สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี (9 มีนาคม พ.ศ. 2281 - 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2369) พระนามเดิม นาค เป็นอรรคชายาเดิม[1]ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นสมเด็จพระพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | |
---|---|
สมเด็จพระพันปีหลวง | |
ดำรงพระยศ | 7 กันยายน พ.ศ. 2353 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 |
ก่อนหน้า | กรมพระเทพามาตย์ (นกเอี้ยง) |
ถัดไป | กรมพระศรีสุลาลัย |
พระราชสมภพ | 9 มีนาคม พ.ศ. 2281 บ้านอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม อาณาจักรอยุธยา |
สวรรคต | 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2369 (88 พรรษา) พระราชวังหลวง กรุงเทพพระมหานคร อาณาจักรรัตนโกสินทร์ |
ถวายพระเพลิง | 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2371 พระเมรุมาศ ทุ่งพระเมรุ |
บรรจุพระอัฐิ | หอพระธาตุมณเฑียร |
คู่อภิเษก | พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช |
พระราชบุตร | |
ราชสกุล | ณ บางช้าง (โดยพระราชสมภพ) |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระราชบิดา | ทอง ณ บางช้าง |
พระราชมารดา | สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี |
ศาสนา | เถรวาท |
พระราชประวัติ
ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี มีพระนามเดิมว่า นาค เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ แรม 5 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง นพศก จ.ศ. 1099 ตรงกับวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2281 (เมื่อเทียบปฏิทินสุริยคติแล้ว) ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งอาณาจักรอยุธยา เป็นพระธิดาของพระชนกทอง ณ บางช้าง และสมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี (พระนามเดิม สั้น หรือมาก) เป็นคหบดีเชื้อสายมอญ[2]ทั้งสองเป็นญาติใกล้ชิดกัน
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี มีพระภราดาพระภคินีร่วมพระชนกพระชนนีทั้งสิ้น 10 คน โดยทุกคนล้วนได้รับพระราชทานยศเป็น "เจ้าคุณ"[3] ได้แก่
- เจ้าคุณหญิงแวน (บางแห่งว่าแว่น[4])
- เจ้าคุณหญิงทองอยู่ (เรียกกันว่าเจ้าคุณผู้ใหญ่) สมรสกับขุนทอง ราชินิกุลบางช้าง มีบุตร 2 คน คือ
- เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (สังข์)
- เจ้าจอมหงส์ ในรัชกาลที่ 1
- เจ้าคุณชายชูโต เป็นต้นราชินิกุลชูโต สมรสกับคุณทองดี มีบุตร 1 คน คือ
- คุณหญิงม่วง สมรสกับพระยาสมบัติบาล (เสือ) มีบุตร 6 คน คือ
- ท่านผู้หญิงน้อย สมรสกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค)
- คุณหญิงเพ็ง ชูโต
- เจ้าพระยาพลเทพ (เอี่ยม ชูโต)
- คุณหญิงหว้า ชูโต
- เจ้าพระยาสุรเสนา (สวัสดิ์ ชูโต)
- พระยาสมบัติยาธิบาล (นาค ชูโต)
- คุณหญิงม่วง สมรสกับพระยาสมบัติบาล (เสือ) มีบุตร 6 คน คือ
- สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1
- เจ้าคุณชายแตง
- เจ้าคุณหญิงชีโพ มีบุตรคนเดียว คือ
- เจ้าคุณชายพู
- เจ้าคุณหญิงเสม
- เจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล (เรียกกันว่าเจ้าคุณโต) สมรสกับเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) เป็นต้นราชินิกุลบุนนาค
- เจ้าคุณหญิงแก้ว สมรสกับพระยาสมุทรสงคราม (ศร) เป็นต้นลราชินิกุล ณ บางช้าง
ร่วมพระชนกต่างพระชนนี คือ เจ้าจอมมารดามา สมรสกับสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก
พระราชนิพนธ์ "ปฐมวงศ์" ระบุว่า คุณนาคมีสิริโฉมงดงามเป็นที่ร่ำลือ เมื่อข้าหลวงสอดแนมของสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์กราบบังคมทูลทรงทราบ จึงรับสั่งให้กรมมหาดไทยออกท้องตราสู่ขอมาเป็นนางใน แต่พระชนกพระชนนีและพระประยูรญาติไม่สมัครใจ จึงขอให้สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกซึ่งขณะนั้นดูแลการออกท้องตราในกรมมหาดไทยช่วยป้องกันแก้ไข สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกจึงขอให้ข้าหลวงช่วยกราบบังคมทูลว่าตนได้สู่ขอนาคให้บุตรชายที่สี่ซึ่งเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี ได้นัดหมายวันวิวาห์แล้ว เมื่อทรงทราบก็พระราชทานพระอนุญาต หลวงยกกระบัตรจึงได้คุณนาคมาเป็นภริยาในครั้งนั้น[5]
หลังเสียกรุงศรีอยุธยาและในสมัยกรุงธนบุรี
เมื่อพ.ศ. 2310 พม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตก หลวงยกกระบัตรจึงตัดสินใจอพยพครอบครัวเข้าไปอยู่ในป่าลึก ในระหว่างนี้แก้ว (ต่อมาคือสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์) พี่สาวของหลวงยกกระบัตรได้ให้กำเนิดธิดานามว่าบุญรอด (ต่อมาคือสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี) ครั้นพระยาวชิรปราการ (ต่อมาคือสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) ได้รวบรวมกำลังขับไล่พม่าออกไปหมดแล้ว ได้ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ หลวงยกกระบัตรจึงได้อพยพครอบครัวกลับภูมิลำเนาเดิม ในช่วงนี้เองนาคได้ให้กำเนิดบุตรคนที่สี่ชื่อฉิม (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) หลังจากนั้นหลวงยกกระบัตรกลับเข้ารับราชการอยู่กับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์ต่อมาจนเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกในเวลาต่อมา
ในสมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้รับสตรีชาวเวียงจันทน์ชื่อแว่น (ต่อมาคือเจ้าจอมแว่น ในรัชกาลที่ 1) มาเป็นอนุภรรยา ท่านผู้หญิงไม่พอใจอย่างยิ่ง จึงใช้ดุ้นแสมตีศีรษะนางแว่น เจ้าพระยาทราบก็โกรธมาก ทั้งสองจึงได้แยกกันอยู่นับแต่นั้น[6]
ในรัชกาลที่ 1
เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ปราบดาภิเษกและสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น ท่านผู้หญิงนาคก็ไม่เคยเข้ามาอาศัยอยู่ในพระบรมมหาราชวังเลย แต่อาศัยอยู่ที่พระราชวังเดิมกับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร พระราชโอรส และจะมาเยี่ยมพระราชธิดาในพระบรมมหาราชวังแต่เพียงครั้งคราวเท่านั้น ซึ่งจะออกจากวังก่อนประตูปิดทุกครั้งไป ทั้งนี้เธอไม่ยอมใช้ราชาศัพท์กับสามีหรือพระราชโอรสกับพระราชธิดาแต่อย่างใด แต่เรียกสามีว่าเจ้าคุณ เรียกพระราชโอรสว่า พ่อ และเรียกพระราชธิดาว่า แม่ โดยเธอยินดีที่จะใช้ภาษาสามัญ[7] ส่วนพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชก็มิได้สถาปนาท่านผู้หญิงนาคขึ้นเป็นเจ้าแต่อย่างใด ดังใน "ธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม" พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระบุว่า[8]
...ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เป็นท่านผู้หญิงเดิม มีพระราชโอรส พระราชธิดาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมใหญ่ ถึง ๔ พระองค์ ก็ไม่เห็นท่านยกย่องตั้งแต่งอย่างไร แต่คนทั้งปวงเข้าใจว่า ท่านเป็นพระมารดาของเจ้าฟ้า ก็นับถือว่าเป็นพระมเหสี...
สมเด็จพระพันปีหลวงในรัชกาลที่ 2
ถึงปีมะเมีย วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2353 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสถาปนาพระเกียรติยศสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเป็นสมเด็จกรมพระอมรินทรามาตย์[9] เทียบกับกรมพระเทพามาตย์ตามโบราณราชประเพณีเก่าตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา[10]
ในช่วงปลายรัชกาลที่ 2 พระองค์ได้ทรงย้ายจากพระนิวาสสถานเดิมริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี เข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง
สวรรคต
สมเด็จกรมพระอมรินทรามาตย์ เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดี แรม 5 ค่ำ เดือน 6 อัฐศก จ.ศ. 1188 ตรงกับวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2369 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชนัดดา สิริพระชนมายุ 89 พรรษา พระบรมศพประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท[11] พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระโกศทองใหญ่ทรงพระบรมศพ และโปรดให้สร้างพระเมรุมาศขนาดใหญ่ขึ้น ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2371 จึงถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง แล้วนำพระบรมอัฐิไปประดิษฐาน ณ หอพระธาตุมณเฑียร ในพระบรมมหาราชวัง[12]
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเฉลิมพระนามาภิไธยว่ากรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเฉลิมพระนามาภิไธยใหม่เป็น สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี [13]
พระราชกรณียกิจ
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีทรงสร้างวัดอัมพวันเจติยาราม จังหวัดสมุทรสงคราม ขึ้นในบริเวณนิวาสสถานเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศถวายแด่พระชนนี (สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี) ไว้ที่องค์พระปรางค์ด้วย
พระราชบุตร
สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีทรงอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อครั้งยังเป็นหลวงยกบัตรเมืองราชบุรี ประมาณ พ.ศ. 2301 - พ.ศ. 2304 มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมทั้งสิ้น 9 พระองค์[14] ได้แก่
ลำดับ | พระนาม | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | พระชันษา | พระโอรส-ธิดา |
---|---|---|---|---|---|
1. | เจ้าฟ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) |
ไม่มีข้อมูล | สิ้นพระชนม์แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา | - | |
2. | เจ้าฟ้าชาย (ไม่ปรากฏพระนาม) |
ไม่มีข้อมูล | สิ้นพระชนม์แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา | - | |
3. | เจ้าฟ้าหญิงฉิมใหญ่ (พระสนมในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) |
ไม่มีข้อมูล | 29 กันยายน พ.ศ. 2322 | ไม่มีข้อมูล | หม่อมเหม็น (พระนามเดิม สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนกษัตรานุชิต) |
4. | เจ้าฟ้าชายฉิม (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) |
24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2311 | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 | 57 พรรษา | 73 พระองค์ (พระราชสันตติวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) |
5. | เจ้าฟ้าหญิงแจ่ม (กรมหลวงศรีสุนทรเทพ) |
พ.ศ. 2313 | 7 สิงหาคม พ.ศ. 2351 | 38 พรรษา | - |
6. | เจ้าฟ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) |
ไม่มีข้อมูล | สิ้นพระชนม์แต่ครั้งกรุงธนบุรี | - | |
7. | เจ้าฟ้าชายจุ้ย (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์) |
29 มีนาคม พ.ศ. 2315 | 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2360 | 45 พรรษา | 40 พระองค์ (ราชสกุลวงศ์ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์) |
8. | เจ้าฟ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) |
ไม่มีข้อมูล | สิ้นพระชนม์แต่ครั้งกรุงธนบุรี | - | |
9. | เจ้าฟ้าหญิงประไพวดี (กรมหลวงเทพยวดี) |
14 มกราคม พ.ศ. 2320 | 23 สิงหาคม พ.ศ. 2366 | 46 พรรษา | - |
พระอิสริยยศ
ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | |
---|---|
การทูล | ใต้ฝ่าละอองพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ |
- นาค (9 มีนาคม พ.ศ. 2280 - 7 กันยายน พ.ศ. 2353)
- กรมพระอมรินทรามาตย์ (7 กันยายน พ.ศ. 2353 - รัชกาลที่ 4)
หลังสวรรคต
- กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ (รัชกาลที่ 4 - รัชกาลที่ 5)
- สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี (รัชกาลที่ 6 - ปัจจุบัน)
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
มีนักแสดงผู้รับบท สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ได้แก่
- สาวิกา ไชยเดช จากละครเรื่อง ศรีอโยธยา 2 (2562)
พงศาวลี
พงศาวลีของสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ ปฐมวงศ์, หน้า 8
- ↑ โครงกระดูกในตู้
- ↑ ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ. ราชสกุลจักรีวงศ์ และราชสกุลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์บรรณกิจ, พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2544. 490 หน้า. หน้า หน้าที่. ISBN 974-222-648-2
- ↑ 4.0 4.1 จุลลดา ภักดีภูมินทร์ (หม่อมหลวงศรีฟ้า ลดาวัลย์ มหาวรรณ). เวียงวัง เล่ม ๑. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์เพื่อนดี บริษัท อักษรโสภณ จำกัด, พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2551. 300 หน้า. หน้า หน้าที่ 60. ISBN 978-974-253-061-7
- ↑ ปฐมวงศ์, หน้า 7-8
- ↑ ลูกแก้วเมียขวัญ, หน้า 138
- ↑ ลูกแก้วเมียขวัญ, หน้า 138-139
- ↑ ธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม
- ↑ พระราชพงษาวดาร กรุงรัตนโกสินทร รัชกาลที่ ๒:๑๙-เรื่องสถาปนากรมสมเด็จพระพันปีหลวง
- ↑ ราชสกุลวงศ์, หน้า 209
- ↑ พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๓ : ๒๐. สมเด็จพระอมรินทรามาตย์สวรรคต
- ↑ พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์ รัชชกาลที่ ๓ :๔๑. งานพระบรมศพสมเด็จพระอมรินทรามาตย์
- ↑ ราชสกุลวงศ์, หน้า 11 (เชิงอรรถ)
- ↑ ราชสกุลวงศ์, หน้า 9-11
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 ลำดับราชินิกูลบางช้าง. พระนคร: ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร. 2501.
- ↑ พงษาวดารราชินิกูลบางช้าง (PDF). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทย สพานยศเส. 2457.
- บรรณานุกรม
- คึกฤทธิ์ ปราโมช, ม.ร.ว.. โครงกระดูกในตู้. กรุงเทพฯ : สยามรัฐ, พิมพ์ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2547. 109 หน้า. ISBN 974-690-131-1
- จุลลดา ภักดีภูมินทร์ (หม่อมหลวงศรีฟ้า ลดาวัลย์ มหาวรรณ). เวียงวัง เล่ม ๑. กรุงเทพ : สำนักพิมพ์เพื่อนดี บริษัท อักษรโสภณ จำกัด, พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2551. 300 หน้า. หน้า หน้าที่ 256. ISBN 978-974-253-061-7
- พระบาทสมเด้จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. ปฐมวงศ์. [ม.ป.ท.] : โรงพิมพ์หนังสือพิมพ์ไทย, 2470. 57 หน้า.
- สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 68. ISBN 978-974-417-594-6
แหล่งข้อมูลอื่น
- ตำนานการสร้างวัดอัมพวันเจติยาราม เก็บถาวร 2008-10-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก เครือข่ายกาญจนาภิเษก
ก่อนหน้า | สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
กรมพระเทพามาตย์ (นกเอี้ยง) (กรุงธนบุรี) |
สมเด็จพระพันปีหลวง (3 กันยายน พ.ศ. 2353 - 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367) |
สมเด็จพระศรีสุลาลัย | ||
พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี | กุลเชษฐ์ในราชวงศ์จักรี (3 กันยายน พ.ศ. 2353 – 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2369) |
พระเจ้าไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี |