอ์ตะศิม อบูอิสฮาก มุฮัมมัด ตุลาคม ค.ศ. 796 9 สิงหาคม ค.ศ. 833 5 มกราคม ค.ศ. 842
28   อัลวาษิก อบูญะอ์ฟัร ฮารูน ค.ศ. 811–813 5 มกราคม ค.ศ. 842 10 สิงหาคม ค.ศ. 847
29   อัลมุตะวักกิล ญะอ์ฟัร กุมภาพันธ์/มีนาคม ค.ศ. 822 10 สิงหาคม ค.ศ. 847 11 ธันวาคม ค.ศ. 861
(ถูกปลงพระชนม์)
30   อัลมุนตะศิร อบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด พฤศจิกายน ค.ศ. 837 ค.ศ. 861 7 หรือ 8 มิถุนายน ค.ศ. 862
31   อัลมุสตะอีน อะฮ์มัด ค.ศ. 836 ค.ศ. 862 ค.ศ. 866 (สำเร็จโทษ)
32   อัลมุอ์ตัซ ค.ศ. 847 ค.ศ. 866 ค.ศ. 869
33   อัลมุฮตะดี อบูอิสฮาก มุฮัมมัด ค.ศ. 869 21 มิถุนายน ค.ศ. 870
  • อัลวาษิก เคาะลีฟะฮ์อับบาซิยะฮ์
  • นางสนมชาวกรีก
34   อัลมุอ์ตะมิด อบูลอับบาส อะฮ์มัด ค.ศ. 842 21 มิถุนายน ค.ศ. 870 15 ตุลาคม 892
35   อัลมุอ์ตะฏิด อบูลอับบาส อะฮ์มัด ค.ศ. 854/861 ตุลาคม ค.ศ. 892 5 เมษายน ค.ศ. 902
36   อัลมุกตะฟี อบูอะฮ์มัด อะลี ค.ศ. 877/878 5 เมษายน ค.ศ. 902 13 สิงหาคม ค.ศ. 908
37   อัลมุกตะดิร อบู อัลฟัดล์ ญะอ์ฟัร ค.ศ. 895 13 สิงหาคม ค.ศ. 908 ค.ศ. 929 31 ตุลาคม ค.ศ. 932
(ถูกปลงพระชนม์)
38   อัลกอฮิร อบูมันศูร มุฮัมมัด ค.ศ. 899 ค.ศ. 929 ค.ศ. 950
(37)   อัลมุกตะดิร อบู อัลฟัดล์ ญะอ์ฟัร ค.ศ. 895 ค.ศ. 929 31 ตุลาคม ค.ศ. 932
(ถูกปลงพระชนม์)
(38)   อัลกอฮิร อบูมันศูร มุฮัมมัด ค.ศ. 899 31 ตุลาคม ค.ศ. 932 ค.ศ. 934 ค.ศ. 950
39   อัรรอฎี อบู อัลอับบาส มุฮัมมัด ธันวาคม ค.ศ. 909 ค.ศ. 934 23 ธันวาคม ค.ศ. 940
40   อัลมุตตะกี อบูอิสฮาก อิบรอฮีม ค.ศ. 908 ค.ศ. 940 ค.ศ. 944 กรกฎาคม ค.ศ. 968
  • อัลมุกตะดิร เคาะลีฟะฮ์อับบาซิยะฮ์
  • เคาะลูบ หรือ เซาะฮ์เราะฮ์
  • จุดเริ่มต้นของราชวงศ์อับบาซิยะฮ์ตอนปลาย
41   อัลมุสตักฟี อับดัลลอฮ์ ค.ศ. 905 กันยายน ค.ศ. 944 มกราคม ค.ศ. 946 กันยายน/ตุลาคม ค.ศ. 949
42   อัลมุฏีอ์ อบู อัลกอซิม อัลฟัฎล์ ค.ศ. 914 มกราคม ค.ศ. 946 ค.ศ. 974
43   อัฏฏออิอ์ ค.ศ. 932 ค.ศ. 974 ค.ศ. 991 3 สิงหาคม ค.ศ. 1003
44   อัลกอดิร ค.ศ. 947 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 991 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1031
45   อัลกออิม ค.ศ. 1001 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1031 2 เมษายน ค.ศ. 1075
46 อัลมุกตะดี ค.ศ. 1056 2 เมษายน ค.ศ. 1075 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1094
  • มุฮัมมัด โอรสของอัลกออิม เคาะลีฟะฮ์อับบาซิยะฮ์
  • อุรญุมาน นางสนมชาวอาร์มีเนีย
47 อัลมุสตัซฮิร เมษายน/พฤษภาคม ค.ศ. 1078 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1094 6 สิงหาคม ค.ศ. 1118
48 อัลมุสตัรชิด เมษายน/พฤษภาคม ค.ศ. 1092 6 สิงหาคม ค.ศ. 1118 29 สิงหาคม ค.ศ. 1135
49 อัรรอชิด ค.ศ. 1109 29 สิงหาคม ค.ศ. 1135 ค.ศ. 1136 6 มิถุนายน ค.ศ. 1138
(ถูกปลงพระชนม์โดยแอสซาสซิน)
50   อัลมุกตะฟี 9 มีนาคม ค.ศ. 1096 ค.ศ. 1136 12 มีนาคม ค.ศ. 1160
51   อัลมุสตันญิด ค.ศ. 1124 12 มีนาคม ค.ศ. 1160 20 ธันวาคม ค.ศ. 1170
52   อัลมุสตะฎีอ์ ฮัสซัน ค.ศ. 1142 20 ธันวาคม ค.ศ. 1170 30 มีนาคม ค.ศ. 1180
53   อันนาศิร 6 สิงหาคม ค.ศ. 1158 2 มีนาคม ค.ศ. 1180 4 ตุลาคม ค.ศ. 1225
54   อัซซอฮิร ค.ศ. 1176 5 ตุลาคม ค.ศ. 1225 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1226
55   อัลมุสตันซิร อบูญะอ์ฟัร 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1192 11 กรกฎาคม ค.ศ. 1226 2 ธันวาคม ค.ศ. 1242
56   อัลมุสตะอ์ศิม ค.ศ. 1213 2 ธันวาคม ค.ศ. 1242 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1258
  • เคาะลีฟะฮ์อับบาซิยะฮ์องค์สุดท้าย
ช่วงว่างระหว่างรัชกาล

ในช่วงปัจฉิมยามของการปกครองของอับบาซิยะฮ์ ผู้นำมุสลิมเริ่มใช้คำนำหน้าอื่น เช่น สุลต่าน

ราชวงศ์อับบาซิยะฮ์ของมัมลูก (ค.ศ. 1261 – 1517) แก้

เคาะลีฟะฮ์แห่งไคโร (13 มิถุนายน ค.ศ. 1261 – 22 มกราคม ค.ศ. 1517) แก้

พวกอับบาซิยะฮ์ในไคโรกลายเป็นเคาะลีฟะฮ์ตามพิธี ภายใต้การคุ้มครองของรัฐสุลต่านมัมลูกที่ก่อตั้งขึ้นหลังจากการยึดครองราชวงศ์อัยยูบิด[6][7]

# พระนามตอนครองราชย์ พระนามส่วนตัว ครองราชย์ พระราชบุพการี หมายเหตุ
57 อัลมุสตันศิร อบู อัลกอซิม อะฮ์มัด 13 มิถุนายน ค.ศ. 1261 – 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1261
  • ถูกแต่งตั้งเป็นเคาะลีฟะฮ์ในไคโรโดยสุลต่านมัมลูกใน ค.ศ. 1261
  • ตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ถูกอ้างโดยอัลฮากิมที่ 1 ซึ่งถูกแต่งตั้งเป็นเคาะลีฟะฮ์โดยผู้ปกครองอะเลปโป
58 อัลฮากิมที่ 1 อบู อับดุลลอฮ์ มุฮัมมัด 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1262 – 19 มกราคม ค.ศ. 1302
  • อบู อะลี อัลฮะซัน
  • พระราชปนัดดาของอัลมุสตัรชิด
  • ถูกแต่งตั้งเป็นเคาะลีฟะฮ์โดยผู้ปกครองอะเลปโปใน ค.ศ. 1261
  • อ้างตนเองเป็นเคาะลีฟะฮ์โดยสุลต่านมัมลูกหลังจากอัลมุสตันศิรที่ 2 สวรรคต
59 อัลมุสตักฟีที่ 1 อบู อัรรอบิอ์ สุลัยมาน 20 มกราคม ค.ศ. 1302 – กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1340
60 อัลวาษิกที่ 1 อบู อิสฮาก อิบรอฮีม กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1340 – 17 มิถุนายน ค.ศ. 1341
61 อัลฮากิมที่ 2 อบู อัลอับบาส อะฮ์มัด ค.ศ. 1341 – 1352
62 อัลมุอ์ตะฎิรที่ 1 อบู บักร์ ค.ศ. 1352 – 1362
63 อัลมุตะวักกิลที่ 1 อบู อับดิลลาฮ์ มุฮัมมัด ค.ศ. 1362 – 1377
64 อัลมุสตะอ์ซิม อบู ยะฮ์ยา ซะกะริยา ค.ศ. 1377
(63) อัลมุตะวักกิลที่ 1 อบู อับดิลลาฮ์ มุฮัมมัด ค.ศ. 1377 – 1383
65 อัลวาษิกที่ 2 อุมัร กันยายน ค.ศ. 1383 – 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1386
(64) อัลมุสตะอ์ซิม อบู ยะฮ์ยา ซะกะริยา ค.ศ. 1386 – 1389
(63) อัลมุตะวักกิลที่ 1 อบู อับดิลลาฮ์ มุฮัมมัด ค.ศ. 1389 – 9 มกราคม ค.ศ. 1406
66 อัลมุสตะอีน อบู อัลฟัดล์ อัลอับบาส 22 มกราคม ค.ศ. 1406 – 9 มีนาคม ค.ศ. 1414
  • กลายเป็นสุลต่านแห่งอียิปต์ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1412 ถึง 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1412
67 อัลมุอ์ตะฎิรที่ 2 อบู อัลฟัตฮ์ ดาวุด ค.ศ. 1414 – 1441
68 อัลมุสตักฟีที่ 2 อบู อัรรอบิอ์ สุลัยมาน ค.ศ. 1441 – 29 มกราคม ค.ศ. 1451
69 อัลกออิม อบู อัลบะกอ ฮัมซะฮ์ ค.ศ. 1451 – 1455
70 อัลมุสตันญิด อบู อัลมะฮาซิน ยูซุฟ ค.ศ. 1455 – 7 เมษายน ค.ศ. 1479
71 อัลมุตะวักกิลที่ 2 อบู อัลอิซซ์ อับดุลอะซีซ 5 เมษายน ค.ศ. 1479 – 27 กันยายน ค.ศ. 1497
72 อัลมุสตัมซิิก อบู อัศศ็อบร์ ค.ศ. 1497 – 1508
73 อัลมุตะวักกิลที่ 3 มุฮัมมัด ค.ศ. 1508 – 1516
(72) อัลมุสตัมซิิก อบู อัศศ็อบร์ ค.ศ. 1516 – 1517
(73) อัลมุตะวักกิลที่ 3 มุฮัมมัด ค.ศ. 1517

รัฐเคาะลีฟะฮ์ออตโตมัน (ค.ศ. 1517 – 3 มีนาคม ค.ศ. 1924) แก้

ตามปกติ ผู้นำราชวงศ์ออตโตมันจะมีตำแหน่ง สุลต่าน นำหน้า แต่จากนั้นเริ่มใช้ตำแหน่งเฉพาะสำหรับบางพระองค์[8][9] สุลต่านมูรัดที่ 1 (ครองราชย์ ค.ศ. 1362–1389) เป็นพระองค์แรกที่ใช้คำนำหน้าเป็นเคาะลีฟะฮ์ โดยอ้างว่าใช้ตำแหน่งนี้หลังจากพิชิตเอดีร์แน[10]

# พระบรมฉายาลักษณ์ ตราพระปรมาภิไธยทูกรา พระนาม ครองราชย์ พระราชบุพการี หมายเหตุ
74     สุลต่านเซลิมที่ 1 ค.ศ. 1517 – 21 กันยายน ค.ศ. 1520
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[11]
75     สุลต่านสุลัยมานที่ 1 30 กันยายน ค.ศ. 1520 – 6 หรือ 7 กันยายน ค.ศ. 1566
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[12]
76     สุลต่านเซลิมที่ 2 29 กันยายน ค.ศ. 1566 – 21 ธันวาคม ค.ศ. 1574
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[13]
77     สุลต่านมูรัดที่ 3 22 ธันวาคม ค.ศ. 1574 – 16 มกราคม ค.ศ. 1595
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[14]
78     สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 3 27 มกราคม ค.ศ. 1595 – 20 หรือ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1603
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[15]
79     สุลต่านอาเหม็ดที่ 1 21 ธันวาคม ค.ศ. 1603 – 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1617
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[16]
80     สุลต่านมุสทาฟาที่ 1 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1617 – 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1618
81     สุลต่านออสมันที่ 2 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1618 – 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1622
  • ถูกถอดถอนจากกบฏเจนิสซารีย์ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1622;
  • ถูกปลงพระชนม์ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1622 โดยมหาเสนาบดีคารา ดาวุด ปาชา (ดาวุด ปาชาดำ) โดยการกดลูกอัณฑะของพระองค์[18]
(80)     สุลต่านมุสทาฟาที่ 1 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1622 – 10 กันยายน ค.ศ. 1623
82     สุลต่านมูรัดที่ 4 10 กันยายน ค.ศ. 1623 – 8 หรือ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1640
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[19]
83     สุลต่านอิบราฮีม 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1640 – 8 สิงหาคม ค.ศ. 1648
84     สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 4 8 สิงหาคม ค.ศ. 1648 – 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1687
85     สุลต่านสุลัยมานที่ 2 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1687 – 22 มิถุนายน ค.ศ. 1691
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[22]
86     สุลต่านอาเหม็ดที่ 2 22 มิถุนายน ค.ศ. 1691 – 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1695
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[23]
87     สุลต่านมุสทาฟาที่ 2 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1695 – 22 สิงหาคม ค.ศ. 1703
88     สุลต่านอาเหม็ดที่ 3 22 สิงหาคม ค.ศ. 1703 – 1 หรือ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1730
89     สุลต่านมาห์มูดที่ 1 2 ตุลาคม ค.ศ. 1730 – 13 ธันวาคม ค.ศ. 1754
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[26]
90     สุลต่านออสมันที่ 3 13 ธันวาคม ค.ศ. 1754 – 29 หรือ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1757
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[27]
91     สุลต่านมุสทาฟาที่ 3 30 ตุลาคม ค.ศ. 1757 – 21 มกราคม ค.ศ. 1774
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[28]
92     สุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 1 21 มกราคม ค.ศ. 1774 – 6 หรือ 7 เมษายน ค.ศ. 1789
  • ครองราชย์จนกระทั่งสวรรคต[29]
93     สุลต่านเซลิมที่ 3 7 เมษายน ค.ศ. 1789 – 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1807
94     สุลต่านมุสทาฟาที่ 4 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1807 – 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1808
95     สุลต่านมะห์มูดที่ 2 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1808 – 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1839
96     สุลต่านอับดุล เมจิดที่ 1 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1839 – 25 มิถุนายน ค.ศ. 1861
97     สุลต่านอับดุล อะซีซ 25 มิถุนายน ค.ศ. 1861 – 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1876
  • ถูกถอดถอนโดนรัฐมนตรีของพระองค์;
  • 5 วันต่อมาพบว่าสวรรคต (ฆ่าตัวตายหรือปลงพระชนม์)[34]
98     สุลต่านมูรัดที่ 5 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1876 – 31 สิงหาคม ค.ศ. 1876
  • ถูกถอดถอนเนื่องจากพระองค์ดำเนินการปฏิรูปประชาธิปไตยในจักรวรรดิของพระองค์;
  • ถูกสั่งให้อยู่ที่ Çırağan Palace แล้วสวรรคตในวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1904[35]
99     สุลต่านอับดุล ฮามิดที่ 2 31 สิงหาคม ค.ศ. 1876 – 27 เมษายน ค.ศ. 1909
100     สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 5 27 เมษายน ค.ศ. 1909 – 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1918
101     สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1918 – 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922
102  
[c]
สุลต่านอับดุล เมจิดที่ 2 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 – 3 มีนาคม ค.ศ. 1924

สำนักงานของรัฐเคาะลีฟะฮ์ออตโตมัน ซึ่งถูกยุบในวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1924 ถูกย้ายไปที่ Grand National Assembly of Turkey; เพื่อดำเนินไปตามฆราวาสนิยมในช่วงต้นของสาธารณรัฐตุรกีโดยประธานาธิบดี มุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์ค

หลังรัฐเคาะลีฟะฮ์ถูกยุบ ทาง Grand National Assembly of Turkey ได้ก่อตั้ง Presidency of Religious Affairs ในฐานะศูนย์อำนาจทางศาสนาอิสลามสูงสุดในประเทศ

เคาะลีฟะฮ์ที่ไม่ค่อยรู้จักโดยทั่วไป แก้

รัฐเคาะลีฟะฮ์ที่ไม่ยอมรับอย่างถูกกฎหมายโดยมุสลิมส่วนใหญ่

รัฐเคาะลีฟะฮ์ของอิบน์ ซุบัยร์ (ค.ศ.684–692) แก้

 
ดิรฮัมเงินของอับดุลลอฮ์ อิบน์ ซุบัยร์

อับดุลลอฮ์ อิบน์ ซุบัยร์ หลานชายของอาอิชะฮ์ ภรรยาคนที่ 3 ของมุฮัมมัด ได้ก่อกบฏต่อรัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์ใน ค.ศ. 684 เขาอ้างตนเองเป็นเคาะลีฟะฮ์ในมักกะฮ์ แต่กลับพ่ายแพ้และถูกฆ่าใน ค.ศ. 692 หลังแม่ทัพอัลฮัจญาจ อิบน์ ยูซุฟ ล้อมเมืองเป็นเวลา 6 เดือน[42]

รัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์แห่งกอร์โดบา (ค.ศ. 929–1031) แก้

(ไม่ค่อยยอมรับอย่างกว้างขวาง; มีอำนาจในประเทศสเปนและบางส่วนของมัฆริบ)[43][44]

พระนาม ครองราชย์ พระราชบุพการี หมายเหตุ
อับดุรเราะฮ์มานที่ 3 ค.ศ. 929–961
อัลฮะกัมที่ 2 ค.ศ. 961–976
ฮิชามที่ 2 ค.ศ. 976–1009
มุฮัมมัดที่ 2 ค.ศ. 1009
สุลัยมาน อิบน์ อัลฮะกัม ค.ศ. 1009–1010
ฮิชามที่ 2 ค.ศ. 1010–1013
สุลัยมาน อิบน์ อัลฮะกัม ค.ศ. 1013–1016
อับดุรเราะฮ์มานที่ 4 ค.ศ. 1021–1022
อับดุรเราะฮ์มานที่ 5 ค.ศ. 1022–1023
มุฮัมมัดที่ 3 1023–1024
  • อับดุรเราะฮ์มาน อิบน์ อุบัยดุลอฮ์ อิบน์ อับดุรเราะฮ์มานที่ 3 พระนัดดาของอับดุรเราะฮ์มานที่ 3
  • เฮาระฮ์
ฮิชามที่ 3 ค.ศ. 1027–1031

รัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์ (ค.ศ.909–1171) แก้

 
รัฐเคาะลีฟะฮ์ฟาฏิมียะฮ์

(พวกฟาฏิมียะฮ์นับถือชีอะฮ์อิสมาอีลียะฮ์ที่อ้างว่าเป็นลูกหลานของฟาฏิมะฮ์ ลูกสาวของมุฮัมมัด และฝ่ายซุนนีถือว่าเป็นพวกนอกรีต การอ้างเป็นเคาะลีฟะฮ์ของพวกเขาไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับอย่างถูกกฎหมายในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ผ่านทางมุฮัมมัดโดยอุมมะฮ์มุสลิม เพราะไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของฟาฏิมะฮ์จริง ๆ)[45][46]

พระนาม ครองราชย์ พระราชบุพการี หมายเหตุ
อับดัลลอฮ์ อัลมะฮ์ดี บิลลาฮ์ ค.ศ. 909–934
อัลกออิม บิอัมริลลาฮ์ ค.ศ. 934–946
อัลมันศูร บิลลาฮ์ ค.ศ. 946–953
อัลมุอิซซ์ ลิดีนัลลอฮ์ ค.ศ. 953–975 ประเทศอียิปต์ถูกครอบครองในรัชสมัยนี้
อัลอะซีซ บิลลาฮ์ ค.ศ. 975–996
อัลฮากิม บิอัมริลลาฮ์ ค.ศ. 996–1021
อะลี อัซซอฮิร ค.ศ. 1021–1036
อัลมุสตันศิร บิลลาฮ์ ค.ศ. 1036–1094
อัลมุสตะอ์ลี ค.ศ. 1094–1101 ความขัดแย้งในการสืบทอดนำมาสู่การแยกตัวของนิซารี
อัลอามิร บิอะฮ์กามัลลอฮ์ ค.ศ. 1101–1130 ผู้นำราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์ยุคหลังไม่ถือว่าพระองค์เป็นอิมามโดยมุสตะอ์ลีอิสมาอีลี
อัลฮาฟิซ ค.ศ. 1130–1149
อัซซอฟิร ค.ศ. 1149–1154
อัลฟาอิซ ค.ศ. 1154–1160
อัลอาฎิด ค.ศ. 1160–1171

รัฐเคาะลีฟะฮ์อัลโมฮาด (ค.ศ. 1145–1269) แก้

 
รัฐเคาะลีฟะฮ์อัลโมฮาดในช่วงแผ่ไพศาลที่สุด (ป. ค.ศ. 1200)

(ไม่ค่อยยอมรับอย่างกว้างขวาง อาณาจักรจริงกินพื้นที่แค่บางส่วนของแอฟริกาเหนือและคาบสมุทรไอบีเรีย)[47][48]

พระนาม ครองราชย์ หมายเหตุ
อับดุลมุอ์มิน ค.ศ. 1145–1163
อบูยะอ์กูบ ยูซุฟที่ 1 ค.ศ. 1163–1184
ยะอ์กูบ อัลมันศูร ค.ศ. 1184–1199
มุฮัมมัด อันนาศิร ค.ศ. 1199–1213
อบูยะอ์กูบ ยูซุฟที่ 2 ค.ศ. 1213–1224
อับดุลวาฮิดที่ 1 ค.ศ. 1224
อับดัลลอฮ์ อัลอาดิล ค.ศ. 1224–1227
ยะฮ์ยา ค.ศ. 1227–1235
อิดรีสที่ 1 ค.ศ. 1227–1232
อับดุลวาฮิดที่ 2 ค.ศ. 1232–1242
อะลี ค.ศ. 1242–1248
อุมัร ค.ศ. 1248–1266
อิดรีสที่ 2 ค.ศ. 1266–1269

รัฐเคาะลีฟะฮ์กุรฏุบะ (929–1031) แก้

(ไม่ค่อยยอมรับอย่างกว้างขวาง อาณาจักรจริงกินพื้นที่ในสเปนและส่วนหนึ่งของมาเกร็บ)[49][50]

พระนาม ครองราชย์ หมายเหตุ
อับดุลเราะห์มานที่ 3 929–961
อัล-ฮะกัมที่ 2 961–976
ฮิชามที่ 2 อัล-ฮะกัม 976–1009
มูฮัมหมัดที่ 2 1009
สุไลยมาน อิบน์ อัล-ฮะกัม 1009–1010
ฮิชามที่ 2 อัล-ฮะกัม 1010–1013
สุไลยมาน อิบน์ อัล-ฮะกัม 1013–1016
อับดุลเราะห์มานที่ 4 1021–1022
อับดุลเราะห์มานที่ 5 1022–1023
มูฮัมหมัดที่ 3 1023–1024
ฮิชามที่ 3 1027–1031

รัฐเคาะลีฟะฮ์ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปหลัง ค.ศ. 1900 แก้

ตั้งแต่จักรวรรดิออตโตมันล่มสลายเป็นต้นมา ไม่มีรัฐเคาะลีฟะฮ์ใดเลยที่ "รู้จักโดยทั่วไป"

รัฐเคาะลีฟะฮ์ชะรีฟ (ค.ศ.1924–1925) แก้

 
แผนที่อาณาจักรเป็นสีเขียวและแคว้นในปัจจุบันเป็นเส้นสีแดง

ฮุซัยน์ อิบน์ อะลี, กษัตริย์แห่งฮิญาซและชะรีฟแห่งมักกะฮ์ได้พยายามฟื้นฟูตำแหน่งและรูปแบบการปกครองของเคาะลีฟะฮ์ในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 1924 ถึง 3 ตุลาคม ค.ศ. 1924 เมื่อพระองค์ถ่ายโอนอำนาจให้กับอะลี อิบน์ อัลฮุซัยน์ อัลฮาชิมี โอรสของพระองค์ที่ไม่ดำเนินตามตำแหน่งและรูปแบบการปกครองนี้[51] ถึงแม้ว่าการอ้างเป็นเคาะลีฟะฮ์ของฮุซัยน์ไม่เป็นที่ยอมรับ และใน ค.ศ. 1925 พระองค์ถูกขับออกจากฮิญาซโดยกองทัพสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลอะซีซ อิบน์ ซะอูด เนื่องจากไม่ค่อยสนับสนุนกฎชะรีอะฮ์ พระองค์ยังคงใช้ตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ต่อในช่วงที่ถูกเนรเทศ จนสวรรคตใน ค.ศ. 1931

การกลับมาของรัฐเคาะลีฟะฮ์อิสลาม (ค.ศ. 2014–ปัจจุบัน) แก้

ณ วันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 2014 รัฐอิสลามอิรักและลิแวนต์ประกาศการกลับมาของรัฐเคาะลีฟะฮ์อิสลาม โดยมีอะบู บักร์ อิบรอฮีม เอาวาด อิบรอฮีม อะลี อัลบัดรี อัสซามรออี อัลบัฆดาดี เป็นเคาะลีฟะฮ์คนแรก[52][53] และรัฐเคาะลีฟะฮ์มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 12 ล้านคนในพื้นที่วิลายัต อัลอิรัก กับวิลายัต อัชชาม และอีกจำนวนมากใน วิลายัต ฆ็อรบ์อิฟรีกียะฮ์ (รัฐแอฟริกาตะวันตก), วิลายัต ชัรก์อาซิยา (รัฐเอเชียเหนือ), วิลายัต คุเราะซาน, วิลายัต วะซัตอิฟรีกียะฮ์ (รัฐแอฟริกากลาง), วิลายัต อัลยะมัน (รัฐเยเมน) และวิลายัต ซินาอ์ (รัฐไซนาย)[54] ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐอิสลาม[55][ไม่อยู่ในแหล่งอ้างอิง]

ในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2015 อบู-บักร์ อัชเชเกา ทำสัญญากับรัฐอิสลามด้วยการส่งข้อความเสียง[56][57] หลังจากนั้น มีการสันนิษฐานว่าโบโกฮะรอมได้ใช้ชื่อ "วิลายะฮ์ ฆ็อรบ์อิฟรีกียะฮ์" (อาหรับ: ولاية غرب إفريقية, "จังหวัดแอฟริกาตะวันตก") หรือ "รัฐอิสลามแห่งแอฟริกาตะวันตก" (Islamic State of West Africa; ISWAP).[58]

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 2018 ในระหว่างการชุมนุมของดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ไมก์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวถึงไอซิสว่า “ไอซิสกำลังหลบหนี รัฐเคาะลีฟะฮ์ของมันล่มสลาย และจะถูกลบจากการมีอยู่ในเร็ววัน"[59]

# เคาะลีฟะฮ์ วันเกิด ปกครองตั้งแต่ จนถึง
1 อะบู บักร์ อิบรอฮีม เอาวาด อิบรอฮีม อะลี อัลบัดรี อัสซามรออี อัลบัฆดาดี 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1971 29 มิถุนายน ค.ศ. 2014 27 ตุลาคม ค.ศ. 2019
2 อะบู อิบรอฮีม อัลฮาชิมี อัลกุเราะชี 1 หรือ 5 ตุลาคม 1976 31 ตุลาคม ค.ศ. 2019 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022
3 อะบู อัลฮะซัน อัลฮาชิมี อัลกุเราะชี ไม่ปรากฏ 10 มีนาคม ค.ศ. 2022 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022
4 อะบู อัลฮุสเซน อัลฮุสเซนี อัลกุเราะชี ไม่ปรากฏ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 ปัจจุบัน

ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง แก้

รัฐเคาะลีฟะฮ์อะฮ์มะดียะฮ์ (ค.ศ. 1908–ปัจจุบัน)[nb 1] แก้

 
ธงของประชาคมมุสลิมอะฮ์มะดียะฮ์

เคาะลีฟะตุลมะซีฮ์ (อาหรับ: خليفة المسيح; อูรดู: خلیفہ المسیح; อังกฤษ: Successor of the Messiah) หรือประชาคมเคาะลีฟะฮ์แห่งอะฮ์มะดียะฮ์[63] เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและองค์กรของสังคมอะฮ์มะดียะฮ์ทั่วโลก และเป็นผู้สืบทอดของมิรซา ฆุลัม อะฮ์มัดแห่งกอดิยาน ผู้อ้างตนเองเป็นมะฮ์ดีกับเมสสิยาห์

หลังจากฆุลัม อะฮ์มัดเสียชีวิต ผู้สืบทอดยังอยู่ในศูนย์บัญชาการในกอดิยานต่อจนมีการก่อตั้งประเทศปากีสถานในปีค.ศ. 1947 ในตอนนั้นศูนย์บัญชากรอยู่ที่รับวะฮ์ แต่ในปีค.ศ. 1984 พระราชกฤษฎีกาที่ 20 ประกาศใช้โดยรัฐบาลปากีสถานไว้ไม่ให้เคาะลีฟะตุลมะซีฮ์ทำพิธีอย่างสงบและทำให้สถาบันตกอยู่ในอันตราย ด้วเหตุนี้ เคาะลีฟะตุลมะซีฮ์ที่ 4ต้องย้ายจากปากีสถานไปที่ลอนดอน, อังกฤษ และย้ายศูนย์บัญชาการไปที่มัสยิดฟัซล์[64]

ดูเพิ่ม แก้

หมายเหตุ แก้

  1. มิรซา ฆุลัม อะฮ์มัด เป็นผู้ก่อตั้งนิกายอะฮ์มะดียะฮ์ ทั้งฝ่ายซุนนีและมุสลิมส่วนใหญ่ปฏิเสธนิกายนี้ เพราะเชื่อว่า มีศาสดาต่อจากศาสดามุฮัมมัด[60][61][62]

อ้างอิง แก้

  1. "Imam Hassan as". Duas.org.
  2. Lane-Poole 2004, pp. 12–13
  3. Bosworth 2004, pp. 6–7
  4. Al-Mudaffar, Sheikh Muhammad Al-Hussein. Imam Jafar Sadiq. p. 291.
  5. ibn Maja (1368). al-Sunan, II.
  6. Bosworth 2004, p. 7
  7. Houtsma & Wensinck 1993, p. 3
  8. Lane-Poole 2004, p. 195
  9. Bosworth 2004, pp. 239–240
  10. Lambton, Ann; Lewis, Bernard (1995). The Cambridge History of Islam: The Indian sub-continent, South-East Asia, Africa and the Muslim west. Vol. 2. Cambridge University Press. p. 320. ISBN 9780521223102. สืบค้นเมื่อ 14 March 2015.
  11. "Yavuz Sultan Selim Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  12. "Kanuni Sultan Süleyman Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  13. "Sultan II. Selim Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  14. "Sultan III. Murad Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  15. "Sultan III. Mehmed Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  16. "Sultan I. Ahmed". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  17. 17.0 17.1 "Sultan I. Mustafa". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  18. "Sultan II. Osman Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  19. "Sultan IV. Murad Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  20. "Sultan İbrahim Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  21. "Sultan IV. Mehmed". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  22. "Sultan II. Süleyman Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  23. "Sultan II. Ahmed Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  24. "Sultan II. Mustafa Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  25. "Sultan III. Ahmed Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  26. "Sultan I. Mahmud Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  27. "Sultan III. Osman Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  28. "Sultan III. Mustafa Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  29. "Sultan I. Abdülhamit Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  30. "Sultan III. Selim Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  31. "Sultan IV. Mustafa Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  32. "Sultan II. Mahmud Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  33. "Sultan Abdülmecid Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  34. "Sultan Abdülaziz Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  35. "Sultan V. Murad Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  36. "Sultan II. Abdülhamid Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  37. "Sultan V. Mehmed Reşad Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  38. "Sultan VI. Mehmed Vahdettin Han". Republic of Turkey Ministry of Culture and Tourism. สืบค้นเมื่อ 2009-02-06.
  39. As̜iroğlu 1992, p. 13
  40. As̜iroğlu 1992, p. 17
  41. As̜iroğlu 1992, p. 14
  42. Dictionary of Battles and Sieges: F-O edited by Tony Jacques
  43. Lane-Poole 2004, p. 21
  44. Bosworth 2004, p. 11
  45. Lane-Poole 2004, p. 71
  46. Bosworth 2004, p. 63
  47. Lane-Poole 2004, p. 47
  48. Bosworth 2004, p. 39
  49. Lane-Poole 2004, p. 21
  50. Bosworth 2004, p. 11
  51. Bosworth 2004, p. 118
  52. Adam Withnall (2014-06-30). "Iraq crisis: Isis declares its territories a new Islamic state with 'restoration of caliphate' in Middle East - Middle East - World". The Independent. สืบค้นเมื่อ 2014-07-04.
  53. "ISIS Spokesman Declares Caliphate, Rebrands Group as "Islamic State"". SITE Institute. 29 June 2014. สืบค้นเมื่อ 29 June 2014.
  54. "Islamic State-controlled parts of Syria, Iraq largely out of reach: Red Cross". 13 March 2015 – โดยทาง Reuters.
  55. Yusuf al-Qaradawi stated: "[The] declaration issued by the Islamic State is void under sharia and has dangerous consequences for the Sunnis in Iraq and for the revolt in Syria", adding that the title of caliph can "only be given by the entire Muslim nation", not by a single group. Strange, Hannah (5 July 2014). "Islamic State leader Abu Bakr al-Baghdadi addresses Muslims in Mosul". The Telegraph. สืบค้นเมื่อ 6 July 2014.
  56. "Nigeria's Boko Haram pledges allegiance to Islamic State". BBC news. BBC. 2015-03-07. สืบค้นเมื่อ 2015-03-07.
  57. Adam Chandler (March 9, 2015). "The Islamic State of Boko Haram? :The terrorist group has pledged its allegiance to ISIS. But what does that really mean?". The Atlantic.
  58. "Africa blog: Islamic State strengthens ties with Boko Haram". BBC News. สืบค้นเมื่อ 25 April 2015.
  59. Trump TV Network (2018-05-10), FULL EVENT: President Donald Trump MASSIVE Rally in Elkhart, Indiana - May 10, 2018, สืบค้นเมื่อ 2018-05-12. See 6:00
  60. "Ahmadis - Oxford Islamic Studies Online". www.oxfordislamicstudies.com (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-07-23. สืบค้นเมื่อ 2018-09-03. Controversial messianic movement founded by Mirza Ghulam Ahmad in Qadian, Punjab (British-controlled India), in 1889. Founder claimed to be a “nonlegislating” prophet (thus not in opposition to the mainstream belief in the finality of Muhammad 's “legislative” prophecy) with a divine mandate for the revival and renewal of Islam ...
  61. "The Ahmadiyyah Movement - Islamic Studies - Oxford Bibliographies - obo" (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-09-03.
  62. "Ghulam Ahmad, Mirza - Oxford Islamic Studies Online". www.oxfordislamicstudies.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2018-09-08. Founder of Ahmadi movement in Punjab, India, in 1889... The movement is labeled non-Muslim and fiercely opposed by Muslims, although the group considers itself Muslim.
  63. http://www.caliphofislam.com เก็บถาวร 2014-12-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  64. "Khilafat - Caliphate - The Guided Khilafat - Khilafat e Ahmadiyya - Al Islam Online". www.alislam.org.

สารานุกรม แก้