ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา
บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา เป็นภาพยนตร์ภาคที่หกซึ่งเป็นภาคสุดท้ายในภาพยนตร์ชุด ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กำหนดฉายในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๖ อวสานหงสา | |
---|---|
กำกับ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล |
บทภาพยนตร์ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ดร. สุเนตร ชุตินธรานนท์ |
อำนวยการสร้าง | หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล คุณากร เศรษฐี |
นักแสดงนำ | |
ผู้บรรยาย | มนตรี เจนอักษร |
กำกับภาพ | สตานิสลาฟ ดอร์ซิก |
ตัดต่อ | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หม่อมราชวงศ์ปัทมนัดดา ยุคล |
ดนตรีประกอบ | เทิดศักดิ์ จันทร์ปาน |
บริษัทผู้สร้าง | |
ผู้จัดจำหน่าย | สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล |
วันฉาย | 9 เมษายน พ.ศ. 2558 |
ความยาว | 95 นาที |
ประเทศ | ไทย |
ภาษา | ไทย พม่า มอญ |
ทำเงิน | 115.11 ล้านบาท (เฉพาะ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดเชียงใหม่)[1] |
ก่อนหน้านี้ | ยุทธหัตถี |
ข้อมูลจาก IMDb | |
ข้อมูลจากสยามโซน |
เนื้อเรื่อง
แก้แม้ว่าสงครามยุทธหัตถีจะเป็นมหาศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ก็หาใช่ศึกสุดท้ายที่ทำให้อาณาจักรอยุธยามีความสุขสงบมาอีกกว่า 200 ปีไม่ หากคือการเริ่มต้นแห่งการรวบรวมบ้านเมืองและสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดิน
ในปี พ.ศ. 2135 หลังพ่ายศึกยุทธหัตถี พระเจ้านันทบุเรงระบายพระโทสะที่สูญเสียราชบุตรพระมหาอุปราชามังกยอชวาโดยสังหารเหล่าแม่ทัพนายกองทั้งสิ้นทั้งปวง และเข้าไปปลงพระชนม์พระนางสุพรรณกัลยาและพระราชโอรสธิดา สมเด็จพระนเรศวรจึงนำทัพชัยหมายแก้แค้นแทนพระพี่นาง แม้จะได้รับคำทัดทานจากพระมหาเถรและพระมเหสีมณีจันทร์ ฝ่ายพระเจ้าตองอูปกครองโดยเมงเยสีหตูผู้เป็นน้องเขยพระเจ้านันทบุเรงคิดจะศิโรราบต่ออาณาจักรอยุธยาแต่ถูกทัดทานโดยพระมหาเถรเสียมเพรียม ให้ริบตัวพระเจ้านันทบุเรงและยึดอำนาจปกครองแผ่นดินพม่าเสียเอง พระเจ้านันทบุเรงเมื่ออับจนหนทางไร้ญาติมิตรเข้าช่วยเหลือ ตะโดธรรมราชาเจ้าเมืองแปรและพระเจ้านยองยานก่อกบฏ นรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่เข้ากับอโยธยา จึงยอมให้นัดจินหน่องราชบุตรแห่งเจ้าเมืองตองอูพาพระองค์พร้อมกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนจากหงสาไปไว้ยังตองอูจนหมดสิ้น ครั้นสมเด็จพระนเรศวรเสด็จถึงเมือง หงสาวดีก็กลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้ว
ศึกครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรจึงต้องยกทัพตามต่อตีไปยังตองอู เพื่อหมายสังหารพระเจ้านันทบุเรงให้จงได้ แต่ระหว่างตั้งทัพล้อมเมืองตองอูกองทัพอโยธยาก็ถูกกองทัพยะไข่นำโดยเมงราชาญีดักปล้นสะเบียงและได้จับตัวสมเด็จพระเอกาทศรถไป แต่พระยาชัยบุรีสามารถเข้าไปช่วยพระองค์ได้ เมื่อนัดจินหน่องโอรสในพระเจ้าตองอูเห็นว่าพระเจ้านันทบุเรงเป็นต้นเหตุชักศึกเข้าบ้านจึงอัญเชิญสมเด็จพระนเรศวรให้ลักลอบเข้ามาสังหารพระเจ้านันทบุเรงด้วยตนเองถึงห้องบรรทม แต่ด้วยสังขารของพระเจ้านันทบุเรงทรงเกิดการปลงละที่จะสังหารเสีย ยกทัพกลับอโยธยา ภายหลังพระเจ้านันทบุเรงถูกนัดจินหน่องกับพระนางเมงเกงสอมเหสีเจ้าเมืองตองอูและมารดาของนัดจินหน่องสมคบคิดวางยาพิษลงในเครื่องเสวยถึงแก่การสิ้นพระชนม์ ด้วยพระชนม์มายุ 64 พรรษา
การกลับมาอโยธยาครั้งนี้ทรงเกิดดวงตาเห็นธรรมหมายใจจะออกบรรพชาละทางโลกและสละราชสมบัติให้สมเด็จพระเอกาทศรถ แต่มีภารกิจไปตีเมืองอังวะกำจัดไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามแก่ชาวอโยธยาสืบไป ก่อนออกศึกทรงสัญญากับพระนางมณีจันทร์เมื่อเสร็จศึกจะกลับมารับขวัญรวมทั้งโอรสในท้องด้วย
พ.ศ. 2148 ระหว่างนำทัพเข้าตีอังวะสมเด็จพระนเรศวรทรงประชวรและหยุดทัพที่เมืองฝาง ระหว่างนั้นเห็นภาพนิมิตรเป็นมณีจันทร์นึกเสียพระทัยที่ทรงไม่ยอมเชื่อเรื่องตีเมืองอังวะ อีกทั้งสั่งเสียถึงราชโอรสที่อาจมีราชภัยตามมาเนื่องจากการผลัดแผ่นดิน ต่อมาได้สั่งเสียสมเด็จพระเอกาทศรถให้สืบทอดเจตนารมณ์พระองค์ให้เข้าตีอังวะ แม้พระองค์จะสวรรคตแล้วแต่ก็ให้ผูกพระศพกับหลังช้างเข้าประตูเมืองอังวะให้จงได้ ไม่นานพระองค์ก็ถึงแก่สวรรคตด้วยพระชนม์มายุ 50 พรรษา
นักแสดง
แก้- พันโทวันชนะ สวัสดี รับบท สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
- ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ รับบท มณีจันทร์
- จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ รับบท พระเจ้านันทบุเรง
- นพชัย ชัยนาม รับบท พระราชมนู
- นภัสกร มิตรเอม รับบท พระมหาอุปราชา
- สรพงศ์ ชาตรี รับบท พระมหาเถรคันฉ่อง
- เกรซ มหาดำรงค์กุล รับบท สมเด็จพระสุพรรณกัลยา
- พลตรีวินธัย สุวารี รับบท สมเด็จพระเอกาทศรถ
- เต็มฟ้า กฤษณายุธ รับบท เม้ยมะนิก
- นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบท เมงเยสีหตูที่ 2 แห่งตองอู
- รัชนี ศิระเลิศ รับบท พระนางเมงเกงสอ
- สอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ รับบท มหาเถรเสียมเพียม
- ปราบต์ปฏล สุวรรณบาง รับบท พระชัยบุรี
- นาวาอากาศโทจงเจต วัชรานันท์ รับบท นัดจินหน่อง
- พันโทคมกริช อินทรสุวรรณ รับบท พระศรีถมอรัตน์
- ครรชิต ขวัญประชา รับบท พระยาพะสิม
- ไกรลาส เกรียงไกร รับบท พระยาลอ
- ชลิต เฟื่องอารมย์ รับบท นรธาเมงสอ
นักแสดงรับเชิญ
แก้- อรรถพร สุวรรณ รับบท ขุนรอน
- จรัสพงษ์ สุรัสวดี รับบท พระเทพอรชุน
- ฐากูร การทิพย์ รับบท ขุนรามเดชะ
- สมเดช แก้วลือ รับบท จอลุ
- รณ ฤทธิชัย รับบท เมงราชาญี
- พลภัทร เวลส์ช รับบท พระยาจันโต
- ดาม ดัสกร รับบท สีหรั่น
- สุรศักดิ์ ชัยอรรถ รับบท นันทจอถิง
- กฤษณ เศรษฐธำรง รับบท ภะยะกามณี
ข้อแตกต่างระหว่างประวัติศาสตร์กับภาพยนตร์
แก้- พระยาพะสิมไม่ได้ถูกประหารชีวิตหลังสงครามยุทธหัตถี เพราะถูกอโยธยาจับตัวไปตั้งแต่ศึกพระอุปราชาครั้งที่ 1แล้ว[2]
- แท้จริงแล้วสงครามไทย-พม่า หลังศึกยุทธหัตถีจนถึงสมเด็จพระนเรศวรสวรรคตมีด้วยกัน 5 ครั้ง[3][4]
- ไทยตีเมืองทวายและตะนาวศรี ในปี พ.ศ. 2136[3]
- ไทยได้หัวเมืองมอญ ในปี พ.ศ. 2137 ในครั้งนี้ ไทยตีได้เมาะตะมะและเมาะลำเลิง (ซึ่งเมืองเมาะลำเลิง ในภาพยนตร์เรียกว่า เมาะละแหม่ง)[4]
- สมเด็จพระนเรศวรตีเมืองหงสาวดีครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2138 ในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรทรงล้อมเมืองหงสาวดีอยู่ถึง 4 เดือน ก็ยังตีเมืองไม่ได้ เมื่อทรงทราบว่า กองทัพพระเจ้าอังวะ พระเจ้าตองอู พระเจ้าแปร ได้ยกกองทัพลงมาช่วยพระเจ้าหงสาวดีถึงสามเมือง เห็นว่าข้าศึกมีกำลังมากนัก จึงถอยทัพกลับคืนพระนคร[3][4]
- สมเด็จพระนเรศวรตีเมืองหงสาวดีครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2142 ในครั้งนี้ เมื่อสมเด็จพระนเรศวรไปถึงเมืองหงสาวดีก็พบว่าเมืองถูกเผาไปแล้วโดยพวกยะไข่ และพระเจ้าตองอูก็นำตัวพระเจ้านันทบุเรงไปไว้ที่เมืองตองอู สมเด็จพระนเรศวรจึงยกทัพตามขึ้นไปล้อมเมืองตองอูอยู่ 2 เดือน แต่ตีไม่ได้ รวมทั้งขาดแคลนเสบียงอาหารเนื่องจากทางขนส่งเสบียงอาหารเป็นทางไกล อีกทั้งกองโจรยะไข่ได้ตีตัดการขนส่งเสบียง ประกอบกับล่วงเข้าต้นฤดูฝน จึงทรงยกทัพกลับพระนคร[3]
- สมเด็จพระนเรศวรยกไปตีเมืองอังวะ ในปี พ.ศ. 2148 ในครั้งนี้ ยังไม่ทันจะได้ตีเมืองอังวะ สมเด็จพระนเรศวรก็ประชวรและเสด็จสวรรคตเสียก่อน กองทัพไทยจึงต้องเลิกกลับคืนพระนคร[4]
- สมเด็จพระนเรศวรไม่ได้ลอบเข้าเมืองตองอูเพื่อหมายจะสังหารพระเจ้านันทบุเรงตามที่ปรากฏในภาพยนตร์[3][4]
- ในประวัติศาสตร์จริง สมเด็จพระนเรศวรยกทัพกลับจากเมืองตองอูเพราะขาดเสบียงและในขณะนั้นกำลังล่วงเข้าต้นฤดูฝน[3]
- ถึงแม้ในภาพยนตร์จะมีคำสั่งเสียจากสมเด็จพระนเรศวรให้สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จไปตีเมืองอังวะ แต่ในประวัติศาสตร์จริงสมเด็จพระเอกาทศรถก็ไม่ได้ได้ไปตีอังวะ แต่ให้ถอยทัพกลับคืนพระนคร[4]
- เม้ยมะนิก เป็นเพียงตัวละครสมมุติที่แต่งขึ้นเพื่ออุปโลกให้เป็นพระชายามอญของสมเด็จพระเอกาทศรถ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |