เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)

มหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี นามเดิม หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล (16 เมษายน พ.ศ. 2410 – 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460) อดีตเสนาบดีกระทรวงธรรมการ

เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
(หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล)
เสนาบดีว่าการกระทรวงธรรมการ
ดำรงตำแหน่ง
พ.ศ. 2454 – พ.ศ. 2458
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก่อนหน้าเจ้าพระยาวิชิตวงศ์วุฒิไกร (หม่อมราชวงศ์คลี่ สุทัศน์)
ถัดไปเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด16 เมษายน พ.ศ. 2410
เมืองพระนคร ประเทศสยาม
เสียชีวิต14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460 (49 ปี)
เมืองพระนคร ประเทศสยาม
ศาสนาพุทธ
คู่สมรสท่านผู้หญิงเสงี่ยม พระเสด็จสุเรนทราธิบดี
บุตร8 คน
ศาลาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ภายในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2468 เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีจัดทำหลักสูตรการสอน ตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ประวัติ แก้ไข

หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2410[1] ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นโอรสในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และหม่อมเปี่ยม มาลากุล ณ อยุธยา

หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล ศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ มีเลขประจำตัวหมายเลข 2 มีผลการเรียนดีเลิศ ซึ่งสอบได้ประโยคที่ 2 ในจุลศักราช 1248 หรือ พ.ศ. 2429

หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล เข้ารับราชการในกรมศึกษาธิการ ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เป็น หลวงไพศาลศิลปศาสตร์ ถือศักดินา ๘๐๐ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2432[2]จากนั้นในปี พ.ศ. 2435 จึงย้ายมารับราชการอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยในตำแหน่งพนักงานวิเศษ[3] และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระมนตรีพจนกิจ เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2435[4]ท่านได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นผู้อภิบาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ขณะดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร) เสด็จไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตพิเศษไทยประจำอังกฤษและยุโรป [5] ระหว่าง พ.ศ. 2440-2442 [6]

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2443 ได้รับโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นองคมนตรี[7] เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต ท่านได้สาบานตนถือน้ำทรงตั้งเป็นองคมนตรีต่อในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2453[8]

จากการที่ท่านได้เห็นการศึกษาของนักเรียนไทยในต่างประเทศเป็นเวลาหลายปี ท่านได้กราบทูลเสนอให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปรับปรุงระบบการศึกษาของไทย ร่างเป็น "โครงแผนการศึกษาในกรุงสยาม" เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2441 และโครงการสร้างสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2453

ท่านได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เป็น พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ มีตำแหน่งในกรมมหาดเล็ก ถือศักดินา 1200 เมื่อวันที่ 30 มกราคม ร.ศ. 113 (พ.ศ. 2437) [9] ดำรงตำแหน่งปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ (ปัจจุบันคือกระทรวงศึกษาธิการ) วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2448 ท่านลาบวชเป็นภิกษุ ทรงรับเป็นนาคหลวง อุปสมบท ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระพิมลธรรม (ยัง เขมาภิรโต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ บวชแล้วไปอยู่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร[10] ลาสิกขาแล้วรับราชการต่อมาจนได้เลื่อนเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2455[11] จากนั้นได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็น มหาอำมาตย์เอก เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2455[12]

เมื่อวันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456 พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ได้รับสถาปนาเป็นเจ้าพระยา มีสมญาตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ศรีวิสุทธสุริยศักดิ์ อรรคพุทธศาสนวโรประการ ศิลปศาสตร์พิศาลศึกษานุกิจ บัณฑิตยการานุรักษ์ สามัคยาจารย์วิบุลย์ มาลากุลบริพัตร์ บรมขัติยราชสวามิภักดิ์ เสมาธรรมจักรมุรธาธร ศุภกิจจานุสรอาชวาธยาไศรย พุทธาทิไตรรัตนธาดา อภัยพิริยบรากรมพาหุ[13]

ต่อมาท่านขอลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการ เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2459 จึงมีพระบรมราชานุญาตให้ท่านลาออกจากตำแหน่ง และพระราชทานบำนาญอย่างเสนาบดีชั้นสูง[14]

เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ป่วยเป็นโรคเรื้อรังและกระเพาะอาหารพิการมาช้านาน จนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460 เวลา 3 ยาม 30 นาที สิริอายุ 49 ปี 304 วัน วันต่อมา เวลาบ่าย 5 โมง สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์มาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ประกอบโกศมณฑป ตั้งบนชั้น 2 ชั้น ฉัตรเบญจาตั้งประดับ พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมมีกำหนด 1 เดือน[15]

ชีวิตครอบครัว แก้ไข

เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี สมรสกับท่านผู้หญิงเสงี่ยม พระเสด็จสุเรนทราธิบดี (วสันตสิงห์) มีบุตร-ธิดา 8 คน คือ

สมรสกับคุณเจียร ลักษณะบุตร มีธิดาคือ

  • หม่อมหลวงนกน้อย มาลากุล

สมรสกับคุณเลื่อน ศิวานนท์ มีบุตรคือ

  • หม่อมหลวงประวัติ มาลากุล

ผลงาน แก้ไข

ด้านการศึกษา แก้ไข

โดยเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี จัดทำหลักสูตรโรงเรียนเบญจมบพิตร (โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน) ตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงกำหนดหลักสูตรแนวการสอนของโรงเรียนนี้ด้วยพระองค์เอง

เพลงสรรเสริญพระบารมี แก้ไข

แต่เดิม การร้องเพลง "สรรเสริญพระบารมี" มีการแยกเนื้อร้องที่ใช้สำหรับ ทหารเรือหรือพลเรือนร้อง นอกจากนี้ยังมีการแบ่งแยกเนื้อร้องบางวรรคบางตอน สำหรับชาย และหญิงร้องต่างกัน ทำให้เกิดความลักลั่น เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2456 เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีได้ออกคำสั่ง กำหนดให้เพลงสรรเสริญพระบารมีมีเพียงเนื้อร้องเดียว เหมือนกันหมด

เพลงสามัคคีชุมนุม แก้ไข

พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ เป็นผู้ประพันธ์คำร้องภาษาไทยของเพลง "สามัคคีชุมนุม" โดยใช้ทำนองเพลง ออลด์แลงไซน์ (Auld Lang Syne) ท่านได้รับการยกย่องว่า สามารถใส่เนื้อร้องภาษาไทยเข้าไปให้สอดคล้องกับทำนองเดิมได้อย่างเหมาะเจาะ สามารถร้องเนื้อภาษาไทยไปพร้อมๆกับเนื้อภาษาเดิมของเพลงได้อย่างไม่ขัดเขิน เนื้อเพลงมีความหมายลึกซึ้ง ให้ความรู้สึกถึงความสามัคคีเป็นอันดีต่อหมู่คณะ[16]

สมบัติผู้ดี แก้ไข

พระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ได้แต่งหนังสือไว้หลายเล่ม เล่มหนึ่งที่มีชื่อเสียงคือ สมบัติผู้ดี ซึ่งกล่าวถึงหลักปฏิบัติ 10 ประการของผู้ที่มีกาย วาจา ใจ อันสุจริต ท่านได้เรียบเรียงไว้เมื่อ พ.ศ. 2455 [17]

ยศ แก้ไข

  • 7 สิงหาคม พ.ศ. 2454 - มหาอำมาตย์โท[18]
  • 26 เมษายน พ.ศ. 2455 มหาอำมาตย์เอก
  • นายกองตรี[19]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้ไข

เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของต่างประเทศต่างๆ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย แก้ไข

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ แก้ไข

ลำดับสาแหรก แก้ไข

อ้างอิง แก้ไข

  1. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กรมพระสมมตอมรพันธ์เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2545. 404 หน้า. ISBN 974-417-534-6, หน้า 179 (เชิงอรรถ)
  2. พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง
  3. ตำแหน่งข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย (หน้า ๑๔๑)
  4. พระราชทานสัญญาบัตร
  5. เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี โดย สมศักดิ์ ดำรงสุนทรชัย
  6. รายนามเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สำเนาจากกูเกิลแคช แหล่งข้อมูลเดิม
  7. "พระราชพิธีศรีสัจปานกาล และตั้งองคมนตรี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 17 (2): 11–12. 8 เมษายน 2443. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  8. "บัญชีพระนามและนามองคมนตรี ที่พระราชทานสัญญาบัตรแล้ว" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 27 (0 ง): 2276. 1 มกราคม 2453. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  9. ส่งสัญญาบัตรออกไปพระราชทาน
  10. "การทรงผนวชและบวชนาคหลวง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 22 (17): 396–8. 23 กรกฎาคม 2448. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  11. "พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งเสนาบดี และปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 29 (ก): 5–6. 14 เมษายน 2455. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-09-07. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  12. พระราชทานยศและเลื่อนยศ
  13. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เลื่อนกรม ตั้งกรม ตั้งพระองค์เจ้า แลตั้งเจ้าพระยา, เล่ม 30, 11 พฤศจิกายน 2456, หน้า 344-8
  14. "พระบรมราชโองการ ประกาศ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการ และให้พระยาธรรมศักดิ์มนตรีเป็นผู้รั้งตำแหน่งเสนาบดี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 32 (0 ก): 541–2. 29 มีนาคม 2458. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-09-07. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  15. "ข่าวอสัญญกรรม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 33 (0 ง): 3335–6. 18 กุมภาพันธ์ 2459. สืบค้นเมื่อ 8 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  16. "เพลงสามัคคีชุมนุม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-03-12. สืบค้นเมื่อ 2006-10-29.
  17. หนังสือสมบัติผู้ดี
  18. ประกาศกระแสพระบรมราชโองการ ประกาศพระราชทานยศแก่ข้าราชการกระทรวงธรรมการ (หน้า ๙๓๓)
  19. "พระราชทานยศนายกองตรี" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-06-24. สืบค้นเมื่อ 2021-06-24.
  20. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-04-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๙ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๒๔, ๒๒ มกราคม ๑๓๑
  21. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-10-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๙๖๔, ๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๕๖
  22. ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวในพระราชสำนักนี้ รายพระนามแลนามผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล เก็บถาวร 2022-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๙ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๘๓๒, ๑๗ พฤศจิกายน ๑๓๑
  23. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-10-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๐๒, ๑๑ มกราคม ๑๒๙
  24. ราชกิจจานุเบกษา, ส่งเหรียญดุษฎีมาลาออกไปพระราชทาน เก็บถาวร 2018-02-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑ ตอนที่ ๔๕ หน้า ๓๘๔, ๓ กุมภาพันธ์ ๑๑๓
  25. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา เก็บถาวร 2022-10-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๔๐๒, ๑๐ มกราคม ๒๔๕๗
  26. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบันฝ่ายหน้า, เล่ม ๒๕ ตอนที่ ๓๕ หน้า ๑๐๑๓, ๒๙ พฤศจิกายน ๑๒๗
  27. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัจจุบัน เก็บถาวร 2022-10-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๓๑ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๓๙๕, ๑๐ มกราคม ๒๔๕๗
  28. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญราชรุจิ[ลิงก์เสีย], เล่ม ๒๓ ตอนที่ ๒๘ หน้า ๗๐๗, ๗ ตุลาคม ๑๒๕
  29. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญราชรุจิ เก็บถาวร 2022-10-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๗๑๖, ๙ กรกฎาคม ๑๓๐
  30. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเข็มอักษรเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป, เล่ม ๒๔ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๘๘๕, ๒๘ พฤศจิกายน ๑๒๖
  31. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเข็มพระชนมายุสมมงคล เก็บถาวร 2022-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๖ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๖๓๓, ๖ มีนาคม ๑๒๘
  32. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเข็มข้าหลวงเดิม เก็บถาวร 2022-10-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๓๔๘, ๒๘ พฤษภาคม ๑๓๐
  33. 33.0 33.1 33.2 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๖ ตอนที่ ๔๕ หน้า ๓๙๑, ๙ กุมภาพันธ์ ๑๐๘
  34. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาต เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗ ตอนที่ ๓๑ หน้า ๒๖๗, ๒ พฤศจิกายน ๑๐๙
  35. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาต เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗ ตอนที่ ๓๖ หน้า ๓๑๖, ๗ ธันวาคม ๑๐๙
  36. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงวัง, เล่ม ๑๙ ตอนที่ ๔๗ หน้า ๙๐๔, ๘ กุมภาพันธ์ ๑๒๑
  37. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๙ ตอนที่ ๑๔ หน้า ๘๖, ๓ กรกฎาคม ๑๑๑