เอฟเอคัพ
เดอะฟุตบอลอะโซชีเอเชินแชลลินจ์คัพ (อังกฤษ: The Football Association Challenge Cup) หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า เอฟเอคัพ (อังกฤษ: FA Cup) เป็นการแข่งขันฟุตบอลประเภทแพ้คัดออกประจำปีของฟุตบอลชายในประเทศอังกฤษ เริ่มแข่งขันครั้งแรกเมื่อ ฤดูกาล 1871–72 โดยเป็นการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก[1] การแข่งขันตั้งชื่อตามและจัดโดยสมาคมฟุตบอล (ดิเอฟเอ) การแข่งขันมีชื่อว่า เอมิเรตส์เอฟเอคัพ ตั้งแต่ ค.ศ. 2015 เพราะได้รับการสนับสนุนจาก เอมิเรตส์ การแข่งขันจัดพร้อมกันกับเอฟเอคัพหญิงตั้งแต่ ค.ศ. 1970
ผู้จัด | สมาคมฟุตบอล |
---|---|
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1871 |
ภูมิภาค |
|
จำนวนทีม | 729 (2023–24) |
ผ่านเข้าไปเล่นใน | ยูฟ่ายูโรปาลีก |
ถ้วยในประเทศ | เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ |
ทีมชนะเลิศปัจจุบัน | แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (13 สมัย) |
ทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุด | อาร์เซนอล (14 สมัย) |
ผู้แพร่ภาพโทรทัศน์ |
|
เว็บไซต์ | thefa.com |
เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2023–24 |
การแข่งขันเปิดให้ทุกสโมสรที่มีสิทธิ์ลงไปจนถึงระดับ 9 ของระบบลีกฟุตบอลอังกฤษ โดยมีสโมสรระดับ 10 ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในกรณีที่สโมสรจากระดับบนไม่ได้ส่งเข้าแข่งขัน[2] ฤดูกาล 2011–12 มีสโมสรเข้าร่วมการแข่งขันมากที่สุดเป็นสถิติถึง 763 สโมสร การแข่งขันประกอบด้วยการสุ่มจับฉลาก 12 รอบ ตามมาด้วยรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศ ผู้เข้าแข่งขันจะไม่ได้เป็นทีมวาง แม้ว่าระบบการบายตามระดับลีกจะทำให้ทีมที่มีอันดับสูงกว่าเข้าสู่รอบต่อ ๆ ไป แต่จำนวนเกมขั้นต่ำที่ต้องชนะ ขึ้นอยู่กับรอบที่ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน มีตั้งแต่ 6 ถึง 14 เกม
หกรอบแรกเป็นการแข่งขันรอบคัดเลือก และแข่งขันกันโดยสโมสรในระบบลีกแห่งชาติ ระดับ 5 ถึง 10 ของระบบฟุตบอลอังกฤษ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ฟุตบอลนอกลีก 32 ทีมจากรอบนี้ผ่านเข้าสู่รอบแรกของการแข่งขันที่แท้จริง โดยพบกับทีมอาชีพทีมแรก 48 ทีมจาก ลีกวันและทู ผู้เข้าแข่งขันชุดสุดท้ายคือ 20 ทีมจากพรีเมียร์ลีกและ 24 ทีมจากแชมเปียนชิป โดยมาเข้ามาจับสลากในรอบสาม[2] ในยุคปัจจุบัน มีทีมนอกลีกเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ และทีมที่ต่ำกว่าระดับ 2 ไม่เคยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ[note 1] เป็นผลให้มีการมุ่งเน้นไปที่ทีมเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้ารอบได้ไกลที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาได้รับชัยชนะแบบ "สังหารยักษ์" ที่ไม่น่าเป็นไปได้
ผู้ชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลเอฟเอคัพ ซึ่งมีสองแบบและถ้วยจริงห้าใบ ถ้วยแบบล่าสุดคือแบบจำลองของถ้วยแบบที่สองใน ค.ศ. 2014 ซึ่งเปิดตัวเมื่อ ค.ศ. 1911 ผู้ชนะเลิศยังได้เข้าแข่งขันในรายการ ยูฟ่ายูโรปาลีกและเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ อาร์เซนอล คือสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วยการชนะเลิศ 14 สมัย โดยครั้งล่าสุดคือเมื่อ ค.ศ. 2020 และ อาร์แซน แวงแกร์ อดีตผู้จัดการทีมของอาร์เซนอล เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการแข่งขันรายการนี้ โดยชนะเลิศ 7 ครั้งกับอาร์เซนอล แมนเชสเตอร์ซิตี ทีมแชมป์ปัจจุบันคือแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หลังเอาชนะแมนเชสเตอร์ซิตีในดาร์บีแมนเชสเตอร์ในสกอร์2-1สโมสร ใน ค.ศ. 2024
ประวัติศาสตร์
แก้เมื่อ ค.ศ. 1863 สมาคมฟุตบอล (ดิเอฟเอ) ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เผยแพร่กติกาฟุตบอลของสมาคมฟุตบอล โดยรวมกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ก่อนหน้านั้นเข้าด้วยกัน เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1871 ภายในออฟฟิศของ หนังสือพิมพ์ เดอะสปอร์ตส์แมน ซี. ดับเบิลยู. อัลค็อก เลขานุการเอฟเอ เสนอต่อคณะกรรมการเอฟเอว่า "เป็นที่พึงประสงค์ว่าควรมีการจัดตั้งแชลลินจ์คัพขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับสมาคม โดยสโมสรทั้งหมดที่เป็นของสมาคมควรได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขัน" การแข่งขันเอฟเอคัพครั้งแรก เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1871 วันเดอเรอส์ เป็นผู้ชนะในรอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1872 หลังแข่งขันไปสิบสามนัด วันเดอเรอส์ยังคงรักษาแชมป์ในปีถัดมา รูปแบบการแข่งขันในสมัยปัจจุบันเริ่มต้นเมื่อฤดูกาล 1888–89 ด้วยการเปิดตัวรอบคัดเลือก[3]
หลังการแข่งขันในฤดูกาล 1914–15 การแข่งขันก็ถูกระงับเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และกลับมาแข่งขันต่อในฤดูกาล 1919–20 ในรอบชิงชนะเลิศ 1923 ที่รู้จักกันทั่วไปว่า "ไวต์ฮอร์สไฟนอล" เป็นรอบชิงชนะเลิศแรกที่แข่งขันใน สนามกีฬาเวมบลีย์ (รู้จักกันในชื่อเอ็มไพร์สเตเดียมในเวลานั้น) ที่เพิ่งเปิดใหม่ เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 1927 มีการร้องเพลง "อะไบด์วิทมี" เป็นครั้งแรกในรอบชิงชนะเลิศซึ่งกลายเป็นประเพณีก่อนการแข่งขัน[4] ไม่มีการแข่งขันระหว่าง ฤดูกาล 1938–39 ถึง 1945–46 เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง การแข่งขันจึงไม่ได้ฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีจนกระทั่ง ฤดูกาล 1980–81
หลังความสับสนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ในการแข่งขันครั้งแรก เอฟเอตัดสินใจว่านัดที่เสมอกันจะนำไปสู่การแข่งใหม่ โดยทีมต่าง ๆ จะแข่งใหม่เพิ่มเติมจนกว่าจะได้ผู้ชนะในที่สุด[5] อัลเวเชิร์ชและออกซฟอร์ดซิตี มีการแข่งใหม่มากที่สุดถึง 6 ครั้ง ในรอบคัดเลือก ฤดูกาล 1971–72[5] การแข่งใหม่หลายครั้งถูกยกเลิกในรอบการแข่งขันในฤดูกาล 1991–92 และรอบคัดเลือกในฤดูกาล 1997–98[5] การแข่งใหม่ถูกยกเลิกในรอบรองชนะเลิศและชิงชนะเลิศใน ค.ศ. 2000, รอบก่อนรองชนะเลิศในฤดูกาล 2016–17 และรอบห้าในฤดูกาล 2019–20[5]
การสร้างสนามเวมบลีย์ใหม่ ทำให้มีการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนอกประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ ค.ศ. 2001–2006 โดยแข่งขันที่มิลเลนเนียมสเตเดียมในคาร์ดิฟฟ์ รอบชิงชนะเลิศกลับมาแข่งขันที่เวมบลีย์อีกครั้งใน ค.ศ. 2007 ตามมาด้วยรอบรองชนะเลิศใน 2008
รูปแบบการแข่งขัน
แก้ภาพรวม
แก้กำหนดการ
แก้รอบ[2] | เดือน | ลีกที่เข้ามาในรอบนี้[2] | ผู้เข้ามาใหม่ในรอบนี้ | ผู้ชนะจากรอบก่อนหน้านี้ | จำนวนนัด |
---|---|---|---|---|---|
การแข่งขันรอบคัดเลือก[2] | |||||
รอบเบื้องต้นพิเศษ | สิงหาคม | สโมสรระดับ 10 หากมีที่ว่าง สโมสรระดับ 9 สโมสรระดับ 8 (96 ทีมอันดับต่ำสุด) |
416 | 208 | |
รอบเบื้องต้น | สโมสรระดับ 8 (64 ทีมอันดับสูงสุด) | 64 | 208 | 136 | |
รอบแรก | กันยายน | สโมสรระดับ 7 | 88 | 136 | 112 |
รอบสอง | สโมสรระดับ 6 | 48 | 112 | 80 | |
รอบสาม | ตุลาคม | ไม่มี | 0 | 80 | 40 |
รอบสี่ | สโมสรระดับ 5 | 24 | 40 | 32 | |
การแข่งขันที่แท้จริง[2] | |||||
รอบแรก | พฤศจิกายน | สโมสรระดับ 3 และ 4 | 48 | 32 | 40 |
รอบสอง | ธันวาคม | ไม่มี | 0 | 40 | 20 |
รอบสาม | มกราคม | สโมสรระดับ 1 และ 2 | 44 | 20 | 32 |
รอบสี่ | ไม่มี | 0 | 32 | 16 | |
รอบห้า | กุมภาพันธ์ | 0 | 16 | 8 | |
รอบก่อนรองชนะเลิศ | มีนาคม | 0 | 8 | 4 | |
รอบรองชนะเลิศ | เมษายน | 0 | 4 | 2 | |
รอบชิงชนะเลิศ | พฤษภาคม | 0 | 2 | 1 |
เหรียญรางวัล
แก้แต่ละสโมสรในรอบชิงชนะเลิศจะได้รับเหรียญรางวัลผู้ชนะเลิศหรือรองชนะเลิศจำนวน 40 เหรียญเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ เหรียญกษาปณ์เนื้อทองคำรูปแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นเหรียญสำหรับผู้ชนะเลิศ ยังเป็นรูปแบบดั้งเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ทศวรรษ 1890 เหรียญรองชนะเลิศได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดใน ค.ศ. 1946 ถูกแทนที่ด้วยเหรียญรางวัลรูปแบบใหม่ใน ค.ศ. 2021 โดยเป็นเหรียญทองสำหรับผู้ชนะเลิศและเหรียญเงินสำหรับทีมรองชนะเลิศห้อยด้วยริบบิ้น[6]
ผู้สนับสนุน
แก้ช่วงปี | ผู้สนับสนุน | ชื่อ | ถ้วยรางวัล |
---|---|---|---|
1871–1994 | — | ดิเอฟเอคัพ | ดั้งเดิม |
1994–1998 | ลิตเทิลวูดส์ | ดิเอฟเอคัพสปอนเซอร์ดบายลิตเทิลวูดส์[7] | |
1998–2002 | แอกซ่า | ดิแอกซ่าสปอนเซอร์ดเอฟเอคัพ[8] (1998–1999) ดิเอฟเอคัพสปอนเซอร์ดบายแอกซ่า (1999–2002) | |
2002–2006 | — | ดิเอฟเอคัพ | |
2006–2011 | เอ.ออน | ดิเอฟเอคัพสปอนเซอร์ดบายเอ.ออน[9][10] | |
2011–2014 | บัดไวเซอร์ | ดิเอฟเอคัพวิทบัดไวเซอร์[11] | |
2014–2015 | — | ดิเอฟเอคัพ | |
2015–2024 | เอมิเรตส์ | ดิเอมิเรตส์เอฟเอคัพ (2015–2020)[12] เอมิเรตส์เอฟเอคัพ (2020–2024) | |
2024 เป็นต้นไป | ไม่ทราบ | ดิเอฟเอคัพ |
การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ
แก้* | การแข่งขันชนะในช่วงหลังต่อเวลาพิเศษ |
† | การแข่งขันชนะในช่วงการดวลลูกโทษ |
A. ^ ปี 1923 ผู้ชมอย่างเป็นทางการคือ 126,047 แต่เชื่อได้ว่ามีผู้ชมจริงอยู่ในราว 150,000 – 300,000 คน[23][24]
ทำเนียบผู้ชนะเลิศจำแนกตามสโมสร
แก้หมายเหตุ
แก้- ↑ นับตั้งแต่ก่อตั้งฟุตบอลลีกในปี ค.ศ. 1888 สโมสรนอกลีกเพียงสโมสรเดียวที่ชนะเลิศเอฟเอคัพคือทอตนัมฮอตสเปอร์ในปี ค.ศ. 1901 นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1914 เมื่อควีนส์พาร์กเรนเจอส์เข้าถึงรอบสี่ (รอบ 8 ทีมสุดท้าย/รอบก่อนรองชนะเลิศ) สโมสรเดียวที่ไม่ใช่ลีกเดียวที่ไปถึงรอบนั้นได้คือลินคอล์นซิตีใน ค.ศ. 2017 ทั้งทอตนัมและคิวพีอาร์ประสบความสำเร็จในขณะที่เป็นสมาชิกของเซาเทิร์นฟุตบอลลีกซึ่งแข่งขันคู่ขนานกับฟุตบอลลีกจนถึง ค.ศ. 1920 เมื่อฟุตบอลลีกขยายตัวและดูดซับดิวิชันสูงสุดของเซาเทิร์นลีก ตั้งแต่นั้นมาเซาเทิร์นลีกก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของปิรามิดลีกอังกฤษ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าฟุตบอลลีก
อ้างอิง
แก้- ↑ "Oldest football cup 'not for sale'". BBC News. 14 October 2014. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 November 2017. สืบค้นเมื่อ 4 November 2017.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 Faulkner, Bryan (13 July 2022). "Rules of the FA Challenge Cup 2022–23". The Football Association. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 August 2022. สืบค้นเมื่อ 18 August 2022.
- ↑ Collett, Mike (2003). The Complete Record of The FA Cup. p. 878. ISBN 1-899807-19-5.
- ↑ "Cup final competition for fans". Reading FC. 26 January 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 January 2015. สืบค้นเมื่อ 6 April 2016.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 "A Brief History of FA Cup Replays". FA Cup Factfile. 7 February 2020. สืบค้นเมื่อ 25 July 2023.
- ↑ "Rules of the FA Challenge Cup Competition". The Football Association. p. 25. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 December 2018. สืบค้นเมื่อ 16 May 2018.
- ↑ "F.A. Cup Soccer Gets A Sponsor". The New York Times. 2 September 1994. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 May 2020. สืบค้นเมื่อ 10 October 2011.
- ↑ "Axa wins FA Cup". BBC News. 23 July 1998. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 February 2003. สืบค้นเมื่อ 10 October 2011.
- ↑ "FA announces new Cup sponsorship". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 February 2006. สืบค้นเมื่อ 30 September 2014.
- ↑ "NotFound". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 September 2010. สืบค้นเมื่อ 30 September 2014.
- ↑ "FA Cup to be sponsored by Budweiser beer". BBC News. 16 June 2011. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 February 2021. สืบค้นเมื่อ 26 January 2021.
- ↑ "FA Cup get first title sponsor following deal with Emirates Airline". BBC Sport. 30 May 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 June 2015. สืบค้นเมื่อ 30 May 2015.
- ↑ 13.0 13.1 13.2 "F A Cup Summary – Contents". The Football Club History Database. สืบค้นเมื่อ 4 November 2008.
- ↑ 14.0 14.1 Barnes, Stuart (2008). Nationwide Football Annual 2008–2009. SportsBooks Ltd. pp. 132, 134–143. ISBN 1–899807–72–1.
- ↑ "Arsenal v Hull". BBC Sport.
- ↑ "Arsenal v Aston Villa". BBC Sport.
- ↑ "Crystal Palace v Manchester United". BBC Sport.
- ↑ "Arsenal v Chelsea". BBC Sport.
- ↑ "ManU v Chelsea". BBC Sport.
- ↑ "ManCity v Watford". BBC Sport.
- ↑ "Manchester City 2–1 Manchester United". BBC Sport. 3 June 2023. สืบค้นเมื่อ 3 June 2023.
- ↑ "Man United win FA Cup with superb display against Man City". ESPN. 26 May 2024. สืบค้นเมื่อ 26 May 2024.
- ↑ Bateson, Bill; Albert Sewell (1992). News of the World Football Annual 1992–93. Harper Collins. p. 219. ISBN 0–85543–188–1.
- ↑ "The F.A. Cup – Bolton's Victory – Record Crowds". The Times. News International. 30 May 1923. สืบค้นเมื่อ 13 October 2008.[ลิงก์เสีย]
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
- The FA Cup Archive – England's official Football Association site, all results with dates, including all qualifying rounds
- Thomas Fattorini Ltd. makers of the 1911 FA Cup – manufacturers of the 1911 FA Cup and other sporting trophies
- FA Cup going under the hammer – BBC News story on the sale of the second trophy