ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ กำกับการแสดงโดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล มี 6 ภาค ทุนสร้าง 700 ล้านบาท (ในครั้งแรกกำหนดให้มี 5 ภาค[1][2]) เป็นภาคต่อจากภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท โดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ได้วางเป้าหมายเรื่องนี้ไว้ว่าจะต้องทำให้ดีกว่าภาพยนตร์เรื่อง "สุริโยไท" ในทุกด้าน โดยมีขอบเขตการทำงานใหญ่กว่า, อลังการกว่า, ฉากต่าง ๆ มีความยิ่งใหญ่อลังการกว่า, นักแสดงหลัก และนักแสดงประกอบมีจำนวนมากกว่า เครื่องมือ และเทคโนโลยีต่าง ๆ มากกว่า[3] ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา[4]
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช | |
---|---|
![]() ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล |
บทภาพยนตร์ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล สุเนตร ชุตินธรานนท์ |
อำนวยการสร้าง | หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล(ภาค 5-6) คุณากร เศรษฐี |
นักแสดงนำ | ดูด้านล่าง |
ผู้บรรยาย | ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ(ภาค 1) มนตรี เจนอักษร(ภาค 5-6) |
กำกับภาพ | ณัฐวุฒิ กิตติคุณ(ภาค 1-2) สตานิสลาฟ ดอร์ซิก |
ตัดต่อ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หม่อมราชวงศ์ปัทมนัดดา ยุคล |
ดนตรีประกอบ | ริชาร์ด ฮาร์วีย์(ภาค 1,2,4) แซนดี้ แม็คลาเลนด์(ภาค 1-3) รอส คัลลัม(ภาค 3) เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน(ภาค 5-6) |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล |
วันฉาย | พ.ศ. 2550 – 2558 |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ภาษาไทย ภาษาพม่า ภาษามอญ |
ทุนสร้าง | 700 ล้านบาท(6 ภาค) |
ก่อนหน้านี้ | สุริโยไท |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
เนื้อเรื่องแก้ไข
องค์ประกันหงสาแก้ไข
ประกาศอิสรภาพแก้ไข
ยุทธนาวีแก้ไข
ศึกนันทบุเรงแก้ไข
ยุทธหัตถีแก้ไข
อวสานหงสาแก้ไข
ตัวละครและนักแสดงแก้ไข
ตัวละคร | องค์ประกันหงสา | ประกาศอิสรภาพ | ยุทธนาวี | ศึกนันทบุเรง | ยุทธหัตถี | อวสานหงสา | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช | ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ | พันโทวันชนะ สวัสดี ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ |
พันโทวันชนะ สวัสดี | พันโทวันชนะ สวัสดี ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ |
พันโทวันชนะ สวัสดี ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ |
พันโทวันชนะ สวัสดี ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ | |||||
มณีจันทร์ | สุชาดา เช็คลีย์ | ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ สุชาดา เช็คลีย์ |
ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ | ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ สุชาดา เช็คลีย์ |
ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ | ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ สุชาดา เช็คลีย์ | |||||
ออกพระราชมนู (บุญทิ้ง) | จิรายุ ละอองมณี | นพชัย ชัยนาม จิรายุ ละอองมณี |
นพชัย ชัยนาม | นพชัย ชัยนาม จิรายุ ละอองมณี |
นพชัย ชัยนาม | นพชัย ชัยนาม จิรายุ ละอองมณี | |||||
เลอขิ่น | อินทิรา เจริญปุระ | ||||||||||
พระมหาเถรคันฉ่อง | สรพงศ์ ชาตรี | ||||||||||
พระสุพรรณกัลยา | เกรซ มหาดำรงค์กุล กล้วยไม้ พิกุลแย้ม |
เกรซ มหาดำรงค์กุล | |||||||||
พระเจ้านันทบุเรง | จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ | ||||||||||
พระมหาอุปราชามังสามเกียด | โชติ บัวสุวรรณ | นภัสกร มิตรเอม | |||||||||
พระชัยบุรี | ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง | ||||||||||
พระศรีถมอรัตน์ | พันโทคมกริช อินทรสุวรรณ | ||||||||||
สมเด็จพระเอกาทศรถ | กรัณย์ เศรษฐี | พลตรี วินธัย สุวารี | |||||||||
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช | ฉัตรชัย เปล่งพานิช | ||||||||||
พระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา | สมภพ เบญจาธิกุล | ||||||||||
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ | ศรัณยู วงศ์กระจ่าง | ||||||||||
สมเด็จพระมหินทราธิราช | สันติสุข พรหมศิริ | ||||||||||
ออกญาจักรี | ไพโรจน์ ใจสิงห์ | ||||||||||
หมอกมู | อภิรดี ภวภูตานนท์ | อภิรดี ภวภูตานนท์ | |||||||||
เสือหาญฟ้า | ดอม เหตระกูล | ||||||||||
นายมหานุภาพ (ไอ้ขาม) | ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ | ||||||||||
พระยาเกียน | ประดิษฐ์ ภักดีวงษ์ | ||||||||||
พระยาราม | ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ | ||||||||||
มางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร | ทีปกร อัครวุฒิวรกุล | ชลัฏ ณ สงขลา | |||||||||
พระวิสุทธิกษัตริย์ | ปวีณา ชารีฟสกุล | ||||||||||
ท้าววรจันทร์ | อำภา ภูษิต | ||||||||||
นัดจินหน่อง | สิริพงษ์ แพทย์วงษ์ | นาวาอากาศตรีจงเจต วัชรานันท์ | |||||||||
พระยาพิชัยรณฤทธิ์ | อานนท์ สุวรรณเครือ | ||||||||||
ขุนเดช | ดี๋ ดอกมะดัน | ||||||||||
พระราเมศวร | สถาพร นาควิลัย | สถาพร นาควิลัย | |||||||||
สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช | รอน บรรจงสร้าง | ||||||||||
เจ้าฟ้าเมืองคัง | ชุมพร เทพพิทักษ์ | ||||||||||
พระเทพกษัตรี | ณัฐริกา ธรรมปรีดานันท์ | ||||||||||
ออกญาเสนาภิมุข | คะซุกิ ยะโนะ | ||||||||||
ขุนรัตนแพทย์ | โกวิทย์ วัฒนกุล | ||||||||||
ออกญาราชวังสรรค์ | นาวาอากาศตรีกัมปนาท อั้งสูงเนิน | ||||||||||
ซักแซกยอถ่าง | เรืองยศ โกมลเพ็ชร | ||||||||||
คุณยายตาบอด | เดือนเต็ม สาลิตุล | ||||||||||
หมอกใหม่ | ญาณิกา ทองประยูร | ||||||||||
พระยาพะสิม | ครรชิต ขวัญประชา | ||||||||||
นรธาเมงสอ | ชลิต เฟื่องอารมย์ | ||||||||||
นันทจอถิง | หม่อมหลวงรังษิธร ภาณุพันธ์ | ||||||||||
ขุนรามเดชะ | ฐากูร การทิพย์ ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ |
ฐากูร การทิพย์ | |||||||||
มูเตอ | เกศริน เอกธวัชกุล | ||||||||||
ท้าวโสภา | พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ | ||||||||||
พระศรีสุพรรณมาธิราช | ดิลก ทองวัฒนา | ||||||||||
พญาละแวก | เศรษฐา ศิระฉายา | ||||||||||
เจ้าหญิงรัตนาวดี | อคัมย์สิริ สุวรรณศุข | อคัมย์สิริ สุวรรณศุข | |||||||||
อังกาบ | ศิรพันธ์ วัฒนจินดา | ศิรพันธ์ วัฒนจินดา | |||||||||
พระยาเชียงราย | พงษ์อมร ณ สงขลา | ||||||||||
ขุนพลอย | พิสุทธิ์ แพร่แสงเอี่ยม | ||||||||||
พระยาเชียงแสน | มงคล อุทก | ||||||||||
ล่ามจีน | รอง เค้ามูลคดี | ||||||||||
นายกองหงสาวดี (มดแดง) | วิสา ทิพพะรังสี | ||||||||||
สเรนันทสู | ศิกษก บรรลือฤทธิ์ | ||||||||||
พระยาจันโต | ทินธนัท เวลส์ช | ||||||||||
นายกองพม่า | สุรศักดิ์ วงษ์ไทย | ||||||||||
พลับพลึง | ไอรินทร์ สุรังค์สุริยกุล | ||||||||||
โหราธิบดีหงสาวดี | จรัล เพ็ชรเจริญ | ||||||||||
ครูบาเฒ่า | ถนอม นวลอนันต์ | ||||||||||
เมงเกงสอ | รัชนี ศิระเลิศ | ||||||||||
เมงเยสีหตู | นิรุตติ์ ศิริจรรยา | ||||||||||
เม้ยมะนิก | เต็มฟ้า กฤษณายุธ |
การผลิตแก้ไข
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ที่ ค่ายสุรสีห์ กาญจนบุรี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในบริเวณกองพลทหารราบที่ 9 (ค่ายสุรสีห์) ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ จัดการถ่ายทำถวายให้ทอดพระเนตรโดย เปิดกล้องด้วยฉากขบวนเสด็จของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเฝ้าสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดา ที่เมืองอโยธยา โดยมีนักแสดงกว่า 1,000 คน ร่วมเข้าฉาก[5]
ท่านมุ้ยกล่าวว่า “เหตุที่เลือกกาญจนบุรีเป็นสถานที่ถ่ายทำ เพราะสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ที่เป็นเมือง หน้าด่านที่สำคัญในการสกัดกั้นทัพพม่าก่อนที่จะเข้าถึงอยุธยาได้ เป็นเส้นทางเดินทัพทั้งทางบกและทางน้ำ มีเหตุการณ์สำคัญหลายเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ในยุคสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกอบกับทำเลที่ตั้งเหมาะสมมาก และที่สำคัญคือเราได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบกเป็นอย่างดี ด้วยความพร้อมและศักยภาพทุกด้าน ทั้งพื้นที่ กำลังพล ตลอดจนอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยให้การก่อสร้างดำเนินไปด้วยดี”
งานสร้างภาพยนตร์แก้ไข
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีหลายด้านที่เป็นการปฏิวัติ วงการภาพยนตร์ไทย ได้แก่
- ด้านเทคนิค ทั้งเทคนิคในการถ่ายทำและตัดต่อ การใช้ visual effect, special effect รวมถึงการทำ computer graphic ซึ่งมี supervisor จากต่างประเทศที่มีผลงานจาก ภาพยนตร์ระดับโลกของ Hollywood มาร่วมงาน
- ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ เช่น Spider Cam ที่ท่านมุ้ยปรับประยุกต์ให้สามารถใช้งานได้ในรูปแบบเดียวกันกับของต่างประเทศ แต่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างกันหลายเท่าตัว
- ด้าน Production มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการสร้างฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก, เครื่องประดับตกแต่ง รวมทั้งเครื่องใช้เบ็ดเตล็ดต่างๆ โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในรูปแบบเดียวกันกับที่ใช้ใน ภาพยนตร์ไตรภาคเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ จาก WETA ประเทศนิวซีแลนด์ (ของ Peter Jackson – ผู้กำกับ) ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เวลา และ แรงงานได้เป็นอย่างมาก ผลงานที่ผลิตออกมามีรายละเอียดที่ประณีต เหมือนจริง และในภาคที่ห้าได้มีการมิกซ์เสียงในรูปแบบ ดอลบี้ แอทมอส (Dolby Atmos) เป็นครั้งแรกของวงการภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งลิขสิทธิ์ในการทำภาพยนตร์ระบบเสียงนี้ใช้ทุนในการดำเนินการสูงมาก และมีสตูดิโอที่สามารถมิกซ์เสียงได้เพียงแค่ไม่กี่แห่งในประเทศ ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้จากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 ที่ทำให้ฟิล์มต้นฉบับเสียหายทั้งหมด จนต้องดำเนินการถ่ายทำใหม่ตั้งแต่ต้น
- ม้าศึก ม้าศึกประมาณ 30 ตัวที่ใช้ในเรื่องนี้นำเข้าจากต่างประเทศ (ออสเตรเลีย) โดยเป็นม้าที่ ได้รับการฝึกสำหรับการแสดงโดยเฉพาะ มีความสามารถพิเศษ เช่น เป็นม้าล้มและมีขนาดเหมาะสม โดยบางส่วนเป็นม้าที่แสดงในเรื่อง The Last Samurai
หากเทียบกับภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท ท่านมุ้ยได้วางเป้าหมายเรื่องนี้ไว้ว่าจะต้องทำให้ดีกว่าสุริโยไทใน ทุกด้าน โดยมี scope ของการทำงานใหญ่กว่า,ฉากต่างๆ มีความยิ่งใหญ่อลังการกว่า, นักแสดงหลักและนักแสดงประกอบมีจำนวนมากกว่าและใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ มากกว่า
ในครั้งแรก ท่านมุ้ยได้มีความตั้งใจจะสร้างภาพยนตร์ชุดนี้เป็นภาพยนตร์ไตรภาค หรือ 3 ภาคเท่านั้น ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็จะถือว่าเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกด้วยที่มีด้วยกันทั้งหมด 3 ภาค แต่เมื่อสร้างไปแล้วได้เกิดการขยายขึ้นเป็น 6 ภาค โดยเริ่มงานสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 หลังจากที่สุริโยไทได้เข้าฉายทันที รวมระยะเวลาตั้งแต่เริ่มสร้างจนถึงภาคสุดท้ายออกฉายถึง 13 ปี ด้วยกัน และความตั้งใจแรกท่านมุ้ยต้องการที่จะให้ชื่อในแต่ละภาคว่า ภาคแรก สูญสิ้นอิสรภาพ, ภาคสอง อิสรภาพนั้น ยากยิ่งที่จะได้มา และภาคสาม ยากยิ่งกว่าที่จะรักษาไว้[1]
อีกทั้งภาพยนตร์ชุดนี้ อาจถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องสุดท้ายที่มีถ่ายทำด้วยฟิล์ม[6]
ต่อมา หลังการฉายภาค 5 แล้ว ท่านมุ้ยไม่พอใจในฉากจบ จึงมีการสร้างภาคต่อเป็นภาค 6 อันเป็นภาคอวสาน[2]
การตอบรับแก้ไข
บ็อกซ์ออฟฟิศแก้ไข
ภาพยนตร์แบ่งเป็นหกภาค ปีที่เข้าฉาย วันที่เข้าฉายและรายได้สูงสุด แสดงในตารางด้านล่าง
ปี | ชื่อภาค | วันที่เข้าฉาย | รายได้สูงสุด |
---|---|---|---|
พ.ศ. 2550 | ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๑ องค์ประกันหงสา | 18 มกราคม พ.ศ. 2550 | 236.60 ล้านบาท [7] |
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ | 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 | 234.55 ล้านบาท [8] | |
พ.ศ. 2554 | ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี | 31 มีนาคม พ.ศ. 2554 | 201.17 ล้านบาท [9] |
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง | 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554 | 125.77 ล้านบาท [10] | |
พ.ศ. 2557 | ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี | 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 | 200.00 ล้านบาท[ต้องการอ้างอิง] |
พ.ศ. 2558 | ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา | 9 เมษายน พ.ศ. 2558 | 115.11 ล้านบาท[ต้องการอ้างอิง] |
รวมรายได้ | 913.02 ล้านบาท |
รางวัลและเทศกาลภาพยนตร์แก้ไข
ภาพยนตร์ | รางวัล |
---|---|
ภาค ๑ องค์ประกันหงสา |
|
ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ |
|
ภาค ๓ ยุทธนาวี |
|
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ 1.0 1.1 "แฟนพันธุ์แท้ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช". แฟนพันธุ์แท้. 23 พฤษภาคม 2557. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-08-13. สืบค้นเมื่อ 24 พฤษภาคม 2557.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ 2.0 2.1 "มีเฮ!!! "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 6" ตอนอวสาน! มาแล้ว! ปลุกเลือดรักชาติ รักแผ่นดิน". ทีนิวส์. 1 กันยายน 2557. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-09-06. สืบค้นเมื่อ 18 ตุลาคม 2557.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ King Naresuan
- ↑ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตำนานสมเด็จพระนเรศวร
- ↑ "King Naresuan" is a lavish drama with a screenplay that's a major challenge.
- ↑ "'ท่านมุ้ย'นำทีมนักแสดงวางพวงมาลา'นเรศวรมหาราช'". innnews. 27 เมษายน 2557. สืบค้นเมื่อ 24 พฤษภาคม 2557.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help)[ลิงก์เสีย] - ↑ สรุปรายได้ภาพยนตร์ทำเงินที่เข้าฉายในบ้านเรา ปี 2550
- ↑ "ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-21. สืบค้นเมื่อ 2021-09-22.
- ↑ สรุปรายได้ภาพยนตร์ทำเงินที่เข้าฉายในบ้านเรา ปี 2554
- ↑ สรุปรายได้ของภาพยนตร์บางเรื่องที่เข้าฉายในไทยช่วงปี 2554[ลิงก์เสีย]
- ↑ ผลการประกาศรางวัล ไนน์ เอ็นเตอร์เทน อวอร์ด ปี 2008
- ↑ ประกาศรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงครั้งที่ 16
- ↑ ชมรมวิจารณ์บันเทิงจัดงานเล็กๆ ต้อนรับเดือนมีนาหน้าหนาว 5 มีนาคม 2551 / ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-28. สืบค้นเมื่อ 2014-03-23.
- ↑ 15.0 15.1 อนันดา บุกปูซาน ร่วมงานหนังอินเตอร์
- ↑ Rithdee, Kong, August 24, 2007. Naresuan II reigns in Oscar race เก็บถาวร 2007-09-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Variety (magazine) (retrieved on August 26, 2007)
- ↑ "ผลรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 20". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-22. สืบค้นเมื่อ 2014-03-23.
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช |