ศาสนาในประเทศไทย
ศาสนาในประเทศไทย เป็นศาสนาผสม[3][4]
กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมให้ทางราชการรับรองศาสนาในประเทศไทยไว้ 5 ศาสนา[5] ดังนี้ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์
ศาสนิกชน
แก้จากสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2543[6] พ.ศ. 2551[7] พ.ศ. 2554[8] และ พ.ศ. 2557[9][10] โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าในประเทศไทยมีผู้นับถือศาสนา ดังนี้
ศาสนา | พ.ศ. 2543 | พ.ศ. 2551 | พ.ศ. 2554 | พ.ศ. 2557 | พ.ศ. 2558 | พ.ศ. 2561 |
---|---|---|---|---|---|---|
ศาสนาพุทธ | 57,157,751 (93.83%) | 93.9% | 61,746,429 (94.6%) | 94.6% | 63,620,298 (94.50%) | 63,299,192 (93.46%) |
ศาสนาอิสลาม | 2,777,542 (4.56%) | 5.2% | 3,259,340 (4.6%) | 4.2% | 2,892,311 (4.29%) | 3,639,233 (5.37%) |
ศาสนาคริสต์ | 486,840 (0.8%) | 0.7% | 789,376 (0.7%) | 1.1% | 787,589 (1.17%) | 767,624 (1.13%) |
ศาสนาฮินดู | 52,631 (0.086%) | 0.2% | 182,694 (0.1%) | ไม่มีข้อมูล | 22,110 (0.03%) | 12,195 (0.018%) |
ศาสนาซิกข์ | 11,124 (0.02%) | ไม่มีข้อมูล | 716 (0.001%) | |||
ลัทธิขงจื๊อ | 6,925 (0.011%) | ไม่มีข้อมูล | 1,030 (0.001%) | 2,009 (0.002%) | ||
ศาสนาอื่น ๆ | 48,156 (0.079%) | 70,742 (0.11%) | 1,583 (0.002%) | |||
ไม่มีศาสนา | 164,396 (0.27%) | ไม่มีข้อมูล | 2,925 (0.005%) | ไม่มีข้อมูล | ไม่มีข้อมูล | 2,082 (0.003%) |
ไม่ทราบศาสนา | 222,200 (0.36%) | ไม่มีข้อมูล | 3,820 (<0.1%) | ไม่มีข้อมูล | ไม่มีข้อมูล | 4,085 (0.006%) |
ร้อยละของประชากรอายุ 13 ปีขึ้นไป จำแนกตามศาสนา และภาค พ.ศ. 2557[11][12]
ศาสนา | กรุงเทพมหานคร | ภาคกลาง | ภาคเหนือ | ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | ภาคใต้ | ทั่วราชอาณาจักร |
---|---|---|---|---|---|---|
ศาสนาพุทธ | 95.3% | 97.2% | 96.6% | 99.4% | 75.3% | 94.6% |
ศาสนาอิสลาม | 2.9% | 1.9% | 0.1% | 0.1% | 24.5% | 4.2% |
ศาสนาคริสต์ | 1.6% | 0.9% | 2.7% | 0.5% | 0.2% | 1.1% |
ศาสนาอื่น ๆ | 0.2% | - | 0.6% | - | - | 0.1% |
อย่างไรก็ตามการสำรวจขององค์การพัฒนาเอกชน นักวิชาการ และกลุ่มศาสนา ในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010)[13] บ่งชี้ว่าประเทศไทยมีผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทประมาณ 85-95% ศาสนาอิสลามประมาณ 5-10% และศาสนาอื่น ๆ เช่น ศาสนาคริสต์ ลัทธิขงจื๊อ ศาสนาฮินดู ศาสนายูดาห์ ศาสนาซิกข์ ลัทธิเต๋า และไม่มีศาสนา รวมกันประมาณ 5% สำหรับผู้ที่ไม่มีศาสนากรมการศาสนาประมาณการว่ามีน้อยกว่า 1% ของประชากรทั้งประเทศ[14]
ศาสนาและภาครัฐ
แก้นับแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นต้นมา ฝ่ายอาณาจักรมีความสัมพันธ์กับฝ่ายศาสนจักรอย่างแน่นแฟ้น พระมหากษัตริย์ไทยและพระราชนิกุลทรงเป็นพุทธมามกะและหลายพระองค์ทรวงผนวชเป็นภิกษุ จึงมีการอุดหนุนค้ำจุนกันระหว่างสถาบันทั้งสองเรื่อยมา ในปัจจุบันกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม มีหน้าที่กำกับดูแลและรับรองกลุ่มศาสนาซึ่งรับรองเพียงห้าศาสนาหลักเท่านั้น และไม่รับรองกลุ่มศาสนาใดเพิ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา[14] กลุ่มศาสนาที่ได้รับการรับรองมีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนและสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี ส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ดูแลพุทธศาสนาโดยเฉพาะ ทั้งสองหน่วยงานรับงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อใช้ในกิจการทางศาสนารวมกันกว่าสี่พันล้านบาทต่อปี[ต้องการอ้างอิง]
กระทรวงมหาดไทยเคยเก็บข้อมูลศาสนาและหมู่เลือดของคนไทยและพิมพ์ลงในบัตรประจำตัวประชาชน[15] แต่ปัจจุบันเลิกแล้ว[16] และศาสนาถือเป็นหนึ่งในข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร[17] ในใบสมัครงาน ใบสมัครเข้าเรียนในสถานศึกษา[18] หรือประวัติคนไข้ในโรงพยาบาล ในปัจจุบันนักเรียนในโรงเรียนรัฐที่นับถือศาสนาอื่นไม่ต้องสวดมนต์ไหว้พระหลังเคารพธงชาติทุกวัน[19] และวิชาพระพุทธศาสนาไม่ได้เป็นวิชาบังคับในหลักสูตรของโรงเรียนรัฐบาลทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาอีกต่อไป เนื่องด้วยนักวิชาการให้ความเห็นว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลและขัดต่อหลักเสรีภาพในการนับถือศาสนา
กฎหมาย
แก้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 รวมถึงรัฐธรรมนูญไทยฉบับก่อนหน้ารับรองเสรีภาพในการถือศาสนาของประชาชน[20] แต่บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก[21] และกำหนดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐชัดเจนว่ารัฐต้องให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาในมาตรา 79[22] แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวแต่ในที่สุดมาตรานี้มีความเพียงว่า "พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน" นอกจากรัฐธรรมนูญแล้วศาสนาในประเทศไทยยังได้รับการคุ้มครองโดย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งห้ามการกล่าวหมิ่นประมาทพุทธศาสนารวมถึงพระสงฆ์ และคุ้มครองศาสนสถานและศาสนพิธีของศาสนาอื่น ๆ ตามลำดับ[14]
ในทางปฏิบัติ
แก้อิทธิพลของศาสนาและความเชื่อในประเทศไทยสะท้อนออกมาในหลากหลายรูปแบบ อาทิ ตราแผ่นดินหรือตราประจำหน่วยงานที่มักเป็นเทพเจ้าในศาสนพราหมณ์-ฮินดู การใช้ปีพุทธศักราช (แต่ยึดปฏิทินสุริยคติตามระบบเกรโกเรียน) การใส่ภาพวัดในพุทธศาสนาลงในเหรียญกษาปณ์และธนบัตร การตั้งศาลพระภูมิในหน่วยงานราชการ การบูชาพระรัตนตรัยก่อนเริ่มพิธีการ การกำหนดวันสำคัญในศาสนาพุทธเป็นวันหยุดราชการ รวมถึงรัฐพิธีที่เป็นความเชื่อทางศาสนาที่มีมาแต่โบราณ เช่น พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศาสนาพุทธ
แก้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทยเป็นพุทธศาสนิกชนนิกายเถรวาท ซึ่งในปัจจุบันศาสนาพุทธในประเทศไทยได้ผสมผสานเข้ากับความเชื่อพื้นบ้าน อย่างเช่น การตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ การถือฤกษ์ นอกจากนี้จำนวนประชากรชาวไทย-จีนขนาดใหญ่ที่อพยพเข้ามาในประเทศก็นับถือทั้งศาสนาพุทธและประเพณีดั้งเดิม[23] วัดพุทธในประเทศมีเอกลักษณ์ที่เจดีย์สีทองสูง และสถาปัตยกรรมพุทธในประเทศไทยคล้ายคลึงกับในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กัมพูชาและลาว ซึ่งมีภูมิหลังทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ร่วมกัน
ศาสนาอิสลาม
แก้ชาวมุสลิมเป็นประชากรขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประเทศไทย[23][14] ในบริเวณสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล ตลอดจนบางส่วนของจังหวัดสงขลาและชุมพร มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ประกอบด้วยทั้งผู้ที่มีเชื้อสายไทยและมลายู คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าประชากรชาวมุสลิมส่วนใหญ่ของประเทศอาศัยอยู่มากที่สุดบริเวณนี้
อย่างไรก็ตามการวิจัยของกระทรวงการต่างประเทศ ชี้ว่า ชาวไทยมุสลิมเพียงร้อยละ 18 อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ ส่วนที่เหลือได้อาศัยอยู่กระจายกันไปทั่วประเทศ โดยมีอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครมากที่สุด และตลอดภาคใต้ของประเทศ ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2548 ชาวมุสลิมในภาคใต้ของประเทศคิดเป็นประชากรร้อยละ 30.4 ของประชากรที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ ในขณะที่มุสลิมในส่วนอื่นของประเทศกลับมีน้อยกว่าร้อยละ 3[ต้องการอ้างอิง]
ประชากรมุสลิมของไทยมีความหลากหลายและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน โดยมีกลุ่มเชื้อชาติอพยพเข้ามาจากจีน ปากีสถาน กัมพูชา บังกลาเทศ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับชาวไทย ขณะที่มุสลิมในประเทศไทยราวสองในสามมีเชื้อสายมลายู
ศาสนาฮินดู
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศาสนาซิกข์
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ศาสนาคริสต์
แก้ศาสนาคริสต์มีประวัติศาสตร์ยาวนานในประเทศไทย ถูกนำเข้ามาเผยแผ่โดยมิชชันนารียุโรปตั้งแต่สมัยอาณาจักรอยุธยา ประมาณคริสต์ทศวรรษ 1550 (พ.ศ. 2093) ศาสนาคริสต์มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถาบันสังคม การศึกษา สาธารณสุข และเทคโนโลยี[24]
ปัจจุบันประเทศไทย มีองค์กรคริสตจักรที่กรมการศาสนารับรองอยู่ 5 องค์กร ได้แก่ สภาประมุขแห่งบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย สภาคริสตจักรในประเทศไทย สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย มูลนิธิคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์ และมูลนิธิคริสตจักรวันเสาร์แห่งประเทศไทย คริสต์ศาสนิกชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทย มีจำนวนคริสต์ศาสนิกชนรวมกันราว 820,000 คน (อันดับที่ 3 ในประเทศไทย) ศาสนสถานรวมกันราว 5,500 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วย 2 นิกาย ได้แก่ โปรเตสแตนต์ และโรมันคาทอลิก ส่วนนิกายอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ ปกครองโดยมูลนิธิชาวคริสต์ศาสนิกชนดั้งเดิมออร์โธด็อกซ์ในประเทศไทย
ศาสนายูดาห์
แก้ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลัทธิอนุตตรธรรม
แก้ลัทธิอนุตตรธรรมเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกราว พ.ศ. 2492[25] จากอาจารย์ในลัทธิที่ลี้ภัยจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนเข้ามาอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้ตั้งสถานธรรมแห่งแรกขึ้นในประเทศไทยช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 ต่อมามีลัทธิอนุตตรธรรมหลายสายเข้ามาเผยแผ่ในประเทศไทยมากขึ้น ในปัจจุบันสายที่ใหญ่ที่สุดคือสายฟาอี ซึ่งประกอบด้วยหลายสายย่อย ที่สำคัญเช่น สายฟาอีฉงเต๋อซึ่งตั้งสถานธรรมแรกในปี พ.ศ. 2521 สายฟาอีหลิงอิ่นในปี พ.ศ. 2523 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสายเป่ากวงเจี้ยนเต๋อที่ตั้งสถานธรรมเทียนเป่าในปี พ.ศ. 2533
แม้ประชากรไทยส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาพุทธ แต่มีพุทธศาสนิกชนชาวไทยจำนวนมากเข้าเป็นสมาชิกลัทธิอนุตตรธรรมเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นพุทธศาสนานิกายมหายานรูปแบบหนึ่ง จากข้อมูลของ World I-Kuan Tao Headquarters ที่เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2548 ระบุว่าลัทธิอนุตตรธรรมมีสมาชิกราว 1,000,000 คนในประเทศไทย ในจำนวนนี้มีพระราชวงศ์และข้าราชการระดับสูงรวมอยู่ด้วย[25]
ศาสนาชินโต
แก้ศาลเจ้าชินโตในไทยมีสองแห่งคือ สวนสันติภาพชินโตะ และ ศาลเจ้าชินโตศรีราชา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
แก้- ↑ "Population by religion, region and area, 2018". NSO. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-24. สืบค้นเมื่อ 9 March 2021.
- ↑ "Population by religion, region and area, 2015" (PDF). NSO. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 ธันวาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2017.
- ↑ รู้ไหม? คนไทยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธไม่แท้ แต่เป็นพุทธที่มี ‘ผี’ และ ‘พราหมณ์’ ผสมอยู่, BrandThink, 4 กุมภาพันธ์ 2021, สืบค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2022
- ↑ ผี พราหมณ์ พุทธ : ‘ศาสนาไทย’ ในศาสนา ‘ผี-พราหมณ์-พุทธ’ / คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง, มติชนสุดสัปดาห์, 28 กรกฎาคม 2021, สืบค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2022
- ↑ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-11, สืบค้นเมื่อ 2016-01-22
- ↑ ประชากรจำแนกตามศาสนา หมวดอายุ เพศ และเขตการปกครอง เก็บถาวร 2013-07-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2543, สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ↑ [1], สำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2551, สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ↑ ร้อยละของประชากรอายุ 13 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับการนับถือศาสนาในประเทศไทย (ในหน้า6-8 สารสถิติ ปีที่ 23 ต.ค.-ธ.ค.2555 สำนักงานสถิติแห่งชาติ)[ลิงก์เสีย], สำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2554, สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ↑ [2][ลิงก์เสีย], สำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2557, สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ↑ [3], แผนภูมิ 4.1 ร้อยละของประชากรอายุ 13 ปีขึ้นไป จำแนกตามศาสนา และภาค พ.ศ. 2557, สำนักงานสถิติแห่งชาติ
- ↑ [4][ลิงก์เสีย], สำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2557, สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ↑ [5], แผนภูมิ 4.1 ร้อยละของประชากรอายุ 13 ปีขึ้นไป จำแนกตามศาสนา และภาค พ.ศ. 2557, สำนักงานสถิติแห่งชาติ
- ↑ [6] Section I. Religious Demography, THAILAND, สืบค้น 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
- ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 "International Religious Freedom Report, Thailand". US Department of State. 2549.
- ↑ กฎกระทรวงฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2542) ออกตามความใน พ.ร.บ. บัตรประจำตัวประชาชน
- ↑ ถาม-ตอบเรื่องบัตรประชาชน[ลิงก์เสีย] กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
- ↑ พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 4
- ↑ "ใบสมัครมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ปีการศึกษา 2555" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-07-13. สืบค้นเมื่อ 2012-07-09.
- ↑ [[:s:ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ_ว่าด้วยการสวดมนต์ไหว้พระของนักเรียน_พ.ศ._๒๕๐๓|]] ที่ วิกิซอร์ซ
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หมวด 3 มาตรา 37
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 9
- ↑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หมวด 5 มาตรา 79
- ↑ 23.0 23.1 "CIA World Factbook: Thailand". Central Intelligence Agency. 8 February 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-29. สืบค้นเมื่อ 1 March 2011.
- ↑ Catholic Encyclopedia Article
- ↑ 25.0 25.1 Joseph J. F. Chen. I-kuan Tao. Bloomington, Indiana : Authorhouse, ค.ศ. 2005. 191 หน้า. ISBN 1-4184-9516-6หน้า 84-90