สถานีย่อย:ภาพยนตร์/รวมบทความภาพยนตร์แนะนำ

เกมล่าเกม (อังกฤษ: The Hunger Games) เป็นภาพยนตร์อเมริกัน ค.ศ. 2012 แนวแอ็คชั่นดราม่ารูปแบบนิยายวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องราวอันโหดร้าย กำกับโดย แกรี รอสส์ ซึ่งอิงจากนิยายเนื้อเรื่องเดียวกัน ที่เขียนขึ้นโดย ซูซาน คอลลินส์ นำแสดงโดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, จอช ฮัทเชอร์สัน, เลียม เฮมส์เวิร์ท, วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน และ เอลิซาเบธ แบงส์ ภาพยนตร์ชุดนี้ได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 2012 ในประเทศฝรั่งเศสรวมถึงประเทศอื่นๆ (อ่านเพิ่มเติม...)


ชุดดำสัญญาณสยอง (อังกฤษ: The Woman in Black) เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ-ทริลเลอร์ กำกับโดย เจมส์ วัตคินส์ เขียนบทโดย เจน โกลด์แมน และอิงจากนวนิยายในชื่อเรื่องเดียวกันนี้ ของ ซูซาน ฮิลล์ ภาพยนตร์ชุดนี้สร้างโดย แฮมเมอร์ฟิล์มโปรดักชันส์ นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, คิเอเรน ไฮด์ส, เจเน็ท แมคเทียร์, โซฟี สทัคกี้ และ ลิซ ไวท์ ภาพยนตร์ได้รับการเปิดตัวในสหรัฐฯและแคนาดา ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ซึ่งได้รับการตอบรับโดยทั่วไปในเชิงบวก และได้รับการเปิดตัวในสหราชอาณาจักรวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012

เป็นเรื่องราวของทนายความหนุ่มที่มีชื่อว่า อาเธอร์ คิปส์ ซึ่งได้เดินทางมาทำงานเพียงคนเดียวในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง โดยเขาได้อาศัยอยู่ในบ้านพักร้างในเกาะที่มีบรรยากาศวังเวง แล้วเขาก็พบกับเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองอันเกี่ยวเนื่องกับวิญญาณของสตรีในชุดดำลึกลับนางหนึ่ง ซึ่งมีปริศนาต่างๆที่ชวนให้เกิดอาการผวาอย่างสุดเกินบรรยาย (อ่านเพิ่มเติม...)


สวนสัตว์อาซาฮียามา เพนกวินจะโบยบิน เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่น ค.ศ. 2009 เนื้อเรื่องกล่าวถึงเรื่องราวในสวนสัตว์อาซาฮียามะ ซึ่งผู้ดูแลคนใหม่สัตว์คนใหม่ชื่อ โยะชิดะ สึโยะชิ (รับบทโดย นะกะมุระ ยะซุฮิ) ซึ่งเข้าสังคมไม่เก่ง ได้เผชิญกับวิกฤติการเงินในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 ส่งผลให้ทางสวนสัตว์เกือบต้องปิดตัวลง แต่จากการชี้นำของผู้จัดการที่มีชื่อว่า ทาคิซาวะ คันจิ (รับบทโดย นิชิดะ โทะชิยุกิ) เพียงไม่นาน โยชิดะก็ได้หาทางช่วยเหลือสวนสัตว์ที่ประสบปัญหาด้านการเงินแห่งนี้ ด้วยการระดมความคิด อาทิ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ชนิดต่างๆ และการเปิดสวนสัตว์กลางคืนอาซาฮียามาก็เริ่มกลับมามีชื่อเสียงอีกครา (อ่านเพิ่มเติม...)


พุซ อิน บู๊ทส์ (อังกฤษ: Puss in Boots) เป็นภาพยนตร์คอมพิวเตอร์แอนิเมชันผจญภัย ที่ผลิตโดยดรีมเวิร์กสแอนิเมชัน กำกับโดย คริส มิลเลอร์ (ซึ่งกำกับ เชร็ค 3 ใน ค.ศ. 2007) ภาพยนตร์จัดฉายในโรงที่สหรัฐอเมริกาวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ในระบบ ดิจิตอล 3 มิติ และไอแมกซ์ 3 มิติ

ภาพยนตร์ชุดนี้เป็นภาคแยกพรีเควล ออกจากเฟรนไชส์เชร็ค โดยมีตัวละคร พุซ อิน บู๊ทส์ ออกผจญภัยในช่วงก่อนที่เขาจะปรากฏตัวใน เชร็ค 2 ในค.ศ. 2004 พร้อมด้วยเพื่อนสนิทของเขา ฮัมป์ตี้ ดัมป์ตี้ และ คิตตี้ ซอฟท์พอว์ ซึ่งพุซจะได้เผชิญกับแจ๊คและจิลซึ่งเป็นสองวายรายผู้ครอบครองเมล็ดถั่ว

เนื้อเรื่องกล่าวถึง เรื่องราวเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่พุซ อิน บู๊ทส์ จะได้พบกับเชร็ค เขาได้กระทำการออกผจญภัยกับคิตตี้ ซอฟท์พอว์ ซึ่งเป็นแมวสาวที่ปราดเปรียว รวมถึง ฮัมป์ตี้ ดัมป์ตี้ ซึ่งเป็นผู้ทรงปัญญาประจำกลุ่ม แต่ก็มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความโกลาหล เมื่อแจ๊คและจิลซึ่งเป็นพวกนอกกฎหมาย ได้ทำการขัดขวางมิให้พุซและพวกพ้องปฏิบัติการได้สำเร็จ ก่อนที่ความจริงบางอย่างที่พุซไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้เปิดเผยขึ้นในเวลาต่อมา รวมถึงเหตุการณ์ได้นำพาให้พวกเขาต้องปกป้องทุกชีวิตในเมืองซาน ริคาร์โด ที่พวกเขาอาศัยอยู่นั่นเอง (อ่านเพิ่มเติม...)


วอนโดนเตะ!! (เกาหลี: 더 킥; อังกฤษ: THE KICK) เป็นภาพยนตร์แนวศิลปะการต่อสู้ซึ่งมีกำหนดฉายใน พ.ศ. 2554 เป็นผลงานสร้างร่วมทุนระหว่าง ซีเจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ จากเกาหลีใต้ กับสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จากประเทศไทย ซึ่งจีจ้า ญาณินได้ร่วมกับนักแสดงที่มีชื่อเสียงของเกาหลี รวมทั้งได้เชิญนักแสดงเจ้าของตำแหน่งแชมป์เทควันโดชาวเกาหลีใต้สองรายมาเป็นตัวละครหลักของเรื่อง กำกับโดยปรัชญา ปิ่นแก้ว กำหนดฉายวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ในเกาหลีใต้ และ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ในประเทศไทย ซึ่งภาพยนตร์ชุดนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มนักลงทุนด้านอาหารไทยกับเกาหลี ต้องมาต่อสู้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพล โดยพวกเขาได้นำวิชาเทควันโดและมวยไทยมาใช้ในการต่อสู้กับศัตรู (อ่านเพิ่มเติม...)


ตำนานเดชนางพญางูขาว (อังกฤษ: The Sorcerer and the White Snake) ภาพยนตร์แอ๊คชั่นแฟนตาซีสัญชาติฮ่องกงและจีน นำแสดงโดย หลี่ เหลียนเจี๋ย, หวง เซิงอี้, ชาร์ลีน ชอย, หลินฟง ออกฉายในกลางปี ค.ศ. 2011 กำกับการแสดงโดย เฉิน เสี่ยวตง

เนื้อเรื่องกล่าวถึงเมืองหางโจว สี่เซียน ชายหนุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรปราถนาจะเป็นแพทย์หวังช่วยผู้คน ทุกวันสี่เซียนจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร ใกล้กันนั้น ซูซู่ (ปีศาจงูขาว) และชิงชิง (ปีศาจงูเขียว) เป็นปีศาจงู 2 พี่น้องที่บำเพ็ญตบะมา 1,000 ปี กับ 100 ปี เห็นเข้า ซูซู่รักสี่เซียนทันทีและอยากใช้ชีวิตแบบมนุษย์ จึงหลอกสี่เซียนให้ตกน้ำ และนางก็ได้เข้าไปช่วยชีวิตเขาไว้ สี่เซียนจึงประทับใจในตัวนาง

ขณะเดียวกัน หลวงจีนฟาไห่ เจ้าอาวาสวัดจินซาง กับ เหนินเหริง ลูกศิษย์ ได้ตระเวนปราบปีศาจ และเก็บปีศาจไว้เพื่อให้บำเพ็ญตบะไปในทางที่ดีที่เจดีย์เหลยเฟิง ในงานเทศกาลเดือนเก้า ขณะปราบปีศาจค้างคาว เหนินเหริงได้พลาดท่าถูกปีศาจค้างคาวกัด และสี่เซียนก็ได้พบกับซูซู่ นางทำให้เขาจำนางได้อีกครั้ง ด้วยภาพลวงที่พวกนางทำขึ้น จึงตกลงแต่งงานกับนาง ส่วนเหนินเหริงได้กลายร่างเป็นปีศาจและหนีไป (อ่านเพิ่มเติม...)


พุ่มพวง (อังกฤษ: The Moon) เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2554 กำกับโดยบัณฑิต ทองดี โดยเป็นเรื่องราวชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ราชินีลูกทุ่งของไทย โดยนำเค้าโครงจากชีวิตจริงและหนังสือเรื่อง "ดวงจันทร์ที่จากไป" ของ บินหลา สันกาลาคีรี นำแสดงโดย เปาวลี พรพิมล (ผู้ชนะในรายการแชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์ ทางช่องแฟนทีวี), ณัฐวุฒิ สกิดใจ, วิทยา เจตะภัย, บุญโทน คนหนุ่ม ภาพยนตร์เรื่องนี้กำหนดเข้าฉายในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เนื้อเรื่องกล่าวถึง ผึ้ง (รับบทโดย เปาวลี พรพิมล) เกิดและโตที่ จ.สุพรรณบุรี ด้วยฐานะทางบ้านยากจน เรียนจบเพียงแค่ชั้น ป.2 แต่มีความฝันอยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เธอจึงตัดสินใจเดินทางออกตามหาความฝัน ด้วยการมุ่งหน้าเข้ามาเผชิญโชคในเมืองกรุง ผึ้งเริ่มต้นจากตำแหน่งหางเครื่องในวงดนตรีของ ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ (รับบทโดย บุญโทน คนหนุ่ม) จนได้พบรักกับธีระพล แสนสุข (รับบทโดย ณัฐวุฒิ สกิดใจ) นักดนตรีเป่าแซกโซโฟนในวง และทำให้ความฝันอยากเป็นนักร้องกลับฝันสลาย เพราะความรักของทั้งคู่เป็นตัวก่อเหตุให้โดนไล่ออกจากวงไวพจน์ ทั้งคู่ยอมอดทน ฝ่าฟันอุปสรรคต่อสู้กับชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างยากลำบาก จนเมื่อได้พบกับครูมนต์ เมืองเหนือ (รับบทโดย วิทยา เจตะภัย) ผึ้งขอฝากตัวเป็นศิษย์ ครูมนต์จึงตั้งชื่อใหม่ให้เป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” (อ่านเพิ่มเติม...)


แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 เป็นภาพยนตร์แฟนตาซี-ผจญภัยภาคต่อในปี พ.ศ. 2554 ที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ชื่อเดียวกันของเจ. เค. โรว์ลิ่ง อันเป็นตอนสุดท้ายของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์

การถ่ายฉากตัวเอกภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 และเสร็จสิ้นในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553 โดยวันสุดท้ายของการถ่ายใหม่มีขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553 อันเป็นการปิดภาพยนตร์ที่ดำเนินการถ่ายทำมาตลอดสิบปี ภาค 2 ออกฉายทั้งในโรงภาพยนตร์ 2 มิติ และ 3 มิติ ระหว่างวันที่ 13-15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นอกจากนี้ยังมีการฉายในโรงภาพยนตร์ไอแม็กซ์นับแต่วันเดียวกันด้วย

เนื้อเรื่องของภาค 2 จะดำเนินเรื่องต่อจากภาคที่ 1 หลังจากที่พวกแฮร์รี่ออกเดินทางตามหาฮอร์ครักซ์ ชิ้นส่วนวิญญาณของโวลเดอมอร์ที่มีทั้งหมด 7 ชิ้น และสามารถค้นพบและทำลายลงได้ โดยยังเหลือฮอร์ครักซ์ที่ยังไม่ถูกทำลายอยู่ 4 ชิ้น แต่สุดท้ายพวกแฮร์รี่กลับถูกผู้เสพความตายจับแต่ก็สามารถหนีรอดมาได้ โดยการสละชีวิตของด๊อบบี้ แฮร์รี่ล่วงรู้ถึงนัยยะสำคัญเกี่ยวกับฮอร์ครักซ์อีกชิ้นหนึ่งที่เขาคาดว่าถูกซ่อนไว้ในธนาคารกริงกอตส์ ธนาคารที่มีด่านป้องกันแน่นหนาที่สุด พวกแฮร์รี่จึงวางแผนบุกเข้าไปเพื่อขโมยฮอร์ครักซ์ ในขณะเดียวกันโวลเดอมอร์ล่วงรู้ว่าพวกแฮร์รี่กำลังตามล่าหาฮอร์ครักซ์อยู่ จึงยกกองทัพเหล่าผู้เสพความตายเข้าปิดล้อมฮอกวอตส์ ที่ที่เขาซ่อนฮอร์ครักซ์อีกชิ้นไว้ เพื่อดักรอแฮร์รี่ และครั้งนี้ไม่มีทางที่แฮร์รี่จะถอยอีกต่อไป เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ พร้อมด้วยกองทัพแห่งฮอกวอตส์และเหล่าผู้เสพความตาย ศึกครั้งนี้จึงเป็นศึกสุดท้ายที่มีโลกเวทมนตร์และโลกมนุษย์เป็นเดิมพัน (อ่านเพิ่มเติม...)


แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 เป็นภาพยนตร์แฟนตาซี-ผจญภัยภาคต่อที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของเจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนที่ 7 ในชื่อ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่เนื่องจากในภาคสุดท้ายนั้นมีรายละเอียดมากและทางผู้สร้างต้องการให้หนังจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ จึงแบ่งออกเป็น 2 ตอนคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูตตอนที่ 1 และตอนที่ 2 สำหรับตอนที่ 1 เริ่มถ่ายทำเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 และจะเข้าฉายในวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ตอนที่ 2 จะเข้าฉายในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ภาพยนตร์มีนักแสดงนำได้แก่ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ รูเพิร์ท กรินท์ และเอ็มม่า วัตสัน กำกับการแสดงโดย เดวิด เยตส์ เขียนบทโดยสตีฟ โคลฟ อำนวยการสร้างโดย เดวิด เฮย์แมน และเดวิด แบร์รอน (อ่านเพิ่มเติม...)


ต้มยำกุ้ง เป็นภาพยนตร์ไทย ผลงานการกำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว ออกฉายในวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2548 ในประเทศไทย ภาพยนตร์ทำรายได้ในประเทศไทย 183.35 ล้านบาท

เป็นเรื่องราวของ "ขาม" เด็กหนุ่มที่มีชีวิตพลิกผัน เมื่อต้องเดินทางไปช่วยเหลือชีวิต ช้าง 2 พ่อลูก ที่ถูกขโมยไปยังประเทศออสเตรเลีย แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแม้จะได้ความช่วยเหลือจาก "จ่ามาร์ค" นายตำรวจไทย และ "ปลา" สาวไทยที่ถูกหลอกมาขายตัวที่ซิดนีย์ เขากลับต้องเข้าไปพัวพันกับการไล่ล่าของแก๊งมาเฟีย อย่าง "มาดามโรส" และลูกสมุนอย่าง "จอห์นนี่" และ "ทีเค" (อ่านเพิ่มเติม...)


สองคนสองคม (จีน: 無間道; พินอิน: Wú Jiān Dào; อังกฤษ: Infernal Affairs) เป็นภาพยนตร์ฮ่องกงแนวแอ็คชั่น ดราม่า กำกับโดย แอนดริว เลา, อลัน มัก นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว, เหลียงเฉาเหว่ย, หวงซิวเซิน, เจิ้งจื่อเหว่ย, เฉินฮุ้ยหลิน ความยาว 101 นาที ออกฉายในปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002)

อันเป็นเรื่องราวของหานเซิน (เจิ้งจื่อเหว่ย) เป็นมาเฟียใหญ่ฮ่องกงมานานกว่า 20 ปี หานเซินจะชุบเลี้ยงเด็กหนุ่มฝีมือดีต่าง ๆ เป็นลูกมือ ทางสารวัตรหวง (หวงซิวเซิน) จึงต้องส่งสายลับเข้าไปแทรกซึม โดยสายลับคนนั้นก็คือ เหยิน (เหลียงเฉาเหว่ย) ขณะเดียวกัน หมิง (หลิวเต๋อหัว) เป็นนายตำรวจดาวรุ่งมาแรง โดยที่หมิงเองก็เป็นสายให้ทางหานเซินด้วย ทั้งคู่ได้พบปะกันโดยที่ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างก็เป็นสายให้ฝ่ายตรงข้าม ต่อมาจึงได้เอะใจ และหักเหลี่ยมเฉือนคมกัน โดยที่ต้องปิดบังสถานะที่แท้จริงของตัวเอง แต่ในที่สุด เหยินก็จับหลิวได้ แต่เหยินถูกยิงตาย ฉากจบมี 2 แบบ คือแบบที่หนึ่งหมิงถูกจับ และอีกแบบคือหมิงไม่ถูกจับ ทั้งนี้ในโรงภาพยนตร์ ผู้กำกับได้นำฉากที่หมิงไม่ถูกจับ มานำเสนอ อ่านเพิ่มเติม.....


ซามูไร อโยธยา (อังกฤษ: YAMADA) เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ของไทย โดยเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับยามาดะ นางามาสะ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นำแสดงโดยเซกิ โอเซกิ กำกับโดยนพพร วาทิน และกำหนดฉายในประเทศไทยครั้งแรก 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เป็นเรื่องราวของยามาดะ นางามาสะ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย แม้ว่าเขาจะเป็นชาวญี่ปุ่น แต่ก็รักเมืองไทยมาก และได้เรียนรู้วิชามวยไทย (แบบโบราณ) ทั้งยังเป็นเข้าร่วมกองอาสาออกรบให้อยุธยาหลายคราว ซึ่งต่อมาได้เป็น "ออกญาเสนาภิมุข" มีหน้าที่ในการคุมกองอาสาญี่ปุ่น ต่อมา ได้มีการกบฏเกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งยามาดะได้เดินทางมาปราบกบฏได้สำเร็จ และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้เป็นเจ้าแห่งเมืองนครศรีธรรมราชในเวลาต่อมา อ่านเพิ่มเติม.....


ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม (เกาหลี: 엽기적인 그녀; อังกฤษ: My Sassy Girl) เป็นภาพยนตร์โรแมนติคคอเมดี้จากเกาหลี ที่กำกับโดย กวาก แจยอง นำแสดงโดย จวน จีฮุน และ ชา แทฮยอน ซึ่งเป็นเรื่องราวของการพบกันโดยบังเอิญระหว่างหญิงสาวบนรถไฟกับชายหนุ่ม โดยดัดแปลงมาจากจดหมายรักที่เขียนขึ้นโดย คิม โฮซิก ชายผู้ซึ่งนำเรื่องเหล่านี้มาใส่ไว้ในอินเทอร์เน็ตในเบื้องต้น และดัดแปลงเป็นนวนิยายในเวลาต่อมา

ภาพยนตร์ชุดนี้ ถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในเกาหลีใต้ และเมื่อได้จัดฉายในเอเชียก็ประสบผลสำเร็จอย่างถล่มทลายในหลายประเทศ ทั้งญี่ปุ่น, จีน, ไต้หวัน, ฮ่องกง, สิงคโปร์ ตลอดจนถึงไทย มากพอกับกับภาพยนตร์เรื่องไททานิค นอกจากนี้ ยังได้รับการรีเมคในเวอร์ชันอเมริกัน โดยทางไทยได้ใช้ชื่อเรียกภาพยนตร์เวอร์ชันอเมริกันว่า ยกหัวใจให้"ยัยตัวร้าย" รวมถึงมีการรีเมคเป็นละครโทรทัศน์ของญี่ปุ่น ที่เริ่มฉายในเดือนเมษายน ค.ศ. 2008 อีกต่างหากด้วย

เนื้อเรื่องกล่าวถึงนักศึกษาหนุ่มซึ่งมีชื่อว่า เคียนวู (รับบทโดย ชา แทฮยอน) กับหญิงสาว (รับบทโดย จวน จีฮุน) ผู้ซึ่งไม่เคยเอ่ยถึงชื่อในภาพยนตร์ โดยเคียนวูเป็นนักศึกษาหนุ่มที่ซื่อและไร้เดียงสา เพิ่งจะโดนแม่ของเขาไล่ให้ไปอยู่กับป้า แล้วมาพบกับหญิงสาวที่กำลังอยู่ในสภาพมึนเมาที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์แปรปรวนเข้าใจยาก เขารู้สึกซวยเมื่อมาพบเธอ แต่หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มสนิทสนมกันเรื่อยมา และมีเหตุการณ์เกินธรรมดาเกิดขึ้นมากมาย และช่วงท้ายของเรื่อง ฝ่ายหญิงสาวรู้สึกเสียใจ ที่เธอปิดบังไม่ให้เคียนวูได้รู้ว่าเธอมีคนรักมาก่อน อ่านเพิ่มเติม.....


ก้านกล้วย (พ.ศ. 2549) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสามมิติ สร้างโดย กันตนาแอนิเมชัน เป็นเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากเกร็ดบางส่วนของพงศาวดาร ว่าลักษณะคชลักษณ์ของช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น จะมีหลังโค้งลาด คล้ายก้านกล้วย ชื่อตามพงศาวดารนั้นคือ เจ้าพระยาปราบหงสาวดีหรือเดิมชื่อ เจ้าพระยาไชยานุภาพ หรือ พลายภูเขาทอง โดยในเรื่องใช้ชื่อว่า ก้านกล้วย เป็นตัวเอก ก้านกล้วยเป็นแอนิเมชันที่ได้ คมภิญญ์ เข็มกำเนิด คนไทยที่ได้ไปศึกษาทางฟิล์มและวีดีโอที่เน้นด้านการทำแอนิเมชันที่สหรัฐอเมริกา และได้เคยร่วมงานสร้างตัวละครและทำภาพเคลื่อนไหวที่เคยร่วมงานกับบริษัทวอลท์ดิสนีย์ และ บลูสกายสตูดิโออย่าง ทาร์ซาน (Tarzan) , ไอซ์เอจ (Ice Age) และ แอตแลนติส (Atlantis: The Lost Empire) มาเป็นผู้กำกับ พร้อมกลุ่มนักแอนิเมชันทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 100 คน

ก้านกล้วยเป็นแอนิเมชันที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เป็นภูมิทัศน์แบบไทย ต้นไม้ ไม้ดอก สภาพป่า และประเพณีไทย เช่น การคล้องช้าง การนำฉากหมู่บ้านทรงไทย แสดงพืชพรรณไม้ไทย เช่น ต้นราชพฤกษ์ (หรือคูน หรือลมแล้ง) ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำชาติ ในฤดูกาลต่างๆ รวมทั้งการออกดอกเหลืองอร่ามในหน้าแล้ง แสดงฉากประเพณีลอยกระทง เป็นต้น

ก้านกล้วย เป็นแอนิเมชันที่สร้างด้วยเทคนิคคอมพิวเตอร์ อีกเรื่องหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้มีภาพยนตร์แอนิเมชันที่ใช้เทคนิคดังกล่าว คือ ปังปอนด์ และ แอนิเมชันซึ่งถือเป็นเรื่องแรกของไทยคือ สุดสาคร ซึ่งเป็นแอนิเมชันสองมิติ

ก้านกล้วย ได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็น ภาพยนตร์การ์ตูนทางโทรทัศน์ ทางช่อง 7 สี ใช้ชื่อว่า "ก้านกล้วย ผจญภัย" ฉายทุกวันอาทิตย์ เวลา 17.00-17.30 น. มีเนื้อหารายละเอียดมากขึ้น โดยใช้ตัวละครเดิม อ่านเพิ่มเติม.....


เจาะเวลาหาอดีต (อังกฤษ: Back to the Future) เป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1985 แนวผจญภัยวิทยาศาสตร์ ของผู้กำกับ โรเบิร์ต เซเม็กคิส ร่วมเขียนบทโดยบ็อบ เกล และอำนวยการสร้างโดยสตีเฟน สปีลเบิร์ก นำแสดงโดย ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ รับบทวัยรุ่นที่ชื่อ มาร์ตี้ แม็กฟลาย , คริสโตเฟอร์ ลอยด์ ในบทบาทนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ชื่อ ด็อกเตอร์ เอ็มเม็ต แอล. บราวน์ , คริสพิน โกลเวอร์, ลีอา ธอมป์สัน และโทมัส เอฟ. วิลสัน โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับมาร์ตี้ แม็กฟลาย วัยรุ่นที่บังเอิญย้อนเวลากลับจากปี 1985 ไปในปี 1955 เขาได้พบกับพ่อแม่ของเขาเมื่อครั้งยังเรียนอยู่ในระดับไฮสคูล และบังเอิญทำให้แม่ของเขาหลงชื่นชอบตัวมาร์ตี้ เขาต้องแก้ไขความผิดพลาดที่จะทำลายประวัติศาสตร์ที่เป็นต้นเหตุโดยทำให้พ่อแม่ของเขากลับมารักกัน ขณะเดียวกันเขาก็ต้องหาวิธีกลับไปในปี 1985 ให้ได้

เซเม็กคิสและเกล ร่วมกันเขียนบทหลังจากที่เกลคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขากับพ่อของเขาเองได้เข้าเรียนด้วยกัน หลาย ๆ สตูดิโอภาพยนตร์ปฏิเสธบทภาพยนตร์นี้ จนกระทั่งภาพยนตร์ของเซเม็กคิสเรื่อง Romancing the Stone ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้ จึงทำให้เกิดโครงการนี้โดยยูนิเวอร์ซัลพิกเจอร์ส โดยมีสปีลเบิร์ก เป็นผู้อำนวยการสร้าง เดิมทีอีริก สตอลต์ซ จะมารับบทเป็นมาร์ตี้ แม็กฟลาย แต่ในระหว่างการถ่ายทำเขาและผู้สร้างภาพยนตร์ตัดสินใจที่จะทำการคัดตัวนักแสดงใหม่ นั่นหมายถึงการถ่ายทำใหม่เช่นกัน และขั้นตอนหลังการถ่ายทำที่ต้องดำเนินให้เสร็จในวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1985 ซึ่งเป็นวันกำหนดฉาย ......อ่านเพิ่มเติม



แบทแมน บีกินส์ คือ ภาพยนตร์ชุดแบทแมนลำดับที่ 5 เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2548 กำกับโดย คริสโตเฟอร์ โนแลน นำแสดงโดย คริสเตียน เบล, ไมเคิล เคน, เลียม นีสัน, แคที โฮล์มส์, แกรี โอลด์แมน, ซิลเลียน เมอร์ฟี, มอร์แกน ฟรีแมน, ทอม วิลคินสัน, Rutger Hauer และเค็ง วะตะนะเบะ

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์แบทแมนภาคนี้เป็นอิสระจากภาพยนตร์ชุดแบทแมนที่สร้างมาก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง โดยมีโครงเรื่องที่กล่าวถึงจุดกำเนิดของตัวละครแบทแมน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเส้นเรื่องของหนังสือการ์ตูนชุดแบทแมนดั้งเดิม เช่น แบทแมน : เดอะแมนฮูฟอลส์ (Batman: The Man Who Falls) แบทแมน : เยียร์วัน (Batman: Year One) และ แบทแมน : เดอะลองฮัลโลวีน (Batman: The Long Halloween)

ที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้ มาจากความคิดของคริสโตเฟอร์ โนแลน และเดวิด เอส. โกเยอร์ (ผู้เขียนบทภาพยนตร์) ที่มาร่วมงานกันเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2546 ซึ่งภาคนี้ถือเป็นภาพยนตร์แบทแมนเรื่องแรก หลังจากที่ภาค แบทแมนแอนด์โรบิน (Batman & Robin) เมื่อ พ.ศ. 2540 ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบและประสบความล้มเหลวในเชิงพาณิชย์ โดยในภาคนี้ เขาทั้งสองคนได้ดัดแปลงให้มีโทนสีมืดและมีความสมจริงของเนื้อเรื่องมากกว่าที่ภาคที่ผ่านมา ......อ่านเพิ่มเติม


ชูชก กัณหา ชาลี เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธประวัติ กล่าวถึงพระโพธิสัตว์ซึ่งเสวยพระชาติสุดท้ายในทศชาติเป็นพระเวสสันดร เป็นเรื่องการเผยแผ่ทานบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยบริษัท ไทยสากลธุรกิจ จำกัด ของ ณรงค์ สันติสกุลชัยพร กำกับการแสดงโดย รัตน์ เศรษฐภักดี นำแสดงโดยสมบัติ เมทะนี ในบทบาทพระเวสสันดร ร่วมด้วย พิศมัย วิไลศักดิ์ ในบทพระนางมัทรี ส่วนบทชูชก รับบทโดย ประพัตร์ มิตรภักดี และนางอมิตาดา ภรรยาของชูชกรับบทโดย สุชีรา สุภาเสพ สำหรับกัณหาและชาลี รับบทโดย 2 พี่น้อง ด.ช. เอ๋ และ ด.ช. อวบ สมชาติ และพรานเจตบุตร รับบทบาทโดย อดินันท์ สิงหิรัญ

สำหรับผู้ออกแบบฉากและเครื่องแต่งกาย คือ ศ.ดร. สุรพล วิรุฬห์รักษ์ และกำกับภาพโดย ประกิต บุญยรัตพันธ์ และอีกสิ่งที่ช่วยส่งเสริมภาพยนตร์คือ บทร้องทำนองแหล่ของไวพจน์ เพชรสุพรรณ นักร้องเพลงลูกทุ่งชื่อดังและศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ประจำปี พ.ศ. 2540 ......อ่านเพิ่มเติม


สแตนด์บายมี (อังกฤษ: Stand by Me) เป็นภาพยนตร์ในปี 1986 กำกับโดย ร็อบ ไรเนอร์ นำแสดงโดย วิล วีตัน, คอรีย์ เฟลด์แมน, คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์, เจอร์รี โอ คอนเนลล์ และ ริเวอร์ ฟีนิกซ์ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวในช่วงปี 1959 ในเนื้อหาแบบ coming-of-age โดยเนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ สตีเฟน คิง เรื่อง The Body ร็อบ ไรเนอร์เล่าว่าเนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ในวัยเด็กของเขาเอง

สถานที่ถ่ายทำ ถ่ายทำที่ออริกอน โดยใช้เทคนิค matte painting ปิดบังส่วนของอาคารที่ดูทันสมัย และแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นสถานที่ที่หนังถ่ายทำฉากสะพานแขวนโดยใช้เวลาถ่ายทำกว่าสองอาทิตย์ นอกจากนี้ยังถ่ายทำฉากแคมป์ไฟตอนกลางคืนเพิ่มเติมบางส่วนในสตูดิโอ เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานเด็ก ......อ่านเพิ่มเติม


ถนนสายนี้ หัวใจไม่เคยลืม (ญี่ปุ่น : ALWAYS 三丁目の夕日, Always San-Chōme no Yūhi/อังกฤษ : Always: Sunset on Third Street) หรือเรียกโดยย่อว่า ออลเวย์ส (Always) คือ ภาพยนตร์ญี่ปุ่นปี พ.ศ. 2548 ที่ดัดแปลงมาจากมังงะของเรียวเฮ ไซงัง เรื่อง ซังโจเมะโนะยูฮิ กำกับและประพันธ์บทภาพยนตร์โดย ทะกะชิ ยะมะซะกิ นำแสดงโดย มะกิ โฮะริกิตะ, ฮิเดะตะกะ โยะชิโอะกะ, ชินอิจิ สึสึมิ, โคะยุกิ, ฮิโระโกะ ยะกุชิมะรุ, คะซุกิ โคะชิมิสุ และเค็นตะ ซุงะ เข้าฉายในญี่ปุ่นวันที่ 5 พฤศจิกายน 2548 และได้รับการนำเข้ามาฉายแบบจำกัดโรงในประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2549 และในไต้หวันเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2550

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ความสัมพันธ์ ความหวัง และความรักของสมาชิกในชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งบนถนนสายที่ 3 โดยมีกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ประมาณคริสตทศวรรษที่ 1950) เป็นฉากหลัง ......อ่านเพิ่มเติม


รักแห่งสยาม เป็นภาพยนตร์ไทย กำกับโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, มาริโอ้ เมาเร่อ และ วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก และการค้นหาตัวตน ผ่านมุมมองของเด็กชายสองคน โดยมีสยามสแควร์เป็นสถานที่เชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งการถ่ายทำเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากสยามสแควร์เป็นสถานที่ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านเป็นอุปสรรคต่อการถ่ายทำ

การประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ก่อนการออกฉาย นำเสนอว่าเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับความรักใส ๆ ของวัยรุ่นหญิงชาย แต่เมื่อภาพยนตร์ออกฉายจริง กลับมีเนื้อหาเกี่ยวกับความสับสนในจิตใจของวัยรุ่นชาย รวมถึงมีฉากล่อแหลม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ส่วนเสียงตอบรับในด้านกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์นั้นก่อให้เกิดข้อถกเถียงทั้งในแง่บวกและแง่ลบ......อ่านเพิ่มเติม


ภาพยนตร์ไทย มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกถ่ายทำในเมืองไทย คือ เรื่อง นางสาวสุวรรณ ผู้สร้าง คือ บริษัทภาพยนตร์ ยูนิเวอร์ซัล ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ผู้แสดงทั้งหมดเป็นคนไทย พ.ศ. 2470 ภาพยนตร์เรื่อง โชคสองชั้น เป็นภาพยนตร์ขนาด 35 มิลลิเมตร ขาว-ดำ ไม่มีเสียง ได้รับการยอมรับให้เป็นภาพยนตร์ประเภทเรื่องแสดงเพื่อการค้าเรื่องแรกที่สร้างโดยคนไทย

ในช่วงหลัง พ.ศ. 2490 ถือเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย สตูดิโอถ่ายทำและภาพยนตร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นประเทศไทยเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นช่วงซบเซาของภาพยนตร์ไทย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง กิจการภาพยนตร์ในประเทศไทยค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา ได้เปลี่ยนไปสร้างเป็นภาพยนตร์ขนาด 16 มิลลิเมตรแทน และเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะคับขัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องได้แสดงบทบาทของตนในฐานะกระจกสะท้อนปัญหาการเมือง และสังคม ในช่วงเวลาระหว่างปี พ.ศ. 2516-2529 ต่อมาภาพยนตร์ไทยในช่วงปี พ.ศ. 2530-2539 โดยในตอนต้นทศวรรษวัยรุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากภาพยนตร์ประเภทวัยรุ่นแล้ว หนังผี และหนังบู๊ รวมทั้งหนังโป๊ และหนังเกรดบี ก็มีการผลิตมามากขึ้น......อ่านเพิ่มเติม


ที่เก็บถาวร