สมเด็จพระเอกาทศรถ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
สมเด็จพระเอกาทศรถ[1] หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 19 แห่งอาณาจักรอยุธยาและพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์สุโขทัย ระหว่าง พ.ศ. 2148 ถึง 2153/54[2] และเป็นเจ้าแห่งล้านนาระหว่าง พ.ศ. 2148 ถึง 2151/52 สืบราชสมบัติต่อจากพระเชษฐาคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รัชสมัยของพระองค์ส่วนใหญ่สงบสุขเนื่องจากสยามเป็นรัฐที่มีอำนาจผ่านการพิชิตดินแดนของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในรัชสมัยของพระองค์เริ่มมีชาวต่างชาติหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาเป็นกองทหารรับจ้าง โดยเฉพาะสมเด็จพระเอกาทศรถมีกองทหารรักษาพระองค์ชาวญี่ปุ่นภายใต้บังคับบัญชาของยามาดะ นางามาสะ หรือออกญาเสนาภิมุข
สมเด็จพระเอกาทศรถ | |
---|---|
พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเอกาทศรถ | |
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา | |
ครองราชย์ | 25 เมษายน พ.ศ. 2148 - พ.ศ. 2153 (5 ปี) |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระนเรศวรมหาราช |
ถัดไป | สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ |
พระมหาอุปราช | เจ้าฟ้าสุทัศน์ |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 2103 พิษณุโลก |
สวรรคต | พ.ศ. 2153 (50 พรรษา) กรุงศรีอยุธยา |
พระราชบุตร | เจ้าฟ้าสุทัศน์ สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม |
ราชวงศ์ | สุโขทัย |
พระราชบิดา | สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช |
พระราชมารดา | พระวิสุทธิกษัตรีย์ |
ช่วงเวลา | |
เหตุการณ์สำคัญ |
|
พระราชประวัติ
แก้สมเด็จพระเอกาทศรถ หรือที่ชาวตะวันตกเรียกว่า พระองค์ขาว ตามสีพระวรกาย[3] เสด็จพระราชสมภพที่เมืองพิษณุโลกในปี พ.ศ. 2103[4] เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชกับพระวิสุทธิกษัตรีย์ เป็นพระโสทรานุชาในพระสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระเอกาทศรถได้ตามเสด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราชออกรบอยู่เสมอจนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสวยราชสมบัติกรุงศรีอยุธยา จึงทรงสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2[3] เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 โดยไม่มีพระราชโอรส[5] บรรดาเสนาอำมาตย์จึงอัญเชิญพระองค์ขึ้นครองราชย์แต่เพียงพระองค์เดียว ทรงพระนามว่า พระศรีสรรเพชญ์ สมเด็จบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรมหาจักรพรรดิสร บวรราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาษภาษกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศ ตรีภูวเนศวรวรนาถนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศัย สมุทยตโรมนต์ สากฬจักรพาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทรา ธาดาธิบดีวิบุลย์ คุณรุจิตฤทธิราเมศวร ธรรมิกราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพ ตรีภูวนาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธ์ มกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร บรมบพิตร[6]
กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของพระองค์ไม่มีข้าศึกเข้าประชิดพระนคร แต่มีต่างชาติเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารมากยิ่งกว่าแต่ก่อน เช่น พระเจ้าเชียงใหม่นรธาเมงสอ พญาตองอู พญาล้านช้าง นอกจากนี้ยังมีพระราชสาส์นติดต่อกับอุปราชโปรตุเกสประจำเมืองกัวด้วย[4]
สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2153 ขณะพระชนมพรรษา 50 พรรษา อยู่ในราชสมบัติได้ 5 ปี สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ซึ่งเป็นพระราชโอรสจึงได้สืบเสวยราชสมบัติต่อ
พระราชกรณียกิจ
แก้สมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้างวัดวรเชษฐารามขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2136 เพื่อเป็นพระราชานุสรณ์ถวายแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบรมเชษฐาธิราช[7]
สมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ส่งเอกอัครราชทูตพร้อมด้วยทูตานุทูตไปยังฮอลันดาจำนวน 20 คน ไปในเรือลำเดียวกันกับพ่อค้าชาวฮอลันดา ในแบบอย่างเต็มยศ คือมีพระราชสาส์น ตลอดจนเครื่องราชบรรณาการต่าง ๆ ที่มีค่า ถูกต้องตามแบบแผนประเพณีของการเจริญพระราชไมตรีสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้เดินทางไปถึงกรุงเฮก เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2151 คณะทูตานุทูตที่ได้ส่งไปประเทศฮอลันดา ถือเป็นการส่งคณะทูตครั้งแรกไปเจริญทางสัมพันธไมตรีกับประเทศในยุโรป
อย่างไรก็ตาม จดหมายเหตุของฮอลันดาไม่ได้ระบุชื่อราชทูตหรือบุคคลใด ๆ ในคณะทูต ทราบเพียงแต่จำนวนว่ามีหัวหน้าสองท่าน (ราชทูตและอุปทูต) พนักงานรักษาเครื่องราชบรรณาการ เจ้าพนักงานพระราชสาส์น และอื่น ๆ ซึ่งได้เข้าเฝ้าเจ้าชายมอร์ริส เจ้าชายแห่งออเรนจ์ในวันถัดจากที่เดินทางมาถึง[8]
พระราชโอรส
แก้- เจ้าฟ้าสุทัศน์ ได้เป็นพระมหาอุปราช แล้วเสวยยาพิษสิ้นพระชนม์
- สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ ครองราชย์เพียง 1 ปี 2 เดือน ก็ถูกถอดจากราชสมบัติแล้วสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์
- สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
แก้มีนักแสดงผู้รับบท สมเด็จพระเอกาทศรถ ได้แก่
- อาวุธ พิทักษ์พงษ์ จากภาพยนตร์เรื่อง มหาราชดำ (2524)
- รอน บรรจงสร้าง จากละครเรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (2530)
- ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก จากละครเรื่อง กษัตริยา (2546)
- วินธัย สุวารี จากภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (2550 - 2558), ละครเรื่อง บุหลันมันตรา (2567)
- รอน บรรจงสร้าง จากละครเรื่อง ขุนศึก (2555)
- รัชชานนท์ เรือนเพ็ชร์ จากละครเรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เดอะซีรีส์ (2560 - ปัจจุบัน)
พงศาวลี
แก้พงศาวลีของสมเด็จพระเอกาทศรถ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
แก้- เชิงอรรถ
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, รายนามแลพระนาม ผู้ที่ทำลับแลไฟ ถวายพระราชอุทิศในพระเจ้าแผ่นดิน ในการพระราชกุศลบรรจบรอบเถลิงถวัลยราชสมบัติ ครบ ๒๕ ปี, เล่ม ๑๐ ตอนที่ ๓๐ หน้า ๓๑๙, ๒๒ ตุลาคม ๑๑๒
- ↑ "History of Ayutthaya - Historical Events - Timeline 1600-1649". www.ayutthaya-history.com.
- ↑ 3.0 3.1 นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 121
- ↑ 4.0 4.1 นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 126
- ↑ นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย, หน้า 123
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม), หน้า 251
- ↑ "วัดวรเชษฐาราม". ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม.
- ↑ "ประวัติสัมพันธไมตรีสยาม-เนเธอร์แลนด์ รัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ (1)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-14. สืบค้นเมื่อ 2018-03-08.
- บรรณานุกรม
- มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย. กรุงเทพฯ : มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา, 2554. 264 หน้า. ISBN 978-616-7308-25-8
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. หน้า 126-127. ISBN 978-616-7146-08-9
ดูเพิ่ม
แก้ก่อนหน้า | สมเด็จพระเอกาทศรถ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช | พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา (พ.ศ. 2148 — พ.ศ. 2153) |
สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ | ||
สมเด็จพระนเรศวร | พระมหาอุปราชกรุงศรีอยุธยา (ราชวงศ์สุโขทัย) |
เจ้าฟ้าสุทัศน์ |