เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2017

เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ ปี 2017 เป็นรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 136 ของเอฟเอคัพ, การแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก. ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 ที่ สนามกีฬาเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน, ประเทศอังกฤษ และเป็นการตัดสินกันระหว่าง คู่ปรับตลอดกาลร่วมเมืองลอนดอน อาร์เซนอล และ เชลซี. ทีมชนะเลิศจะได้ผ่านเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2017–18 ที่รอบแบ่งกลุ่ม.[2]

เอฟเอคัพ รอบชิงชนะเลิศ 2017
รายการเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2016–17
วันที่27 พฤษภาคม ค.ศ. 2017
สนามสนามกีฬาเวมบลีย์, ลอนดอน
ผู้เล่นยอดเยี่ยม
ประจำนัด
อาเลกซิส ซานเชซ (อาร์เซนอล)
ผู้ตัดสินแอนโธนี เทย์เลอร์
ผู้ชม89,472 คน
สภาพอากาศมีเมฆกระจายเป็นแห่งๆ
20 องศาเซลเซียส (68 องศาฟาเรนไฮต์)[1]
2016
2018

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ แก้

อาร์เซนอล แก้

รอบ คู่แข่งขัน ผล
3 เพรสตัน นอร์ท เอนด์ (A) 1–2
4 เซาแทมป์ตัน (A) 0–5
5 ซัตตัน ยูไนเต็ด (A) 0–2
รอบก่อนรองชนะเลิศ ลินคอล์น ซิตี (H) 5–0
รอบรองชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ซิตี (N) 2–1 (a.e.t.)
ความหมาย: (h) = สนามทีมเหย้า; (a) = สนามทีมเยือน; (n) = สนามเป็นกลาง.

อาร์เซนอล, ในฐานะทีมจาก พรีเมียร์ลีก, เริ่มต้นรายการนี้ในรอบสาม. พวกเขาได้ถูกจับสลากโดยออกไปเยือนทีมจาก อีเอฟแอลแชมเปียนชิป เพรสตัน นอร์ท เอนด์. ที่ ดีปเดล, อาร์เซนอล ชนะ 2–1 กับการทำประตูจาก แอรอน แรมซีย์ และ ออลีวีเย ฌีรู.[3] ในรอบสี่, อาร์เซนอลจับสลากพบกับทีมร่วมพรีเมียร์ลีก เซาแทมป์ตัน. ที่ เซนต์แมรีส์สเตเดียม, อาร์เซนอล ชนะ 5–0 กับสองประตูจาก แดนนี เวลเบก และ แฮต-ทริค จาก ทีโอ วอลคอตต์.[4] ในรอบห้า, อาร์เซนอลได้ถูกจับสลากพบกับทีมจากนอกลีก เนชันนัลลีก ไปเยือน ซัตตัน ยูไนเต็ด. ที่ แกนเดอร์ กรีน เลน, อาร์เซนอล ชนะ 2–0 กับประตูจาก ลูกัส เปเรซ และ วอลคอตต์.[5] การแข่งขันแมตช์นี้ยังถูกตั้งข้อสังเกตสำหรับผู้รักษาประตูสำรองของทีมซัตตัน ยูไนเต็ด เวย์น ชอว์ ถูกสอบสวนโดย เอฟเอ และ คณะกรรมาธิการการพนัน สำหรับการรับประทานพายด้านข้างสนามถึงแม้จะมีการเดิมพันราคาต่อรองซึ่งจากภาพถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เขาก็ทำเช่นนั้น.[6] ในรอบก่อนรองชนะเลิศ, อาร์เซนอลได้ถูกจับสลากเล่นแมตช์เหย้าพบกับทีมจากเนชันนัลลีก ลินคอล์น ซิตี. ที่ เอมิเรตส์สเตเดียม, อาร์เซนอล ชนะ 5–0 กับประตูจาก วอลคอตต์, ฌีรู, การทำเข้าประตูตัวเองหนึ่งประตูโดย ลุค วอเตอร์ฟอลล์, อาเลกซิส ซานเชซ และ แรมซีย์.[7] ในรอบรองชนะเลิศที่สนามเป็นกลาง เวมบลีย์ สเตเดียม, อาร์เซนอลลงเล่นพบกับทีมจากพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ซิตี และกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศหลังจากเอาชนะ 2–1 กับประตูจาก นาโช มอนเรอัล และ ซานเชซ.[8]

เชลซี แก้

รอบ คู่แข่งขัน ผล
3 ปีเตอร์โบโร ยูไนเต็ด (H) 4–1
4 เบรนท์ฟอร์ด (H) 4–0
5 วุลเวอร์แฮมป์ตัน วอนเดอเรอส์ (A) 0–2
รอบก่อนรองชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (H) 1–0
รอบรองชนะเลิศ ทอตนัม ฮอตสเปอร์ (N) 4–2
ความหมาย: (h) = สนามทีมเหย้า; (a) = สนามทีมเยือน; (n) = สนามเป็นกลาง.
 
ผู้เล่นของเชลซีกำลังเฉลิมฉลองประตูในแมตช์รอบรองชนะเลิศพบกับ ทอตนัม ฮอตสเปอร์

เชลซียังเริ่มต้นในรอบสามตรงที่พวกเขาได้ถูกจับสลากเล่นในบ้านพบกับทีมจาก ลีกวัน ปีเตอร์โบโร ยูไนเต็ด. ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์, เชลซี ชนะ 4–1 กับสองประตูจาก เปโดร และคนละประตูจาก มีชี บัตชัวยี และ วีลียัง ถึงแม้ว่ากัปตันสโมสร จอห์น เทร์รี จะมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม.[9]

ในรอบสี่, พวกเขาได้ถูกจับสลากพบกับทีมจาก แชมเปียนชิป เบรนต์ฟอร์ด ที่บ้านของพวกเขา. เชลซี ชนะ 4–0 กับประตูจาก เปโดร, วีลียัง, บรานิสลาฟ อีวานอวิช และ บัตชัวยี.[10] ในรอบห้า, เชลซีได้ถูกจับสลากออกไปเยือนพบกับทีมจากแชมเปียนชิป วุลเวอร์แฮมป์ตัน วอนเดอเรอส์. ที่ สนามกีฬาโมลีนิวส์, เชลซี ชนะ 2–0 กับประตูจาก เปโดร และ เดียโก โกสตา.[11] ในรอบก่อนรองชนะเลิศ, พวกเขาได้ถูกจับสลากพบกับทีมร่วมพรีเมียร์ลีกและ แชมป์เก่าเอฟเอคัพ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด. ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์, เชลซี ชนะ 1–0 โดยเป็นประตูชัยจาก เอ็นโกโล ก็องเต.[12] ในรอบรองชนะเลิศที่สนามกีฬาเวมบลีย์, เชลซีได้ถูกจับสลากพบกับทีมร่วมพรีเมียร์ลีกและ คู่แข่งร่วมเมืองลอนดอน, ทอตนัม ฮอตสเปอร์. เชลซีผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศด้วยชัยชนะ 4–2 กับสองประตูจาก วีลียัง และคนละประตูจาก เอแดน อาซาร์ และ เนมันยา มาติช.[13]

เหตุการณ์ก่อนการแข่งขัน แก้

รายละเอียด แก้

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
อาร์เซนอล
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เชลซี
GK 13   ดาบิด โอสปีนา
CB 16   ร็อบ โฮลดิง   53'
CB 4   แพร์ แมร์เทสอัคเคอร์ (กัปตัน)
CB 18   นาโช มอนเรอัล
RM 24   เอกตอร์ เบเยริน
CM 8   แอรอน แรมซีย์   9'
CM 29   กรานิต จากา   81'
LM 15   อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน   82'
RW 17   อาเลกซิส ซานเชซ   90+3'
CF 23   แดนนี เวลเบก   78'
LW 11   เมซุท เออซิล
ตัวสำรอง:
GK 33   เปเตอร์ เช็ค
MF 34   ฟร็องซิส กอเกอแล็ง   83'   82'
MF 35   โมฮาเหม็ด เอลเนนี   90+3'
FW 9   ลูกัส เปเรซ
FW 12   ออลีวีเย ฌีรู   78'
FW 14   ทีโอ วอลคอตต์
FW 17   อเล็กซ์ อิโวบี
ผู้จัดการทีม:
  อาร์แซน แวงแกร์
 
GK 13   ตีโบ กูร์ตัว
CB 28   เซซาร์ อัซปีลีกูเอตา
CB 30   ดาวิด ลูอีซ
CB 24   แกรี เคฮิลล์
RM 15   วิกเตอร์ โมเซส   57'   68'
CM 7   เอ็นโกโล ก็องเต   59'
CM 21   เนมันยา มาติช   61'
LM 3   มาร์โกส อาลอนโซ
RW 11   เปโดร   72'
CF 19   เดียโก โกสตา   88'
LW 10   เอแดน อาซาร์
ตัวสำรอง:
GK 1   อัสมีร์ เบกอวิช
DF 5   กูร์ต ซูมา
DF 6   นาทาน อาเก
DF 26   จอห์น เทร์รี
MF 4   เซสก์ ฟาเบรกัส   61'
MF 22   วีลียัง   72'
FW 23   มีชี บัตชัวยี   88'
ผู้จัดการทีม:
  อันโตนีโอ กอนเต

อ้างอิง แก้

  1. "History for London Heathrow, United Kingdom". Weather Wunderground. 27 May 2017. สืบค้นเมื่อ 28 May 2017.
  2. "2017–18 UEFA access list" (PDF). UEFA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-05-02. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23. {{cite journal}}: Cite journal ต้องการ |journal= (help)
  3. Rose, Gary (2017-01-07). "Preston North End 1–2 Arsenal". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23.
  4. McNulty, Phil (2017-01-28). "Southampton 0–5 Arsenal". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23.
  5. McNulty, Phil (2017-02-20). "Sutton United 0–2 Arsenal". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23.
  6. Aarons, Ed. "Wayne Shaw leaves Sutton United amid investigations over pie-eating stunt". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23.
  7. Rose, Gary (2017-03-11). "Arsenal 5–0 Lincoln City". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23.
  8. "Alexis Sanchez hits extra-time winner as Arsenal edge FA Cup thriller against Manchester City". Eurosport. 2017-02-17. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23.
  9. Reddy, Luke (2017-01-08). "Chelsea 4–1 Peterborough United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2017-04-22.
  10. "Chelsea 4–0 Brentford". BBC Sport. 2017-01-28. สืบค้นเมื่อ 2017-04-22.
  11. "Wolverhampton Wanderers 0–2 Chelsea". BBC Sport. 2017-02-18. สืบค้นเมื่อ 2017-04-22.
  12. McNulty, Phil (2017-03-13). "Chelsea 1–0 Manchester United". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2017-04-22.
  13. McNulty, Phil (2017-04-22). "Chelsea 4–2 Tottenham Hotspur". BBC Sport. สืบค้นเมื่อ 2017-04-22.