สำนักพระราชวัง
สำนักพระราชวัง (อังกฤษ: Bureau of the Royal Household; BRH) เป็นหน่วยราชการในพระองค์ มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง ขึ้นตรงต่อพระมหากษัตริย์ มีอำนาจและหน้าที่รับผิดชอบราชการในพระองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนดูแลรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ในพระองค์พระมหากษัตริย์ และมีเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารราชกิจราชการ
เครื่องหมายราชการสำนักพระราชวังในรัชกาลที่ 10 | |
อาคารศาลาว่าการพระราชวัง | |
ภาพรวมหน่วยงาน | |
---|---|
ก่อตั้ง | 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 |
หน่วยงานก่อนหน้า | |
เขตอำนาจ | รองเลขาธิการพระราชวัง |
สำนักงานใหญ่ | |
งบประมาณต่อปี | 3,435.4143 ล้านบาท (พ.ศ. 2559)[1] |
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน |
|
ต้นสังกัดหน่วยงาน | พระมหากษัตริย์ไทย |
ลูกสังกัดหน่วยงาน | |
เว็บไซต์ | www.royaloffice.th/ |
ประวัติ
สมัยกรุงศรีอยุธยา
สำนักพระราชวังเป็นส่วนราชการที่สืบเนื่องมาจากส่วนราชการสำคัญของบ้านเมืองมาแต่โบราณกาล มีหลักฐานที่อาจทบทวนย้อนไปได้ถึงพุทธศักราช 1893 ในปีนั้นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ได้ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี ได้ทรงจัดระเบียบการปกครองในราชธานีเป็นสี่กรม หรือที่เรียกว่าจตุสดมภ์ ได้แก่
- กรมเมือง (หรือเวียง) มีหน้าที่ปกครองท้องที่ดูแลสันติสุขของประชาราษฎร
- กรมวัง มีหน้าที่ดูแลฝ่ายพระราชสำนัก รวมทั้งพิพากษาถ้อยความของราษฎรเป็นการแบ่งเบาพระราชภาระของประมุขในหน้าที่พระราชทานความยุติธรรมไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน
- กรมคลัง มีหน้าที่ดูแลรับจ่ายผลประโยชน์ของแผ่นดิน
- กรมนา มีหน้าที่ดูแลการทำไร่ทำนา รักษาเสบียงอาหารสำหรับพระนคร
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2438 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิรูปการปกครองราชอาณาจักร แบ่งส่วนราชการระดับกระทรวงให้เป็นไปตามความจำเป็น และเหมาะสมแก่การปกครองประเทศยิ่งขึ้น กระทรวงเดิมในแบบจตุสดมภ์ทั้ง 6 ก็ให้คงอยู่ เพิ่มกระทรวงในหน้าที่ที่สมควรใหม่อีก 4 กระทรวง รวมเป็น 12 กระทรวงแต่ละกระทรวงมีเสนาบดีเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารราชการ
จากการปฏิรูปการปกครองในประเทศในครั้งนี้เอง โปรดเกล้าฯ ให้ส่วนราชการที่มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในพระราชสำนัก ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่า กรมวัง หรือ จตุสดมภ์กรมวัง เป็นกระทรวงมีชื่อว่า กระทรวงวัง แต่โปรดเกล้าฯ ให้โอนงานที่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีไปขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรมที่เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ ดังนั้นส่วนราชการในจตุสดมภ์กรมวังที่มีชื่อว่า กรมพระตำรวจหลวงว่าความฎีกา อันเป็นกรมหนึ่ง ซึ่งสมัยก่อน ๆ ถือว่าเป็นส่วนราชการที่มีความสำคัญมากถึงกับในบางรัชกาลต้องโปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยที่สุดไปทรงกำกับราชการอยู่ เช่น ในรัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอฯ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ไปทรงกำกับราชการอยู่นั้น จึงสูญไปจากทำเนียบราชการแต่นั้นมา
เสนาบดีกระทรวงวังตามแผนปฏิรูปการปกครองใหม่ในครั้งนั้น ตัวเสนาบดีมิใช่สามัญชน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ซึ่งดำรงตำแหน่งเสนาบดีจตุสดมภ์กรมวังอยู่ก่อนแล้ว เป็นเสนาบดีกระทรวงวังตามระบบการปกครองที่ปฏิรูปใหม่ จึงนับได้ว่าทรงเป็น "เสนาบดีกระทรวงวังพระองค์แรก"
การตั้งเสนาบดีกระทรวงในรัชกาลที่ 5 นั้น จะเห็นได้ว่าทรงพระราชดำริว่ากระทรวงวังนั้นสำคัญและปฏิบัติงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมาก จึงทรงเลือกสรรพระราชวงศ์ขึ้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีสืบต่อกันมาหลายพระองค์
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงส่วนราชการต่าง ๆ ในกระทรวงวัง เพื่อให้เกิดความเหมาะสมแก่ราชการในพระองค์หลายประการ เช่น โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะกรมมหาดเล็กหลวง ในกระทรวงวังขึ้นเป็นกรมอิสระ ขึ้นตรงต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีผู้สำเร็จราชการมหาดเล็ก (เจ้าพระยารามราฆพ) เป็นผู้บังคับบัญชา มีกรมต่าง ๆ ที่หัวหน้ากรมเป็นข้าราชการขั้นอธิบดีขึ้นอยู่ 13 กรม ได้แก่
|
|
ส่วนทางกระทรวงวังก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีกรมขึ้น 20 กรม ได้แก่
|
|
กรมในกระทรวงวังก็ดี กรมในมหาดเล็กก็ดี แม้หัวหน้ากรมจะมีฐานะเป็นอธิบดี แต่ก็มีหลายกรมเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น เช่น
- กรมบัญชาการกลางมหาดเล็ก (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นปลัดบัญชาการ)
- กรมอื่น ๆ ในสังกัดกรมมหาดเล็ก (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นจางวาง ต่อท้ายตำแหน่งด้วยนามกรม) เช่น "กรมชาวที่" เรียกว่า จางวางกรมชาวที่ ยกเว้น "กรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์" เรียกตำแหน่งหัวหน้ากรมว่า ผู้บัญชาการโรงเรียนในกรมพระบรมราชูปถัมภ์
กรมในสังกัดกระทรวงวัง
- กรมบัญชาการ (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นปลัดบัญชาการ)
- กรมวัง กรมพระราชพิธี กรมตำรวจรักษาพระองค์ กรมพระนิติศาสตร์ (หัวหน้ากรมมีตำแหน่งเป็นสมุห) โดยเรียกกันดังนี้
- สมุหพระราชมณเฑียร คือ อธิบดีกรมวัง
- สมุหพระตำรวจหลวง รักษาพระองค์ คือ อธิบดีกรม พระตำรวจหลวงรักษาพระองค์
- สมุหพระราชพิธี คือ อธิบดีกรมพระราชพิธี
- สมุหพระนิติศาสตร์ คือ อธิบดีกรมพระนิติศาสตร์
- สมุหบัญชีใหม่ คือ อธิบดีกรมปลัดบัญชี
กรมอื่นนอกจากนี้
- กรมใหญ่เรียกหัวหน้ากรมว่า อธิบดี
- กรมเล็กเรียกหัวหน้ากรมว่า เจ้ากรม
แต่ที่เรียกว่าผู้อำนวยการกรมก็มี นอกจากนั้นยังพระราชทานเกียรติยศแก่ กรมตำรวจหลวงรักษาพระองค์ กรมทหารรักษาพระองค์และกรมทหารรักษาวัง โดยทรงรับเข้าดำรงตำแหน่ง "สมเด็จพระตำรวจ" ในกรมพระตำรวจหลวงรักษาพระองค์ และตำแหน่ง "ผู้บังคับการพิเศษ" ในกรมทหารรักษาวังด้วย
สำหรับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวังนั้น ก็ยังคงใช้ราชทินนามบุคคลผู้เป็นเจ้ากระทรวงว่า "ธรรมธิกรณาธิบดี" อันเป็นราชทินนามที่สืบเนื่องมาแต่ "ธรรมาธิการ" ครั้งยังเป็นจตุสดมภ์อยู่ แม้ว่าจะได้แยกหน้าที่การพิจารณาพิพากษาอรรถคดี อันเป็นหน้าที่เดิมของจตุสดมภ์กรมวังไปเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมดังกล่าวมาแล้วก็ตาม
รัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ครั้นถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ ให้โอนกรมธรรมการ กรมสังฆการี กรมราชบัณฑิต กรมกัลปนา และกรมศิลปากร ไปสังกัดกระทรวงธรรมการ และยุบฐานะกรมมหาดเล็กหลวงซึ่งแยกไปเป็นกรมพิเศษในรัชกาลที่ 6 ลงเป็นกรมสามัญสังกัดกระทรวงวังตามเดิม
ต่อมาเมื่อประเทศสยามได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงประกาศพระบรมราชโองการ ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 ให้เปลี่ยนชื่อ "กระทรวงวัง" เป็น "ศาลาว่าการพระราชวัง" แต่ครั้งถึงวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 ก็กลับมามีฐานะเป็นกระทรวงขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พุทธศักราช 2476 และมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง" เป็นเจ้ากระทรวง ซึ่งในพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมฉบับดังกล่าวนี้ ได้ตัดทอนส่วนราชการในกระทรวงวังออกเหลือ 7 กรม ได้แก่
- สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี
- สำนักงานปลัดกระทรวง
- กรมทหารรักษาวัง
- กรมพระคลังข้างที่
- กรมมหาดเล็กหลวง
- กรมราชเลขานุการในพระองค์
- กรมวัง
สำนักพระราชวัง
ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2478 ได้มีพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2478 โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้เอง ได้เปลี่ยนฐานะของกระทรวงวังลงเป็นทบวง มีฐานะเป็นกรม เทียบเท่าทบวง มีชื่อว่า "สำนักพระราชวัง" และให้อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีโดยตรง มีเลขาธิการพระราชวัง (ระดับ 11 เทียบเท่าปลัดกระทรวง) รับผิดชอบในการบริหารราชการ สำหรับกรมในสังกัดก็ยุบลงเป็นกองบ้าง แผนกบ้าง เว้นบางกรมไปสังกัดกระทรวงอื่น เช่น
- กรมทหารรักษาวัง โอนไปสังกัด กระทรวงกลาโหม (ปัจจุบันได้แก่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สังกัดกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ กองทัพบก)
- กรมราชเลขานุการในพระองค์ แยกไปตั้งเป็นทบวงการเมืองอิสระมีฐานะเทียบกรมเรียกว่า "สำนักราชเลขานุการในพระองค์" ต่อมาเปลี่ยนนามเป็น "สำนักราชเลขาธิการ"'
นอกจากนี้ยังได้โอนราชการในหน้าที่ต่าง ๆ อีกหลายหน้าที่ไปสังกัดกรมอื่น เช่น โอนงานในหน้าที่การช่างที่เรียกว่า "กรมวังนอก" ตลอดจนงานที่เกี่ยวกับนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์ อันได้แก่กองพิณพาทย์หลวง กองดุริยางค์หลวง โขนหลวงและละครหลวง ไปสังกัดกรมศิลปากร กระทรวงธรรมการ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงศึกษาธิการ)
เมื่อได้ยุบกระทรวงวังเป็นสำนักพระราชวังแล้ว ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการตามความจำเป็นและเหมาะสมแก่การปฏิบัติภารกิจหลายครั้ง ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ยังทรงพระเยาว์และประทับอยู่ในต่างประเทศ ได้มีการพิจารณาเห็นว่าภารกิจของสำนักพระราชวังมีน้อย ก็ปรับปรุงหนักไปทางตัดทอน ครั้นต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร บรรลุพระราชนิติภาวะ และเสด็จฯ นิวัติมาประทับในราชอาณาจักรเป็นการถาวรเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2494 และได้บริหารราชการในฐานะพระประมุขแล้ว รัฐบาลก็เห็นความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทั้งปริมาณและคุณภาพให้มากขึ้น เพื่อเพียงพอที่จะสนองรองรับพระราชกรณียกิจได้
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการในสำนักพระราชวังและสำนักราชเลขานุการในพระองค์ พุทธศักราช 2478 ฉบับลงวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2478 ได้กำหนดให้มีกองในสังกัด 4 กอง ได้แก่ 1. สำนักงานเลขานุการ (4 แผนก)
- แผนกสารบรรณ
- แผนกหมายและทะเบียน
- แผนกคลัง
- แผนกพัสดุ
2. กองมหาดเล็ก (3 แผนก)
- แผนกกลาง
- แผนกรับใช้
- แผนกชาวที่
3. กองวังและพระราชพิธี (3 แผนก)
- แผนกตำรวจวัง
- แผนกพระราชพิธี
- แผนกพระราชพาหนะ
4. สำนักงานพระคลังข้างที่ (ไม่มีการแบ่งหน่วยงานในสังกัด)
ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560[5] ให้มีการจัดระเบียบบริหารราชการในพระองค์ และมีพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 กำหนดให้มี "สำนักพระราชวัง" มีหน้าที่เกี่ยวกับราชการในพระองค์ทั่วไป การเลขานุการในพระองค์ การจัดการพระราชวังและงานพระราชพิธี การดูแลรักษาทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์และการอื่นตามพระราชอัธยาศัย[6]
การจัดแบ่งหน่วยงานภายในและฝ่ายธุรกรรมต่าง ๆ
ก่อน พ.ศ. 2560
ก่อนปี พ.ศ. 2560 สำนักพระราชวัง แบ่งหน่วยงานออกเป็น 16 กอง ประกอบด้วย[7]
- สำนักงานเลขานุการกรม รับผิดชอบงานบริหารทั่วไป งานสารบรรณ งานประชาสัมพันธ์ งานกฎหมาย งานห้องสมุด จัดทำและรักษาทะเบียนพระบรมวงศานุวงศ์ ทะเบียนผู้ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการต่าง ๆ และงานอื่น ๆ
- กองการเจ้าหน้าที่ รับผิดชอบการบริหารงานบุคคล
- กองคลัง รับผิดชอบการบริหารการคลัง
- กองงานส่วนพระองค์ รับผิดชอบในการปฏิบัติงานเฉพาะกิจตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มอบหมาย และดำเนินการเกี่ยวกับการถวายความสะดวกในเขตพระราชฐานที่ประทับ บันทึกภาพนิ่ง ภาพยนตร์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ และวีดิทัศน์ส่วนพระองค์ จัดทำรายการวิทยุของสถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต แบ่งออกเป็น 5 ฝ่าย คือ
- ฝ่ายธุรการ
- ฝ่ายสถานีวิทยุ อ.ส. พระราชวังดุสิต
- ฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์
- ฝ่ายภาพยนตร์ส่วนพระองค์
- ฝ่ายไฟฟ้าและน้ำประปา สวนจิตรลดา
- กองกิจการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับผิดชอบงานส่วนพระองค์ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งงานฝ่ายพระราชวัง และงานฝ่ายราชเลขานุการ
- กองงานส่วนพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับผิดชอบงานเลขานุการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดทำหมายพิธีการ ดำเนินงานพระราชกุศลและพระราชานุเคราะห์ในกิจการต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่พระราชกรณียกิจ และปฏิบัติงานโครงการในพระองค์ ปฏิบัติงานเกี่ยวกับราชสำนักและงานพระราชฐาน กำกับดูแลและบริหารสายวิทยาการเกี่ยวกับการบูรณะและอนุรักษ์ที่ประทับในเขตที่ประทับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปฏิบัติงานกิจการพิเศษอื่น ๆ ในพระองค์ และปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย[8]
- กองมหาดเล็ก รับผิดชอบด้านการรับใช้ในกิจการส่วนพระองค์ต่าง ๆ ทุกประเภท ทั้งในพระราชฐานที่ประทับ และในสถานที่ที่เสด็จฯ ทุกแห่ง ดูแลรักษาสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ ดำเนินการประกอบเครื่องเสวยจัดโต๊ะเสวย จัดอาหารและปฏิบัติในการพระราชทานเลี้ยง แบ่งออกเป็น 6 ฝ่าย คือ
- งานธุรการ
- ฝ่ายในพระองค์
- ฝ่ายมหาดเล็ก
- ฝ่ายวรภาชน์
- ฝ่ายมหาดเล็กพิธี
- ฝ่ายห้องเครื่อง
- กองวัง รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการถวายอารักขา แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ และรักษาความเรียบร้อย ความสงบ และความปลอดภัยสถานที่ทั้งในพระราชฐานและในส่วนของที่ประทับ รวมทั้งในการเสด็จฯ ณ สถานที่อื่น ๆ, ตระเตรียมการพร้อมรับเสด็จและรับรองพระบรมวงศานุวงศ์ ราชอาคันตุกะ แขกผู้มีเกียรติชาวต่างประเทศ และผู้ที่ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสโปรดให้เข้าเฝ้าฯ, รองรับนำชมพระบรมมหาราชวัง, การประดิษฐ์ดอกไม้ เย็บปักถักร้อย และการประกอบอาหารสำหรับถวายทรงนมัสการ ทรงใช้ และใช้ราชการในงานพระราชพิธี พระราชกุศลและงานอื่น ๆ แบ่งออกเป็น 6 ฝ่าย คือ
- งานธุรการ
- ฝ่ายตำรวจวัง
- ฝ่ายรับรองพระบรมมหาราชวัง
- ฝ่ายพระราชฐานชั้นใน
- ฝ่ายกรมวังประจำที่ประทับ
- ฝ่ายตำรวจหลวงรักษาพระองค์
- กองพระราชพิธี รับผิดชอบการจัดงานพระราชพิธี งานพระราชกุศล งานรัฐพิธีและงานพิธีต่าง ๆ ให้ถูกต้องตามราชประเพณี ดูแลรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และปูชนียวัตถุสำคัญต่าง ๆ
- งานธุรการ
- ฝ่ายราชูปโภค
- ฝ่ายพิธีการ
- ฝ่ายศุภรัต
- ฝ่ายสนมพลเรือน
- ฝ่ายบูรณะราชภัณฑ์
- กองชาวที่ รับผิดชอบดูแลบำรุงรักษาตกแต่ง ทำความสะอาดพระที่นั่ง พระตำหนัก ตลอดจนสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในเขตพระราชฐาน และพระราชฐานที่ประทับ รวมถึงพระบรมมหาราชวัง
- งานธุรการ
- ฝ่ายพระราชฐานที่ประทับ
- ฝ่ายพระบรมมหาราชวัง
- ฝ่ายราชพัสดุชาวที่
- ฝ่ายพระราชฐานต่างจังหวัด
- กองธุรการที่ประทับ รับผิดชอบในงานธุรการของส่วนราชการทางฝ่ายที่ประทับ ควบคุมดูแลการเบิกจ่ายเงินใช้สอยประจำวัน และค่าใช้จ่ายในการพระราชกุศลส่วนพระองค์ งานวางผังออกแบบควบคุมการก่อสร้างและงานช่างบำรุงรักษาซ่อมแซมอาคารสถานที่ต่าง ๆ งานช่างบำรุงรักษาซ่อมและงานโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา โครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.)
- กองบำรุงรักษาราชอุทยาน รับผิดชอบการตัดตกแต่งต้นไม้ภายในเขตพระราชฐานและสถานที่ที่อยู่ภายในการรับผิดชอบของสำนักพระราชวัง ดูแลระบบสุขาภิบาล ระบบกำจัดน้ำเสีย ดูแลรักษาเครื่องจักรกลทางการเกษตร วิจัย พัฒนาและขยายพันธุ์พืช
- กองพระราชพาหนะ รับผิดชอบรถยนต์หลวงและเรือยนต์หลวง ที่ใช้ในงานต่าง ๆ ดูแลรักษารับผิดชอบ รถยนต์พระที่นั่ง เรือยนต์พระที่นั่ง รถยนต์พระประเทียบ เรือยนต์พระประเทียบ ขบวนรถยนต์หลวง และพาหนะใช้สอยต่าง ๆ
- กองแพทย์หลวง รับผิดชอบงานด้านการสาธารณสุข ควบคุม ดูแล จัดเตรียมเวชภัณฑ์ต่าง ตลอดจนพาหนะที่ใช้ในการสาธารณสุข วิเคราะห์และวิจัยโรคต่าง ๆ ดูแลรักษาผู้ที่มารับการตรวจ จัดเตรียมแพทย์และเวชภัณฑ์เพื่อตามเสด็จในพื้นที่ต่าง ๆ และจัดเตรียมยาพระราชทานตามที่มีบุคคลขอพระราชทานมา
- กองศิลปกรรม[9] เป็นหน่วยงานภายในที่จัดตั้งขึ้นเพิ่มเติมเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๗ รับผิดชอบงานด้านการบูรณะซ่อมแซมสิ่งของเครื่องใช้ในพระราชพิธี เครื่องราชภัณฑ์ เครื่องราชภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค งานประณีตศิลป์ พระตำหนัก และองค์พระที่นั่งต่าง ๆ ตลอดจนปูชนียวัตถุต่าง ๆ อันเป็นของพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในความดูแลของราชสำนัก
หลังปี พ.ศ. 2560
ในปี พ.ศ. 2560 ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560 กำหนดให้มีส่วนราชการ ดังนี้[10]
- ศาลาว่าการสำนักพระราชวัง ภายหลังเป็นกรมบังคับการสำนักพระราชวัง
- กรมราชเลขานุการในพระองค์
- กรมกิจการในพระบรมวงศานุวงศ์
- กรมมหาดเล็ก
- กรมสนับสนุน
- กรมกิจการพิเศษ
- ส่วนราชการอื่นตามที่กำหนดโดยประกาศสำนักพระราชวัง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2565 ได้มีพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับที่ 2 โดยกำหนดส่วนราชการในสำนักพระราชวัง ดังนี้[11]
- สำนักงานผู้บังคับบัญชาสำนักพระราชวัง
- กรมบังคับการสำนักพระราชวัง
- กรมมหาดเล็ก 904
- กรมกิจการในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
- กรมสนับสนุน
- กรมราชเลขานุการในพระองค์
- กรมกิจการในพระบรมวงศานุวงศ์
- กรมกิจการพิเศษ
- ส่วนราชการอื่นตามที่กำหนดโดยประกาศสำนักพระราชวัง
ผู้บริหาร
เสนาบดีกระทรวงวัง
ลำดับ | รูป | รายพระนาม/รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ | หมายเหตุ |
1 | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม | พ.ศ. 2438 | 25 สิงหาคม พ.ศ. 2439 | - | |
2 | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย | 25 สิงหาคม พ.ศ. 2439[12] | 31 สิงหาคม พ.ศ. 2439 | ผู้แทนเสนาบดีกระทรวงวัง | |
1 กันยายน พ.ศ. 2439[13] | 18 กันยายน พ.ศ. 2441 | เสนาบดีกระทรวงวัง | |||
3 | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา | 19 กันยายน พ.ศ. 2541[14] | 9 มิถุนายน พ.ศ. 2448[15] | - | |
- | พระยาเพ็ชรพิไชย (เจิม อมาตยกุล) | 10 มิถุนายน พ.ศ. 2448 | 12 มิถุนายน พ.ศ. 2448 | รักษาราชการแทนเสนาบดีกระทรวงวัง | |
4 | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2448[16] | กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2452 | - | |
- | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ | กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2452 | 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2453 | รักษาราชการแทนเสนาบดีกระทรวงวัง | |
เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) | |||||
5 | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ | 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2453[17] | 14 เมษายน พ.ศ. 2456 | - | |
6 | เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) | 15 เมษายน พ.ศ. 2456[18] | 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2469 | - | |
7 | เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) | 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2469[19] | 31 มีนาคม พ.ศ. 2470 | ผู้รั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง | |
1 เมษายน พ.ศ. 2470[20] | พ.ศ. 2475 | เสนาบดีกระทรวงวัง |
ผู้สำเร็จราชการพระราชวัง
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 จึงเปลี่ยนชื่อ "กระทรวงวัง" เป็น "ศาลาว่าการพระราชวัง"
ลำดับ | รูป | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
1 | เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) | พ.ศ. 2475 | พ.ศ. 2476 |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง
วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 กลับมามีฐานะเป็นกระทรวงขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พุทธศักราช 2476
ลำดับ | รูป | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
1 | เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) | พ.ศ. 2476 | พ.ศ. 2477 |
เลขาธิการพระราชวัง
หลังจากการปรับปรุงฐานะเป็นสำนักพระราชวัง เมื่อ พ.ศ. 2478 ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพระราชวัง[21] ได้แก่
ลำดับ | รูป | รายนาม | เริ่มวาระ | สิ้นสุดวาระ |
1 | พระยาชาติเดชอุดม (หม่อมราชวงศ์โป๊ะ มาลากุล) | 1 เมษายน พ.ศ. 2478 | 31 มกราคม พ.ศ. 2490 | |
2 | พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ (หม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์) | 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 | 6 สิงหาคม พ.ศ. 2509 | |
3 | ดร.กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา | 7 สิงหาคม พ.ศ. 2509 | 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 | |
4 | พูนเพิ่ม ไกรฤกษ์ | 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 | 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 | |
5 | แก้วขวัญ วัชโรทัย | 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 | 15 กันยายน พ.ศ. 2559 | |
6 | รองศาสตราจารย์ ดร. จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา | 23 กันยายน พ.ศ. 2559 | 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 | |
7 | พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล | 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 | ปัจจุบัน |
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เล่ม 132 ตอนที่ 91ก วันที่ 25 กันยายน 2558
- ↑ พระราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งเลขาธิการพระราชวังและผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๕ ตอน ๕๕ ง พิเศษ หน้า ๒ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งข้าราชการในพระองค์และนายทหารราชองครักษ์พิเศษ
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งข้าราชการในพระองค์และนายทหารราชองครักษ์พิเศษ
- ↑ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560
- ↑ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. 2560
- ↑ พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักพระราชวัง พ.ศ. 2541
- ↑ กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักพระราชวัง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘
- ↑ "กฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักพระราชวัง พ.ศ. ๒๕๔๗ [ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔]" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-01-12. สืบค้นเมื่อ 2015-05-16.
- ↑ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ. ๒๕๖๐
- ↑ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๕
- ↑ "พระบรมราชโองการ ประกาศเปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 13 (ตอน 21): หน้า 221. 26 สิงหาคม 2439. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระบรมราชโองการ ประกาศคงตำแหน่งผู้สืบเสนาบดี กระทรวงวัง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 13 (ตอน 23): หน้า 239. 6 กันยายน 2439. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระบรมราชโองการ ประกาศเปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 15 (ตอน 26): หน้า 270. 25 กันยายน พ.ศ. 2541. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "ประกาศตั้งเสนาบดีกระทรวงวัง และตั้งผู้แทนเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 22 (ตอน 11): หน้า 228. 18 มิถุนายน 2448. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "ประกาศเปลี่ยนตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 22 (ตอน 11): หน้า 200. 11 มิถุนายน 2448. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 27 (ตอน ก): หน้า 24. 29 พฤษภาคม 2453. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระบรมราชโองการ ประกาศ เลื่อนและตั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 30 (ตอน ก): หน้า 23. 15 เมษายน 2456. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนเสนาบดีกระทรวงวังและรวมกรมมหาดเล็กเข้าในกระทรวงวัง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 43 (ตอน 0 ก): หน้า 240. 25 กรกฎาคม 2469. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม เสนาบดีกระทรวงวัง และเสนาบดีกระทรวงธรรมการ กับอธิบดีศาลฎีกา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 43 (ตอน 0 ก): หน้า 722. 20 มีนาคม 2469. สืบค้นเมื่อ 1 สิงหาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2009-02-05. สืบค้นเมื่อ 2016-09-15.
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ เก็บถาวร 2019-08-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- เว็บไซต์สำนักพระราชวัง 1
- เว็บไซต์สำนักพระราชวัง 2 เก็บถาวร 2008-02-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ข้อมูลของสำนักพระราชวัง เก็บถาวร 2019-08-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน